โลกคู่ขนาน

ขอแฝงกับกระทู้ผมในพันทิปด้วยนะ
https://pantip.com/topic/33925134/comment2
https://pantip.com/topic/36713563
...
ขอเกริ่นเรื่องก่อน ก่อนจะเข้าเรื่องหลักอยากขอให้ทำความเข้าใจกับ 2 กระทู้บนก่อน
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า โลกคู่ขนานนั้น ไม่ใช่ปัจจุบันหรือ ณ เวลาปัจจุบันกับที่เราอยู่ นั่นเท่ากับว่าไม่ใช่คลื่นความถี่เดียวกัน แต่หากเป็นการทบเวลา
ระหว่างปัจจุบันกับ อดีต/อนาคต เป็นการพบกันโดยให้ยึดจุดที่ตัวเองเป็นปัจจุบัน และหากพบเจอกัน ด้วยความหนาแน่นของช่วงความถี่ทำให้เป็นการบิดเบือนของภาพ แบบการหักเหของแสงที่จะไม่เห็นหลอดในน้ำตรงกับตัวหลอด
และหากมีการแปลงสภาพร่างกาย เช่นใช้การเหวี่ยงหนีศูนย์ หรือเกี่ยวกับการการเดินทางต่างเวลา ซึ่งร่างกาย ณ จุดปัจจุบัน จะกลายเป็นลักษณะที่ละเอียดอ่อนอย่างโฟตอน แต่ยังคงเห็นตัวเองและอยู่อย่างปกติ เพราะอยู่บนการเร่งความเร็ว แบบการ นั่ง/เดิน ในรถที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ หากเป็นการข้ามเวลา และไปพบเจอตนเองใน อดีต/อนาคต หรือ จาก อนาคตมาปัจจุบัน (ซึ่ง ณ ปัจจุบันไม่เห็นร่างแต่จะสัมผัส/เห็นเป็นลักษณะตัวใสๆ) ซึ่งนั่นคือการพบเจอกันของโลกคู่ขนาน และหากเป็นคนเดียวกันสัมผัสกัน ถ้าปัจจุบันเป็นอนาคต ก็คือเจอตัวเองในอดีต เมื่อสัมผัสตัวกัน ผู้จากอนาคตจะวูบเข้าไปในอดีต และดำเนินเรื่องราวต่อไปโดยมักมีลักษณะเป็นตัวตนสองบุคลิก(อาการไบโพลา) และสามารถที่หักห้ามจิตใจและหรือบังคับจิตใจร่างตัวเองในทุกเรื่องได้อย่างเป็นตัวเองอย่างปกติ และเนื่องจากสามารถเลือกใหม่ได้ จนไปถึงจุดที่ย้อนเวลา ภาพจำลองเหตุการณ์หาดูได้โดยประมาณจาก ภาพยนตร์เรื่อง Butterfly Effect
ส่วนหากมีการเปลี่ยนอีเว้นท์ใหม่ นั่นคือจักรวาล(โลกทัศน์/มิติ/ย่านความถี่) อื่นๆ เท่ากับว่าได้กระทำการข้ามโลกทัศน์ และการเปลี่ยนแปลงอดีต ก็ไม่ต่างจากการชำกิ่ง ที่โตเป็นต้นใหม่ซึ่งลำต้นคือกิ่งที่ตัดมาจากต้นเก่า และหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆในอดีต แล้วกลับไปยังจุดที่จากมา ณ เวลาเดิมนั้นๆ โลกทัศน์ เรื่องราวต่างๆก็จะเปลี่ยน โดยมีการแยกส่วนจิตสำนึกอยู่ในร่างที่ถูกวางไว้และการตัดสินใจต่อหลังจากจิตสำนึกไปยังอนาคต จะมีการเทียบทางเดินตามการตัดสินใจจากบันทึกความทรงจำของจิตสำนึก(อาจดูเหมือนวิญญาณ แต่จริงๆคือการแทรกคลื่นความถี่ของตัวเอง)
ส่วนช่วงเวลาอีเว้นท์นั้น จะอิงตามวงโคจรของพื้นที่นั้นๆ โดยเทียบเงาการโคจร และเมื่อเร่งความเร็วจุดยืนจนใกล้ความเร็วแสง รอบๆตัวจะเห็นสิ่งที่เร่งความเร็วนั้นหายไปแบบการวาร์ป แต่ที่เร่งจะเห็น/สัมผัสตามย่านความถี่ระนาบเดียวกัน
มันเป็นเรื่องปกติ และสามารถใช้สมองสั่งการการสั่นสะเทือนของ ควาร์ก ที่ทับซ้อนอยู่กับปัจจุบัน ซึ่งการจะทำให้สมองทำงานในระดับเกินปกติ
สามารถทำได้โดยการเร่งการทำงานจากสารกระตุ้น(ควรเลือกที่ใช้ได้ปลอดภัย อย่างนิโครติน/กาเฟอีนสกัด) รวมถึงการอดนอน และกระตุ้นให้สมองไม่หลับตามที่สมควรก็จะทำให้เกิดโอเวอร์ฮีต และเร่งอัตราการใช้งานซึ่งต้องการพลังงานเป็นอย่างมากแต่ก็เพิ่มอัตราการใช้งาน ซึ่งควรควบคู่กับการดูแลบำรุงรักษาให้ดี (อาหารเสริม, วิตบี, มันปลา/การฝึกบริหาร ฝึกการคิดคำนวณ ฝึกสมาธิ)
การเคลื่อนตัวโดยใช้สมอง จะยึดหลักการจดจำ (เหตุการณ์,ช่วงเวลา) อาจต้องมีเครื่องมือช่วยการจำ(การบันทึก) และเมื่อมีการเคลื่อนตัว จะเป็นการเปลี่ยนแปลงจุด ณ ปัจจุบัน ส่วนร่างที่ปัจจุบันจากไป ก็จะมีที่2 หรือตัวแทนอยู่ต่อ เรียงตามลำดับความสำคัญ หรือกำหนดไว้ เช่นที่บรรจุในตัวจากไข่ (อัณฑะ/ไข่ข้างมดลูก) รวมึงปมประสาท, DNA ซึ่งบันทึกคาแรกเตอร์และข้อมูลรวมถึงบุคคลิกที่ติดมาทางสายเลือด(พรสวรรค์) และสามารถถูกทำการยึดร่างได้เช่นกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจ การแทรกซึม(บุกรุก,แฝง) มักมาจากข้อมูลที่ถูกสร้าง รวมถึงการแลกเปลี่ยนของเหลว(เพศสัมพันธ์,ถ่ายเลือด, การสัมผัสซึ่งมีDNAติดมา)
เพิ่มเติม สิ่งที่คนไทยมักเรียกว่าผี เปรียบกับการดูทีวีช่อง3 แต่มีภาพและหรือเสียงของช่อง7แทรกมา หากเป็นทีวีมักเพราะตัวรับสัญญาณ หากเป็นคนอย่างมักจากสมองผิดเพี้ยน เช่น อดนอน ล้า ยา(มักเป็นสารเสพติด) การหลั่งของเคมีในสมอง ซึ่งทำให้สารสื่อประสาทในสมองเพี้ยน(การรับส่งคลื่นสัญญาณ) ทำให้เบลอและรับข้อมูลข้ามย่านความถี่(โลกคู่ขนาน)
...
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ อยู่ที่การมีสติ การตื่นตระหนก รู้ตัว หรือไม่ก็เท่านั้น
บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลจากการสรุป โดยการ วิเคราะห์ สังเกตุ เปรียบเทียบ และทดลอง เท่านั้น ไม่มีเจตนาล่อแหลมหรือยุยงใดๆทั้งสิ้น หากมีข้อสงสัยใดๆสอบถามได้ และขอข้อความที่สุภาพไม่ใช้อารมณ์รุนแรงร่วม

 

อดีต กับอนาคต ไปได้แต่สมองอะสิ ร่างกายอืดยังกับเต่า สมองเหมือนกระต่ายถ้าใครแฮคสมองเป็น เหมือนผมติดนิมิต เพราะแท่งลิ่มเลือดในขมองแตก จนฝันหลุดมิติอยู่บ่อย ดีบวชมาได้ทวยเทพเห็นใจช่วยพากลับรึจับขังก็ไม่รู้ เอามาเพ้อแต่งนิยายเทพก่อนละมั้ง ใช้ซะคุ้มเลย

 

ถูกต้องที่ว่าไปได้แต่สมอง กายทิพย์ใช้จิตสร้าง ยังไงก็ต้องใช้สมองช่วย
อย่าลืมนะว่ามันควบคุมได้ ตั้งสเกล+อุปกรณ์ภายนอกช่วย แล้วตั้งปลายทางคล้ายๆ Inception
ไปแบบกายทิพย์ ตื่นก็กลับมาที่เดิม ที่เริ่ม

 

ขอทำความเข้าใจเรื่องGravity
การที่ a,->b (3.5) , c->d (2.5) หากใช้เวลาเท่ากัน นั่นคือความเร็วของกานเหวี่ยงตัว ที่สร้างแรงโน้มถ่วง ทำให้เกิดความต่างของเวลา เช่น โลก หมุนรอบตัวเอง ใช้เวลา 23ช.ม.57นาที ,ดาวอังคาร 24ช.ม.37นาที ,ดาวพฤหัส 17ช.ม.52นาที
นั่นคือเวลา1วันของพื้นที่นั้นๆ
ต.ย. หากแรงโน้มถ่วงสูง ณ พื้นที่นั้นเพียง 12 ช.ม. แต่อีกที่ เช่นโลก ที่แรงโน้มถ่วงเบากว่า เวลาจะผ่านไปมากกว่า อาจแค่ 12ช.ม.1นาที หรือถ้าต่างกันมาก ก็เป็น วัน จน เป็นปีเป็นชาติ ยิ่งช่วงกลางแกแล็กซี่ ที่มีดาวฤกษ์มากๆ จนเป็นดงเปลว ที่นั่นแรงโน้มถ่วงพื้นที่สูงกว่าโลกเรามาก 1ช.ม.ในบางพื้นที่ โลกเราอาจผ่านไปถึง ร้อยปี
การพบเจอ อย่างแรกต้องตั้งEventPoint,หรือจุดรวม แบบการตั้งวิทยาสื่อสารให้ช่องเดียวกันจึงรับสัญญาณร่วมกันได้
การตั้งจุดรวมหรือจูน คือ ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ต้องคิดเหมือนกัน เช่น อยากเจอกันทั้งสองฝ่าย แล้วใช้การนึกถึงคิดถึงเพื่อดึงหากัน เหมือนโทรศัพท์ หากโทรไปอีกฝ่ายไม่รับก็จบ หากรับสายก็ต่อติดได้สื่อสารกัน
...แต่
เรื่องที่กระผมลงไว้ เป็นการอธิบายเพื่อบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่ถึงฝั่งแล้ว แล้วไปต่อไม่ถูก ประมาณตายแล้วไปไหน จิตจะไม่ดับ จะว่าขดตัวเล็กลงอยู่ในโลกธาตุกรรมของร่างตัวเองที่มีDNAบันทึกการเดินทาง ก็ดี หรือจะบอกว่า ทุกอย่างรอบตัวขยายตัวจนจิตเราไปอยู่ในองค์ประกอบนั้นก็ดี เอาเป็นว่าทั้ง2อย่าง ขึ้นอยู่กับกรรม อย่างคำกล่าวคล้องจองที่ว่า "ดีชั่วอยู่ที่ตัว(เอง)ทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว(เอง)"

 

ตอนแรกคิดว่า มิติคู่ขนาน โลกคู่ขนาน ( เป็นในรูปเวลา ในความเป็นไปได้ของ จิต)

ถูกต้องครับ
เนื้อหาหลักคือเรื่องนี้ และเป็นของใครของมัน(ปัจจัตตัง) แต่ถ้าอยู่บ่อย/นานไป มักถูกเรียกว่าโลกส่วนตัวสูง เดินในรอยความเป็นไปได้(ทุกทาง) แต่ความเป็นไปขึ้นอยู่กับเรา
โลก(โลกทัศน์/มิติ) ของใครของมัน ดาวเปรียบเสมือนไข่ แกนกลางคือไข่แดง ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไข่อยู่ในครรภ์ที่รังไข่ ร่าง(วิญญาณ)มาจากอสุจิ (ที่มาเดียวกัน) นั่นคือตัวเราต่างความเป็นไป การมองเห็นที่ต่างกัน แบบภาพลวงตาเหมือนการเอาหลอดตรงใส่ในแก้วใสที่มีน้ำเต็ม เราต่างก็รู้ว่าหลอดมันตรง แต่เมื่อมองข้างแก้ว หลอดในแก้วกลับเอียง เพราะการหักเหของแสง
โลกทัศน์ มีตั้งแต่ <(-0.1)|(0.1)> นั่นคือปลีกย่อยทั้งลบและบวก ย่อยทศนิยมที่ไม่สิ้นสุด
ในแต่ละโลกทัศน์ มีตัวเองเป็นหลัก ของใครของมัน และที่เหลือคือตัวแทน(แบบวิดีโอคอล) เมื่อหมดกรรมก็จากไป หรือถ้าตัวแทนเก่าสลายก็หาตัวแทนจากในกลุ่มตัวแทนเก่าได้ตามเกี่ยวข้องสายเลือดและการแต่งตั้ง ที่เห็นตายไปมีทั้งตายจริงตายปลอม
ตายจริง คือ ยังไม่พอใจปัจจุบันนั้นๆ เช่น รูปร่างหน้าตา จึงหาพ่อพันธ์ุแม่พันธ์ุเพื่อผสมสร้างรูปลักษณ์ใหม่ แล้วจึงจุติใหม่ในรุ่นลูก
ตายปลอม คือ หมดกรรมและร่างPrimeซึ่งคือจิตวิญญาณเจ้าตัวต้องการลาจาก แล้วอยู่ในโลก(ทัศน์)ส่วนตัว(ดำเนินไปตามทางของตน ทุกอย่างเป็นปกติ) แต่แฝงร่างคนโน้นคนนี้ไปตามวาระในโลกส่วนรวม(สังคม) แนวเดียวกับหนังเรื่อง Source Code
*โลกทัศน์ คือ จักรวาลคู่ขนาน เป็นทางแยกอื่นๆซึ่งมีเป็นอนันต์ อย่างที่เรียกว่าเป็นฟองอากาศ ไม่ได้หมายถึงขนาดดาว เช่น จักรวาล ที่ 0.000100101001 ,จักรวาลที่ -11.01001011 และมีรูปแบบเป็นอนันต์
ต้องแจ้งให้ทราบว่าเป็นไบนารีที่มี แค่ 0,1 เป็น ลบ และ บวก มีจำนวนเป็นอนันต์ ผู้ที่ฝึกจิตจนชำนาญสามารถข้ามจักรวาลได้ โดยที่ก่อนหน้า(บ้าง)สามารถหยุดเวลา(เหมือนหยุด เช่น ใช้เวลา ที่ใหม่ 10ปี ที่เก่าผ่านไป 0.000000001 วินาที) หรือ (บ้าง) ยุบมิติไปเลย(ไม่กลับไปอีก) อาจมีบ้างที่เมื่อร่างในมิติใหม่หมดสภาพ ก็กลับไปมิติเก่า ต.ย. มีรูปแบบ Half-Life (หาข้อมูลวิทย์เกี่ยวกับธาตุ) เป็นพื้นธาตุ ,รูปแบบกัมมัน(ผู้ที่มีฉัพพรรณรังสี) เมื่อตายจะตื่น ณ ครั้งที่ตื่นล่าสุด เป็นต้น
กลไกการควบคุมร่างแฝง ต.ย.การเข้าเกียร์รถ เข้าครัช เลื่อนเกียร์ แล้วเฟือง เพลา ล้อ จะทำตามตำแหน่งอย่างสัมพันธ์กัน เราอาจเชื่อมกับการเป็นไปของส่วนใดก็ได้ตามวาระกรรม(คงามสัมพันธ์ของการกระทำร่วมกัน)
ต.ย. เข้าอยู่ช่องสามเราอยู่ช่องเจ็ด เวลาเดียวกันคนละรายการ อาจมีโฆษณา หรือรายการเดียวกัน เช่น วันศุกร์ฉายเหมือนกัน ไปจนถึงเคเบิ้ลท้องถิ่นแต่ละถิ่น รวมไปถึงสัญญาณแทรก เช่น ดูช่องนี้แต่มีภาพ/เสียงช่องโน้นแทรกมา(คนไทยเรียกว่า ผี) มันเป็นเพราะคลื่นสมองผิดระบบ เช่น เพรสะเล่นยา อดนอน สารสื่อประสาท/ตัวรับสัญญาณคลื่นสมองเพลีย/ทำงานหนัก หลายๆปัจจัย
ข้อมูลเหล่านี้คือเรื่องปกติตามธรรมชาติ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ เปรียบกับใบไม้นอกกำมือ แต่เป็นเรื่องที่นักวิทย์ให้ความสนใจในการศึกษาโดยทั่วไป
หากเข้าใจหลักความเป็นไปก็สามารถเอาไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน แบบเรื่องดูโหงวเฮ้ง ดูลักขณาดาราศาสตร์ สร้างชีวิตให้ดีโดยไม่เบียดเบียนใครอย่างสุจริตก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
ข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ประดับสมองไว้เป็นเครื่องมือเสริมการตัดสินใจในโอกาสที่เหมาะสมจะดีกว่า

 

ตัดกิ่งจากต้นเก่าไปชำจนขึ้นเป็นต้นใหม่(แยกจักรวาล) แล้วนำกิ่งต้นเก่าและต้นใหม่(ต้นอื่นได้,จักรวาลใดๆ) มาทาบกิ่งให้เกิดโซนนิ่งที่ต้นเก่าและต้นใหม่มีร่วมกัน(เป็นการเชื่อมวงจร)
มิติใหม่หมดสภาพ ก็กลับไปมิติเก่า ต.ย. มีรูปแบบ Half-Life (หาข้อมูลวิทย์เกี่ยวกับธาตุ) เป็นพื้นธาตุ ,รูปแบบกัมมัน(ผู้ที่มีฉัพพรรณรังสี) เมื่อตายจะตื่น ณ ครั้งที่ตื่นล่าสุด เป็นต้น (ลูปวนแบบสปริงค์)
เป็นเรื่องปกติของนักเดินทางที่ตลอดเวลานี้เกิดขึ้นเป็นปกติ(ทั้งที่ใช้และไม่ใช้เทคโนโลยี ที่กล่าวมาทั้งหมดในสาระเนื้อหาที่เกี่ยวข้องคือเทคนิคที่ไม่ใช้เทคโนโลยีเครื่องมือ นอกจากการใช้จดบันทึก journey traveller )

 

อนุโมทนา สำหรับความรู้ใหม่ทุกท่าน