โลกวุ่นวายเพราะพวกพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Sirius Galaxy, 9 สิงหาคม 2013.

  1. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    โลกวุ่นวายเพราะพวกพุทธภูมิ

    ทำอย่างไร โลกใบนี้ถึงจะไม่มีสงคราม

    เหตุที่ตั้งชื่อกระทู้เช่นนี้ ก็เพื่อเรียกแขก เป็นการโยนหินถามทาง

    พวกที่มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่ เกิดมาเป็นผู้นำหัวหน้า มีบริวารปกครอง ล้วนแต่เคยปรารถนาพุทธภูมิมาแล้วทั้งนั้น และก็เวียนว่ายตายเกิดทำศึกสงครามรบราฆ่าฟันกันมาตลอดทุกยุคทุกสมัย

    บางชาติก็เกิดในเขตประเทศนอกพระพุทธศาสนา
    บางชาติก็เกิดในเขตประเทศพุทธศาสนา
    บางชาติก็เกิดในประเทศไทย
    บางชาติก็เกิดในประเทศที่เป็นคู่อริ
    บางชาติก็เกิดเป็นเจ้าเมืองหนึ่ง แล้วยกทัพไปตีเมืองขึ้นอื่น
    บางชาติเกิดเป็นเจ้าเมืองอื่น แล้วยกทัพมาตีเมืองหนึ่งที่ในอดีตชาติใด้เกิดเป็นเจ้าเมือง

    ยิ่งกว่านั้น ยังทำศึกสงครามแย่งชิงอำนาจกันภายในประเทศ คนในประเทศฆ่ากันเอง ทำให้เป็นเวรเป็นกรรม เกิดมาต้องแย่งชิงอำนาจ รบรา ฆ่าฟันกัน ไม่รู้จักจบสิ้น เห็นได้ชัดในสมัยกรุงศรีอยุธยา

    เหตุที่ทำสงคราม
    1. ขยายอิทธิพล แผ่อำนาจบารมี
    2. อิจฉา ริษยา ประเทศเมืองอื่น
    3. หวาดระแวง ประเทศเมืองอื่น
    4. แสวงหา กอบโกย ทรัพยากรของประเทศเมืองอื่น

    แสดงความคิดเห็นมาได้ครับ
    โลกวุ่นวายเพราะพวกพุทธภูมิ
    เป็นการเรียกแขก โยนหินถามทาง
     
  2. จอมโลกธาตุ

    จอมโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +2,063
    เอาเถอะครับคำพูดนี้ของคุณ
    เฮ้อ...ปกติผมไม่ค่อยจะวอกแวกไปกระทู้อื่นเท่าไร..แต่ได้ยินคำนี้แล้วรู้สึก..?? ผมคนพูดแรงนิดหน่อยคงไม่อยากจะวิจารย์คำนี้ของคุณ...
    โชคดีครับ
     
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เป็นเรื่องปกติของสัตว์

    จะไปอุปาทานให้มันแปลกใหม่ทำไม?

    พวกที่อุปาทานในสิ่งที่เป็นปกติธรรมชาติ ให้มันผิดปกติ นี่แหละ ตัวก่อความวุ่นวายในโลก
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ฮาฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆผมไม่แปลกใจเลย ว่า คนที่ ไปตอบแบบ โลกสท้าน แผ่นดินเสทือน ได้คุณธรรม โลกธาตุหวั่นไหว ทั่วทั้งแผ่นดิน มันไม่แปลกหรอกครับ ก็มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ในเมื่อมันคิดผิดทำผิด มันก็เป็นเช่นนั้น จริงๆ ไม่ว่าไอ้มนุษย์ หน้าไหน เอ่ยไม่ใช่ คนสิ มนุษย์ ท่านไม่ทำหรอก คนนั้นๆ ไม่ว่าใครหรอกครับ ไม่ว่า ปราถนา อะไร คนเช่นไร ถ้าคิด มันก้ทำผิดได้ จะเอาผิดมากกว่าหรือ จะเอา ถูกมากกว่า จะเรียนสูงเรียนต่ำ มันอยู่ที่สันดาน คนครับ สันดร มันขุดง่ายครับ แต่สันดานคน มันขุดยาก แล้ว แต่ของใครของมันครับ ฮ่าฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  5. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    โลกวุ่นวายเพราะพุทธภูมิได้ โลกก็สงบเพราะพุทธภูมิได้เช่นกัน โลกเป็นของคู่ มีดีมีชั่ว มีรักมีเกลียด มีขาวมีดำ มีหญิงมีชาย มียาพิษก็มียารักษาพิษ ถ้ารู้สึกว่ามันวุ่นวายนักก็หาทางออกจากมันซะ ส่วนพวกสาวกก็เป็นธรรมดาที่จะต้องตามนายเป็นธรรมดา เขาพาลงนรกก็ตามเขาไป ก็อย่างว่าล่ะถ้ามันฉลาดจริงคงไม่ยอมไปเป็นขี้ข้าใครหรอก
     
  6. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    โลกนี้วุ่นวาย เพราะ มิจฉาทิฏฐิ

    ทางโลก เป็นเจ้าเมือง ถึงไม่ได้เป็น นาย ก ก็เป็น นาย ข
    ก็ต้องมีคนขึ้นมาอยู่ดี

    ไม่เห็นต้องโทษอะไรใคร
    เป็นพุทธภูมิ ตราบใดที่ยังมีมิจฉาทิฏฐิ ก็ลงนรกได้
    มีกรรมเท่ากับสัตว์โลก เหมือนกันทุกประการ
     
  7. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +457
    จริง พุทธภูมิ ก็ยังหลงอยู่ ยังเสพดราม่าทางจิตอยู่ ต้นเหตุความวุ่นวาย ก็เพราะยังหลงอยู่ หลงลืมเป้าหมายเดิม ก็คือพุทธภูมิ
     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เหตุมี มันต้องดับที่ต้นเหตุ แล้วแต่มุมมองครับ การจะมีเหตุ ก็ดู สิ่งที่ เป็นมุม สำคัญ สิ่งไม่สำคัญก็ต้องทิ้งไปครับ เดี๋ยวมันจะยิ่งไปกันใหญ่ โลกนี้มันกว้าง จะทำให้แคบหรือให้กว้างลาล่ะครับ ไม่มีใครห้ามครับสวัสดี
     
  9. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154
    ไม่เช่นนั้น..จะได้รับฉายาว่าพวก..สุดโต่งหรือครับ.
     
  10. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เอแต่เท่าที่ผมสังเกตุมานี่ ท่านที่ปารถนาพุทธภูมินี่ท่านพาหมู่คณะญาติบำเพ็ญแต่ในทางที่เป็นสัมมาทิฐิมิใช่หรือ ความเดือดร้อนวุ่นวายจนถึงขั้นหายนะนั้น มันมักมีเหตุมาจากพวกทีเป็นมิจฉาทิฐิจอมอันพาลเข้ามาข่มเหงรังแกรุกรานก่อนมิใช่หรือ เท่าที่รู้มาเล็กน้อยของผมนั้นยังไม่ได้ยินว่าพุทธภูมิท่านใดอยู่ๆ เห็นจิ๊กโก๋เดินผ่านแล้วเกิดอาการหมั่นใส้ไล่กระทืบคนเล่นโก้ๆนี่ยังไม่เห็นนา แต่ก็มีบ้างที่มีความจำเป็นเพราะญาติมิตรหมู่คณะถูกข่มเหงรังแกจึงมีความจำเป็นต้องไปกระทืบแล้วถึงสั่งสอนถ้าอย่างนี้ได้ยินบ่อย

    แต่ถ้าใครก็ได้ในตอนนี้ที่บอกว่าตัวเองปรารถนาพุทธภูมิแล้วบำเพ็ญอุเบกขาอย่างเดียวใครจะรุกรานหมู่คณะไม่สนใจใครจะทำอะไรกับหมู่ญาติบอกเอาเลยตามสบายทรัพย์สินที่บอกว่าเป็นของนอกกายจะละจะวาง ใครอยากได้เอาไปเลย แน่นะ เขียนไว้หน้าบ้านได้เลย จะได้ส่งคนมาจัดการขนให้
    แม้องสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันพระองค์ท่านก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อจะหยุดความวุ่นวาย ไม่ใช่ไปส่งเสริมความวุ่นวาย

    แล้วไปเอามาจากตำราเล่มใหนถึงได้มาคิดว่าโลกวุนวายเพราะพวกพุทธภูมิ
    เจ้าของกระทู้เองก็บอกว่าปรารถนาพุทธภูมิงั้นก็หมายความว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี่คุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันวุ่นวายใช่หรือไม่


    อ่านเรื่องราวของพระบรมครูที่พระองค์ท่านยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อที่จะขจัดปัดเป่าความเดือดร้อนวุ่นวาย

    เหตุผลที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ 80 ปี
    (คัดลอกเป็นบางส่วนจาก “ธัมมวิโมกข์” ปีที่ 27 ฉบับที่ 297 ธันวาคม 2548 ในหน้า 43 ถึง 47)
    …………………
    …………………

    สำหรับวันนี้ ก็จะขอเทศน์เป็นการตัดอายุ....

    เนื้อความก็มีอยู่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพระชนม์อยู่ ในวันนั้น องค์สมเด็จพระบรมครู ไปทรงกล่าวกับบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า....

    “ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัพเพ สัตตา มริสสันติ มรณันตัง หิ ชีวิตัง คนเราเกิดมาเท่าไร ตายหมดเท่านั้น”

    หมายความว่า คนทุกคน และสัตว์ทุกประเภท ที่เกิดมาแล้ว มันก็ต้องตาย
    และต่อมาภายหลังจากนั้นไซร้ เมื่ออายุ 80 ปี องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เสด็จดับขันธ์ คือ ตาย

    ในตอนนี้ไซร้ ก็ปรากฏว่า มีอรรถกถาจารย์ทั้งหลาย พยายามรวบรวมคำสอนขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เทศน์ไว้ อยากจะทราบว่า เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา เคยเทศน์ไว้ว่า....
    คนที่มีการคล่องใน อิทธิบาท 4 คือ....

    ฉันทะ ความพอใจ
    วิริยะ ความเพียร
    จิตตะ การจดจ่อ การเพียรในกิจการงานที่ทำ
    วิมังสา การใคร่ครวญการงานที่ทำเสมอ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคล่องในอิทธิบาท 4 ในด้านของการปฏิบัติธรรม
    ผู้ที่คล่องจริง ๆ ในอันดับต้น ได้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แต่ว่าที่คล่องรองลงมาก็คือบรรดา พระอรหันต์ทั้งหลาย
    ก็ท่านทั้งสองประเภทนี้ คือพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี
    ถ้ามีอิทธิบาทไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ จะบรรลุ คือ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน
    ไม่ได้

    เหตุผลที่พระพุทธเจ้าต้องมีอายุ 80 ปี

    แต่ว่า ทำไมองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา ทรงเคยกล่าวไว้ว่า
    ผู้ที่เคยคล่องใน อิทธิบาท 4 ประเภทนี้ สามารถจะอธิษฐานตน ให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง
    หรือกัลป์หนึ่ง ก็ได้

    และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กลับมา นิพพาน
    เมื่อระหว่างอายุของพระองค์ได้ 80 ปี

    ตอนนี้ พระอรหันต์ทั้งหลาย ก็มีความสงสัย
    แต่ทว่าบรรดาพระอรหันต์ตั้งแต่ปฏิสัมภิทาญาณ ก็ดี ได้อภิญญาหก ก็ดี วิชชาสาม ก็ดี
    ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ไม่สงสัย รู้ด้วยอำนาจของ อตีตังสญาณ

    แต่ทว่า สำหรับพระอรหันต์ขั้นสุกขวิปัสสโก นี้ ต้องสงสัย เพราะว่า ไม่ได้ญานวิเศษ
    จึงต้องค้นคว้าคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

    ในที่สุดก็พบว่า สมเด็จพระนราสภ คือ....
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แทนที่จะมีอายุ 1 กัป อย่างที่กล่าวไว้
    แต่ทว่าการที่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา ต้องมีอายุ 80 ปี

    เหตุผล ก็เป็นมาอย่างนี้ ตามที่องค์สมเด็จพระชินศรี ทรงกล่าวว่า....

    อตีเต กาเล ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย....

    ในอดีตกาล ตถาคตเสวยพระชาติเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์
    บำเพ็ญบารมีเพื่อจะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถอยหลังจากชาตินี้กลับไปหลายพันชาติ เวลานั้นสมเด็จพระบรมโลกนาถ
    ทรงบำเพ็ญบารมี ใกล้จะถึง ปรมัตถบารมี

    พระวรกายของพระองค์นี้ มีส่วนพิเศษอยู่จุดหนึ่ง คือ....
    เท้าทั้งสอง ในอุ้งระหว่างกลางเท้าทั้งสองนี่ มีรูปกงจักรอยู่ด้วย เป็นสีแดง

    ในเวลานั้น องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดเป็นลูกคนจน ทำมาหากินอยู่ในป่า
    ต่อมาท่านบิดาก็ตาย เหลือแต่มารดาผู้เดียว ท่านก็ปฏิบัติตน เป็นคนประกอบไปด้วย

    ความกตัญญูรู้คุณ หาเช้ากินค่ำ หรือหาค่ำกินเช้า นำเอาอาหารมาเลี้ยงมารดาเป็นที่รัก
    คือว่าท่านเป็นคนป่า ก็ตัดฟืนขาย เข้าป่าก็แต่เช้า กลับมาจนบ่าย จนเย็น อาบน้ำ อาบท่า กินน้ำ บริโภคอาหาร
    เสร็จแล้ว ก็นำฟืนเอาไปขาย ได้เงินมาเท่าไร ก็มามอบให้แก่มารดา
    มารดาก็จัดเงินทั้งหลายเหล่านี้ จัดอาหารมาเลี้ยงดูกัน

    เป็นอันว่า รายได้ขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา เวลานั้น
    ก็เต็มไปด้วยการฝืดเคืองมาก

    เจ้ารากษส ขึ้นมาอาละวาด

    ท่านกล่าวว่า ในคราวนั้น พระราชามีความลำบาก
    ด้วยยักษ์ตนหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า “รากษส” นี่มีสภาพเหมือนยักษ์
    แต่เป็นยักษ์ที่อยู่ในโพรง และอุโมงค์ใต้ดิน น่ากลัวจะเป็นยักษ์ปลาไหล
    เพราะอยู่ในโพรง และใต้ดินมันมีบ่ออยู่

    แต่ทว่าทางขึ้น ก็ทำเป็นปล่องขึ้น การขุดอุโมงค์อยู่ใต้ดิน

    เจ้า รากษส ตัวนี้ ปรากฏว่า ถึงเวลาฤดูหนึ่ง ถ้าเปรียบเทียบกับเวลา ตรุษสงกรานต์
    เป็นงานเกี่ยวกับนักขัตฤกษ์ประจำปี เจ้า รากษส ตัวนี้ ก็ขึ้นมาจับคนเอาไปกินเป็นอาหาร

    ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี ในเวลาต่อมา พระราชาทรงทราบจากบรรดาประชาชนทั้งหลาย ว่า....

    เจ้า รากษส ขึ้นมาอาละวาด เจ้า รากษส ตัวนี้ขึ้นมาเป็นเวลากาล
    ถ้าถึงฤดูนั้น ถึงเดือนนั้น วันนั้น มันก็ขึ้นมาจับคนกินเป็นอาหาร เพื่อเป็นเสบียงกรัง
    ทำอย่างนี้ เป็นเวลา 2 – 3 ปี

    จนเป็นที่แน่ใจของประชาชนทั้งหลายว่า วันนี้แหละเจ้า รากษส จะขึ้นมาจับคนไปกิน
    จึงไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ

    พระราชา ก็ให้ป่าวประกาศหาคนดีมีฝีมือ ให้ไปสู้กับ เจ้า รากษส
    ไปดักอยู่ปากปล่องของ รากษส ที่จะขึ้นมา ถ้า รากษส ขึ้นมา ก็จะฆ่า รากษส

    แต่ว่าบรรดาผู้ฟังทั้งหลาย รากษส มีสภาพเป็นยักษ์ มีความดุร้าย มีกำลังมาก
    แทนที่คนทั้งหลายที่รับอาสาพระราชา จะไปฆ่า รากษส
    ก็กลายเป็นอาหารของ รากษส อย่างดี

    คือ รากษส ไม่ต้องไปหากินไกล จับคนทั้งหลายที่จะไปฆ่าเขา
    นำกลับไปกินเป็นอาหาร

    ต่อมาพระราชา เห็นว่า คนทั้งหลายไม่สามารถสู้ รากษส ได้
    การประกาศให้บรรดาคนที่มีฝีมือทั้งหลาย ภายในขอบเขตของพระราชฐาน
    หรือใกล้พระราชฐาน ก็ไม่มีใครรับอาสาไปปราบ รากษส

    พระราชาได้ประชุมอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า....
    เราไม่สามารถปราบ รากษส นี้ ได้เพียงใด ความเป็นพระราชาของเราก็ไม่อาจจะคงอยู่
    เพราะเราไม่สามารถจะให้ความปลอดภัยกับบรรดาประชาชนได้

    แล้วอาศัยที่พระราชาพระองค์นี้ ใช้ ทศพิธราชธรรม อันดี เป็นที่รักของปวงชนทั้งหลาย

    บรรดาอำมาตย์ ข้าราชบริพารจึงประชุมกันว่า ถ้าหากพวกเราไม่สามารถฆ่า รากษส ได้
    พระราชาก็จะสละราชสมบัติ แล้วคนที่มาใหม่ จะดีเท่าองค์นี้ หรือไม่ดี ก็ยังไม่แน่นัก
    จึงปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรดี จะให้พระราชาครองราชย์ต่อไป

    ในที่ประชุม ก็กล่าวกันว่า ทางที่ดีควรประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายทั่วประเทศ
    ที่มีความสามารถ

    เข้าใจตรงกันว่า พระราชามีบุญญาธิการอย่างนี้ และมีความเดือดร้อนอย่างนี้
    ราษฎรจนที่ไหน พระองค์ก็ทรงจนด้วย
    ราษฎรลำบากที่ไหน พระองค์ก็ทรงลำบากด้วย
    หาทางช่วยราษฎรให้เป็นสุข พระราชาอย่างนี้ หาได้ยาก

    ถ้ากระไรก็ดี ก็ควรกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ว่า....
    คนในประเทศของเรา ไม่มีเท่าที่เห็น เพราะอยู่ในแดนไกล ในขอบเขตต่าง ๆ มีมากมาย
    ควรจะประกาศให้บรรดาประชาชนทั้งหลายที่มีความสามารถ
    แต่ไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระราชา ที่จะรับอาสาฆ่า รากษส

    ในที่สุดเขาก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบ แล้วก็ทำตามนั้น

    มอบทองคำ เท่าลูกฟัก สำหรับผู้รับอาสา

    ต่อมา พระราช ก็ส่งคนไปประกาศว่า ถ้าบุคคลใดสามารถจะฆ่า รากษส ให้ตายได้
    ในช่วงแห่งการรับอาสาจะมอบทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวบุคคลผู้รับอาสา
    ให้เป็นทุนสำรองไว้ก่อน ทั้งนี้ ก็เผื่อว่า ไปพลาดพลั้งถูก รากษส ฆ่าตาย
    ทางบ้านก็จะได้ใช้ทองคำนี้ จับจ่ายใช้สอย เป็นการประทังชีวิตให้มีความสุขสบายแทนผู้ตาย

    ถ้าบุคคลใดฆ่า รากษส ตาย แล้วตัวเองก็ไม่ตาย ทองคำก็ได้เป็นสิทธิ์อยู่แล้ว

    แต่เมื่อเวลาที่กลับมาประเทศเขตพระนคร พระราชาจะให้เป็นมหาอุปราช
    คือไปมีตำแหน่งรองจากพระราชา

    วันนั้น ก็ปรากฏว่า หน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะเข้าป่าไปหาฟืน แต่ยังไม่ทันจะเข้า เดินออกจากบ้าน
    ก็ได้ยินเสียงประกาศจจจากอำมาตย์ ข้าราชบริพารว่า ถ้าบุคคลผู้ใดรับอาสาฆ่า รากษส ได้
    พระราชาจะประทานทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวคนผู้อาสา เป็นเดิมพัน
    แต่ถ้าฆ่า รากษส ไม่ได้ ต้องตายไป ทองคำนี้ก็จะเลี้ยงครอบครัว

    และถ้าฆ่าได้ ก็จะแถมรางวัลพิเศษ คือ ให้เป็นมหาอุปราช

    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ จึงคิดว่า เราเป็นลูกคนเดียวของแม่คนเดียว หาเช้ากินค่ำ
    ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ก็พอกินบ้าง ไม่พอกินบ้าง มีความลำบาก

    ถ้าหากว่าเราจะยอมเสี่ยงชีวิตของเรา ตายแต่เพียงผู้เดียว
    ให้แม่ได้มีโอกาสรับทองคำเท่าลูกฟัก หนักเท่าตัวเรา แม่ก็จะกินอยู่แบบสบาย ๆ
    แม้กระทั่งตาย ทองคำก็ยังไม่หมด

    เมื่อหน่อพระบรมโพธิสัตว์ กำหนดอย่างนี้แล้ว จึงได้ขันรับอาสา
    แล้วก็รับทองคำมามอบให้แก่แม่
    ตอนนี้ แม่คัดค้านอย่างหนัก ไม่อยากจะให้ลูกตาย

    ในที่สุด ก็ต้องจำยอม เพราะตกลงกับเขาแล้ว จึงได้มอบทองคำให้แม่
    ตัวเองก็ไปเฝ้าพระราชาพร้อมกับอำมาตย์

    ข้าไปเฝ้าแล้ว....
    พระราชาถามถึงผลของความต้องการ เธอสามารถแน่ใจที่จะฆ่า รากษส ได้หรือ
    พระโพธิสัตว์ก็บอกว่า มั่นใจ ต่อไปพระราชา ถามว่า เจ้าต้องการทหารเท่าไร
    ต้องการอาวุธอะไรบ้าง จะไปฆ่า รากษส

    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็ตอบว่า “ไม่ต้องการอะไรอะไรทั้งหมด ต้องการฆ่า ด้วยมือเปล่า”

    พระราชาก็หนักใจ แต่ว่า เขาขันรับอาสาตามนั้น ก็ต้องปล่อยไป
    เขาก็นำไปส่งที่ปล่องของ รากษส

    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ขึ้นไปคอยอยู่ประมาณ 2 วัน พระราชาทรงให้ทหารไปเป็นเพื่อน
    นำอาหารไปบริโภค ไปคอยอยู่ที่ปากปล่องที่ รากษส จะขึ้น

    ต่อมา เมื่อถึงวันนั้น คือวันกำหนดที่ รากษส จะขึ้นมา มีเวลาเป็นประจำ ก็ขึ้นมาพอดี

    พอ รากษส ขึ้นมา ไม่ทันจะพ้นปล่อง หัวขึ้นมาพ้นปล่อง
    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ยกเท้าขึ้นหวังจะกระทืบ คือจะกระทืบให้ รากษส คอหักตาย

    รากษส แหงนหน้าขึ้นมา เห็นอุ้งเท้าของหน่อพระจอมไตรบรมโพธิสัตว์ มีกงจักร
    ในระหว่างท่ามกลางฝ่าเท้า ก็คิดว่า คราวนี้เราตายแน่ เราสู้ไม่ได้
    เพราะคนนี้ต้องเป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ เพราะกลางระหว่างเท้า มีกงจักรสีแดง

    จึงได้พูดว่า....
    ช้าก่อน ท่านอย่าพึ่งฆ่าเรา ท่านนี่เป็นหน่อพระบรมโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้
    เป็นพระพุทธเจ้าในอีกไม่นานนัก เพราะว่ากลางเท้าของท่านมีกงจักร
    หากท่านฆ่าเรา เราก็ตาย ถ้าท่านฆ่าเราไซร้ ท่านจะมีอายุสั้น
    ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ตามธรรมดาพระพุทธเจ้า จะต้องมีอายุ สองหมื่นปีบ้าง
    ถึงสี่หมื่นบ้างก็มี

    อีกประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าสามารถจะอธิษฐานตนให้มีอายุถึงกัปหนึ่ง ก็ได้

    หากว่า ท่านฆ่าเราตาย ในเวลานี้ เวลานี้เรามีอายุ 80 ปี
    ถ้าหากว่าท่านฆ่าเราตายในเวลานี้

    เมื่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็ต้องมีอายุ 80 ปี เท่านั้น

    การประกาศพระศาสนาของท่าน จะไม่มีผลตามความประสงค์
    หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กล่าวว่า....

    “เจ้าเป็นสัตว์ที่มีความดุร้ายมาก ไล่พิฆาต เข่นฆ่าคนเป็นอาหาร ถึงแม้นว่าเราจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า มีอายุแค่ 80 ปี เราพร้อม ยอมตามนั้น”

    ในที่สุด หน่อพระบรมโพธิสัตว์ ก็กระทืบศรีษะยักษ์ รากษส ยักษ์ก็คอหักตาย

    นี่แหละบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่า พระพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ เมื่อเป็นพระพุทธเจ้า สามารถจะอธิษฐานอายุของตนให้อยู่ได้ถึงกัปหนึ่ง ก็ย่อมเป็นได้ เพราะคล่องใน อิทธิบาท 4

    แต่ว่า ที่องค์สมเด็จพระมหามุนีบรมศาสดา จะต้องนิพพาน ภายในอายุ 80 ปี
    ตามพระบาลี ท่านกล่าวว่า เหตุของการฆ่า รากษส ตนนั้น

    จึงเป็นเหตุให้สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ต้องนิพพานในอายุยังสั้นในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนานี้

    อาตมภาพในฐานะพรสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ ทั้ง 3 ประการ

    ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล
    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุแล้ว
    ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จงเห็นธรรมนั้น ในชาติปัจจุบันนี้ เทอญ.

    เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 สิงหาคม 2013
  11. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    อย่าเข้าใจผิดนะว่าการ ฆ่ารากษสนั้นเป็นเรื่องดีน่ะ เพราะกรรมของรากษสนั้นจะไปตกกับผู้ใดเล่า แล้วคนเมืองนั้นมีกี่คนถ้าเทียบกับคนในวัฏฏะสงสารแห่งนี้
     
  12. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็ไม่เป็นไรผมยอมเข้าใจผิดเดินตามแนวนั้นแนวขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามีจอมอันธพาลมารุกรานข่มเหงรังแกญาติมิตรหมู่คณะโดยที่เราไม่มีความผิดอะไร มันก็ต้องมีความจำเป็นหวดกะบาลด้วยคมแฝกแล้วแตะก่อน สั่งสอนทีหลัง เรื่องดีหรือไม่ดีค่อยว่ากัน อาจารย์ผมทุกท่านสอนมาแบบนี้

    เมื่อโจรเข้าบ้านน่ะที่ตำบลที่ผมอยู่ในสมัยก่อนคุณลุงญาติฝ่ายเมียของผมเองเห็นว่าสู้ไม่ได้กราบแทบเท้าหัวหน้าโจรว่าขออย่าทำอันตรายใครจะเอาอะไรก็เอาไปเลย โจรมันค้นทรัพย์สินไม่ได้อะไรมาก มันโมโหหาว่าเอาทรัพย์สินไปซ่อน แล้วมันก็ยิงลุงท่านนี้ตายต่อหน้าลูกเมียของลุง แล้วก็ฉุดพวกผู้หญิงเอาไปอยู่กับพวกมัน เมื่อมันเบื่อมันก็ปล่อยกลับมา คงจะเดาได้นะว่ามันคงไม่ได้เอาไปบูชาเพื่อกราบไหว้เอาไปเป็นแม่ของพวกมัน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้วที่หมู่2 ต โทรโรงโขน อ ตะพานหิน จ พิจิตร ในจังหวัดนี้สมัยก่อนโน้นเรื่องแบบนี้ถือว่าปกติ

    ถ้างั้นก็อย่าไปทำไมใครเขานาถ้าเขาจะมาทำอะไรกับหมู่ญาติเดี๋ยวกรรมจะไปตกกับคนในวัฏฏสงสาร

    ในตอนนี้พระธรรมคำสั่งสอนมีอยู่ครบถ้วนสัตว์โลกทั้งสามโลกมัวทำอะไรอยู่เล่า

    ก็เอานะถ้ามีอันพาลมาลวนลามพี่ น้อง ญาติมิตร หรือแม่ตัวเองนี่ ลองกราบแทบเท้าขอร้องพี่โจรเขานะขอความเมตตา เผื่อว่าพี่โจรเขาจะเวทนาบ้าง อย่าไปสู้รบกับใครเขานะมันบาปเวร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 สิงหาคม 2013
  13. ดำฤษณา

    ดำฤษณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +205
    โลกวุ่นวายขอเพียงใจอย่าวายวุ่น
    โลกหมุนไปขอเพียงใจอย่าหมุนตาม
    หากมีหน้าที่ตามสมมติ แม้นต้องทำสงครามก้อต้องทำ
    หนทางการบำเพ็ญในสายนี้มันไม่ได้สวยงามดอกนะท่าน

    เจริญในธรรมครับ
     
  14. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ แล้วไอ้การบริจาคลูกเมียน่ะเพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อบารมีหรือครับ ตอนนั้นท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้านะ คุณอย่ามั่ว แล้วไอ้ตอนที่เกิดเป็นพญานาคโดนเทวทัตทรมาณอย่างแสนสาหัส เมียก็มายืนร้องไห้สงสารอยู่ข้างๆ ทั้งๆที่สามารถฆ่าเทวทัตได้ในทันทีทำไมไม่ทำไม่ใช่เพื่อบารมีหรอกหรือ แล้วบางองค์ก็เผาตนเองเป็นพุทธบูชาเพื่ออะไร ก็เพื่อบารมีอีกนั่นแหล่ะ
     
  15. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    อีกนิดนะ ผมไม่ใช่พุทธภูมิ แค่แสดงความเห็นเท่านั้น ขออภัยที่ทำให้หงุดหงิด อีกอย่างผมไม่งอมืองอเท้าหรอก เพราะยิงปืนแม่น ถ้าจะคิดหน่อยก็คงคิดว่าจะยิงให้ตายหรือยิงให้เจ็บ
     
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เอผมไปพูดผิดตรงใหนกับการที่ผมบอกว่าถ้ามีใครมารุกรานหมู่คณะญาติมิตรแล้วผมจำเป็นต้องสู้ จำเป็นต้องซัดกะบาลโจรอันธพาลน่ะมันเป็นไง ใครจะบูชากราบไหว้โจรก็กราบไป การที่ผมจะดูแลลูกเมียของผมไม่ยอมให้ใครมารุกรานข่มเหงรังแกน่ะมันเป็นไง แล้วมันจะเป็นไร คนอื่นใครจะยอมก็ยอมไปซี ผมไม่ได้ว่า แต่พูดนี่จะขอดูหน่อยว่าจะมีใครยอมไม๊ เวลาพูดนี่ทำท่าว่าใจดีมีเมตตากันดีนี่ อยากดูหน้าสักคนที่หากเจอเหตุการจริงที่แม่ของตัวเองถูกลานลามแล้วจะทำยังไง

    ชาตินี้แม้ว่าผมจะปรารถนาพระโพธิญาณของผมไม่ได้ปรารถนาของคนอื่นนี่ แต่ก็ไม่ยกเมียให้ใครซะอย่างจะทำไม แถมยังจะไปขอรับบริจาคของคนอื่นอีกถ้าหากมีใครประกาศว่าจะบริจาคลูกเมีย ผมนี่จะขอไปรอตั้งแต่เที่ยงคืนเนี่ยเดี๋ยวเลิกงานนี่จะไปรอรับเป็นคนแรกเลยละมีใหมที่บอกว่าตัวเองพุทธภูมิแล้วจะบริจาคน่ะ ไม่ใช่พุทธภูมินี่ไม่เอานะ

    อ้าวผมอ่านของคนอื่นทำไมไม่งอมืองอเท้าล่ะ แล้วถ้าหากคนของผมบ้างจะให้ทำไงในเมื่อโจรมันมาฆ่าคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว มาข่มเหงฉุดคร่าอนาจารย์ลูกเมียถึงในบ้าน หรือพี่ทิดจะให้ผมกราบแทบเท้าวิงวอนร้องขอความเมตตาฝ่ายเดียว

    ส่วนที่ว่ายิงปืนแม่นอะไรนั่นผมไม่รู้จักว่าเป็นไงเพราะใช้ปืนไม่เป็นกับเขา การจะยิงใครให้ตายหรือให้เจ็บก็ยังดีที่ยังมีสติยั้งคิด ไม่ยิงส่งเดช
     
  17. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เมื่อสะสมเข้าถึงที่สุดแล้ว ก็จึงเรียนรู้ที่จะละออก เมื่อละออกได้หมดเมื่อไหร่ จึงจะพ้นจากการเป็นสัตว์ เข้าสู่การเป็นพระพุทธเจ้า และ พระอรหันต์
     
  18. guuuruuu

    guuuruuu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +158
    เรียนผิดไปหาถูก

    ต่อให้เป็นคนดีของประเทศ ของโลก อย่างไรก็ตาม
    ตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุพระโพธิญาณ ก็ยังผิดอยู่ร่ำไป

    การเป็นคนดีเป็นของปลอม
    เพราะความดี ก็ยังไม่บริสุทธิ ยังคงต้องการมาตรวัดเปรียบเทียบ(สิ่งที่เลวกว่า) ความดีจึงจะดีอยู่ได้ และความดีก็เป็นแค่สมมุติ ดีของคนหนึ่ง อาจจะไม่ดีของคนหนึ่ง

    คำกล่าวว่าโลกวุ่นวายเพราะพวกพุทธิภูมิและพวกพ้อง ก็ไม่ผิดนัก แต่อย่างไรก็ตาม พวกพุทธภูมิถึงวุ่นวายก็มีวันจบเพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจน
     
  19. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    ศัตรู คู่อาฆาต ตัวพ่อ

    ก่อนรัฐประหารปี 49 ผมได้เดินทางไปประชุมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และทางคณะมีโปรแกรมเที่ยวตลาดท่าขี้เหล็กในฝั่งพม่า นับเป็นครั้งแรกที่ข้ามไปยังฝั่งพม่า

    ในสมัยเด็กใด้ศึกษาประวัติศาสตร์แล้วรู้สึกมีอคติกับพม่า ซึ่งก็ฝังหัวแต่นั้นมา เมื่อจะข้ามไปฝั่งพม่ารู้สึกเป็นกังวล ไม่อยากเข้าไป เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะไปเจออะไรเข้า

    สุดท้ายจึงตัดสินใจเข้าไป เมื่อเข้าไปแล้วรู้สึกรับสัมผัสสิ่งที่มองไม่เห็นมารบกวน ได้แต่บริกรรมพุทโธ ธัมโม สังโฆ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด แทนที่กระผมจะเดินหาซื้อของแต่กลับคิดอยากถวายสังฆทาน จึงเหมาสามล้อถีบให้เป็นไกด์พาไปซื้อสังฆทานและนำไปถวายที่วัด ก่อนที่จะไปสักการะบูชาพระธาตุเจดีย์ชเวดากอง

    ได้สังฆทานแล้วก็ไปถึงวัด(จำชื่อวัดไม่ได้) โดยถือหิ้วถังสังฆทานเข้าไปหาพระภิกษุ ทันใดที่เห็นพระภิกษุโดยสายตากระทบกันรู้สึกเหมือนเคยมีอะไรกันมาก่อนในอดีตชาติ ท่านเพ่งจ้องมองข้าพเจ้าด้วยสายตาโกรธเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ และข้าพเจ้าก็เพ่งมองท่านอยากจะเข้าไปทำร้ายท่าน อยากจะเอาดาบฟันท่าน
    จนมือที่ถือสังฆทานได้เผลอหลุด สังฆทานตกลงไปยังพื้นมีเสียงดัง(ไม่แตก) จึงได้สติ และพยายามนอบน้อมแผ่เมตตา เข้าไปกราบท่าน แต่ท่านได้ห้ามไว้ และเชิญข้าพเจ้าเข้าไปในห้อง

    จิตตอนนั้นบอกว่า ท่านเป็นเจ้ากรรมนายเวร เป็นคู่อาฆาตพยาบาทมาหลายภพหลายชาติ และจิตก็คิดว่า เป็นอย่างไรก็เป็นกัน ถ้าในอดีตชาติเราได้ทำอะไรไม่ดีกับท่านไว้ ถ้าท่านจะเอาชีวิตเราก็ยอม ตายเป็นตาย จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องกับท่าน ใจก็แผ่เมตตาขออโหสิกรรมตลอด ส่วนท่านก็ตาแดงกร่ำเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    ท่านเป็นพระภิกษุที่มีลักษณะสง่าผ่าเผยองอาจ ผิวขาว รูปร่างสันทัด เมื่อท่านและข้าพเจ้าได้นั่งเป็นที่เรียบร้อย ข้าพเจ้าก็กราบท่าน พยายามนอบน้อมก้มศีรษะไม่กล้ามองหน้าท่าน บรรยากาศตอนนั้นเงียบเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เหมือนเวลาได้หยุดเดิน ในใจก็ได้แต่แผ่เมตตา ขออโหสิ ขอขมากรรม อธิฐานในใจว่า สิ่งใดที่ทำไม่ดีต่อท่าน ที่ได้ล่วงเกินท่านในอดีตชาติ ขอให้ท่านจงอภัยและยกโทษอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า หากท่านประสงค์จะเอาชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยินดีสละให้

    ทั้งท่านและข้าพเจ้าได้นั่งนิ่งเป็นเวลานาน แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่ามันนานมากเหมือนเป็นกัปป์เป็นกัลป์ ในใจเหมือนถูกไฟแผดเผา เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนแห่งโทสะ เหมือนตกนรกทั้งเป็น จนกระทั้งอารมณ์ดังกล่าวได้บรรเทาและเบาบางลง ท่านจึงพูดเอ่ยปากออกมาว่า “โยมมาทำบุญ” ข้าพเจ้าจึงลืมตาเงยหน้ามองท่าน สายตาที่แดงกร่ำของท่านก็บรรเทาหายไป รังสีแห่งการอาฆาตพยายาบก็บรรเทาหายไป

    เพียงข้าพเจ้านึกว่า ท่านพูดไทยได้ ท่านก็บอกว่า “อาตมาพูดไทยได้นิดหน่อยไม่มาก” ท่านก็ถามว่ามาจากไหน ข้าพเจ้าบอกว่า “กรุงเทพฯ ประเทศไทย” ท่านก็พูดทวนซ้ำว่า “เมืองไทย” และสายตาของท่านกับของข้าพเจ้าได้เพ่งมองกันอีกครั้ง โดยที่ข้าพเจ้าคิดถึงประวัติศาสตร์ที่ไทยต้องรบกับพม่า จนกระทั่งท่านได้ถามว่า “กรุงเทพฯเป็นอย่างไร” ข้าพเจ้าก็เงียบไม่ตอบ และท่านก็ได้พูดว่า “ถึงเวลาประเทศของคุณต้องรับกรรม”

    จากนั้น ก็เริ่มพิธีการถวายสังฆทาน โดยท่านได้ท่องสาธยายมนต์เป็นสำเนียงภาษาพม่า ข้าพเจ้าก็นั่งฟังโดยไม่รู้เรื่อง เมื่อท่านท่องมนต์เสร็จก็ให้ข้าพเจ้ายกถวาย หลังจากนั้นก็ให้พร และให้กำไรลูกประคำข้อมือแก่ข้าพเจ้าไว้ใส่ติดตัวป้องกันภัย
     
  20. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    ก็ออกตัวว่าพุทธภูมินี่คุณ ผมก็แค่แสดงความเห็นว่า พุทธภูมิจริงๆ ควรจะเป็นยังไง จะได้ไม่ฝันค้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...