โพธิราชกุมาร(กรรมที่ทำให้ไม่มีลูก) - หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย danetkung, 25 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. danetkung

    danetkung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,063
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +15,273
    โพธิราชกุมาร

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับคืนนี้ก็มาปรารภกันถึงเรื่องกรรมประเภทหนึ่งที่ทำให้คนไม่มีลูก เพราะว่าคนหลายคนที่บอกว่าแต่งงานมาตั้งสิบปีบ้าง ยี่สิบปีบ้าง หาลูกไม่ได้ แล้วก็มีส่วนมากมาขอร้อง ขอให้มีลูก อันนี้อาตมาก็จนใจ เพราะว่าท่านขอผิดที่ เพราะการขอให้มีลูกต้องไปขอกีบคนที่เคยมีลูกมากๆ อาตมาชาตินีเกิดมาไม่มีลูกกับแม่เลย ไม่เคยมีแม่ให้มีลูก ก็เลยไม่ทราบว่าคนที่มีลูก เขามีปฎิปทมาแบบไหนจึงมีลูก ไม่สามารถจใหใครได้ ฉะนั้นขอญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่ท่านเคยมาขอลูกแล้วก็ผิดหวัง หรือว่าท่านที่ไม่มีลูกกำลังจะมาขอให้มีลูกก็โปรดทราบ อาตมาเป็นคนไร้สมรรภภาพทางด้านมีลูก แม้แต่แม่ของลูกก็ยังหาไม่ได้ ก็เลยไม่รู้ลูกเขาทำกันยังไง

    [​IMG]

    เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของ โพธิราชกุมาร เนื้อคามมีอยู่ว่าในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ใน เภสกฬาวัน กฬา แปลว่า ยังไงก็ไม่ทราบ ไอ้วัน นี่แปลว่า ป่า หมายความถึงอยู่ในป่า ทรงปรารภ โพธิราชกุมาร ให้เป็นเหตุ สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ จึงตรัสเรื่องนี้ เนื้อความตอนต้นก็มีอยู่ว่า ท่านโพธิราชกุมาร ความจริงขอให้ทราบไว้ด้วยว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท และเพื่อนภิกษุสามเณรที่กำลังรับฟัง โพธิราชกุมาร นี่เป็นคนใจร้ายในชาติก่อน และนิสัยใจร้ายของท่านก็ติดมาในชาตินี้ มันเป็นอย่างนี้

    เมื่อท่านมาเป็นลูกกษัตริย์ ก็หวังจะสร้างปราสาทอยู่เองให้มันสวยสดงดงามตามความพอใจ จึงได้หาช่างมาออกแบบปราสาท เมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็ไปหาช่างมาทำการก่อสร้าง ช่างคนนี้ก็สร้างเก่งมาก สร้างแล้วดูเหมือนว่าปราสาทหลังนี้จะลอยอยู่ในอากาศไม่ติดอยู่กับพื้นดิน ท่านโพธิราชกุมาร ก็มีความรู้สึกอยากจะสร้าง ว่าถ้าปราสาทหลังนี้มันเป็นหลังเดียวในโลก จะเป็นของอัศจรรย์มาก ก็ไม่แน่ใจว่านายช่างคนนี้จะสร้างปราสาทแบบนี้มากี่หลังแล้ว จึงไปเรียกนายช่างมา แล้วก็ถามว่า ช่าง ปราสาทประเภทนี้เธอทำมากี่หลังแล้ว หรือว่าทำหลังนี้เป็นหลังแรกในชีวิตของเธอ นายช่างก็บอกว่าปราสาทประเภทที่ทำให้เห็นว่าลอยในอากาศ ทำเป็นหลังแรกในชีวิต หลังนี้เป็นหลังแรก

    ท่านโพธิราชกุมาร ก็ชมแล้วก็ให้กำลังใจ และก็ให้รางวัลเป็นกรณีพิเศษ แล้วก็บอกว่า ถ้าปราสาทหลังนี้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ก็บอกด้วยนะ ความจริงไม่ใช่คิดอยากจะอยู่เลย แต่อยากจะฆ่านายช่าง มีความรู้สึกว่าถ้าช่างคนนี้ยังมีชีวิตอยู่เธออาจจะไปสร้างให้คนอื่นหลายๆ หลัง ฉะนั้นบ้านของเราก็เป็นบ้านที่มีความไม่อัศจรรย์ ถ้าบังเอิญมีบ้านหลังเดียวที่เราอยู่ ชาวโลกเห็นว่าปราสาทหรือบ้านของเรานี่เป็นสิ่งอัศจรรย์มาก นี่แค่จะเอาดีเอาเด่นของตัวก็คิดฆ่าเขา จึงมาคิดในใจว่า หนึ่ง เราฆ่าช่างนี้ได้ก็ดี รายการที่สอง ตัดมือตัดเท้าของเธอเสียก็ดี เธอทำไม่ได้ รายการที่สาม ควักลูกตาเสียได้ก็ยังดี รวมความว่าฆ่า ไม่ตาย ก็จะตัดแขนตัดขาหรือควักลูกตา ถ้าควักลูกตาแล้ว ตาไม่เห็น ช่างก็ทำงานไม่ได้



    แต่ความลับมันไม่มีในโลก บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านโพธิราชกุมารนี้ มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเป็นลูกเจ้าเหมือนกัน รักใคร่ชอบพอกันมาก เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงปรารภเรื่องนี้แก่ราชกุมารองค์นั้น ราชกุมารองค์นั้นฟังแล้วก็ตกใจ คือว่า โพธิราช ไม่น่าจะเลวทรามขนาดนี้ ของดีมันไม่มีที่สุดในโลก โลกนี้หาที่สุดไม่ได้ ช่างคนนี้ว่าดีอาจจะมีช่างคนอื่นดีไปกว่านี้ก็ได้ วันหนึ่งเห็นปลอดคนจึงเรียกช่างมากระซิบถามว่า เวลานี้เธอทำปราสาทหลังนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ช่างก็กราบทูลว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วพระเจ้าข้า ท่านราชกุมารองค์นั้นก็บอกว่า ทีหลังจำไว้นะ ถ้าโพธิราชกุมารมาถามว่าปราสาทหลังนี้เสร็จแล้วหรือยัง เธอบอกว่ายังไม่เสร็จนะ เพราะว่าถ้าบอกว่าเสร็จแล้วเมื่อไหร่เธอจะตาย จึงบอกความเป็นมาที่ โพธิราชกุมาร ปรารภให้พระองค์ทราบ

    [​IMG]

    นายช่างเมื่อทราบแล้ว ก็ระงับเป็นความลับ หลังจากนั้นมาเมื่อ โพธิราชกุมารมาถาม ก็กราบเรียนให้ทราบว่ายังไม่เสร็จพระเจ้าข้า ส่วนใหญ่น่ะเสร็จแล้ว แต่ส่วนที่มีความสำคัญมากจริง ๆ ยังไม่เสร็จ ถ้าส่วนนี้เสร็จ ปราสาทนี้จะเห็นเป็นมหัศจรรย์มาก ที่เห็นลอยอยู่ในอากาศนี่เป็นของธรรมดา ๆ แต่สิ่งมหัศจรรย์ เป็นนิมิตอัศจรรย์จะมียิ่งไปกว่านั้น แต่สิ่งนั้นจะเป็นยังไง ข้าพระพุทธเจ้าจะยังไม่กราบทูลก่อน เมื่อเสร็จแล้วพระองค์จะทรงทราบเองว่าเป็นของมหัศจรรย์ที่สุด เพราะว่าสิ่งที่จะทำต่อไปนี้ต้องใช้ไม้ที่ความเบามากและก็ไม่มีแก่น เป็นไม้ที่แห้งสนิท ขอพระองค์ได้โปรดสั่งให้คนหามาให้ด้วยพระเจ้าข้า เป็นอันว่า ท่านโพธิราช ก็หลงกล สั่งให้คนหาไม้ที่แห้งสนิทมา เป็นไม้ที่ไม่มีแก่น มีความเบาสูง มามอบให้แก่นายช่าง นายช่างก็กราบทูลว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าข้าพระพุทธเจ้าจะกราบทูลให้ทราบว่าปราสาทหลังนี้เสร็จ ขอพระองค์จงอย่าให้ใครเข้ามาในที่นี่ ถึงแม้แต่พระองค์เองก็เช่นเดียวกัน จงอย่ามาในที่นี้เพราะว่าข้าพระพุทธเจ้าจะต้องทำในห้องเงียบ ๆ เพราะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ละเอียดละออมาก ถ้ามีคนเดินผ่านไปผ่านมาปราสาทจะไหวตัว ความคิดจะลางเลือน ผลจะไม่เป็นไปตามนั้น เพราะหลังนี้ตั้งใจใหสร้างเป็นของมหัศจรรย์จริงๆ คนที่จะเข้าออกได้ขอเป็นภรรยาข้าพระพุทธเจ้าคนเดียว เป็นคนส่งอาหาร ท่านโพธิราชกุมาร หลงกลก็ปฎิบัติตามนั้น

    นายช่างก็เข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งเป็นห้องลับ ทำนกพยนต์ หมายความว่า ทำเป็นรูปนกขึ้นมา บรรจุคนนั่งได้ประมาณสัก 10 คน พร้อมกับสัมภาระพอควร เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สั่งภรรยาว่า วันนี้กลับไปแล้ว ของอะไรที่มีอยู่พอจะขายได้ให้ขายให้หมด นำเงินติดตัวไว้แล้วก็วันพรุ่งนี้นำทรัพย์สมบติคือเงินทองที่พอติดตัวไปที่มีอยู่มาด้วย เอาลูกของเรามาด้วย มาเงียบ ๆ ไม่ต้องบอกใคร และการขายบ้านขายช่องก็ไม่ต้องบอกใครว่าเรื่องอะไร เมื่อนางทำแบบนั้นแล้ว ในตอนเช้ากินข้าวเสร็จ ก็เอาลูกกับภรรยาเข้าไปนั่งในท้องนก นกพยนต์ ทรัพย์สมบัติพอควรใส่ในนั้นไปได้ ก็เข้านกพยนต์ ขึ้นขี่นกพยนต์ขับออกทางหน้าต่างบินไปป่าหิมพานต์ ในที่สุดนายช่างคนนั้นก็ไปเป็นพระราชาในเมืองนั้น ซึ่งเวลานั้นคนมันน้อย คนที่มีปัญญามากก็มักจะได้เป็นผู้ปกครองประเทศ ประเทศเล็ก ๆ เป็นอันว่า เจ้าหน้าที่เห็นนายช่างหนีไป เรื่องนี้ก็หมดกันไป โพธิราชกุมาร ก็ฆ่าเขาไม่ได้


    มาในตอนหนึ่ง ท่านโพธิราชกุมาร ดำริในใจว่า เราแต่งงานมาหลายปีกับภรรยาคนนี้ อาจจะมีภรรยาหลายคนก็ได้ แต่ก็ไม่เคยมีลูกกับเขา ต้องการจะหาลูกสืบตระกูล จึงให้คนมาอาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาจากป่ามหาวัน นั้น และสั่งให้คนปูผ้าขาวจากประตูวังที่ประทับถึงกำแพงวังทางเข้ากำแพง ตั้งแต่หน้าประตูเข้าไปจรดบ้านก็แล้วกัน เวลาที่ให้คนใช้ปูผ้าขาวนึกในใจว่า ถ้าเราจะมีลูกหญิง หรือว่าลูกชายขอองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเดินบนผ้าขาวกับพระสงฆ์ ถ้าเราจะไม่ได้ลูกขอพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์จงอย่าเดินบนผ้าขาว เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านำพระสงฆ์มาถึงประตูกำแพงวัง ก็ทรงหยุดยืนไม่ก้าวต่อไป ท่านโพธิราชกุมาร ก็อาราธนาองค์สมเด็จพระจอมไตร ขอให้เดินบนผ้าขาว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่เดิน มองดูพระอานนท์

    พระอานนท์เป็นพระที่ฉลาดมาก ถ้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามองหน้าก็เข้าใจ จึงได้ตรัสกับโพธิราชกุมาร ว่าขอให้รื้อผ้าขาวออก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่เดินบนผ้าขาว ท่านโพธิราชกุมาร ก็สั่งให้คนรื้อผ้าขาวออกแล้ว อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสด็จไปสู่พระราชฐาน เมื่อไปถึงนมัสการแล้วก็ถวาย อังคาส คืออาหารแก่องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว และบรรดาพระสงฆ์สาวกทั้งหมด

    ตอนที่พระพุทธเจ้าจะโมทนา ท่านโพธิราชกุมาร เข้าไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าคารวะพระองค์ 3 วาระ วาระแรก ขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา ก็ถวายบังคมไหว้พระพุทธเจ้าครั้งหนึ่ง อันนี้สงสัยเหมือนกันเวลาที่ท่านไหว้พระพุทธเจ้าในท้องน่ะใครจะมองเห็น แต่เข้าใจว่า โพธิราชกุมาร อาจจะระลึกชาติได้สักหนึ่งชาติ จึงกราบทูลองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถว่า ครั้งที่หนึ่งไหว้พระองค์มาตั้งแต่อยู่ในท้อง และครั้งที่สองเมื่อคราวเป็นรุ่นหนุ่มก็ถวายนมัสการอีกครั้งหนึ่ง และก็ถวายนมัสการเวลานี้อีกครั้งหนึ่ง อยากจะทราบว่าเพราะเหตุใด องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงไม่ทรงพระพุทธดำเนินบนผ้าขาวที่ข้าพระพุทธเจ้าปูรับ

    สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า โพธิราชกุมาร ตถาคตอยากจะทราบว่าก่อนที่พระองค์จะปูผ้าขาวให้ตถาคตเดิน ขณะที่สั่งให้คนปูน่ะ คิดอะไร โพธิราชกุมาร ก็ตรัสตามความเป็นจริงว่า ข้าพระพุทธเจ้าคิดอย่างนี้ ด้วยว่าข้าพระพุทธเจ้าไม่มีบุตร แต่งงานมาหลายปีแล้ว หาลูกกับเขาไม่ได้เกรงว่าจะไม่มีลูกสืบตระกุล จึงตัดสินใจตั้งใจอธิษฐานว่า ข้าจะได้ลูกหญิงก็ดี ลูกชายก็ดี ขอให้สมเด็จพระชินศรีทรงเสด็จพระพุทธดำเนินบนผ้าขาว ถ้าหากว่าจะไม่ได้ลูกขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงไม่เดินบนผ้าขาว

    พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ราชกุมาร เพราะเหตุนั้น ตถาคตจึงไม่เดินบนผ้าขาว และก็เลยถามว่าเป็นเพราะอะไรพระเจ้าข้า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัส ว่าพระราชกุมาร การที่พระองค์จะไม่มีลูกคราวนี้ก็เพราะว่าพระองค์เป็นคนใจร้าย ทำลายความดีของสัตว์ในสมัยก่อน เขาจึงกราบทูลขอองคสมเด็จพระชินวรตรัส องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ตรัสว่า ในสมัยก่อนจากชาตินี้ ก็เรียกว่าไม่ได้บอกชาติว่าชาติไหน มีคณะบุคคลคณะหนึ่งไปค้าสำเภา หรือลงสำเภาไปในมหาสมุทร ถ้าจะบอกว่าไปค้า คนนับร้อย คนเป็นร้อย ๆ นี่ อาจจะไม่ใช่ค้าแล้ว อาจจะไปเที่ยวสำเภากัน เวลานั้นปรากฎว่ามีลมหัวด้วน คำว่าลมหัวด้วนนี่เป็นลมที่มีความแรงมาก เกิดขึ้นในมหาสมุทร เรือต้านกำลังลมไหม่ไหว คลื่นแรงจัด เรือก็ล่ม สำเภาก็แตก คนทั้งหลายต่างก็ว่ายน้ำหนีความตาย แต่อย่าลืมว่ามหาสมุทรมันไม่เล็ก หนีไปเท่าไหร่ก็ตายเท่านั้น ถ้าไม่พบเกาะ ไม่พบแก่ง ไม่พบชูชีพเป็นที่อาศัย สามีภรรยาสองคน สามีคนหนึ่ง ภรรยาคนหนึ่งที่ไปในเรือนั้น ได้ไม้กระดานที่หลุดออกมาจากเรือหนึ่งแผ่น ต่างคนก็ต่างเกาะปล่อยตัวให้ลอยตามกระแสคลื่นไป ในที่สุดคลื่นก็ซัดคนสองคนเข้าไปใกล้เกาะแห่งหนึ่ง คนสองคนนึ้นขึ้นอาศัยอยู่บนเกาะ

    [​IMG]

    ตามธรรมดา คน บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน คนก็ดี สัตว์ก็ดี จะมีชีวิตอยู่ได้เพราะอาหาร ฉะนั้นสองคนนั้นมีความหิวเกิดขึ้น หม้อไหก็ไม่มี ไม้ขีดก็ไม่มี ไม่รู้จะกินอะไรดี ก็เลยมองไปมองมา เห็นนกมันมีมากในเกาะนั้น เพราะไม่มีคนไปถึง นกก็เลยไม่ค่อยจะกลัวคน คนเดินเข้าใกล้นกก็ทำเฉย ๆ เพราะไม่มีอันตรายจากคนเลยไม่รู้จักพระยามัจจุราช เธอทั้งสองก็เอาไข่นกมากินก่อน เพื่อประทังความหิว กินไปกินมาหลายวันเข้า ไข่นกก็หมด ต่อมาเมื่อไข่นกหมด ความหิวมันก็ยังไม่หมด วันต่อมาหิวไม่รู้จะทำยังไง ก็จับลูกนกเล็ก ๆ มากินอีก เมื่อกินลูกนกหมด มันก็ยังไม่หมดความหิว ชีวิตยังมีอยู่ ก็กินพ่อนกแม่นก


    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า โพธิราชกุมาร เพราะเธอไม่เว้นกรรมชั่วทั้งสามวัย วัยต้นคือไข่ วัยกลางคือลูกนก วัยสุดท้ายคือพ่อนกและแม่นก ฉะนั้นเธอจึงจะไม่มีโอกาสจะมีลูกในวัยหนุ่มก็ดี ในวัยกลางคนก็ดี ในวัยแก่ก็ดี หาลูกไม่ได้แน่ชาตินี้ และชาตินี้ทั้งชาติเธอจะไม่มีลูก

    พูดมาถึงตอนนี้ก็คิดถึงบรรดาท่านพุทธบริษัท เวลานี้โภชนากร หรือว่าพวกที่แนะนำเรื่องการกิน โภชนะ นี่แปลว่ากิน นี่เป็นภาษาแขก ภาษาแขกนี่อาตมาไม่ค่อยอยากจะพูด เพราะเป็นคนไทย เราพูดกันภาษาไทยดีกว่า พวกโภชนาการ การกิน แม้จะแนะนำอาหารอย่างนั้นดี เนื้อสัตว์ประเภทนี้ดี ผักอย่างนั้นดี ไข่ดี ล่อกันจิปาถะ ตอนนี้แนะนำไข่กันมาก ไข่ถูกกว่าอาหารอย่างอื่น ก็เลยสงสัยว่าคนกินไข่สมัยนี้เกิดไปชาติหน้าสมัยที่เป็นหนุ่มเป็นสาวคงไม่มีลูก

    โพธิราชกุมาร พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเธอเว้นไม่กินไข่ เธอก็จะมีลูกเมื่อยังเป็นหนุ่มเป็นสาวปฐมวัย แต่ว่าเธอกินไข่ เธอเว้นไม่กินลูกนก เธอก็จะมีลูกเมื่อวัยกลางคน ถ้าเธอกินทั้งไข่กินทั้งลูกนก ไม่กินพ่อนกแม่นก เธอจะมีลูกเมื่อวัยแก่ แต่ว่านี่เธอกินหมดทั้งสามวัย เป็นอันว่าชาตินี้ทั้งชาติเธอจะหาลูกไม่ได้

    นี่ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายที่หาลูกไม่พบ ทำยังไง ๆ ก็ควานหาลูกไม่ได้ โปรดทราบว่า กรรมของท่านกับกรรมของโพธิราชกุมาร อาจมีสภาพคล้ายคลึงกัน แต่เวลานี้คนกินไข่มาก ต่อไปคนหนุ่มสาวไม่มีลูก สบายมาก ถ้ายังไม่ถึงวัยกลางคนไม่ต้องห่วงว่าจะมีลูก ไม่ต้องใช้ยาคุมกำเนิด ไม่ต้องใช้ถุง ไม่ต้องผูก ไม่มีลูกแน่ ถ้าใครกินลูกนก ลูกไก่ ลูกเป็ดบ้าง ก็พึงทราบว่าวัยกลางคนไม่มีลูก ใครกินพ่อนก แม่นก พ่อเป็ด พ่อไก่ แม่เป็ด แม่ไก่บ้าง เกิดไปชาติหน้าตอนวัยแก่ก็จะไม่มีลูก สบายมาก ปุตตัง คีเว พระพุทธเจ้าตรัสว่าห่วงลูกผูกคอ พอเราไม่มีลูกเราก็มีความสุข ไม่ต้องหนักใจ การมีลูกดีหรือไม่ดี ก็ต้องต่อว่าสุดแล้วแต่กฎของกรรม ถ้าลูกมาจากเทวดาหรือลูกมาจากพรหม และพ่อกับแม่มาจากเทวดาหรือมาจากพรหมก็พูดกันรู้เรื่อง เป็นอันว่าจะมีลูก ถึงแม้ว่าจะมีทุกข์จากการเลี้ยงดู ให้การศึกษา ให้การแนะนำ จับจ่ายใช้สินมากขึ้น ก็จะมีความสุขเพราะลูกดี แต่ทั้งนี้ก็ต้องพ่อดีแม่ดี เพราะว่าพ่อกับแม่มาจากเทวดาหรือพรหม ถ้าลูกมาจากอบายภูมิก็ต้องน้ำตาตกตลอดชาติ เอาดีไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ เพราะพวกสัตว์นรก เป็นคนไม่มีเหตุไม่มีผล เขาไม่มีความดีพอที่จะทรงความดีเอาไว้ได้ สิ่งใดที่คนดีเข้าใจว่าดี สิ่งนั้นพวกนี้จะเห็นว่าไม่ดี แต่สิ่งใดที่ชาวโลกเห็นว่าเลว เป็นการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน พวกนี้จะมีความเข้าใจดี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน การมีลูก จะดีหรือไม่ดี ก็อยู่ที่กฎของกรรม แล้วคนเราจะมีลูกหรือไม่มีลูก จึงสงสัยกันมากว่าทำไมจึงไม่มีลูก ความจริงคู่ตัวผัวเมีย และคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติที่จะสร้างลูกให้เกิดสมรรภภาพก็ดี อาจจะดีกว่าคนที่มีลูกมากเสียอีก แต่ก็ไม่สามารถจะสร้างลูกให้มันเกิดขึ้นมาได้ ท่านจึงมีความแปลกใจว่าทำไมจึงไม่มีลูก โปรดทราบตามเรื่องนี้ มองดูเวลาก็ใกล้จะจบตอนนิทานกันไป

    [​IMG]

    ท่านทั้งหลายคงจะจำได้ว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรผู้ก่อพระพุทธศาสนา เวลานี้ร่างกายของพระองค์ก็พัง และพระองค์เองก็ไปพระนิพพาน การไปพระนิพพานก็ไม่ได้เอาร่างกายไปด้วย เอาความดีเกาะ อทิสสมานกาย ไป ท่านโพธิราชกุมาร ก็ดี พระสงฆ์ทั้งหลายเวลานั้นก็ดี เวลานี้ไม่เหลือ และท่านผู้ฟัง ท่านคิดว่าร่างกายของท่านจะอยู่ตลอดกาล ตลอดสมัยไหม ถ้าคิดอย่างนั้น พลาดท่ามาก จงคิดว่ายังไง ๆ เราก็ต้องตาย ความตายอาจจะมาถึงเราในวันนี้ คิดไว้เสมอ ตายคราวนี้ เราไม่ยอมไปอบายภูมิ เราจะเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงของความเคารพ และจะทรงศีลให้บริสุทธิ์ฆราวาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างต่ำก็ศีล 5 สามเณรศีล 10 พระศีล 227 ฆราวาสศีล 8 ได้ก็ดี แค่ศีล 5 ก็พอ และกำลังใจคิดว่า ถ้าตายเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี ดินแดนเต็มไปด้วยความทุกข์ เราไม่ต้องการสามแดนนี้ จุดที่เราต้องการจุดเดียวคือ นิพพาน กำลังใจของทุกท่านทรงอย่างนี้ละก็จะตัดบาป อกุศลเก่า ๆ ทั้งหมด ส่วนเหลือ เหลือแต่บุญกุศล จะนำตนไปสู่สุคติ อย่างต่ำสวรรค์ อย่างกลางพรหมโลก จิตสะอาดที่สุดไปนิพพานกันแน่จากนี้

    เมื่อเวลาบอกหมดแล้วก็ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ผู้รับฟังจงหลับสนิทฝันดีด้วยกันทุกคน สวัสดี. ๚ะ



    กราบขอบพระคุณที่มา : http://www.watonweb.com/book/prasutr/content.html#
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2013
  2. ต้นไทร

    ต้นไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +666
    กำลังใจคิดว่า ถ้าตายเมื่อไหร่ ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี ดินแดนเต็มไปด้วยความทุกข์ เราไม่ต้องการสามแดนนี้ จุดที่เราต้องการจุดเดียวคือ นิพพาน กำลังใจของทุกท่านทรงอย่างนี้ละก็จะตัดบาป อกุศลเก่า ๆ ทั้งหมด ส่วนเหลือ เหลือแต่บุญกุศล จะนำตนไปสู่สุคติ อย่างต่ำสวรรค์ อย่างกลางพรหมโลก จิตสะอาดที่สุดไปนิพพานกันแน่จากนี้

    โมทนา ครับ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...