โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคที่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย alfed, 17 ธันวาคม 2018.

  1. alfed

    alfed สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    15
    ค่าพลัง:
    +135
    โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคที่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
    #โรคนิ่วในถุงน้ำดี #โรคที่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย #Gallstones
    #Cholesterolstone #Pigmentstone
    47575155_282315909023810_2810531855818817536_n.jpg?_nc_cat=109&_nc_ht=scontent.fbkk10-1.jpg
    นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) คือก้อนแข็งที่เกิดจากการตกผลึก ของสารก่อนิ่วในถุงน้ำดี
    .
    นิ่วในถุงน้ำดีแบ่งเป็น 2 ชนิดหลักคือ
    - ชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol stone) มีลักษณะแข็ง สีออกเหลืองหรือเขียว นิ่วที่เกิดจากคอเลสเตอรอล มีส่วนประกอบเป็นคอเลสเตอรอล ตรวจไม่พบจากเอกซเรย์ แต่จะตรวจพบจากการตรวจอัลตราซาวด์
    - ชนิดที่เกิดจากสารให้สี (Pigment stone) เกิดจากสารให้สีนี้ มีส่วนประกอบเป็นสารให้สีในน้ำดี( บิลิรูบิน Bilirubin) มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆ แข็งน้อยกว่าชนิดแรก สีดำคล้ำ เป็นชนิดที่จะตรวจพบจากเอกซเรย์ เนื่องจากมีส่วนประกอบของแคลเซียม
    - นิ่วที่มีส่วนผสมของสารหลายชนิดร่วมกัน (Mixed gallstone)
    .
    ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
    - ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
    - ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง
    - ผู้หญิงที่มีบุตรแล้ว (มีบุตรหลายคน)
    - ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
    (ระดับของไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยในผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้)
    - ผู้ป่วยที่เป็นธาลัสซีเมีย
    - ผู้ป่วยที่เป็นโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก
    - พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 1-2 เท่า
    - หากคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีทำให้เสี่ยงเป็นโรคนี้มากขึ้น
    - พบในผู้หญิงที่ใช้ยาฮอร์โมนในการคุมกำเนิด หรือกินฮอร์โมนเพศหญิงจากภาวะหมดประจำเดือน
    - การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากขึ้น ถุงน้ำดีจะบีบตัวลดน้อยลง น้ำดีจึงค้างอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น โอกาสเกิดการตกตะกอนก็มากขึ้น
    .
    อาการของนิ่วในถุงน้ำดี
    - จะไม่พบอาการผิดปกติแสดงให้เห็น (มักจะตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจเช็คร่างกาย)
    - อาจมี คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายอาการ ของอาหารไม่ย่อย ซึ่งมักเป็นหลังกินอาหารมันๆ
    - ท้องอืด ท้องเฟ้อ บริเวณเหนือสะดือ
    - เมื่อมีการอักเสบติดเชื้อของถุงน้ำดีร่วมด้วย จะมีไข้ ซึ่งอาจเป็นไข้สูงหรือไข้ต่ำ
    - อาจมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง (โรคดีซ่าน) จากสารบิลิรูบินคั่งในถุงน้ำดีต่อเนื่องถึงในตับและในเลือดเพราะถุงน้ำดีไม่บีบตัว ปัสสาวะจึงมีสีเหลืองเข็ม และลำไส้ขาดน้ำดี อุจจาระจึงสีซีดลง
    - ในรายที่ก้อนนิ่วเคลื่อนไปอุดในท่อส่งน้ำดี จะมีอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพักๆ ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือ ใต้ชายโครงขวา (ตำแหน่งที่อยู่ของถุงน้ำดี) ซึ่งอาจปวดร้าวมาที่ไหล่ขวาหรือบริเวณหลังตรงใต้สะบักขวา มักปวดนานเป็นชั่วโมงๆ
    .
    แนวทางการรักษานิ่วในถุงน้ำดี
    - การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy)
    - การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดช่องท้อง (Open Cholecystectomy)
    (ถ้ามีอาการหรือโรคแทรกซ้อนจากถุงน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาผ่าตัดออก)
    .
    การตัดถุงน้ำดีมีผลอะไรหรือไม่
    - น้ำดีถูกสร้างจากตับ มาเก็บไว้ในถุงน้ำดี เวลากินอาหารพวกมันๆ น้ำดีก็ถูกขับออกมาเพื่อช่วยย่อยไขมัน ดังนั้นถ้าเอาถุงน้ำดีออกไปแล้ว ก็จะกินอาหารพวกมันๆได้น้อยลง ผู้ป่วยถ้ากินอาหารมันๆมากเกินอาจมีท้องอืด หรือถ่ายอุจจาระมีมันลอยได้
    ---------------------------------------------------------------------------------
    Credit: Healthy Me
    https://www.facebook.com/Good.Healthy.Me/
     

แชร์หน้านี้

Loading...