ใครต้องการถามเป็นการส่วนตัว ไปถามที่อื่น กลัวคนอื่นว่าให้มาที่นี่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nilakarn, 20 เมษายน 2013.

  1. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ใครที่เคยฟังท่านสอน จะต้องตามฟัง
    การสอนเกิดดับ ของท่านให้ดีๆ
    ฟังเรื่องที่ท่านสอน เกิด และ ดับ
    แค่นี้ จะบรรลุธรรมได้ง่ายๆ

     
  3. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
    มีอยู่ช่วงหนึ่ง ท่านกล่าวว่า มีญานอยู่ชนิดหนึ่ง
    ที่พระพุทธเจ้ายอมรับ ก็คือ นิพพานัญจายตนะ
    หรือ การน้อมนึกถึงพระนิพพาน แบบเดียวกับที่
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สอนไว้
    ซึ่ง อยู่นอกเหนือจาก ญานทั้ง เก้าระดับนั้น
    แต่มีอยู่จริง ทำได้จริง ถึงพระนิพพานได้จริง
    แต่ก็ต้องฝึกหนักหน่อย



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2019
  4. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  5. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  6. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014
     
  7. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ธรรมที่มีในตน นั้นเป็น สัมปยุตตธรรม

    คนที่ชอบแสดงธรรมที่ไม่มีในตนให้ดูเสมือนว่าตนมีโดยมีตนที่ยังไม่เป็นสามัคคีกับธรรมนั้นๆ
    กับคนที่ชอบแบ่งแยก พระพุทธเจ้า กับ พระสงฆ์ นี้ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ

    ไม่แปลกใจเลยทำไมท่านนิลกาฬถึงชอบลุงคึกเพราะสมน้ำสมเนื้อกันดีนะครับ อิอิ
     
  8. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    การแสดงความเห็นทางธรรมมีสิ่งที่ควรระวังอย่างยิ่ง คือแสดงความเห็นเกินเลยไปจากที่รู้จริง กับการสำคัญตนว่าสิ่งที่รู้นั้นจริง การแสดงความเห็นและตอบปัญหาทางธรรมจึงควรเป็นผู้รู้จริง ไม่เช่นนั้นผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษาได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนก็เป็นโทษด้วยกันทุกฝ่าย
     
  9. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เราหนักกว่ามากเพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เท่ากับไปเบียดเบียนคนอื่น มันเป็นกรรมหนัก คนที่ชอบสอนอาจเพราะเชื่อมั่นแต่ความเชื่อมั่นก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้องเสมอไป ต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะเรื่องจริงคือมีหลายอย่างที่ยังไม่รู้ ถ้ารู้ทั้งหมดจริงหรือแค่คิดว่าเอามาเปรียบเทียบ มันก็ผิดแล้ว แค่คิดก็ผิดแล้ว ไม่ว่าจะมีอะไรที่คิดว่าเหนือกว่า ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใช้เปรียบเทียบ จริงหรือไม่จริงคงมีแต่เราที่รับรู้ หากแน่ใจว่าจริง คงเห็นความจริงจะไม่สับสนต่อสภาวะหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องเจอ เพราะย่อมรู้ว่าควรวางตัวอย่างไร. อันนี้คงเรียกมรรคได้
     
  10. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ถ้ารู้มรรครู้ทางจริง จะไม่ทิ้งความเป็นจริง จะต้องรู้จักเฉลียวใจเป็น (รู้จักสังเกตโลกแห่งความเป็นจริงควบคู่ไปด้วย) รู้จักแยกแยะออกทั้งภายนอกภายใน ไม่ใช่ทิ้งภายนอกเอาแต่ภายใน หรือทิ้งภายในเอาแต่ภายนอก นั่นคือการมีสติอยู่กับความเป็นจริง จะได้ไม่หลุดสุดโต่งไปง่ายๆ จะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่สุดท้ายคือไม่ยึด ตัวหลังนี่สำคัญมาก พระธรรมท่านว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ก็อยู่ที่ใครจะเข้าใจเข้าถึงพระธรรมบทนี้ได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง
     
  11. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014

    คนที่เราเตือน เค้าเคยเป็น ญาติ กับเรามาก่อนในอดีตชาติ
    พอมาถึงชาตินี้ เราจึงรู้ถึงจริตของพวกเค้า โดยแยบคาย
    เราก็เตือนออกไปด้วยเมตตา
    แต่คนอื่นจะเมตตา ตัวเค้าเองหรือไม่
    มันก็แล้วแต่ วาสนา ของแต่ละบุคคล
    แต่ส่วนมาก จะโดนด่ากลับเสียส่วนใหญ่
    คนที่จะยอมรับความจริง ได้นั้น มีน้อยมาก
    เรียกว่า หนึ่งในล้าน จริงๆ ที่รอดตัวไปได้
     
  12. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,606
    ค่าพลัง:
    +3,014

    ผู้ฟังที่ดี จะต้องแยกแยะได้ว่า ไหนดีไหนเลว
    ใครยังแยกแยะไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้เค้าศึกษาต่อไป
    ยังไม่สามารถให้เค้า ฝึกปฏิบัติใจ ได้
    ผู้สอนที่ดี ก็ต้องปล่อยวางลูกศิษย์ไว้ก่อน
    เมื่อถึงเวลาอันสมควรดีแล้ว
    เดี๋ยวเค้าก็จะกลับมาหาเราเอง
     
  13. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ผ่านมาก็หลายวันละยังไม่สร่างเมาจริงๆ คงไม่ต้องไปถึงรู้จริตผู้อื่นโดยแยบคายหรอก
    เอาตัวเองให้สร่างเมาจากความคิดตัวเองก่อนนั้นหละ อิอิ

    ลักษณะ ธรรมลามกจะมีสภาพคือการปกปิด เมื่อมีธรรมลามกอยู่มาก
    ย่อมไม่สามารถจะรับฟังคำตักเตือนจากภายนอกได้ เสมือน ภาชนะที่คว่ำอยู่

    เมื่อรับคำตักเตือนที่เป็นคุณไม่ได้ ย่อมมองได้แต่เพียงในภาชนะที่คว่ำอยู่

    จากสิ่งที่เป็นคุณย่อมไม่ได้รับคุณ สิ่งที่มีอยู่ในภาชนะก็สำคัญตนผิดว่าเป็นเมตตา

    โดยรวมก็คือ ปริยัติงูพิษนั้นหละ

    โดยธรรมชาติของธรรมลามก/ปริยัติงูพิษ นั้นก็มีมาตฐานเดียวกันนี้หละ

    ภายนอกนั้นเข้าใจผิดส่วนเรานั้นเข้าใจถูก
    ภายนอกนั้นมาร้ายมาชกมากัดส่วนเรานั้นเป็นคนดี
    เมื่อถึงคราวจะปล่อยวาง ก็ปล่อยวางไปแบบผิดๆ
    คือภายนอกนั้นจะมาร้ายยังไงกับเราก็ช่างเขาเถอะ
    เพราะธรรมลามกมันปกปิดอยู่ไง จึงมองไม่เห็น กิเลส ตัณหา ของตัวเอง

    เมื่อมองไม่เห็นแม้กระทั่ง กิเลส ตัณหา ของตัวเอง จะเอาอะไรไปชำระอกุศลได้หละ
    ถ้าบ้าบอคอแตก เพิ่มขึ้นไปอีกระดับขึ้นไปอีก ก็จะเข้าใจตัวเองผิดๆ และ สำคัญตัวผิด
    ว่าคงจะเริ่มพอๆกับพระอริยะแล้วหละมั้ง เพราะมองไม่เห็น กิเลส ตัณหา ตัวเองไง





     
  14. เส้นทางยาวไกล

    เส้นทางยาวไกล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2018
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +206
    ทำไมต้องอยากเป็นอาจารย์ ทำไมคิดว่าสิ่งที่พยายามถ่ายทอดถูกต้องทั้งหมด ประมาณตนศึกษาจิตใจตน กิเลสในตน ธรรมอันมีแล้วในตน ยังมิได้มีในตน ให้รู้จักตน ปล่อยวางตน
    ละอัตตาในตน ก่อนดีไหมครับ
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แล้วที่ยกมานี่คือแน่ใจแล้วศึกษามาดีแล้ว เลยเอามานำเสนอหรือเสริมเติมแต่งต่อ คนที่เออออห่อหมกด้วยก็มีกรรมและคนที่ไม่เห็นด้วยก็มีกรรม ล้วนมีกรรมร่วมกันทั้งสิ้น ปัญหาคือเราเป็นต้นเหตุแห่งกรรมนั้นหรือเขาเป็น เวลาพูดอะไรอย่าพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น มันทำให้เสียความน่าเชื่อถือ ในจนเองนั่นแหละ คนที่เขารู้จริงว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่สนหรอก แต่รบกวนพิจารณาทบทวนอีกหลายๆครั้ง ว่าต้นเหตุคืออะไร มันจะได้จบ
     
  16. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ความจริงปัจจุบันน่าพูดกว่าอดีตหรืออนาคต ต่อให้รู้จริง สติสตังไปไหนหมด อดีตที่มโนไม่เอา อนาคตที่มโนก็ไม่เอา มันแปดเปื้อนเวลาพูดสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้สอนแค่ชี้ให้เห็นว่า ทำไปทำมามันจะมีแรงดึงให้เจอถ้าพูดอะไรที่จริงแต่ไม่ใช่คนอื่นจะรู้ได้ ยิ่งไปเอาคำคนอื่นมายิ่งต้องคิดพิจารณา ไม่ได้แก้ไขคำแต่แก้ไขเราให้รู้ตามและเข้าใจจึงนำมาใช้ต่อ อย่างไม่มีข้อกังขา มันไม่มีหรอกแต่เรารู้คนเดียวคนอื่นไม่รู้ เว้นไว้แค่พระศาสดา
     
  17. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ฝันอยู่ให้รีบตื่น ตื่นแล้วให้เห็นความจริง
     
  18. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    มันไม่ได้ใช้คำว่าเข้าใจหรอกท่าน ที่จริงใช้คำว่ารู้เหตุให้ยึดติด เมื่อรู้เหตุนั้นจิตจึงหลุดพ้น ทีนี้คำว่ารู้กับเข้าใจก็ใช้ต่างกัน เพราะเข้าใจเกิดจากความคิด แต่รู้นั้นเกิดจากสติ เข้าใจนั้นเป็นปัญญาได้แต่ในทางโลกเท่านั้น เป็นสุตต จินต แต่รู้เป็นสติ้เป็นปัญญมย เอาไปบอกเขาใหม่นะ
     
  19. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แล้วจะฝึกไปทำไม กรรมฐานตั้ง40 กองหลักคืออาณาปาณสติ ฝึกเพื่อ ถ้าแค่ฟังแต่อ่านแล้วเข้าใจก็จบ โง่บัดสบ ลบหลู่ครูบาอาจารย์ ตลอดจนพระศาสดา ไปบอกเขาด้วยนะ
     
  20. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แล้วไม่ต้องลามไปที่ขีณาสพวิปัสสโกด้วย มันคนละเรื่อง ต่อให้เป็นแบบนั้นก็อาศัยสติสร้างมูลฐานให้รู้จึงพิจารณาเห็นและไม่จำเป็นต้องมีฤทธิ์เพราะฤทธิ์ก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์และบ่วงกรรม เลิกโง่ได้แล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...