เรื่องเด่น โลกอันนี้มีเกิดมีตาย ไม่มีเต็ม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดไป

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 1 ธันวาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    Untitled-111-15-2.jpg

    “ มนุษย์มีเกิดมีตาย
    สัตว์เดรัจฉานมีเกิดมีตาย
    เทวดามีเกิดมีตาย
    พรหมมีเกิดมีตาย รวมแล้วโลกอันนี้มีเกิดมีตาย ไม่มีเต็ม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดไป เป็นทุกข์อยู่ตลอดไป เป็นภพเป็นชาติยืดยาวด้วยเชื้อเกิดเชื้อตาย ภาวนาแล้ววิชชาเกิดพอรู้จักได้การเกิดตายของเจ้าของ เห็นโทษเห็นภัยของการท่องเที่ยวเกิด แก่ เจ็บตาย เป็นภพเป็นชาติ เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ไม่มีอะไรจะยั่งยืนถาวร ”

    “ เกิดตายมาของผู้ข้าฯ จะนับตั้งแต่ชาติชีวิตที่เคยได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์
    – เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๗ ชาติ อยู่เพชรบูรณ์ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมาตรัส ๓ หมื่นปี
    – มาเกิดเชียงใหม่
    – ไปเกิดอยู่สิบสองปันนาสิบสองจุไทย ก่อนศาสนา ๒๘,๐๐๐ ปี
    – มาเกิดอยู่มุกดาหาร เป็นกษัตริย์ ๗ ชาติ ราษฎร ๕ ชาติ ก่อนศาสนา ๑๓,๐๐๐ ปี
    – เกิดปราจีนบุรี เป็นเจ้านาย ๔ ชีวิต ก่อนศาสนา ๖,๕๐๐ ปี
    – เกิดอยู่ลพบุรี เป็นราษฎร ๓ ชีวิต

    เป็นกษัตริย์ ๕ ชีวิต ก่อนศาสนา ๓,๐๐๐ ปี
    – ไปเกิดอยู่พาราณสี
    – เกิดอยู่กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นเจ้าสีหนุราช
    – เกิดกุสินารา เป็นพันธุละเสนาบดี
    – เกิดอยู่เนปาล บวชเป็นฤาษี มีหมู่ ๕๐๐ ฤาษิณี ๒๕๐ ตน ฤาษี ๒๕๐ ตน มีพระเถรเจ้าจากอินเดียธุดงค์ไปโปรดขณะนั้นอยู่ ๑๘ ปี พวกฤาษีสาวก ๕๐๐ เขาได้สำเร็จธรรมะหมด เหลือแต่เราคนเดียว
    – เกิดอยู่เวียงจันทร์ ฟังธรรมพระมหากัจจายนะ อายุ ๑๔ ปี เป็นลูกคู่แฝดกับย่าแก้ว (คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ)
    – เกิด เวสาลี อายุ ๑๘ ปี สังคยานาครั้งที่ ๒ อายุ ๓๑ ปีตาย แล้วเกิดอีกบวชเป็นพระ อายุ ๔๐ ปีตาย
    – เกิด ภูฎาน อาฬวี สร้างวัดใหญ่ที่สุด อายุ ๕๕ ปีตาย ได้พระบรมสารีริกธาตุ ๓ บาตรและพระธาตุสาวกอีกมากมาย
    – เกิดเมืองลังกา เป็นกษัตริย์ เทวนัมปิยะทำสังคายนา อายุ ๕๐ ปีตาย
    – เกิดนครวัด เป็นนายทหาร อายุ ๗๓ ปี
    – เกิดอุทุมพร เป็นลูกเศรษฐี อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดนครวัดแล้วมา สร้างพนมรุ้ง อายุ ๖๓ ปี
    – เกิดเป็นลูกเจ้าเมืองสุรินทร์ ๔ ชีวิต แต่ละชีวิตอายุได้ ๓๓ ปีตายทุกชีวิต โทษสมัยฆ่าเขา ๕๐๐ คน เมืองกุสินารา
    – เกิดพิษณุโลก อายุ ๓๐ ปีตาย
    – เกิดเมืองเชียงแสน
    – เกิดเมืองลังกา เป็นกษัติย์องค์ที่ ๕ อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดพิษณุโลก สร้างวัดเขาสมอแครง อายุ ๕๓ ปี
    – เกิดเมืองเชียงแสน เป็น พรหมราช สร้างพระธาตุจอมกิตติ
    – เกิดลำพูน เป็นลูกชายเจ้าแม่จามเทวี อายุ ๙๐ ปี
    – เกิดเชียงใหม่ บ้านหนองอุกนาหวาย สร้างวัด ๖ วัด อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดแม่ทะ เป็นนายบัณฑิต เทศน์ธรรมสอนผู้คน อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดเมืองซัวเถา เป็นเศรษฐี อายุ ๕๕ ปี
    ตายมาเป็นกษัตริย์ อายุ ๖๓ ปี
    ตายมาเป็นฮ่องเต้ อายุ ๖๓ ปี

    – เกิดเชียงแสน เป็นพญาเม็งราย บูรณะเชียงใหม่
    – เกิดจังหวัดตาก อำเภอสามเงา เป็นคนเผาถ่าน อายุ ๔๑ ปี
    – เกิดแม่สอด เป็นคนเลี้ยงโค ๓๐๐ ตัว อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดจังหวัดตาก บวชอยู่วัด สีตลาราม อายุ ๔๑ ปีตาย
    – เกิดเชียงแสน เป็นพระเจ้าแสนภูมิ อายุ ๕๕ ปี
    – เกิด เมืองเว้ เป็นกษัตริย์ อายุ ๔๐ ปี
    – เกิดเชียงใหม่ เป็นพระเจ้ากือนา ฟ้าผ่ากลางเวียง สร้างวัดหล่อพระมากหลายร้อย
    – เกิดกรุงศรีอยุธยาทำสงครามกับพม่าตาขาว
    – เกิดลพบุรี เป็นไก่ ๕ ชีวิต เป็นตาผ้าขาวอายุได้ ๓๓ ปีตาย
    – เกิดกรุงเทพเป็นราชโอรสของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    – เกิดบ้านห้วยทราย ”

    ๔๑๘.) “ คมธรรม ”
    “ ทุกข์และกรรมเป็นกฎกติกาของโลกอย่างหนึ่งจะมาโอดครวญทำไม ”
    “ ธรรมอำนวยสุขให้ทั้งคราวสำราญและคราวตกทุกข์ ”
    “ เอาตัวตนเกินไป ปฏิบัติธรรมไม่เป็นธรรม ”
    “ ความสงบความผ่องแผ้ว ความอ่อนโยน ธรรมชาติมันสอนให้หมด ”
    “ อย่าหาความสุขจากความเกียจคร้าน
    ความฟุ่มเฟือย
    หรือการยกข้ออ้างใดๆ
    ความตั้งใจที่ดีเท่านั้นจะเป็นมิตรของตน
    ปราชญ์ท่านสอนให้หาความสุขจากการทำดีประกอบคุณงามความดี ให้หาความสุขจากการศึกษาหาความรู้ในธรรม อีกอย่างหนึ่งขอให้คิดนึกว่า ชีวิตจิตใจที่จะเป็นสุขผาสุขได้นั้นต้องเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ถูกครรลองธรรมวินัยขององค์พระพุทธเจ้า ”
    “ ในชีวิตไม่มีอะไรจะเป็นที่พึ่งของตนได้ดีเท่ากับการรำลึกถึงความดีงาม อันตนเคยทำ (ทำไว้มาก ทำให้มาก ทำได้มาก) เพราะเป็นธรรมเอิบอาบซาบซ่านทั่วแล้วในจิต อีกทั้งอันเป็นทรัพย์ภายในอันจะก่อประโยชน์ให้ในทุกที่สถานใจ ”
    “ ขอจงพอใจอยู่แต่เรื่องที่ได้ทำความดี ”
    “ อย่ามาบ่นว่า “ เมื่อใดจะหมดเวรหมดกรรมกันเสียที ทำไมชีวิตนี้มันทุกข์หนักทุกข์หนา ”
    ก็ตัวเองแท้ ๆ ไม่ชำระกรรมของตัว การรู้อะไรดี ไม่รู้อะไรไม่ดี จะให้พ้นกรรมได้อย่างไร จะหมดเวรหมดกรรมได้อย่างไร ”

    “ ใครเป็นผู้ทำกรรม กาย – ๑ –
    วาจา – ๑ –
    ใจ – ๑ –
    วัตถุ – ๑ –
    ทำแล้วให้ใจเป็นผู้เก็บผู้เดียว ทำตอนนี้เก็บตอนนี้มีชีวิตอยู่นี้แหละ ”
    “ ความรู้ ๓ อย่าง ๑. ความรู้ที่ทำกิเลสให้สงบ
    ๒. ความรู้ที่ทำให้กิเลสดับไป
    ๓. ความรู้ที่ส่งเสริมกิเลส ”

    “ หากยังมีความอยาก ความอาลัยในจิตอยู่มีกิญจนะกังวลอะไรอยู่ในตน จะเกิดมรรคไม่ได้หรอก เพราะธรรมหยาบมีไว้แก้ของหยาบ มัชฌิมธรรมมีไว้แก่กิเลสนุสัยของกลาง ธรรมละเอียดมีไว้แก้ของละเอียด
    ๑. หากมีอุปนิสัยพร้อมจะบรรลุก็จะได้ตามภูมิธรรมได้ใน ปฐมวัย ๑
    มัชฌิมวัย ๒
    ปัจฉิมวัย ๓
    ใกล้ตาย ๔
    ๒. หากไม่ได้ก็ได้ในสวรรค์
    ๓. หรือได้นิสัยพระปัจเจกก์
    ๔. หรือได้เป็นมนุษย์สุคติ
    ได้บรรลุเร็วไวๆ
    ได้เป็นนิสัย อุปนิสัยต่อไป ”

    “ รู้ความจริงความเป็นจริง แล้วปล่อยตามความจริงนั้น ใจมันก็มีที่ลง เพราะมีท่าลงโดยรอบ จิตเป็นธรรม นั้นความจริง ใจมันทราบในความชัดเจน จะไปถามหาอะไรอีก มันเป็นแล้วก็แล้วไป
    อดีตก็เรื่องของมัน
    อนาคตก็เรื่องของมัน
    ไปยุ่งกับมันทำไม
    เอาให้ใจมันเข้ากับปัจจุบันได้
    ตรงนั้นแหละ ต้นเหง้าของธรรม ”

    คัดจากธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ : วัยสุดท้ายบ่พ่ายแพ้แก่ตน

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน



    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...