ใครคือ ฅนขลัง คลังวิชา ตัวจริง

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย ยลไตรเพ็ชร, 28 มกราคม 2013.

  1. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    ใครคือ คนขลัง คลังวิชา? เป็นเวลาราว 1 ปีมาแล้วที่ผู้ที่ใช้นาม login ว่า คนขลังคลังวิชาได้เข้าไปเปิดตัวในเว็บพลังจิตเกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่เดินหน(อิเกสาโร) โดยได้ทำทีเข้าไปเริ่มสอบถามผู้ที่โพสต์เรื่องราวของหลวงปู่และมีทีท่าว่าจะมีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างรูปของท่านอันจะนำไปสู่การเสนอทำบุญ(ซื้อ-ขาย)เพราะไม่พอใจที่มีผู้คิดกระทำการอันมีเจตนาเพื่อหาประโยชน์จากรูปและเรื่องราวของหลวงปู่จึงได้เข้าไปเสนอตัวแสดงรายละเอียดเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับหลวงปู่เดินหน ซึ่งก็ได้มีผู้สอบถามเข้าไปในเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโตอันเป็นพระผู้มีอภิญญาที่เกี่ยวข้องเป็นสายเดียวกันว่าคนขลังฯทราบเรื่องราวด้วยรึไม่? จากนั้น คนขลังฯจึงได้แสดงภูมิ(ที่ตนได้โทรศัพท์สอบถามจากผู้ที่รู้เรื่องราวของหลวงพ่อ)ตอบปัญหาและเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องไว้และด้วยอารมณ์อันไม่ปกติของคนขลังฯเองจึงทำให้ตอบโต้ผู้ที่เข้าถามหลายคนด้วยภาษาที่ไม่เหมาะสมหลายครั้งหลายคราว ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตนเองต้องตอบโต้กับผู้อื่นในสิ่งที่ตนไม่รู้ในบอร์ดสาธารณะอันอาจเป็นการเสียเปรียบได้คนขลังฯจึงได้หลบออกไปเปิดfacebookหน้าส่วนตัวเป็นของตนเองเพื่อสามารถกระทำการได้เต็มที่และเป็นการสื่อสารฝ่ายเดียวที่ไม่สามารถมีผู้ตอบโต้และคัดค้านได้ข้อความและความเห็นของผู้ที่ไม่เห็นด้วยจึงไม่สามารถปรากฏขึ้นในหน้าfacebookส่วนตัวนี้และจะถูกลบชื่อออกจาก Facebook ทันทีที่เห็นว่า เป็นปัญหากับตนหรือไม่สบอารมณ์ จากการเข้าไปค้ดค้านเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่เดินหนในบอร์ด พลังจิตก็เลยกลายเป็นการเข้าไปนำเสนอเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโต แทนที่และนำไปสู่การหาพระเครื่องรุ่นสุดท้ายที่หลวงพ่อท่านได้อนุญาตให้สร้างและทำการปลุกเสกไว้เพราะมีเจตนาสร้างเรื่องราวเพื่อหาผลประโยชน์เป็นเงินก้อนใหญ่จากแผนการนี้ ซึ่งช่องทางนี้ทำให้คนขลังฯได้ติดต่อให้บุคคลที่รู้และมีการเก็บพระเครื่องของหลวงพ่ออภิชิโตให้หามาจำหน่ายให้ตนและได้ติดต่อนำเสนอเรื่องราวเข้าไปในกระทู้ของเว็บแห่งหนึ่งซึ่งใช้วิธีหลอกลวงอันแยบยลว่าตนรู้เรื่องราวดี(ที่แท้จริงก็ไปรับฟังมาจากศิษย์ของหลวงพ่อฯและศิษย์ของ พ.อ.ชม สุคันธรัตเนื่องจากคนขลังฯเองก็ไม่เคยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อนเลยย้อนกลับไป3 ปีให้หลัง ณ วันนั้น บุคคลที่ใช้ชื่อว่า " คนขลัง"คนนี้หาได้รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่ออภิชิโตแม้แต่น้อย )การดำเนินการผ่านไปเรื่องราวและการปั่นราคาพระเครื่องที่มีคนขลังฯวางแผนการหลอกใช้ผู้อื่นหาเงินให้ตนก็ทำให้คนขลังฯได้รับเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหลักสิบล้านบาทภายในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งคนขลังฯ มองออกถึงเม็ดเงินที่ตนจะได้ก็เลยมีการออกรถไว้ก่อนล่วงหน้าไม่นานนัก (ราวๆก่อนกลางปี2555โดยออกในนามคนใกล้ตัว) ตั้งแต่เรื่มมีการจำหน่ายพระรอบแรกๆ เมื่อมีเงินแล้ว ความโลภในจิตใจดั้งเดิมก็ออกดำเนินต่อไปความคิดที่จะทำมาหากินกับการขายอาหารที่เป็นอาชีพเดิมซึ่งเป็นที่เหนื่อยยากและไม่สามารถมีรายได้ที่พอใช้จ่ายได้ก็เป็นอันเปลี่ยนไปการขายพระเครื่องซึ่งตนเองสามารถ Promoteผ่านสื่อที่มีผู้เชื่อถือกันอยู่แล้วย่อมทำเม็ดเงินจำนวนมากให้ได้ดีกว่าจึงดำเนินการต่อด้วยการนำพระเครื่องหลวงพ่อกวย มาออกตัวกันต่อไปอีกและยังเอาพระเครื่องต่างๆที่ตนมีอยู่และของพรรคพวกอีกทั้งซื้อหามาจากพวกที่ขายอยู่ในสนามพระนำมาขายตรงได้อีกมากมายซึ่งก็ทำเงินให้คนขลังฯไปได้อีกหลายล้านบาทปัจจุบัน ในหน้าfacebookได้รับสมาชิกเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นโอกาสขายตรงและจะคัดสมาชิกด้วยตนเองเพื่อป้องกันคนที่รู้เรื่องราวเบื้องหลังเข้ามาขวางและยิ่งไปกว่านั้นได้ให้พ่อค้าพระเครื่องบนสนามพระติดต่อเข้าไปยังคนในบ้านของลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่ต่างจังหวัดโดยสั่งและรับซื้อสิ่งที่คนในบ้านแอบลักลอบนำ พระเครื่อง ข้าวของที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อ รูปถ่ายเป็นอัลบัมและได้นำภาพมาลงShowให้บรรดาสมาชิกเห็นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้เห็นว่าตนเองเป็นผู้รู้เรื่องราวของหลวงพ่อดีที่สุด(ทั้งๆที่ตัวคนขลังฯเอง ปัจจุบัน อายุ 35 ปีเต็ม ย่าง 36 ปี เท่านั้นตอนหลวงพ่อฯมรณภาพ ยังอายุแค่ 16 ย่าง 17 ปี เรียนมัธยมยังไม่จบไม่เคยได้ยินได้ฟังหรือรับรู้เรื่องของหลวงพ่อแม้แต่น้อยเลยแต่อาศัยสอบถามเรื่องราว ขอข้อมูลจากศิษย์สายนี้นอกจากนี้ยังไม่ยอมคืนทั้งเอกสารและภาพถ่ายที่นำไปลงshowในfacebookและพระเครื่องกับเครื่องรางอีกจำนวนมากที่นำไป)หลังจากนั้นก็จะทำการขายหลังไมค์ให้กับผู้ที่เสนอราคาให้สูงๆอีกทั้งทำการยืนยันรับรองพระเครื่องที่สมาชิกในfacebookเช่าหามาจากคนของตนที่ไปเปิดเว็บจำหน่ายไว้และสมาชิกนำภาพมาสอบถามทั้งยังให้เพื่อนบ้านรุ่นน้องจำหน่ายในเว็บพระเครื่อง เพื่อออกตัวเพราะในFacebookของคนขลังได้บอกไว้ว่าตนเองไม่มีการจำหน่ายพระเครื่องแต่อย่างใด(ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะเอาพระเครื่องมาให้บุคคลคนนี้ออกหน้าแทนและรับรองความแท้ไว้อีกด้วย) การpostในfacebookนั้นคนขลังฯก็พยายามทำตัวเองให้ผู้อื่นเข้าใจว่ามีอายุ 50 กว่าปีซึ่งเป็นอายุของคนที่เล่าเรื่องราวและให้ข้อมูลรวมทั้งเอกสารต่างๆ(ที่คนขลังฯยึดเอาไว้ไม่ยอมคืนเพราะอยากได้ของที่เป็นต้นฉบับไว้ในครอบครองเพราะสามารถอวดใครต่อใครได้ว่าตนเองมีตัวจริงและเป็นบุคคลคนนั้นจริง )การแสดงตัวตนให้เข้าใจผิดนี้เป็นหนทางในการลอยตัวหนีหากเกิดปัญหาในอนาคตคนที่เข้ามาเห็นก็จะเข้าใจว่าเป็นศิษย์ในสายนี้เป็นคนกระทำการทั้งหมดแม้กระทั่งหลอกให้ไปบวชเป็นเวลา 3 เดือน ในพรรษาที่ผ่านมา เพราะอ้างว่าหลวงปู่เดินหนมาบอกว่ามีเคราะห์(ซึ่งก็เป็นเคราะห์ที่เกิดจากคนขลังสร้างมาให้นั่นเอง)แต่ความจริงเป็นการกีดกันให้ออกไปให้พ้นทางในการดำเนินการขายพระเครื่องและไม่ให้รู้เรื่องราวต่างๆที่ตนกระทำลับหลังโดยได้ทำการตัดรายชื่อสมาชิกผู้นี้ออกจาก facebook ไปแล้วและอ้างว่าไม่ได้ทำการตัดรายชื่ออกไป เพราะเมื่อขอ add เข้าไปใหม่ก็ไม่ยอมรับอีกดังนั้นใน facebook จึงมีข้อความว่า ที่หายไปเป็นเวลานานเพราะคนขลังฯไปอยู่ในอ้อมหัตถ์ของพระพุทธเจ้าการเขียนเช่นนี้เพื่อให้คนเข้าใจว่าคนขลังฯไปบวชมาเป็นการโยนตัวตนของคนขลังฯให้ผู้อื่นเห็นว่าคือศิษย์สายนี้ผู้นี้เอง(ทั้งยังบอกทางหลังไมค์ว่าตนเองคือบุคคลที่ไปบวชมาโดยบอกชื่อคนๆนี้ให้ผู้สอบถามเข้ามาซึ่งถ้าใช้นามแฝงว่าคนขลังฯแล้ว จะไปบอกให้ผู้อื่นทราบทำไมว่าตนเป็นใครเป็นเจตนาทิ้งร่องรอยให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นบุคคลคนนั้นนั่นเอง) การกระทำที่เริ่มต้นขอข้อมูล อ้างว่ามาทำหนังสือขอเอกสารเดิมและภาพถ่าย ขอบันทึกเรื่องราวต่างๆหลอกให้นำพระเครื่องมาปั่นขายหากำไร หลอกลวงผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกแอบอ้างตนว่าเป็นผู้รู้ผู้เดียวของๆผู้อื่นที่อยู่นอกจากของตนเป็นของปลอมการยึดพระเครื่อง,เอกสาร,ภาพถ่าย,เครื่องรางฯลฯ ของผู้ให้ข้อมูลการหลอกลวงสารพัดฯลฯ นี่หรือ คือการกระทำของ คนที่มี Slogan ว่า " ไม่หลับตาสร้างภาพ เป็นเพียงคนบาปที่ผ่านมา " ซึ่งที่ถูกต้องควรจะเป็น "" อ้างหลวงปู่มาสร้างภาพ จิตคิดบาปทุกเวลา " นอกจากนี้คนขลังฯได้สร้างปัญหาทะเลาะและใช้คำท้าทายดูหมิ่นผู้อื่นมากมายทำให้มีศัตรูไปทั่ว แล้วใช้วิธีบอกผู้อื่นทางหลังไมค์ว่าตนเองคือผู้ที่ให้ข้อมูลที่ไปบวชมานั่นเอง เป็นการโยนบาปเคราะห์ที่ตนทำไว้หากเกิดเรื่องราวที่เป็นอันตรายก็จะมีแต่คนเข้าใจว่าเป็นผู้ที่ช่วยให้เอกสาร,ข้อมูล,พระเครื่อง,ทั้งติดต่อหาพระเครื่องมาให้จะต้องถูกเล่นงานตนเองก็จะรอดตัวไปเสวยสุขที่เกิดจากแผนการร้ายโยนบาปเคราะห์ให้ผู้ที่ช่วยเหลือตนเองมาตลอดในเรื่องนี้ ยังมีเรื่องราวและรายละเอียดอีกมากมายทั้งมารยาต่างๆนานาที่คนขลังฯได้ทำไว้ ถ้าผู้ใดอยากทราบความจริงสามารถจะนัดหมายไปพบตัวเป็นๆกันได้ ไม่ต้องหลบอยู่ใน facebook แบบคนขลังฯ
     
  2. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ขอความกรุณาทางผู้ดูแลเวปพลังจิต อย่าลบหรือย้ายไปดองเค็มกระทู้นี้ก่อนเวลาครับ เพราะทั้งหมดนี้จะเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งในการยืนยันสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสังคม และเป็นอันตรายต่อคนที่ถูกอ้างชื่อไปใช้กระทำความผิดอีกหลายๆอย่าง เจ้าของกระทู้เป็นบุคคลตัวจริงที่ถูกอ้างชื่อและเขียนเรื่องลงมาครั้งนี้หลังจากได้ประชุมร่วมกับศิษย์ตัวจริงๆของหลวงพ่ออภิชิโต และทุกท่านยินดีพิสูจน์ความจริงทั้งหมดโดยให้เพื่อนสมาชิกเข้าร่วมฟังได้ด้วย
     
  3. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    มีบางท่านอ่านแล้วปวดตากับหนังสือตัวเล็กๆที่คนสูงวัยจะอ่านยาก ผมขออนุญาตเจ้าของกระทู้ นำมาเว้นวรรคให้อ่านกันง่ายๆโดยไม่ตัดหรือแต่งเติมใดๆทั้งสิ้น ใครข้องใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นหรือยังคิดว่าจริงหรือ? ใช่หรือ? สอบถามไปที่เจ้าของกระทู้โดยตรงหรือนัดท่านก็ได้ ยังมีเล่าได้อีกหลายเรื่องล้วนทำให้เข้าใจได้ว่า โลกใบนี้อยู่ยาก เข้าใจยาก คำตอบทุกอย่างให้อยู่ในใจของท่านก็แล้วกัน
    ....................................................................................................................................................................................

    ใครคือ คนขลัง คลังวิชา?
    เป็นเวลาราว 1 ปีมาแล้วที่ผู้ที่ใช้นาม login ว่า คนขลัง คลังวิชาได้เข้าไปเปิดตัวในเว็บพลังจิตเกี่ยวกับเรื่องหลวงปู่เดินหน (อิเกสาโร) โดยได้ทำทีเข้าไปเริ่มสอบถามผู้ที่โพสต์เรื่องราวของหลวงปู่และมีทีท่าว่าจะมีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างรูปของท่าน อันจะนำไปสู่การเสนอทำ บุญ(ซื้อ-ขาย) เพราะไม่พอใจที่มีผู้คิดกระทำการอันมีเจตนาเพื่อหาประโยชน์จากรูปและเรื่องราวของหลวงปู่ จึงได้เข้าไปเสนอตัวแสดงรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหลวงปู่เดินหน ซึ่งก็ได้มีผู้สอบถามเข้าไปในเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโตอันเป็นพระผู้มีอภิญญาที่เกี่ยวข้องเป็นสายเดียวกันว่าคนขลังฯทราบเรื่องราวด้วยรึไม่?
    จากนั้น คนขลังฯ จึงได้แสดงภูมิ(ที่ตนได้โทรศัพท์สอบถามจากผู้ที่รู้เรื่องราวของหลวงพ่อ) ตอบปัญหาและเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องไว้และด้วยอารมณ์อันไม่ปกติของ คนขลังฯเองจึงทำให้ตอบโต้ผู้ที่เข้าถามหลายคนด้วยภาษาที่ไม่เหมาะสมหลายครั้งหลายคราว ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตนเองต้องตอบโต้กับผู้อื่นในสิ่งที่ตนไม่รู้ในบอร์ดสาธารณะอันอาจเป็นการเสียเปรียบได้ คนขลังฯจึงได้หลบออกไปเปิด facebook หน้าส่วนตัวเป็นของตนเอง เพื่อสามารถกระทำการได้เต็มที่และเป็นการสื่อสารฝ่ายเดียวที่ไม่สามารถมีผู้ตอบโต้และคัดค้านได้ ข้อความและความเห็นของผู้ที่ไม่เห็นด้วยจึงไม่สามารถปรากฏขึ้นในหน้า facebookส่วนตัวนี้และจะถูกลบชื่อออกจาก Facebook ทันทีที่เห็นว่าเป็นปัญหากับตนหรือไม่สบอารมณ์

    จากการเข้าไปค้ดค้านเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่เดินหนในบอร์ดพลังจิต ก็เลยกลายเป็นการเข้าไปนำเสนอเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโตแทนที่และนำไปสู่การหาพระเครื่องรุ่นสุดท้ายที่หลวงพ่อท่านได้อนุญาตให้สร้างและทำการปลุกเสกไว้ เพราะมีเจตนาสร้างเรื่องราวเพื่อหาผลประโยชน์เป็นเงินก้อนใหญ่จากแผนการนี้ ซึ่งช่องทางนี้ทำให้คนขลังฯได้ติดต่อให้บุคคลที่รู้และมีการเก็บพระเครื่องของหลวงพ่ออภิชิโตให้หามาจำหน่ายให้ตน และได้ติดต่อนำเสนอเรื่องราวเข้าไปใน กระทู้ของเว็บแห่งหนึ่งซึ่งใช้วิธีหลอกลวงอันแยบยลว่าตนรู้เรื่องราวดี (ที่แท้จริงก็ไปรับฟังมาจากศิษย์ของหลวงพ่อฯและศิษย์ของ พ.อ.ชม สุคันธรัตเนื่องจากคนขลังฯเองก็ไม่เคยรับรู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อนเลยย้อน กลับไป3 ปีให้หลัง ณ วันนั้น บุคคลที่ใช้ชื่อว่า " คนขลัง"คนนี้หาได้รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่ออภิชิโตแม้แต่น้อย ) การดำเนินการผ่านไป เรื่องราวและการปั่นราคาพระเครื่องที่มีคนขลังฯวางแผน การหลอกใช้ผู้อื่นหาเงินให้ตน ก็ทำให้คนขลังฯได้รับเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหลักสิบล้านบาทภายในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งคนขลังฯ มองออกถึงเม็ดเงินที่ตนจะได้ก็เลยมีการออกรถไว้ก่อนล่วงหน้าไม่นานนัก (ราวๆก่อนกลางปี2555โดยออกในนามคนใกล้ตัว) ตั้งแต่เริ่มมีการจำหน่ายพระรอบแรกๆ

    เมื่อมีเงินแล้วความโลภในจิตใจดั้งเดิมก็ออกดำเนินต่อไป ความคิดที่จะทำมาหากินกับการขาย อาหารที่เป็นอาชีพเดิมซึ่งเป็นที่เหนื่อยยากและไม่สามารถมีรายได้ที่พอใช้ จ่ายได้ก็เป็นอันเปลี่ยนไป การขายพระเครื่องซึ่งตนเองสามารถ Promote ผ่านสื่อที่มีผู้เชื่อถือกันอยู่แล้วย่อมทำเม็ดเงินจำนวนมากให้ได้ดีกว่า จึงดำเนินการต่อด้วยการนำพระเครื่องหลวงพ่อกวย มาออกตัวกันต่อไปอีก และยังเอาพระเครื่องต่างๆที่ตนมีอยู่และของพรรคพวกอีก ทั้งซื้อหามาจากพวกที่ขายอยู่ในสนามพระนำมาขายตรงได้อีกมากมายซึ่งก็ทำเงินให้คนขลังฯไปได้อีกหลายล้านบาท

    ปัจจุบันในหน้า facebookได้รับสมาชิกเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นโอกาสขายตรงและจะคัดสมาชิกด้วยตนเองเพื่อป้องกันคนที่รู้เรื่องราวเบื้องหลังเข้ามาขวาง และยิ่งไปกว่านั้นได้ให้พ่อค้าพระเครื่องบนสนามพระติดต่อเข้าไปยังคนในบ้านของลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่ต่างจังหวัด โดยสั่งและรับซื้อสิ่งที่คนในบ้านแอบลักลอบนำ พระเครื่อง ข้าวของที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อ รูปถ่ายเป็นอัลบัมและได้นำภาพมาลง Showให้บรรดาสมาชิกเห็นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ให้เห็นว่าตนเองเป็นผู้รู้เรื่องราวของหลวงพ่อดีที่สุด (ทั้งๆที่ตัว คนขลังฯเอง ปัจจุบัน อายุ 35 ปีเต็ม ย่าง 36 ปี เท่านั้น ตอนหลวงพ่อฯมรณภาพ ยังอายุแค่ 16 ย่าง 17 ปี เรียนมัธยมยังไม่จบ ไม่เคยได้ยินได้ฟังหรือรับรู้เรื่องของหลวงพ่อแม้แต่น้อยเลย แต่อาศัยสอบถามเรื่องราว ขอข้อมูลจากศิษย์สายนี้นอกจากนี้ยังไม่ยอมคืนทั้งเอกสารและภาพถ่ายที่นำไป ลงshowในfacebookและพระเครื่องกับเครื่องรางอีกจำนวนมากที่นำไป)

    หลังจากนั้น ก็จะทำการขายหลังไมค์ให้กับผู้ที่เสนอราคาให้สูงๆอีกทั้งทำการยืนยันรับรองพระเครื่องที่สมาชิกใน facebook เช่าหามาจากคนของตนที่ไปเปิดเว็บจำหน่ายไว้ และสมาชิกนำภาพมาสอบถามทั้งยังให้เพื่อนบ้านรุ่นน้องจำหน่ายในเว็บพระเครื่อง เพื่อออกตัวเพราะใน Facebookของคนขลังได้บอกไว้ว่าตนเองไม่มีการจำหน่ายพระเครื่องแต่อย่างใด (ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะเอาพระเครื่องมาให้บุคคลคนนี้ออกหน้าแทนและรับรองความแท้ไว้อีกด้วย) การpostในfacebookนั้น คนขลังฯก็พยายามทำตัวเองให้ผู้อื่นเข้าใจว่ามีอายุ 50 กว่าปี ซึ่งเป็นอายุของคนที่เล่าเรื่องราวและให้ข้อมูลรวมทั้งเอกสาร ต่างๆ (ที่คนขลังฯยึดเอาไว้ไม่ยอมคืนเพราะอยากได้ของที่เป็นต้นฉบับไว้ในครอบ ครองเพราะสามารถอวดใครต่อใครได้ว่าตนเองมีตัวจริงและเป็นบุคคลคนนั้นจริง )

    การแสดงตัวตนให้เข้าใจผิดนี้ เป็นหนทางในการลอยตัวหนีหากเกิดปัญหาในอนาคตคน ที่เข้ามาเห็นก็จะเข้าใจว่าเป็นศิษย์ในสายนี้เป็นคนกระทำการทั้งหมด แม้กระทั่งหลอกให้ไปบวชเป็นเวลา 3 เดือน ในพรรษาที่ผ่านมา เพราะอ้างว่าหลวงปู่เดินหนมาบอกว่ามีเคราะห์ (ซึ่งก็เป็นเคราะห์ที่เกิดจากคนขลังสร้างมาให้นั่นเอง) แต่ความจริงเป็นการกีดกันให้ออกไปให้พ้นทางในการ ดำเนินการขายพระเครื่องและไม่ให้รู้เรื่องราวต่างๆที่ตนกระทำลับหลัง โดยได้ทำการตัดรายชื่อสมาชิกผู้นี้ออกจาก facebook ไปแล้วและอ้างว่าไม่ได้ทำการตัดรายชื่ออกไป เพราะเมื่อขอ add เข้าไปใหม่ก็ไม่ยอมรับอีกดังนั้นใน facebook จึงมีข้อความว่า ที่หายไปเป็นเวลานานเพราะคนขลังฯไปอยู่ในอ้อมหัตถ์ของพระพุทธเจ้า การเขียนเช่นนี้เพื่อให้คนเข้าใจว่าคนขลังฯไปบวชมาเป็นการโยนตัวตนของคนขลังฯ ให้ผู้อื่นเห็นว่าคือศิษย์สายนี้ผู้นี้เอง (ทั้งยังบอกทางหลังไมค์ว่า ตนเองคือบุคคลที่ไปบวชมา โดยบอกชื่อคนๆนี้ให้ผู้สอบถามเข้ามา ซึ่งถ้าใช้นามแฝงว่าคนขลังฯแล้ว จะไปบอกให้ผู้อื่นทราบทำไมว่าตนเป็นใครเป็นเจตนาทิ้งร่องรอยให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นบุคคลคนนั้นนั่นเอง)

    การกระทำที่เริ่มต้นขอข้อมูล อ้างว่ามาทำหนังสือขอเอกสารเดิมและภาพถ่าย ขอบันทึกเรื่องราวต่างๆหลอกให้นำพระเครื่องมาปั่นขายหากำไร หลอกลวงผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิก แอบอ้างตนว่าเป็นผู้รู้ผู้เดียว ของๆผู้อื่นที่อยู่นอกจากของตนเป็นของปลอม การยึดพระเครื่อง,เอกสาร,ภาพถ่าย,เครื่องราง ฯ ลฯ ของผู้ให้ข้อมูล การหลอกลวงสารพัดฯลฯ นี่หรือคือการกระทำของ คนที่มี Slogan ว่า " ไม่หลับตาสร้างภาพ เป็นเพียงคนบาปที่ผ่านมา " ซึ่งที่ถูกต้องควรจะเป็น "" อ้างหลวงปู่มาสร้างภาพ จิตคิดบาปทุกเวลา "

    นอกจากนี้คนขลังฯ ได้สร้างปัญหาทะเลาะและใช้คำท้าทายดูหมิ่นผู้อื่นมากมายทำ ให้มีศัตรูไปทั่ว แล้วใช้วิธีบอกผู้อื่นทางหลังไมค์ว่า ตนเองคือผู้ที่ให้ข้อมูลที่ไปบวชมานั่นเอง เป็นการโยนบาปเคราะห์ที่ตนทำไว้ หากเกิดเรื่องราวที่เป็นอันตรายก็จะมีแต่คนเข้าใจว่า เป็นผู้ที่ช่วยให้เอกสาร,ข้อมูล,พระเครื่อง, ทั้งติดต่อหาพระเครื่องมาให้ จะต้องถูกเล่นงานตนเองก็จะรอดตัวไปเสวยสุขที่เกิดจากแผนการร้าย โยนบาปเคราะห์ให้ผู้ที่ช่วยเหลือตนเองมาตลอดในเรื่องนี้ ยังมีเรื่องราวและรายละเอียดอีกมากมาย ทั้งมารยาต่างๆนานาที่คนขลังฯได้ทำไว้ ถ้าผู้ใดอยากทราบความจริง สามารถจะนัดหมายไปพบตัวเป็นๆกันได้ ไม่ต้องหลบอยู่ใน facebook แบบคนขลังฯ
     
  4. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    ความจริงเริ่มเปิดเผยแล้วครับเรื่องจริงเรื่องนี้อีกยาว ดีมากเลยครับที่นำมาเปิดเผยจะได้รับรู้ความจริงกันซะที:cool::cool::cool:
     
  5. คนชักพระ

    คนชักพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +26
    อั๊ยย่ะ ยัง ยังไม่หมดเรื่องของเจ้านี่คนที่เป็นพญาเทครัวด้วยการวางยาสาวทั้งพี่ทั้งน้อง ยังเป็นคนที่ไปขวางการบวชเป็นพระของเพื่อนเมื่อผิดใจกัน คนวงการพระเขารู้กันนะและยังมีบัญชีรออีกมาก เดี๋ยวนี้คิดใหญ่เปิดร้านพระสองร้านชื่อเหมือนกันขายทางเน็ต (พ.พ) แต่ใช้ชื่อคนรู้จักเปิดร้านกับบัญชี เอามาแฝงขายตรงโดยนำของในร้านโชว์ทีละองค์ ตัวเองเขียนเล่าเรียกแขกไว้ในห้องเรื่องเล่าพลังจิต เป็นคนเดียวกันแหละคร๊าบท่าน ระวังกันไว้ด้วย
     
  6. das999

    das999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +2,223
    รอดูหลักฐานครับ อยากเห็นอะไรๆที่มากกว่าคำพูดทั้ง ๒ ฝ่าย
     
  7. ส่องประทีป

    ส่องประทีป Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +50
    น่าสนใจครับ ทางที่ดีผมว่า ถ้าจะเปิดเผยตัวจริงคนขลัง คนตั้งกระทู้ก็น่าที่จะเปิดเผยชื่อตัวเองด้วย จะได้ยุติธรรมนะครับ เพื่อความเป็นธรรมของทั้ง 2 ฝ่าย
     
  8. one-zee

    one-zee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    5,474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,660
    รอติดตามครับ...
     
  9. ครุฑยุดนาค

    ครุฑยุดนาค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,914
    ค่าพลัง:
    +7,211
    อีกหนึ่งความคิดเห็นครับ

    ขอย้ำว่าความคิดเห็นนี้ไม่ใช่ไทยมุง และไม่ได้ต้องการความจริงเพื่อความสะใจ หรืออยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาและรอดูผลลัพธ์

    ผมศรัทธาในองค์หลวงพ่อชาญณรงค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีพุทธพาณิชย์มาเกี่ยวข้อง และปัจจุบันก้อห้อยพระของหลวงพ่อขึ้นคออยู่

    ถ้าไม่เป็นการลำบากจนเกินไป ผมอยากทราบความจริงที่มากกว่าข้อความโพสต์ที่เล่าเรื่องมา ถ้าคุณ "ยลไตรเพ็ชร" (แหม!..ตั้งชื่อยูสเซอร์ได้แสบทรวงจริงๆ) จะกรุณาเพื่อเป็นทานต่อบุคคลที่เคารพนับถือหลวงพ่อจริงๆ ก้อช่วยแสดงหลักฐานยืนยันหน่อยครับ

    ส่วนคุณ "คนขลัง" เท่าที่ทราบ ว่าใช้ชื่อนี้เข้ามาในเว็บพลังจิตไม่ได้ เพราะถูกแบน แต่ใจผมก้ออยากเห็นความจริงในกระทู้เดียวกัน....ขอย้ำอีกครั้งผมไม่ใช่กระบอกเสียงของใครทั้งสิ้น

    ที่มาโพสต์..ไม่ได้เข้าข้างใคร และจะเสียความรู้สึกอย่างมาก ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหลอกลวง เพราะผมให้ใจและความศรัทธาเต็มร้อยแก่แต่ละฝ่าย และผมเชื่อว่ามีสมาชิกอีกจำนวนมากที่มีความรู้สึกเป็นแบบเดียวกับผม

    ไหนๆ ก้อมาถึงขั้นนี้แล้ว บอกมาครับ..ต้องทำยังไงถึงจะได้รู้ความจริง..ตอนนี้ผมมาทำงานที่ กองบิน7 จ.สุราษฎร์ธานี

    ขอความกรุณาอย่าคิดว่าผมต้องการโชว์พาวเวอร์ อยากเด่น อยากดัง อยากเป็นจุดสนใจ ไม่ใช่เลย..โพสต์ครั้งนี้และครั้งก่อนมาจากข้างในใจของผมจริงๆ..มาเถอะครับ..มาเปิดความจริงกัน..หนึ่งในคนที่เสียมากที่สุด..ผมว่าก้อคือคนที่เชื่อและศรัทธาด้วยความบริสุทธิ์ใจ...........ขอบพระคุณครับ
     
  10. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    ขอย้ำว่าถ้าผู้ใดอยากทราบความจริงอยากเห็นหลักฐาน สามารถจะนัดหมายไปพบตัวเป็นๆกันได้ ผู้เขียนยินดีเปิดเผยตัวตน รวมทั้งข้อมูลและหลักฐานต่างๆ


    .....เรื่องที่นำมาให้อ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ถูกส่งให้คนขลังฯตั้งแต่ปีที่แล้วมา ได้เกลาข้อความบางส่วนเล็กน้อย และขอไม่ลงชื่อบุคคลบางท่านโดยมารยาท ถ้าสังเกตเรื่องที่ลงในนิตยสาร " มหัศจรรย์ " เมื่อ ราว 15 ปีที่ผ่านมาได้ลงไว้ จะเห็นว่ามีเขียน กาพย์ โคลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เขียนเรื่องกระทำอยู่เสมอๆ แม้แต่โคลงกระทู้


    " เรื่องหลวงพ่ออภิชิโตเสก ใบไม้เป็นแมลงภู่ " เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับฟังมาจากปากบุตรสาวของท่านอาจารย์พันเอกชม สุคันธรัต
    .....ราวปี 2535 - 2538 ( ขออภัยที่จำปีไม่ได้แน่ชัด ) ข้าพเจ้าได้มีโอกาสคุยกับบุตรสาวของท่านอาจารย์พันเอกชม สุคันธรัต ที่บ้านย่านเตาปูน กทม. เมื่อคุยกันถึงเรื่องที่หลวงพ่ออภิชิโต สามารถแปลงธาตุเสกใบไม้เป็นนกได้ แต่เสียดายที่พวกเราไม่มีโอกาสได้เห็น บุตรสาวของท่านอาจารย์พันเอกชม สุคันธรัต ก็ได้เล่าว่าเคยเห็นบ่อยๆ ข้าพเจ้าก็ได้ถามขึ้นทันทีว่า " ไปเห็นยังไงครับพี่? " ท่านก็เล่าว่า " ตอนพี่เด็กๆน่ะ (น่าจะราวๆ 10 - 14 ปี ) หลวงพ่อมาหาคุณพ่อบ่อยๆ มาทีนึง พวกพี่ก็ดีใจกัน เพราะท่านจะเอาใบไม้( ในบ้านท่านอาจารย์พันเอกชมฯ )มากำไว้ในมือแล้วเสกเป็นแมลงภู่ตัวอ้วนๆดำๆแล้วให้พวกพี่เอาโหลแก้วมาใส่ไว้ พวกพี่เอาฝาปิดแล้วก็มานั่งดูกัน แต่แล้วก็กลัวแมลงภู่จะไม่มีอากาศหายใจจะตายได้ เลยแง้มฝาไว้นิดนึง นิดเดียวเท่านั้นนะ ไม่มีทางที่แมลงภู่จะลอดออกไปได้แน่นอน เราอยากดูกันว่าตอนมันกลายคืนเป็นใบไม้มันจะเป็นยังไงอยากเห็นกับตา แต่พอเล่นไปเล่นมาพักใหญ่ๆ เผลอแผลบเดียวแมลงภู่ก็หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปได้ยังไง กี่ครั้งๆก็เป็นอย่างนี้ " นี่คือเรื่องที่บุตรสาวของท่านอาจารย์พันเอกชม สุคันธรัต เคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังมา ปัจจุบันบุตรสาว ท่านอาจารย์พันเอกชม ยังอยู่ดีมีสุข อายุอานามก็ใกล้แซยิดแล้ว.......
     
  11. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    เรื่องหลวงพ่ออภิชิโตเสกกลีบบัวเป็นคางคก

    " เรื่องหลวงพ่ออภิชิโตเสกกลีบบัวเป็นคางคก " เรื่องนี้ได้รับฟังจากปากของศิษย์ผู้ใกล้ชิดท่านหนึ่งของหลวงพ่อฯ เนื่องในงานทำบุญครบ 50 วัน ( หรืออาจจะ 100 วัน ไม่แน่ใจ? ) มีพระรูปหนึ่งซึ่งได้เคยเรียนวิชาต่างๆจากท่านอาจารย์พันเอกชมฯ ในช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้านั้น ได้ถามศิษย์หลวงพ่อฯว่า " คุณโยม เป็นศิษย์หลวงพ่อด้วยหรือ? " ศิษย์หลวงพ่อฯก็ตอบว่า " ครับ "
    เมื่อข้าพเจ้าได้ยินดังนั้นก็เลยถามต่อว่า คุณลุงเป็นศิษย์หลวงพ่อฯนานรึยังครับ? " ศิษย์หลวงพ่อฯก็ตอบว่า " ก็หลายสิบปีแล้วล่ะ "
    หลังจากนั้นพระรูปนั้นก็ถามต่ออีกว่า " งั้นอาตมารบกวนถามคุณโยมหน่อยนะว่า คุณโยมเคยเห็นหลวงพ่อท่าน เสกแปลงธาตุ อย่างใบไม้เป็นนกอย่างที่เขาร่ำลือกันบ้างรึไม่? "
    ศิษย์หลวงพ่อฯตอบว่า " ผมต้องขอถามท่านก่อนว่า ท่านเชื่อเรื่องราวเหล่านี้รึไม่? แล้วท่านเคยพบเคยเห็น หรือมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนรึเปล่า? ถ้าท่านไม่เชื่อเรื่องราวเหล่านี้เพราะท่านไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองมาก่อน ถ้าผมเล่าให้ท่านฟัง แล้วท่านจะเชื่อผมได้อย่างไรล่ะ? "
    พระรูปนั้นก็ตอบว่า " ขอให้โยมเล่ามาเถอะ อาตมาเชื่อโยม เพราะโยมคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาโกหกอาตมา ยังไงอาตมาและลูกศิษย์ท่านอาจารย์ชมที่อยู่ตรงนี้ก็คงอยากฟังเรื่องจากโยมแน่ๆ "
    ศิษย์หลวงพ่อฯก็เลยตอบว่า " ถ้างั้นผมจะเล่าให้ฟัง อย่าว่าแต่เสกใบไม้เป็นนกเลย ท่านอาจารย์( หมายถึงหลวงพ่ออภิชิโต )จะเสกอะไรให้เป็นอะไรก็ได้ ยกตัวอย่างในที่นี้( สถานที่ในบ้านสวน อันเป็นที่ตั้งร่างของหลวงพ่ออภิชิโตและเป็นสถานที่จัดงานศพท่าน ) เมื่อเวลาที่ท่านว่าง มีลูกศิษย์เข้ามาเยี่ยมท่านอยู่หลายคน ( อาจมีเด็กๆที่เป็นลูกหลานของลูกศิษย์เข้ามาด้วย )ท่านเกิดครึ้มขึ้นมา ท่านก็จะให้เอากลีบบัวมาให้ท่าน ท่านพนมมือเข้าสักพัก เมื่อโยนออกมากลีบบัวกลีบนั้นก็กลายเป็นคางคก กระโดดอยู่ต่อหน้าทุกคน คางคกก็จะโดดไปเรื่อยตามเรื่องของมัน เด็กๆก็เข้ามารุมดูสนุกสนาน ท่านจะสั่งกำชับว่าอย่าให้เด็กเข้าใกล้เกินไป ระวังคางคกมันจะโขกเอาได้ ท่านบอกว่า สัตว์ที่เสกขึ้นมาด้วยอาคมหรืออำนาจจิตจะมีพิษร้ายแรงกว่าธรรมชาติของสัตว์นั้นๆมาก เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ท่านก็จะให้ศิษย์ผู้ใหญ่ช่วยกันต้อนจับคางคกกลับมาให้ท่าน ปรากฏว่า ไม่มีใครจับคางคกมาให้ท่านได้เลย เพราะคางคกมันจะโขกเข้าใส่ทุกคนที่เข้ามาจับ สุดท้ายท่านอาจารย์ก็ต้องลุกขึ้นมาต้อนคางคกและเอาฝ่ามือทั้งสองของท่านตะปบคางคกไว้ได้ ซึ่งตะปบได้แต่ขาหลังของคางคกเท่านั้น คางคกจึงห้อยร่องแร่งอยู่ใต้ฝ่ามือของท่าน ท่านกำหนดจิตอีกครั้ง คางคกตัวนั้นก็กลับกลายมาเป็นกลีบบัวดังเดิมต่อหน้าทุกคน แล้วท่านทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ เห็นกันเป็นประจำ แต่ไม่ใช่ถึงกับทำทุกวัน ถ้าท่านเห็นอย่างพวกผม แล้วท่านเป็นผมคิดว่าจะไปเล่าให้ใครฟังล่ะครับ? "พระรูปนั้นจึงตอบว่า " อืมมม ที่คุณโยมว่ามานี่มันก็จริง มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ถ้าใครไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองก็คงเชื่อยากแน่ๆ เสียดายที่อาตมาไม่ได้มีโอกาสแบบคุณโยม.."
    นี่ก็เป็นเรื่องอีกหนึ่งเกร็ดที่ข้าพเจ้าได้ยินด้วยตนเอง
     
  12. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    เรื่องหลวงพ่ออภิชิโต ใช้สมาธิคืนสภาพร่างกายที่บอบช้ำจากการฝึกโดดหน้าผา

    " เรื่องหลวงพ่ออภิชิโต ใช้สมาธิคืนสภาพร่างกายที่บอบช้ำจากการฝึกโดดหน้าผา " เรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้เคยคุยกับอดีตคนขับรถท่านหนึ่งของหลวงพ่อฯ ชื่อเล่นว่า พี่ อ พี่ อ เคยขับรถรับใช้หลวงพ่ออยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่หลวงพ่อได้ฝึกกระโดดลงจากหน้าผา เพื่อให้วิญญานออกจากร่าง ( เป็นหนึ่งในขั้นตอนการฝึกของพระอาจารย์ในดงสายนี้ ) พี่ อ ได้เล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งที่กุฏิวัดเงิน หลวงพ่อฯมาจากที่ไหนไม่ทราบได้ ลูกศิษย์ที่พบเห็นต่างตกอกตกใจกันมาก เพราะสภาพของหลวงพ่อฯนั้น จีวรขาดหลายแห่ง ที่สำคัญ บริเวณทั้งศีรษะของหลวงพ่อฯ มีสภาพบวมใหญ่และมีอาการช้ำบวมมาก พี่ อ บอกว่า ศีรษะ ท่านบวมใหญ่อย่างกับบาตรพระ ลูกศิษย์จะช่วยกันพาท่านไปยังโรงพยาบาล แต่หลวงพ่อฯห้ามไม่ให้พาท่านไปยังโรงพยาบาล แต่กลับสั่งลูกศิษย์ว่า ให้เฝ้าหน้าประตูกุฏิให้ท่านไว้ให้ดี อย่าให้ใครเข้ามรบกวนได้เป็นอันขาด แล้วท่านก็ปิดประตูกุฏิทันที เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หลวงพ่อก็เปิดประตูกุฏิออกมา ปรากฏว่า ท่านมีสภาพเป็นปกติเหมือนเดิมทุกประการ เว้นแต่จีวรที่ยังมีรอยขาดเท่านั้น มาทราบกันในภายหลังว่า หลวงพ่อฯได้ไปฝึกสอบผ่านวิชากระโดดหน้าผาให้วิญญานออกจากร่าง ตอนตกลงมาร่างกระแทกพื้น ท่านไม่ทราบว่า วิญญานท่านได้ออกจากร่างแล้ว จึงกลับกรุงเทพฯโดยเครื่องบิน ปรากฏว่า แอร์โฮสเตสสาว ได้มานั่งทับที่ซึ่งหลวงพ่อนั่งอยู่บนเครื่อง ท่านตกใจว่ามีผู้หญิงมานั่งทับท่านได้อย่างไร จึงมาคิดได้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นท่านแน่นอน ท่านจึงรู้ว่าที่มาขึ้นเครื่องเป็นวิญญานของท่านนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องกลับมายังร่างของท่านเองที่อยู่ใต้หน้าผาในป่า เข้าร่างที่นอนสลบอยู่แล้วฝืนทนความเจ็บปวดทั้งหมดพยายามพยุงร่างอันสะบักสะบอมนั้น กลับมายังกุฏิที่วัดเงิน แล้วใช้สมาธิระดับสูงประสานร่างกายและรักษาอาการบอบช้ำทั้งหมดให้หายภายในเวลาอันรวดเร็ว เรื่องนี้ผู้เล่ายังมีชีวิตอยู่แต่คงคุยกันในเฉพาะเหล่าลูกศิษย์เท่านั้น...
     
  13. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    เรื่องหลวงพ่ออภิชิโตเสกสังฆาฏิเป็นเสือ

    " เรื่องหลวงพ่ออภิชิโตเสกสังฆาฏิเป็นเสือ " เรื่องนี้ได้รับฟังโดยตรงจากศิษย์ใกล้ชิดเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทของหลวงพ่อท่านหนึ่งเลยทีเดียว
    ในปี พ.ศ.2545 คุณลุง ท่านหนึ่ง ( ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง เมื่อ ปี 2546 ) เป็นผู้ใกล้ชิดรับใช้หลวงพ่อมานานตั้งแต่ราวๆปี พ.ศ.2496 เป็นผู้ช่วยสร้างพระสมเด็จแดง และพระอีกหลายรุ่นของหลวงพ่อ ได้เล่าประสบการณ์ตอนที่หลวงพ่อ ได้พาศิษย์หลายท่านมีทั้งหญิงและชาย ไปพักที่บ้านหลังหนึ่งใกล้บริเวณป่าเขาใหญ่ เพื่อเป็นการฝึกค้างคืนในป่าและฝึกทำสมาธิกันไปด้วย ก่อนเวลาเข้าฝึก ท่านได้อบรมโดยการเข้ามาร่วมล้อมวงฟังท่าน หลวงพ่อท่านได้บอกว่าห้ามทุกคนออกจากบริเวณที่ท่านสั่งไว้ ท่านได้ทำปริมณฑลเป็นวงกลมไว้โดยรอบที่พักของเหล่าศิษย์ เพื่อความปลอดภัย เพราะในป่าเขาใหญ่เวลานันมีเสือชุกชุมมาก ออกไปอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ จึงได้กำชับไว้ หลังจากนั้นท่านก็อบรมศิษย์คุยกันไปเรื่อยๆ
    ปรากฏว่า คุณลุงท่านนี้ได้เกิดอาการปวดท้องหนักกระทันหัน เกิดอาการอึดอัดกระทั่งอดทนต่อไปไม่ได้ คุณลุงเล่าว่า จะปลดทุกข์ในบริเวณปริมณฑลที่หลวงพ่อได้ทำไว้ มันก็ยังไม่กว้างใหญ่พอที่กลิ่นจะไปไม่ถึง ท่านก็เกรงใจศิษย์หลวงพ่อและคนอื่นๆ ด้วยความอึดอัดผสมกับความเกรงใจ คุณลุงจึงตัดสินใจเสี่ยงออกไปนอกบริเวณปริมณฑลที่ได้ทำไว้ พอมีระยะปลอดภัยจากกลิ่น ซึ่งเป็นแนวราวป่าแถวนั้น คุณลุงเล่าว่า ท่านดึงกางเกงลงนั่งยองๆปล่อยข้าศึกออกไปอย่างโล่งใจแบบสบายๆ สักพักเดียวเท่านั้น ข้าศึกยังไม่ออกมาทั้งหมด คุณลุงบอกว่าได้กลิ่นสาบอย่างแรง แรงมากๆ จนรู้สึกเหมือนเจ้าของกลิ่นอยู่ข้างท่าน ติดๆกันขณะนั้นคุณลุงก็นึกถึงสิ่งเดียวเท่านั้น คือ " เสือ " ทันใดนั้นที่นึกถึงเสือ ก็มีเสียงคำรามเบาๆจากด้านหลังของคุณลุงทันที เพียงเท่านี้ก็เหลือพอที่จะนึกถึงอะไรได้อีกแล้ว คุณลุงกระโจนพรวดออกมาทันทีด้วยความกลัวและตกใจด้วยแน่ใจว่า เสืออยู่ข้างหลังตนเองอย่างแน่นอน.... ขณะนั้น ในวงที่บรรดาศิษย์กำลังรายล้อมหลวงพ่อฯ ที่อบรมพูดคุยกันอยู่ ก็ปรากฏว่า ศิษย์ทุกคนต่างตกใจที่เห็นคุณลุงวิ่งผ่าเข้ามาในวงโดยที่กางเกงยังอยู่บริเวณหน้าแข้งและมีข้าศึกของคุณลุงเรี่ยราดมาตลอดทางที่วิ่งเข้ามา มีแต่หลวงพ่อเท่านั้นที่นิ่งเฉย แล้วหลวงพ่อท่านก็เอ่ยออกมาว่า " อ้อ เจอเข้าแล้วเรอะ? " คุณลุงก็ละล่ำละลักบอกท่านว่าไปปลดทุกข์แล้วเจอเสือมาอยู่ข้างหลัง หลวงพ่อท่านไม่ว่าอะไร แต่เรียกให้ศิษย์อีกคนไปหยิบสังฆาฏิของท่านมาให้ เมื่อรับสังฆาฏิมาแล้วท่านก็ยืนขึ้น ประคองสังฆาฏิไว้ในอ้อมแขน แล้วหลับตากำหนดจิตอยู่ครู่หนึ่ง ปรากฏต่อหน้าสายตาศิษย์ทุกคนในที่นั้นว่า ร่างของหลวงพ่อท่านสั่นสะท้านไปทั้งร่าง คุณลุงเล่าว่าไม่รู้จะบอกอย่างไร เหมือนกับร่างของหลวงพ่อสั่นเป็นคลื่นคล้ายเราดูที.วี.ตอนที่คลื่นส่งไม่พอแล้วภาพล้มสั่นๆ เห็นเป็นภาพก็สั่นไหวไปหมด สักพักสิ่งที่เหลือเชื่อก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน เพราะทุกคนเห็นเป็นภาพร่างของเสือลายพาดกลอนจากส่วนหัวของเสือค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากผ้าสังฆาฏินั้น ออกมาเรื่อยๆจนกระทั่งราวๆครึ่งตัว หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านที่มีลักษณะเหมือนอุ้มสิ่งหนักๆไว้ก็โยนเสือที่เกิดจากสังฆาฏินั้นออกไป ปรากฏเป็นเสือเต็มตัววิ่งออกไปในป่าทันที สักพักหลังจากนั้น คุณลุงก็เล่าว่า ท่านต้องตามมาทำความสะอาดข้าศึกที่ท่านทำเรี่ยราดเอาไว้ให้เรียบร้อย ซักกางเกง เปลี่ยนผ้าแล้วจึงเข้านอน...ราวๆหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อได้มาเรียกปลุกคุณลุงให้ออกไปกับท่าน คุณลุงถามหลวงพ่อว่าไปไหน หลวงพ่อก็ตอบว่า ไปตามสังฆาฏิอั๊วคืน ทั้งสองท่านได้เดินกันไปสักราวๆไม่เกิน 1 ก.ม.ก็เจอสังฆาฏิอยู่ใกล้ลำธารละแวกนั้น
    คุณลุงบอกว่าผ้าสังฆาฏิของหลวงพ่อเต็มไปด้วยขนเสือทั่วทั้งผืนและมีแต่กลิ่นสาบสางของเสืออย่างแรงมาก คุณลุงต้องเอาไปซักทันทีเพื่อความสะอาดให้เรียบร้อยเพราะคุณลุงท่านเองเป็นต้นเหตุในครั้งนี้ หลวงพ่อได้บอกคุณลุงว่า เสือเมื่อคืนที่คุณลุงเจอรวมทั้งยังมีเสืออีกหลายตัวในบริเวณใกล้เคียงแถบนั้น เป็นเสือตัวผู้ หลวงพ่อท่านจึงกำหนดจิตเสกเสือตัวเมียด้วยผ้าสังฆาฏิของท่าน เพื่อล่อเสือทั้งหลายเหล่านั้นให้ออกตามตัวเมียไปให้ไกลจากบริเวณที่อยู่กันนั่นเอง เรื่องนี้ข้าพเจ้าเคยถามศิษย์ซึ่งเป็นผู้หญิงของหลวงพ่อที่อยู่ร่วมเหตุการณ์นี้ ปรากฏว่า ท่านอุทานออกมาว่า คุณไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? ข้าพเจ้าก็บอกท่านไปว่า คุณลุง....ได้เล่าให้ฟัง ศิษย์หญิงท่านนี้จึงบอกว่า จริง แต่ไม่รู้จะไปเล่ายังไงให้ใครฟัง เพราะอธิบายไม่ถูกเลยทีเดียว....นี่ก็เป็นอีกเกร็ดหนึ่งซึ่งสนุกมาก จึงนำมาบอกเล่าให้ทราบกัน....
    ...........และอย่างที่เคยบอกไว้ว่า หากมีผู้คลางแคลงใดๆ ก็ให้พบกันได้จะได้เห็นความจริงกัน
     
  14. Williamboy

    Williamboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +644
    พระเครื่องเเละของขลัง

    รบกวนคุณยลไตรเพ็ชรเล่า ความเป็นมาการสร้างพระเครื่องของลพอภิชิโต เเต่ละรุ่นให้ทราบด้วยได้มั้ยครับ โดยเฉพาะสมเด็จเเดง สมเด็จเขียว ครับ
     
  15. ครุฑา

    ครุฑา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +3,081
    ขอบคุณครับที่เอาเรื่องนี้มาตีแผ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนเลวย่อมมีนรกเป็นที่ไป คนที่หลอกลวงคนอื่นเอาเงินของสาธุชนมาปรนเปรอความสุขส่วนตัวและครอบครัวด้วยการหลอกลวง ไม่ช้าไม่นานก็หมดบุญ หมดตัว ตัวเองญาติมิตรลูกหลานต่อไปทำอะไรก็ไม่ขึ้น หาเงินมาได้ก็ต้องใช้หนี้เขาไปหมด เจ้ากรรมนายเวรจะทวงเอา เวรกรรมๆๆๆจริงๆ เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ เจอมาเยอะแล้ว สุดท้ายหมดตัวสิ้นใจตายไปตกนรกอเวจีนะจะบอกให้
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    มากกว่า 6 เดือนเต็มๆที่ใครคนหนึ่งด่าคนชื่อ “หนุ่มเมืองแกลง” ลับหลังอย่างหยาบคายแทบทุกวันในหน้าเฟสบุค เพื่อยกตัวให้สูงส่งประดุจผู้เก่งกล้ามีบารมีและรอบรู้ พร้อมทั้งใช้ถ้อยคำ ดูถูก ดูหมิ่นให้ได้รับความอับอาย ทั้งหมิ่นประมาทให้ได้รับความเสียหายต่อสาธารณะ โดยที่ไม่เคยมีข้อขัดแย้งใดๆต่อกัน ซึ่งผมก็อดทนและข่มใจมาตลอดโดยไม่เคยโต้ตอบอะไรสักครั้งเดียวทั้งต่อหน้าและลับหลังและไม่เคยเข้าไปอ่านเลยในfb เมื่อใครมาบอกมาเล่าให้ฟังก็พูดแค่ว่าแล้วสักวันจะรู้เองว่าความจริงคืออะไร ปล่อยเขาไปเถอะคนอ่านที่มีหัวคิดก็คงคิดกันได้เอง

    เมื่อวันหนึ่งได้รุกล้ำจาบจ้วงเกินความพอดีก็คงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไว้ ทุกข้อความผมได้เซฟเก็บไว้หมดแล้วพร้อมทั้งรายละเอียดอื่นๆประกอบการดำเนินการตามวิธีทางกฎหมายซึ่งผมพร้อมเสียค่าใช้จ่ายไม่จำกัด สิ่งที่จะเกิดตามมาคือความผิดทั้งคดีความและทางส่วนตัว ครั้นเมื่อถึงเวลาถูกตอบโต้บ้างก็หวังว่าอย่าร้องก็แล้วกัน ต่อยคนอื่นฝ่ายเดียวมาตลอดหกเดือนจนมันมือ เห็นเขาไม่ตอบโต้ก็ได้ใจถลุงกันเพลินไป แต่หารู้ไม่เขารอเก็บข้อมูลสำคัญจนได้เวลา

    แม้ขณะนี้ก็ยังไปแก้ตัวขุ่นๆว่าผมลงกระทู้โจมตีเพราะอิจฉา คงสำคัญตัวผิดมากไป คนเขียนลงกระทู้ที่แท้จริงเป็นคนที่เดือดร้อนจากการถูกยักยอกเอกสาร โดนยึดตำราและวัตถุมงคลมูลค่านับล้านๆบาท เป็นศิษย์ทั้งของ อ.ชุม ศิษย์ผู้การชมและศิษย์หลวงพ่ออภิชิโต เป็นคนมีตัวตนและเขาก็พร้อมแสดงหลักฐานให้คนที่พอมีวุฒิภาวะได้พิจารณา ซึ่งผมเองก็ดูแล้วพร้อมศิษย์หลวงพ่อคนอื่นๆและหลักฐานชัดเจนแบบไม่ต้องอธิบายหรือถกเถียงอะไร

    หากพูดมากไปก็คงไม่เข้าใจหรือมากเรื่องเสียเวลา ในฐานะที่ผมเป็นผู้เสียหายคนหนึ่ง ขอพิสูจน์ดังนี้
    -ท้าพิสูจน์ 1 ล้านบาท หากคนเขียนเจ้าของกระทู้ร้องเรียนแฉพฤติกรรมของคนๆหนึ่งในกระทู้นี้ไม่ใช่ตัวผม แต่เป็นศิษย์ตัวจริงๆของหลวงพ่อที่มีคนไปยักยอกของเขามา ซึ่งเขาก็พร้อมแสดงตัวพร้อมบันทึกที่เขาคนนี้พลาดไปจริงๆ
    -ท้าพิสูจน์อีก 1ล้านบาท หากผมไม่เคยโกงเงินหรือหลอกเอาวัตถุมงคลจากกลุ่มศิษย์ของหลวงพ่ออย่างที่กล่าวหามาตลอดเวลา
    -ท้าพิสูจน์อีก 1 ล้านบาท หากคนที่ด่าว่าผมเสียๆหายๆในเฟสบุค ได้ไปบวชเป็นสงฆ์ในอ้อมหัตถ์ของพระพุทธเจ้ามาตามที่แอบอ้างให้คนเคลิ้ม
    -และท้าพิสูจน์อีก 1 ล้านบาท ว่าคนใน FB ด่าผมอย่างเสียหายตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา โดยผมไม่เคยโต้ตอบอะไรเลยสักครั้งเดียว ด่าอย่างหยาบคายแบบคนไร้การศึกษา

    การท้าพิสูจน์ทั้งหมดนี้ พรรคพวกเพื่อนฝูงของคุณ อาจช่วยออกเงินแทนก็ได้ ผมจะไม่ว่าอะไร และรอพิสูจน์ทุกเวลาในทางส่วนตัว ส่วนทางคดีความคงปล่อยไปตามหน้าที่ของผู้รับผิดชอบและเบื่อคนรกโลกแบบนี้ เสียดายบารมีของหลวงพ่ออภิชิโตเหลือเกิน ที่ถูกดึงมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมกราบขออภัยในข้อความหากได้ระคายใจเพื่อนๆผู้อื่นทุกท่านด้วย
     
  17. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    -เป็นกำลังใจให้ครับพี่หนุ่ม:cool::cool::cool:
     
  18. ส่องประทีป

    ส่องประทีป Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +50
    ถูกต้องครับ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ตกนรกแน่ ๆ ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ตอนใกล้ตายแล้วลงอเวจีตอนเวลาตาย คงรู้แน่ ๆ
     
  19. das999

    das999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +2,223
    ไหนๆก็ไหนๆแล้วพี่ เห็นเค้าด่าเรื่องโกงวัดหนองสะเดา

    ท้าพิสูจน์ไปอีกเรื่องเลยครับ ทองแท้ไม่แพ้ไฟ ^ ^
     
  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857

    ก็ยินดีท้าพิสูจน์ว่าไม่ใช่ตามที่พูดกันสนุกปาก ท้าพิสูจน์กันอีก 1 ล้านบาทหากผมพิสูจน์ได้ว่ารายจ่ายในการสร้างพระ สร้างมีดหมอ สองครั้ง ให้วัดหนองสะเดา สร้างให้วัดหนองปลาหมอ สร้างให้วัดราษฎร์เจริญ สร้างให้โรงเรียนวัดหนองสะเดา รวมการตะเวนปลุกเสกทั่วประเทศ 24 + 8 พิธี รายจ่ายในการบริจาคเงินมอบให้สถานที่ต่างๆอีกประมาณ 20 แห่ง รวมแล้วรายจ่ายมากกว่ารายรับเกินสองล้านบาท และพระเครื่องที่เหลือทั้งหมดก็นำไปแบ่งมอบให้วัดต่างๆทั้งสี่แห่งแล้ว คือวัดหนองสะเดา วัดหนองปลาหมอ วัดราษฎร์เจริญ และวัดละหารไร่

    ซึ่งก็ได้แจกแจงไปแล้วถึงรายรับ-รายจ่ายและยังไม่ลงรายจ่ายเบ็ดเตล็ดทั้งหมดด้วยซ้ำไป ทางหลวงพ่อวัดหนองสะเดาเองนั้นก็ไม่ได้ขาดการประสานงานเรื่องที่ค้างอยู่ ยังรับเอกสารและนัดหมายเรื่องอื่นๆกับท่านอยู่เสมอเพียงแต่ท่านเบื่อคนไปพูดมากและไม่พูดเรื่องคนก่อกวนอีกแล้ว คนที่เอาแต่นินทากันสนุกปากนั้นยังต้องค้างบัญชีกันอยู่ ซึ่งก็รวบรวมไว้หลายๆอย่าง ไม่เคยลืมเลือนยังคิดถึงกันเสมอ

    ส่วนการนำเงินไปบริจาคให้สงฆ์อาพาธตามที่นำพระเครื่องมาลงแบ่งบูชานั้น ก็จะรวบรวมและดำเนินการในวันจันทร์ที่ 4/2/2556 อะไรทำได้จะทำแน่นอน จะไม่พูดอย่างเดียวหรือนั่งพิมพ์หน้าคอมฯเท่านั้น แม้ทองแท้ไม่แพ้ไฟแต่ก็เปื้อนเขม่าควัน

     

แชร์หน้านี้

Loading...