ใครทราบคาถาเสริมจิตให้มีชีวิตชีวาไหมครับ

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย Jindamunee, 12 มกราคม 2012.

  1. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ใครทราบคาถาเสริมจิตให้มีชีวิตชีวาไหมครับ
    ให้มีใจตื่นและกำลังใจดีขยันๆ
    เข้มแข็งวิตกยาก
     
  2. Kakmonster

    Kakmonster สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    เราก็เป็นทำไงดีอ่ะ เบื่อเนาะ
     
  3. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    พุทโธ ครับ นิ่งเลย ทุกๆเวลา ครับได้ผลร้อยเปอเช็น ครับ
     
  4. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    มีใครทราบนอกเหนือกว่านี้อีกไหมครับพุทโธแปลว่าผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานผมนั่งสมาธิก็ทำแต่สงสัยไม่กำหนดความหมายเข้าใจให้ชัดกลายเป็นทำสมาธิดีๆนี่เอง สงสัยครับเล่นคาถามาเยอะสุดท้ายตรงนี้สำคัญมากใครรู้บอกหน่อยเพราะหดหู่จนเป็นวิสัยชีวิตแม้ไม่เป็นตามคาดก็ไม่น่าซึมจนปกติ ผ่านมามากครับขอจิตเกษมเป็นพอ สภาพภายนอกชั่งมัน
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    เหมือนกับท่านที่ให้ท่องพุทโธ.......... อานาปานสติ ครับ ลองดู....ลองโยนิโสมนสิการเดี๋ยวนี้เลยก็ได้....ส่วนจะทำไปตลอดหรือไม่นั้น อยู่ที่คุณแล้วละครับ.....ส่วนความหดหู่ที่เป็นทุกข์ ก้ต้องปฎิบัติภาวนา ให้ ถึงที่สุดแห่งทุกข์ครับ ลำพังทำอะไรเล็กน้อย แก้ยากครับ.....:cool:(ลองดูสัก10นาทีก่อน)
     
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเห้นความหวั่นใหว หรือความโยกโคลงแห่งกาย ของมหากัปปินะบ้างหรือไม่? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เวลาใดที่ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็นท่านผู้มีอายุนั่งในท่ามกลางสงฆ์ก็ดี นั่งในที่ลับคนเดียวก็ดี ในเวลานั้นนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เห็นความหวั่นใหว หรือความโยกโคลงแห่งกายของท่านผู้มีอายุรูปนั้นเลย....................ภิกษุทั้งหลาย ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งกายก็ตาม ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งจิตก็ตาม มีขึ้นไม่ได้ เพราะการเจริญทำให้มากซึ่งสมาธิใด ภิกษุมหากัปปินะนั้น เป็นผู้ได้ตามปรารถนา ได้ไม่ยากได้ไม่ลำบากซึ่ง สมาธินั้น...........................ภิกษุทั้งหลาย ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งกายก็ตาม ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งจิตก็ตาม มีขึ้นไม่ได้ เพราะการเจริญทำให้มากซึ่งสมาธิเหล่าใหนเล่า ภิกษุทั้งหลาย ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งกายก็ตาม ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งจิตก็ตาม ย่อมมีไม่ได้เพราะการเจริญทำให้มากซึ่ง อานาปานสติสมาธิ............................ ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติสมาธิ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว อย่างไรเล่า ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งกายก็ตาม ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งจิตก็ตาม จึงไม่มี..........................ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในกรณีนี้ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น ภิกษุนั้นมีสติอยู่นั่นเทียว หายใจเข้ามีสติอยู่นั่นเทียว หายใจเข้า มีสติอยู่ หายใจออก เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ทั่งถึงว่าหายใจเข้ายาว...(ตรัสถึงอานาปานสติทั้งหมด).......เห็นความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ จักหายใจออกดังนี้.....ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออานาปานสติสมาธิ อันบุคคลจริญทำให้มากแล้ว อย่างนี้แล ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งกายก็ตาม ความหวั่นใหวโยกโคลงแห่งจิตก็ตาม ย่อมมีไม่ได้ดังนี้-----มหาวาร.สํ.19/399-400/1322-1326.:cool:
     
  7. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    เมื่อคืนก็เป็นนั่งสวดบางบทจนหาย พอไปทำงานท้ายๆเป็นอีกไม่อยากถามตัวว่าเป็นอะไรเพราะมันอาจจะลึกจนเกินเข้าใจ อยากล้างออกครับ
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ...................... งั้น เจริญสติมองเห็นความไม่เที่ยงไปเลยสิครับ... จากซึมเศร้า ก็รู้ เบิกบานก็รู้ คุณจะเห็นอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นอนิจจัง...แล้วยังเห็นตัณหาความอยากของเราอีกด้วย...สัมมาสติจะทำให้เห็นตามจริงได้......:cool:
     
  9. กังหันลม

    กังหันลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +693
    คาถาแบบที่ว่านี่คงไม่มีหรอกครับ
    แต่มีวิธีแก้อยู่
    ความเบื่อความเซ็ง ความง่วงเหงาหาวนอนนี่เป็นนิวรณ์
    คือเครื่องกั้นจากสมาธิ(ในนิยามของผมสมาธิคือ"ความต่อเนื่องของสติ")
    หากจะให้หาย ขอให้ท่านเจริญสติให้ต่อเนื่อง
    โดยเฉพาะขอแนะนำการเดินจงกรมในที่ที่อากาศปลอดโปร่ง
    จะทำให้คุณหายอาการแบบนี้ได้ครับ
    ลองดู
     
  10. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    จริิงๆแล้วจากคำตอบนั้นปฏิบัติอยู่ครับ คล้ายกับภูมิสานต่อที่บกพร่องมาย้ำเตือน
    สรุปสั้นๆครับ สมาธิในการเจริญสตินั้นมีอยู่ ความซึมแก้ได้ด้วยเจริญสติแต่จะตัดรากเลยจะมีปัญญามาเสริมด้วย ปัญญามาจากสมาธิครับ แต่ถ้าไม่มีสติก็อาจขาดๆเกิิินๆนะ
     
  11. boybest

    boybest เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2010
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +104
    พาหุงมหาการ ครับตอนผมอกหักเสียใจสวดแล้วดีขึ้นไม่เกิน3วันลองดูครับ
     
  12. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    น่าจะเป็นคำตอบที่หาอยู่ครับ
     
  13. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    คิดดี พูดดี ทำดี สุดยอดคาถา นำไปใช้ได้เลย
     
  14. p_at

    p_at สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +5
    ถามตัวเองครับ ค้นหาตัวเอง ให้เจอ ว่าเป้าหมายชีวิตของคุณคืออะไร ทางโลกหรือทางธรรม ถ้าทางโลกจง เริ่มต้นทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตเลยตั้งแต่วันนี้ หากใฝ่หาธรรมสมบัติ หากมีพื้นฐานอยู่แล้ว เริ่มภาวนาได้แล้วครับ พุทโธ ธรรมโม สังโฆ หากจะเอาทั้งสองอย่างก็ทำทั้งสองอย่างครับ
     
  15. Jindamunee

    Jindamunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ชยมังคลอัฎฐกคาถา (บทชนะภายใน ๘ อย่าง)
    ( พม่าเรียกว่า “อต์เวงอ่องเชียงซีตป่าแป๊ด" )

    นะโม ตัสสะ ภคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

    ๑. อวิชชาอัณฑะโกสัมหิ สัตเต ตัณหาชะลาพุเช
    ตัมหา ฐานา นิกขาเมสิ เทสะนาญาณะเตชะสา
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๒. มะหาโมหันธะกาเรนะ อภิภูเต มะหาชะเน
    ปัญญาจักขุง ละภาเปสิ ญาณาโลเกนะ โส ชิโน
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๓. ราคาทิอัคคิชาเลหิ ฑัฑฒะกายัง มะหาชะนัง
    นิพพาเปสิ นะรานาโถ อัฏฐะมัคคังคะวารินา
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๔. จะตุโรเฆหิ วุยหันเต คัมภีเร สังสารัณณะเว
    อุตตาเรสิ มะหาวีโร ธัมมะนาวายะ นายะโก
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๕. สังสาระจาระกัง โลกัง นิจจัง ทุกเขนะ ปิฬิตัง
    นิพพานะปุรัง ปาเปสิ ยานัตตะเยนะ โสชิโน
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๖. กัฏฐะมุขาทิ สัปเปหิ ฆัฏฐะกายัง มะหาชะนัง
    นิพพาเปสิ มะหาธีโร นาโถ ติโลกะเวชชะโก
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๗. สังสาระทุกขะกันตารา กิเลสะโจระปิฬิตัง
    เขมันตะภูมิ ตาเรสิ สัตถะวาโห วินายะโก
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง

    ๘. ปัญจะตาลีสะวัสสานิ ฐัตวา โลกัง สะเทวะกัง
    ปิวะยิตวา ธัมมะระสัง นิพพุโต โส สะสาวะโก
    เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง


    คำแปล ชยมังคลอัฏฐกคาถา

    ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ( ๓ จบ )

    ๑. พระจอมไตรโลกนาถเจ้าพระองค์นั้น ทรงยังเหล่าสัตว์ผู้ถือกำเนิดเกิดในครรภ์คือตัณหา
    ในฟองไข่คืออวิชชา ให้หลุดรอดจากแหล่งนั้นได้ ด้วยเดชานุภาพแห่งเทศนาญาณ
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๒. พระชินเจ้าพระองค์นั้น ทรงยังมหาชนผู้ถูกความมืดมนอนธการคือโมหะใหญ่ครอบงำ
    ให้ได้รับจักษุคือปัญญา ด้วยแสงสว่างคือพระญาณ
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๓. พระนรนาถเจ้าพระองค์นั้น ทรงยังมหาชนผู้ถูกเปลวเพลิง มีเพลิงราคะเป็นต้นแผดเผา
    ให้เยือกเย็นชื่อฉ่ำ ด้วยน้ำคือมรรคมีองค์ ๘ ประการ
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๔. พระมหาวีระเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้นำของชาวโลก ทรงยังหมู่สัตว์ผู้ถูกห้วงโอฆะทั้ง ๔
    พัดไปในมหาสมุทรคือสังสารวัฏอันลุ่มลึก ให้ข้ามขึ้นสู่ฝั่งคือพระนิพพาน ด้วยเรือคือพระธรรม
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๕. สมเด็จพระชินเจ้าพระองค์นั้น ทรงยังสัตว์โลกผู้ท่องเที่ยวไปในสงสาร
    อันทุกข์มีชาติเป็นต้น บีบคั้นอยู่เป็นนิตย์ ให้บรรลุถึงนครคือพระนิพพาน ด้วยยานทั้ง ๓
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๖. สมเด็จพระโลกนาถเจ้าผู้ทรงเป็นจอมปราชญ์ ทรงเป็นพระบรมแพทย์ในไตรโลก
    ทรงยังมหาชน ซึ่งถูกงูพิษร้าย มีงูกัฎฐะมุข เป็นต้นกัดเอา ให้เป็นสุขสบายหายจากพิษร้ายได้
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๗. พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงนำพุทธเวไนยไปสู่พระนิพพาน ทรงเป็นผู้นำหมู่ชนให้ข้ามสงสาร
    ทรงยังมหาชนผู้ถูกโจรคือกิเลสเบียดเบียนบีฑา ให้ข้ามพ้นทางกันดารคือสังสารทุกข์ นำเข้าสู่แดนนิพพานอันเกษมสุข
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด

    ๘. สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงดำรงพระชนม์อยู่หลังจากตรัสรู้แล้ว ๔๕ พรรษา
    พร้อมด้วยเหล่าสาวกสงฆ์ ทรงประกาศพระศาสนาให้ชาวโลกพร้อมทั้งเทวดา ได้ดื่มรสพระธรรมแล้ว จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน
    ด้วยอำนาจสัจจวาจานี้ ขอชัยมงคลจงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด<!-- google_ad_section_end -->
    Credit: นายเม เวปบอร์ดพลังจิต ผู้โพส

    น่าจะเป็นที่ผมมองหาอยู่ครับ นำมาประกอบกับการปฎิบัติอื่นๆ
     
  16. Kathibood

    Kathibood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +401
    ส่วนตัวท่องชินบัญชรประจำค่ะ เช้า-เย็น ท่องแล้ว สบายใจ^^
     
  17. reindear

    reindear เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +173
    อิติปิโส ค่ะ
    สวดตอนตัดใจเลิกกับแฟนเก่า
    ร้องห่มร้องไห้ไป ก็สวดไปด้วย สวดไปเรื่อยๆ คิดถึงความหมาย จนหยุดร้องไห้
    ตอนวิ่งหนีแฟนก็ท่องอิติปิโสไว้ในใจค่ะ มีสติ รอดมาได้555
     

แชร์หน้านี้

Loading...