โผล่พบ"พระพยอม" กลัวถูกอุ้มคนขายที่แฉโดนบีบ

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 1 พฤศจิกายน 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    ยันได้ที่ดินอย่างถูกต้องแต่ถูกคุกคามให้คืนสิทธิ์ ลั่นพร้อมพูด-วอนตร.คุ้มพระพยอมปลง-เล่ห์คน!



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ถูกบีบ- นางวันทนา สุขสำเริง อายุ 65 ปี เจ้าของที่ดินที่นำไปขายให้มูลนิธิวัดสวนแก้ว เดินทางไปพบกับพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาส เพื่อชี้แจงสาเหตุถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าถูกบีบ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้วัดสวนแก้วโผล่เข้าพบพระพยอม แฉเรื่องราวทั้งหมด ยันได้ครอบครองปรปักษ์และไปออกโฉนดตามคำสั่งของศาลอย่างถูกต้อง แต่ที่ปล่อยให้ทายาทเจ้าของเดิมฟ้องศาลและได้กลับคืนไปง่ายๆ เพราะถูกนายหน้าและทนายฝ่ายคู่ความเรียกไปตกลง ว่าหากไม่คัดค้านต่อศาล จะยกเงินที่ได้จากการขายที่ให้วัดสวนแก้ว และผู้ซื้ออีกรายให้ทั้งหมด แต่ถ้าคัดค้านจะเจอปัญหาใหญ่ จึงตัดสินใจยอมทำตามที่ทนายบอกเพราะกลัว แฉซ้ำทนายสั่งห้ามมาพบพระพยอมเด็ดขาด แต่ต้องมาเพราะไม่อยากถูกมองว่าหลอกพระ โดยต้องแอบๆ มาไม่ให้ใครรู้เพราะกลัวอันตราย พร้อมขอให้ตร.ช่วยคุ้มครองด้วยผวาถูกอุ้ม ด้านพระพยอมเริ่มปลงกับความเจ้าเล่ห์ของคน เชื่อธรรมย่อมชนะอธรรม พร้อมประสานตร.พาตัวไปอยู่ในเซฟเฮาส์รอขึ้นศาลแฉความจริง ว่าทำไมถึงยอมคืนที่ดินให้ง่าย ทั้งๆที่ขายให้วัดและผู้ซื้อรายอื่นไปแล้ว

    จากกรณีพระราชธรรมนิเทศหรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว และประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซื้อที่ดินทางเข้าวัดจำนวน 1 ไร่ราคา 10 ล้านบาทเมื่อปี 2547 ซึ่งผู้ครอบครองนำมาขายให้ ต่อมาทายาทของเจ้าของเดิมกลับฟ้องศาลให้เป็นโมฆะ ซึ่งจะมีการไต่สวนคดีในวันที่ 8 พ.ย.นี้ จนพระพยอมประกาศปิดวัด 3 ปี หากต้องถูกยึดที่ดินซึ่งซื้อมาอย่างถูกต้อง จากเหตุดังกล่าวปลัดกระทรวงมหาดไทย และปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งอธิบดีกรมที่ดินรุดนมัสการและหาทางช่วยเหลือ ด้านสำนักงานที่ดินบางใหญ่ระบุว่า ที่ดินดังกล่าวผู้ครอบครองได้มาจากการครอบครองปรปักษ์ จึงนำมาออกโฉนดตามคำสั่งศาล แต่เมื่อทายาทของเจ้าของเดิมฟ้องศาลขอที่ดินคืน กลับไม่คัดค้านจนมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการรวมหัวกันหลอกลวงขายที่ดินให้พระพยอม นอกจากนี้ยังมีผู้ซื้ออีกรายซึ่งรับซื้อที่ดินแปลงเดียวกันที่เหลือจำนวน 9 ไร่ ก็ถูกฟ้องยกเลิกสัญญา ทั้งๆที่จ่ายเงินค่ามัดจำไปแล้วถึง 10 ล้านบาท นั้น

    ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 31 ต.ค. นางวันทนา สุขสำเริง อายุ 65 ปี เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้กับพระพยอม เดินทางมาที่วัดสวนแก้ว เพื่อพบกับพระพยอม เพื่อชี้แจงสาเหตุถึงกรณีที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากพระพยอมติดกิจนิมนต์ที่จังหวัดระยอง จึงได้พบกับม.ล.อัมพร ชยางกูร อธิบดีอัยการเขต 1 โดยนางวันทนา กล่าวว่าหลังจากทราบเรื่องปัญหาที่ดินจากสื่อต่างๆ แล้ว ทำให้รู้สึกตกใจและถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนไม่ดี นำที่ดินมาหลอกขายให้กับวัดสวนแก้ว ในวันนี้จึงติดต่อเข้าพบหลวงพ่อเพื่อขอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยได้โทรศัพท์ปรึกษากับทางหลวงพ่อก่อนที่จะเดินทางมาวัด ทั้งนี้หลวงพ่อไม่ได้ติดใจหรือต่อว่าใดๆ แต่หลวงพ่อขอให้ออกมาอธิบายให้ทางสื่อมวลชนและประชาชนทราบข้อเท็จจริงด้วยตนเอง

    นางวันทนา กล่าวว่า ได้รับการขอร้องแกมบังคับจากนายหน้าขายที่ดินที่ชื่อสุชาติ(ไม่ทราบนามสกุล) ว่าขอให้ยินยอมไม่คัดค้านเรื่องที่ศาลสั่งให้การครอบครองปรปักษ์ที่ดินของนางทองอยู่ และตนเป็นฝ่ายครอบครองเป็นโมฆะให้ตกเป็นของทายาทนางทองอยู่ เนื่องจากนายหน้าที่ดินคนดังกล่าวบอกว่าเขาสามารถที่จะตกลงเจรจากับทางฝ่ายทายาทเองได้ เพราะได้ลงทุนซื้อที่ดินและถมที่ลงทุนไปเป็นจำนวนมาก จึงให้ตนรับเงินค่าวางมัดจำซื้อที่ไปจำนวน 10 ล้านบาท เพราะหากตนไม่ยินยอมและร้องคัดค้านแล้ว ก็จะทำให้เรื่องในศาลยืดเยื้อและต้องใช้เวลาสู้คดีอีกไม่ต่ำกว่า 3 ปี กว่าจะจบเรื่อง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตนไม่ร้องคัดค้านต่อศาล ตามที่ฝ่ายทายาทยื่นร้องกับศาลไป

    นางวันทนา กล่าวต่อว่าส่วนเงินที่ได้จากการขายที่ดินให้วัดสวนแก้ว จำนวน 1 ไร่ นั้น เป็นเงิน 10 ล้าน แทบจะไม่ได้ใช้เลย เนื่องจากถูกนายหน้าขายที่ดินหลอกยืมเงินไปจำนวน 3 ล้านบาท จ่ายเป็นค่าทนายความ 2 คนคนละ 1 ล้านบาท รวมเป็น 2 ล้าน จ่ายค่าออกเอกสารสิทธิที่ดินปรปักษ์ให้กับทางสำนักงานที่ดินอำเภอบางใหญ่ไปอีก 1 ล้านบาท และค่าภาษีอีก 900,000 บาท ส่วนที่เหลือลูกๆ ก็ขอไปใช้หนี้สินจนหมด หากศาลตัดสินว่าเป็นฝ่ายต้องคืนเงินค่าที่ดินผืนดังกล่าวให้กับทางวัดจริง ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาคืน

    "การที่ออกมาพูดในวันนี้เพราะต้องการยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เป็นคนมาหลอกขายที่ดินผืนดังกล่าวให้กับทางหลวงพ่อโดยที่รู้ว่าที่ดินยังมีปัญหาอยู่ เพราะดิฉันรู้จักกับหลวงพ่อมาตั้งแต่สมัยที่วัดสวนแก้วแห่งนี้ยังเป็นวัดเล็กๆ ธรรมดาอยู่ และเห็นหลวงพ่อเป็นพระที่ทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด จึงไม่มีทางที่จะทำเรื่องเช่นนี้แน่ และพร้อมที่ให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือกับทางวัดในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ตามที่ศาลได้นัดไต่สวนคดีดังกล่าว" นางวันทนา กล่าว

    เจ้าของที่ดินซึ่งขายให้พระพยอม กล่าวอีกว่า ส่วนที่ดินแปลงดังกล่าวที่ได้สิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์นั้น ก็ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้ใช้ประโยชน์และเสียภาษีที่ดินแปลงดังกล่าวมาโดยตลอดหลายปี จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ที่ดินแนะนำให้ร้องต่อศาลเพื่อขอครอบครองปรปักษ์ ทำเรื่องครอบครองที่ดินผืนดังกล่าว ต่อมาทางศาลจังหวัดนนทบุรีก็ให้ตนได้สิทธิ์ครอบครองตามร้องขอ หลังจากนั้นก็มีคนมาติดต่อว่าทางวัดจะขอซื้อ จึงตกลงขายให้ ต่อมาทางทายาทของนางทองอยู่ ได้ไปตรวจสอบโฉนดที่ดินผืนดังกล่าวและพบว่ากลายเป็นชื่อของตนไปแล้ว และตนได้ตกลงขายกับทางมูลนิธิวัดสวนแก้วไปเสียแล้ว จึงถูกฝ่ายทายาทร้องคัดค้านในที่สุด

    ต่อมาเวลา 17.30 น. พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม เดินทางกลับมาถึงวัดและเรียกนางวันทนาเข้าพบเพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งนางวันทนาได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พระพยอมทราบ โดยระบุว่า สาเหตุจริงๆ ที่ตัดสินใจไม่ร้องคัดค้านหลังถูกฝ่ายทายาทมรดกที่ดินยื่นขอเพิกถอนสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์และให้ตกกลับไปเป็นของทายาทนางทองอยู่นั้น นอกจากนายหน้ามาเจรจาแล้ว ยังมีทนายความของฝ่ายทายาทนางทองอยู่ เจ้าของที่ดินเดิม เรียกไปเจรจายังสำนักงานทนายความ และยื่นข้อเสนอว่าหากไม่คัดค้านทายาทของนางทองอยู่ จะยกเงินมัดจำ 10 ล้านบาท ที่ขายที่ดินจำนวน 9 ไร่ให้ ส่วนเรื่องที่เหลือทนายจะจัดการเองทั้งหมด แต่ถ้าหากไม่ยอมอาจจะมีปัญหาเดือดร้อนไปด้วย ทำให้ตัดสินใจยอมทำตามที่ทนายยื่นข้อเสนอมา ต่อมาทางฝ่ายทนายก็ไปร้องต่อศาล คัดค้านการเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินผืนที่ตกลงขายให้กับทางพระพยอมไปก่อนหน้านี้แล้ว

    นางวันทนา กล่าวอีกว่า ระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะมาพบหลวงพ่อและแถลงข่าวนั้น ทนายความของฝ่ายทายาทมรดกที่ดินได้โทรศัพท์มาสั่งห้ามไม่ให้เดินทางไปวัด โดยให้เก็บตัวอยู่ที่บ้าน ตนจึงได้ปรึกษากับลูกๆ และตัดสินใจเดินทางออกมาพบพระพยอม เพื่อบอกข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากหลังตกเป็นข่าวแล้วกลัวคนจะเข้าใจผิดว่าเป็นคนหลอกลวง นำที่ดินมีปัญหาไปหลอกขายพระ จึงตัดสินแอบมาที่วัดเพื่อรอพบพระพยอมและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระพยอมฟัง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นางวันทนาตัดสินใจเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดแล้ว เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยเนื่องจากกลัวถูกอุ้มเพื่อไม่ให้ออกมาแฉข้อเท็จจริง หรือฟ้องคัดค้านต่อศาล จึงขอร้องให้ทางวัดช่วยประสานจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามคุ้มครอง และหาที่พักอาศัยชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยให้ด้วย ทางวัดจึงติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนางวันทนาและลูกสาว หลบไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว เพื่อเตรียมไปแถลงต่อศาลในวันที่ 8 พ.ย.นี้

    ด้านพระพยอมกล่าวว่า เมื่อได้รับฟังข้อเท็จจริงแล้วอาตมาก็เริ่มปลงกับเรื่องที่เกิดขึ้น วัดจะแพ้หรือชนะคดีหรือไม่นั้น แต่งานของมูลนิธิก็ยังจะดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน หากวัดแพ้อาตมาก็ยังคงจะยืนยันปิดวัดแห่งนี้เป็นเวลา 3 ปี สู้คดีต่อไปแม้ว่าวัดและมูลนิธิจะบอบช้ำจากความเจ้าเล่ห์ของคนก็ตาม แต่อาตมาเชื่อว่าคนทำดีย่อมได้ดี ธรรมจะเป็นฝ่ายชนะอธรรมในที่สุด

    ขณะที่นายวิฑูรย์ ศิริวิโรจน์ ผู้ช่วยเลขานุการมูลนิธิวัดสวนแก้ว กล่าวว่า แม้ตอนนี้หนทางของวัดจะดูยากยิ่งในการต่อสู้เพื่อให้ได้ที่ดินของมูลนิธิกลับมา แต่วัดก็จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของวัด ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเชื่อว่าหากทางนางวันทนาให้การตามที่เล่าให้หลวงพ่อฟังเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และต้องการช่วยเหลือวัดจริงๆ ประเด็นที่นางวันทนาถูกทนายความฝ่ายทายาทที่ดินพาตัวไปเกลี้ยกล่อม ที่สำนักงานจนยอมความไม่ร้องคัดค้านสิทธิ์ครอบครองที่ดินปรปักษ์ของตน ก็จะเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำไปแถลงต่อศาลในวันที่ 8 พ.ย.นี้
    [​IMG]
     
  2. สี่จุด

    สี่จุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +3,658
    ความโลภเท่านั้นที่ทำให้เป็นเรื่องขึ้นมา
    คนขายที่ดินกลัวเขาอุ้มฆ่า แต่ทีฆ่าคนอื่นด้วยความเห็นแก่ตัวทำไมไม่คิด
    การที่เขาไม่ให้สู้คดี แล้วจะยกเงินที่ได้มานั้นให้ ก่อนทำ ไม่คิดหรือว่า
    คนที่มาซื้อที่ไปจะเดือดร้อน ยิ่งเป็นพระเป็นเจ้าด้วย
    ขอเป็นกำลังใจให้พระพยอมชนะคดีนี้ด้วย คนผิดย่อมต้องชดใช้เสมอ
     
  3. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    รายการนี้คนขายให้วัด ตกนรกหมกไหม้แน่ๆ........อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ไม่รู้ว่าทำไปได้งัย ทั้งๆที่รู้ หลอกขายที่ดินให้วัด

    "เวรกรรมจริง....จิ๊งๆๆๆๆๆๆ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...