ใครทราบเรื่องนี่ช่วยตอบที่อยากรู้มาตั้งแต่เกิดแล้ว

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย Lord Devilwolf, 3 พฤษภาคม 2005.

  1. Lord Devilwolf

    Lord Devilwolf บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ผมอยากทราบว่า มนุษย์อย่างพวกเราเนี่ยยังมีเผ่าพันธุ์อื่น ที่อยู่บนโลกอีกหรือปล่าว อย่าง มนุษย์หมาป่าที่มีตำนานเล่าขานถึงเผ่าพันธุ์นี่ มาตั้งแต่โบราณ หรือเผ่าพันธุ์แวมไพท์ที่มีตำนานการกล่าวขานมาแต่โบราณเช่นเดียวกับ
    มนุษย์หมาป่า อยากทราบเผ่าพันธุ์เหล่านี่มีจริงหรือไม่อย่างใด ใครทราบช่วยตอบให้ผมรู้ที อยากรู้มานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะถามใคร เดี๋ยวจะโดนหาว่าบ้าเลยไม่กล้าถาม เลยต้องพึ่งคนผู้รู้เรื่องเหล่านี้ ขอความกรุณาด้วยครับ
    โดยเฉพาะ เรื่องของมนุษย์หมาป่า อันนี้ผมอยากทราบมากว่ามีอยู่จริงมั้ย รูปร่างเป็นอย่างไร สามารถกลายร่างได้เหมือนอย่างที่มีการกล่าวไว้ได้หรือไม่อย่างไร แล้วมีลัทธิใดที่นับถือ หมาป่า หรือมนุษย์หมาป่า บ้างหรือปล่าว
    แล้วบนโลกนี้เคยมีลัทธิมนุษย์หมาป่าอยู่หรือป่า ถ้ามีก็อยากทราบว่าอยู่ที่ไหนบ้าง เนื่องจากตั้งแต่เด็กเคยฝันเห็น
    หมาป่าตัวใหญ่ มีขนสีเทาช่วงปลายขนเป็นสีดำ ขนมันยาวมาก มีตาสีแดงดั่งเลือดนัยต์ตามีสีดำอมน้ำเงิน บริเวณใต้
    ตามีเส้นสีดำยาวไล่ลงมาจากใต้คางไปคอจนถึงบริเวณหน้าอก ในฝันผมเห็นพวกมัน3ตัวมีลักษณะเหมือนกันหมด
    พวกมันเดินเข้ามาหาผม จากนั้น2ตัวหลังก็หมอบลงกับพื้นหินสีเทาก่อนถึงบันไดหินส่วนอีก1ตัวเดินขึ้นมาบนบันไดหินขั้นที่3แล้วมันก็นั้งลงหน้ามองตรงมาที่ผม แล้วมันก็ก้มหน้าลงจากนั้นมันก็หอนขึ้นมาอย่างดังมากแล้ว2ตัวที่หมอบอยู่ก็หอนตามตัวที่นั้งหลังจากนั้นก็มีเสียงหอนดังจากข้างนอกห้องหินตามมาอีกมาก(ในความฝันนี้ผมอยู่ในห้องหินที่มีสีเทาทั้งห้อง)รู้สึกว่าในฝันผมจะนั้งอยู่บนแท่นหิน พอหลังจากเสียงหอนเงียบหมาป่า3ตัวที่อยู่ข้างหน้าผม
    ก็กลายเป็นมนุาย์หมาป่าร่างใหญ่ลักษณะสีขนสีตาเหมือนตอนเป็นหมาป่าทุกอย่างเพียงแต่ว่ามันยืนได้เหมือนคน
    มีแขนเหมือนคน แต่กลับมีเล็บยาวมีขนขึ้นเต็มตัวและยาวกว่าเก่า ในฝันพวกมันไม่ได้ทำอะไรผมเลยและรู้สึกว่ามันเป็นมิตรมากผมเลยไม่ได้ตกใจตื่น จนกระทั้งผมตื่นขึ้นมาเอง
    เหตการความฝันในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่20ตุลาคม2548ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของผมและเป็นวันที่ผมอายุครบ 15 ปี่พอดี หลังจากนั้นผมก็มั้กจะฝันเห็นหมาป่า3ตัวอยู่บ่อยๆ
    ยังไงก็ช่วยตอบปัญหาของผมด้วนะครับผมอยากทราบมาก แล้วก็ช่วยเฉลยความฝันของผมหน่อย
    ป.ล.ใครมีข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าก็ช่วยกันเอามาลงหน่อยนะครับ ถ้ามีข้อมูลเยอะๆ จะได้จัดตั้ง ลัทธิมนุษย์หมาป่าขึ้นมาบ้าง ขนาดลัทธิแม่มดพอมดยังทำได้เลย เราก็ต้องทำได้บ้าง

    ยังไงก็ต้อง ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงด้วยครับที่ให้ความกรุณาและช่วยเหลือผมมา ถ้ามีอะไรก็จะคุยเกี่ยวกับเรื่องนี่ก็ แอดมาคุญกับผมได้ที่ Lorddevilwolf@hotmail.com นะครับ
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    อิอิ... ชื่อขลังๆเริ่มทะยอยตาม BITCH, DevilBitch, HeavenBitch, DARKANGEL มาเรื่อยๆนะนี่ ...ขุดมาจากมิติไหนนี่?....ติดหนังหรือคนเล่าให้ฟังแล้วฝังลึกในจินตนาการไปเลยละมังท่า ไปคุุยกันที่แก๊งค์ตามยายสิ แต่ละคนพอเดือนออกมาก้อเริ่มน้ำลายหยดแระ คือพร้อมกัดพร้อมทึ้งให้วิ่นเชียว!!!
     
  3. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    ไม่ว่าจะมนุษย์หมาป่า แวมไพร์ ปีปอบ หรือว่า กระสือข้างส้วม เฮ้ย !! ไม่ใช่ กระสือเฉย ๆ
    และเผ่าพันธ์อื่น ๆ นั้น ผมเชื่อว่ามีจริง ๆ เพราะทุกอย่างที่กล่าวที่เล่ามาล้วนต้องมีมูลให้เล่าขานสืบต่อ แต่สิ่งเหล่านี้นับวันจะยิ่งหายลบเลือนและหายไป เพราะความเจริญนั่นเอง ที่กล่าวมานั้นที่เห็นเหลืออยู่ก็คงมีแค่ผีปอบที่สามารถพิสูจน์ได้ ส่วนกระสือ...นั้นคุณตาผมได้เล่าให้ผมฟังแล้ว และคุณตาผมเองก็ยังเป็นคนฆ่ากระสือด้วย (แต่ไม่ตาย) ถ้าเมืองผีมีโรงบาล ตอนนั้นคงอยู่ห้อง ไอ ซี ยู โกสท์ ไปแล้ว ไม่ว่าแต่มนุษย์ แม้แต่สัตว์ในตำนานผมก็เชื่อว่ามีจริง กิเลน หรือ ตัวอะไรนี่แหล่ะ คล้าย ๆ กับ ตราของเบียร์สิงห์ น่ะ คุณตาก็เคยเห็นตอนเล็ก ๆ มุด ๆ โผล่ ๆ อยู่ในทุ่งนา แต่เป็นตัวสีดำๆ แต่แม่ของคุณตาบอกว่า อย่าทัก ๆ แล้วไม่ให้พูด ส่วนอีกเรื่องจะจริงหรือไม่ผมไม่ทราบ คือ ผู้หญิงคนหนึ่ง (ผมรู้จักเธอ) เธอบอกว่าตอนเด็ก ๆ เธอขี่เรือผ่านแม่น้ำเจ้าพญา เธอเห็นพญานาค เธอตกใจมาก เลย เธอเห็นอยู่ท้ายเรือ พูดให้ใครฟังคงไม่มีใครเชื่อ แต่เท่าที่ผมรุ้คือ เธอไม่ใช่คนที่โกหก และปั้นน้ำเป็นตัวแน่นอน เพราะผมรู้จักเธอดีครับ แต่เธอเห็นนั้นจะเป็นพญานาคจริงหรือเปล่าไม่รู้ ตาฝาดหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมค่อนข้างจะเชื่อเธอนะ ถ้าไม่เชื่อฝากคุณแก้ว ประกาศตามหาที่ airport แล้วถามดูนะ เธอจะเดินทางไปอเมกาวันที่ 25 กรกฏานี้ แหล่ะ เธอชื่อเล่นว่า อูนเนอร์ ชื่อฝรั่งแต่หน้าลาว ๆ เหมือนผมนี่แหล่ะ ชื่อจริงว่า กมลทิพย์ ภาจำรงค์

    เดี๋ยวก่อน !!!!! แค่นี้ยังไม่พอ ..อ ..อ ยังมีคนอีกเผ่าพันธ์หนึ่งที่ปรากฏตัวให้คนแตกตื่นมาแล้วเมื่อไม่นาน ซึ่งแต่ก่อนคนมักจะพูดถึงคนเผ่าพันธ์นี้บ่อย แต่ไม่เคยได้ข่าวว่ามีใครได้เห็นตัวจริงหรือเปล่าว่าเป็นยังไง จนกระทั่งประมาณช่วง ต้นปี 2548 ได้มีกลุ่มคนจำนวนมากได้เล่ากันจนหนาหูว่า เห็นคนเผ่าพันธ์หนึ่ง อยู่ตามทะเลออกมาปรากฏตัวและส่งเสียงในยามค่ำคืนให้ผู้คนได้เห็น นับแต่นั้นมาผมจึงรู้ว่า "คนผีทะเล" มีจริง ๆ
    (ถ้าไม่เกิดคลื่นซึนามิ ตำนานคนผีทะเลคงจะเลือนหายไปตามกาลเวลาก็อาจเป็นได้)
     
  4. ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น

    ไก่น้อยหัวใจเวอร์จิ้น Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +86
    พิมพ์ผิด เจ้าพระยา ไม่ใช่ เจ้าพญา (กลัวภาษาไทยจะวิบัติ เพราะความรีบร้อนของหนุ่มหน้าตาดี)
     
  5. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,296
    ค่าพลัง:
    +2,719
    มี

    คนดี คนเลว คนบ้า คนไม่เอาไหน คนไหนดี คนไม่เข้ากัน คนค้นคน

    (b-green)
     
  6. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +313
    เราคิดว่าน่าจะมีความผูกพันกับคุณน่ะ หมาป่าน่ะ อาจจะเป็นญาติพี่น้อง ในอดีตชาติน่ะ หรือกินมากไปเลยฝัน แล้วแต่จะคิดกันไป แต่อย่าไปสนใจเลย อดีตก็คืออดีต

    เรายังเคยฝันเหมือนคุณเลย เราฝันว่ามีผุ้หญิงแก่ๆคนหนึ่ง ใส่ชุดกิมโมโน เดินเข้ามาหาเราแล้วบอกกับเราว่า จะพาเราไปพบคน คนนึง ในฝันน่ะเรา รู้ตัวว่าเราฝัน รู้สึก งงๆ น่ะ ว่าผู้หญิงคนแก่นี่เป็นใคร แล้วจะพาเราไปพบใคร แล้วเราก็เดินตามเค้าไป.... ไปห้องๆนึง มีคนอยู่ในห้องนั้น ประมาณ 4-5 คน อายุ ประมาณ30 กว่าๆแล้วล่ะ คนพวกนั้นน่ะ แล้วเราก็เห็นผู้ชาย คนนึง นอนอยู่บนเตียง ขาข้างขวา เค้าเจ็บใส่เฝือกไว้ เราก็งงๆ ว่าคัยเนี่ย พาเรามาเจอคัย
    เราก็ สังเกตุรายละเอียดในห้องน่ะ ว่าเป็นยังไง ในห้องนั้นเป็นห้องนอนน่ะ พอเรามองไปทีชายบนเตียงคนนั้น เค้าก็หันหน้าหนี แบบโกดๆเราน่ะ แต่ไม่มีคัยพูดอะไรกับเราเลยสักคำ
    เราเลยเดินออกมาจากที่ตรงนั้น แล้วผู้หยิงแก่คนนั้นเดินมาส่งเรา แล้วเค้าบอกเราว่า โอกาศหน้ามาใหม่น่ะคะ เราตอบเค้าไปว่า "ค่ะ" ตอนที่เราฝันนั้น เราอายุ14

    ถัดมาปี1 เราอายุ15 ม.3ล่ะ เราก็ฝันเห็นผุ้ชายที่อยู่บนเตียงคนนั้นอีก ทั้งๆที่เราไม่คิดนำมาใส่ใจเลย อยู่ดีๆมันก็ฝันขึ้นมา คราวนี้เราฝันว่า เรามีวงดนตรีวงนึง และเราอยู่ในห้องๆนึง คล้ายๆห้องซ้อมดนตรี น่ะ เป็นห้องสีขาว และเรากำลังนั่งตีกลองอยู่ และมีเพื่อนผู้ชาย คนนึง เล่นกีต้าร์ และเรากำลังตีเล่นๆอยุ่ ผุ้ชายปริศนาคนนั้นก็เดินมาหาเรา บอกให้เราลุกๆ เค้าจะตีกลอง (ในความฝันน่ะ เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นพี่ของคนพวกนั้น ) แล้วเราก็ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้อง แล้วเราก็ถามว่า จะตั้งชื่อวงว่าอะไร ชายปริศนาคนนั้น ก็ตอบว่า วง "noise" เราก็ถามไปอีกว่า noise ที่แปลว่า เสียง น่ะหรอ เค้าก็ตอบว่าใช่ และพอเราพุดจบจะเดินออกจากห้อง เรารู้สึกเหมือนร่างของเรามัน วูบน่ะๆ วูบแบบถอยหลัง เหมือนที่เราดูหนังแล้วกดย้อนไปน่ะ เรารู้สึกตัวน่ะ ตอนนั้น แล้วเราก็สะดุ้งตื่น

    ถัดจากนั้นไม่นาน เราก็ฝันอีก คราวนี้ฝันว่าตัวเองนั่งเล่นเปียนโนในห้อง ความรุ้สึกเราตอนนั้น เหมือนกับว่าห้องนั้นน่ะเป็นของเรา เป็นห้องเปียนโน มีเปียนโนตั้งอยู่ แล้วเรากำลังเล่นอยู่ ในความฝันนั้นเราเล่นเปียนโนคล่องมาก เรารู้สึกน่ะ และแล้ว ก็มีผุ้ชายปริศนา คนเดิมนั้นแหละ เข้ามาหาเราในห้อง เราก้บอกเค้าว่า ให้เล่นเปียนโน สิจะสอนให้ ชายคนนั้นก็บอกว่าไม่เอา เค้าชอบเล่นกลอง เราก็คะยั้ย คะยอให้เล่นเค้าก็ไม่ยอมเล่น เราก็เลยช่างเถอะไม่เล่นก็อย่าเล่น แล้วเราก็ตื่น

    หลังจากนั้นอีกประมาณ ไม่นานเหมือนกัน ก็ฝันถึงพวกโรงเรียน ครูอาจารย์ แต่เราจำชุดนักเรียนไม่ได้น่ะ จำได้พอคร่าวๆว่า คุณครูพาไปทัศนศึกษา แต่ไม่ใช่โรงเรียนในไทยน่ะ เพราะอักษร ที่เราเห็นน่ะ เป็นภาษาญี่ปุ่น ช่วงนั้นฝันถึงภูเขา ทะเลบ่อยมาก เห็นเป็นภาพๆเหมือนกับเราดูหนังน่ะ แต่ภูมิทัศน์ไม่ใช่เมืองไทย มันเป็นญี่ปุ่น

    และเราก็ฝันเห็นคอนเสิรต์นึง มันเป็นภาพเหมือนกับเราดูหนังอีกนั่นแหละ เหมือนกับเราอยุ่มุมสูง แล้วมองมาที่ข้างล่างนั้น คอนเสริต์นั้น เห็นเค้าฉายเลเซอร์เป็นรูปตัว X แล้วคนก็ทำมือ เป็นตัว X เราก็งงๆ เราฝันถึงอะไรเนี่ย แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจมาก ก็มองภาพนั้นไปเรื่อยๆ จนตื่นขึ้นมาอีก

    จนมาถึงวันนึง ชายที่ปริศนาคนนั้นได้ถุกเปิดเผย ว่าเค้าคนนั้นคือคัย คนที่เราฝันมาตลอด2ปีเต็ม ช่วงนั้น เพื่อนเรากำลังเห่อ วงดนตรี ญี่ปุ่นอยุ่ เราก็อยากเห่อตามเค้าบ้าง เลยซื้อหนังสือ
    I dol มาอ่าน เป็นหนังสือเกี่ยวกับพวกดารานักร้อง ญี่ปุ่น น่ะ จนมาเห็นภาพ ชายคนหนึ่ง คนที่เราเห็นในฝันนั่นแหละ แต่เรายังไม่คิดอะไรมาก จนได้มาอ่านประวัติชายคนนั้น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวง วงที่เค้าตั้งชื่อแรก ไม่ใช่ X แต่เป็น noise และอ่านประวัติทุกๆอย่างที่เค้ามีมันเหมือนกับที่เราเคยฝันไว้เลย แต่ต่างกันตรงช่วงเวลาที่เรายังไม่รู้จักวงๆ นี้ ก่อนเลย เค้าเคยถูกรถชน ขาข้างขวาต้องเข้าเฝือก และ ชายคนนั้น เมื่อตอนเด็กๆ เค้าเล่นวงดนตรี ดุริยางค์ เค้าเป่า ทรัมเป็ต และตอนที่เราฝันครั้งแรก เราเห็นทรัมเป็ต ในห้องนั้นด้วย และเรา ไปหาภาพเมืองที่เค้าอยู่ tateyama ในหนังสือเราก็เจอภาพทะเล ที่เป็นเหมือนกับในฝันเรา ที่เขาลูกนั้นเป็นหน้าผา แล้วข้างล่างเป็นทะเล ใช่เลย ภาพนั้นที่เราเห็นในฝัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราตอนนั้น เชื่อมั้ย เราไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย จนกระทั่งวันนี้ เรากลัวเค้าหาว่าเราบ้า

    และเราก็ฝันถึงชายคนนั้นเรื่อยๆมา ฝันว่าเค้ามายิ้มให้ ยืนยิ้มให้เฉยๆ ถ้าวันนั้นจะมีข่าวเกี่ยวกับชาย คนนี้ เราจะฝันล่วงหน้าก่อนเลย ฝันว่าเห็นเค้า แล้ววันพรุ่งนี้ เปิดทีวีดูตอน5ทุ่มเที่ยงคืน จะมีรายการดนตรี ญี่ปุ่น เราต้องเปิดดู นั่นแหละ เราก็ได้เห็นข่าวของชายคนนั้นทุกที
    มีครั้งนึง ตื่นเต้นมาก ฝันเห็นชายคนนี้แหละ แต่ ต่างกันตรงที่ ชายคนนี้ย้อมผมเป็นสีดำล่ะ
    (ที่แรกย้อมผมสีทองผมสั้นน่ะ ) แล้วอีกวันเราเปิดทีวีดู ก็ใช่ตรงเป๊ะๆ เลย ย้อมผมเป็นสีดำจิงๆด้วย เราละอึ้งเลย จนมาครั้งสุดท้าย ที่เราฝันเห็นเค้า เมื่อ4ปีที่แล้วได้มั้ง คราวนี้เราฝันว่า เราจับมือกัน ความรู้สึกเราแปลบ ขึ้นมาเลย เหมือนกับว่าได้จับมือกันจริงๆ แม้กระทั่งเราตื่น ความรู้สึกนั้นก็ไม่หาย มันเป็นความรุ้สึกแปลกๆ ขณะที่พิมพ์อยุ่ ยังคิดถึงความรู้สึกนั้นอยู่เลย มันยังไม่จางหาย ช่วงนั้นเราคลั่งไคล้วงดนตรีวงนี้มาก เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับวง ๆนั้น
    แค่ตอนนี้วงนี้ ได้แยกวงกันแล้วล่ะ เราไม่ขอเปิดเผยชื่อวงและชายปริศนาคนนั้นน่ะ ถ้าบอกไป กลัวมันไม่ดี แต่ถ้าคัยฟังเพลง ญี่ปุ่นคงพอเดาๆออกละว่าเป็นใคร วงนี้ดังมากๆ เป็นตอนนี้ตำนานไปแล้วล่ะ เมื่อก่อนเราคิดมากน่ะ ทำไมเราจะต้องมารับรุ้ด้วย รับรู้แล้วทำอะไรไม่ได้
    กลัวเล่าให้ใครฟังแล้วจะพาลคิดว่าเราบ้าดารา แต่ตอนนี้เราเฉยๆแล้วล่ะ อดีตก็คืออดีต ทุกคนมีทางเดิน เป็นของตนเอง
     
  7. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="49%"><DL><DD>[​IMG]ผีดูดเลือด หรือ แวมไพร์ (Vampire) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีพลังปิศาจ แม้ว่า ผีดูดเลือด จะอยู่ในร่างของมนุษย์ มันก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่[​IMG] มันคือคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมาจากโลงมีชีวิตใหม่โดยดูดเลือดเป็นอาหาร สังคมแทบทุกสังคมรู้จัก ผีดูดเลือด ผีดูดเลือดปรากฎครั้งแรกในอาณาจักร บาบิโลเนีย ในหีบศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4,000 ปี มีตำนานเกี่ยวกับผีดุดเลือดมากมายใน อินเดีย จีน กรีก โรมัน มาเลเซีย และไทย ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับผีดูดเลือดเช่นกัน

    [​IMG]ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิต ในขณะ หรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทยก็เห็นจะเป็น กระสือ หรือปอบ ที่เรารู้จักกัน ประเพณีโบราณมักมีวิธีป้องกันผีพวกนี้และบางประพณีก็สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ในแถบตะวันตก ผีดูดเลือด เป็นที่รู้จักกันในนามแวมไพร์ ปรากฏในอังกฤษครั้งแรก ในปี พ.ศ.2275 ตามบันทึกว่าเป็น แวมไพร์ ชาวเซอร์เบีย (Serbian : แคว้นในยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารใน กรีก ด้วยท่าทีที่แปลกไป เขาผู้นั้น คือ อาร์โนลด์ เปาเล (Arnold Paole) เปาเล ยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่า เขาโดน แวมไพร์ ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็น แวมไพร์ ไปด้วย เปาเล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่า มีรอยเลือดอยู่ที่ปาก การที่จะพิสูจน์ว่า เป็น แวมไพร์ หรือไม่นั้น ทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ศพของ เปาเล ถูกพิสูจน์และด้วยความประหลาดใจ

    ในขณะที่ตอกหมุดนั้นมีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วย ศพของ เปาเล ถูกเผาตามขั้นตอนของพิธีกรรมทางความเชื่อ หลายปีต่อมา ก็ยังมีกรณีของ แวมไพร์ ตัวอื่นอยู่ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหยื่อของ เปาเล จึงสรุปได้ว่า แวมไพร์ ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด

    [​IMG]บันทึกในปี พ.ศ.2306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศส ชื่อ ฌอง จาก รูสโซ (Jean-Jacques Rousseau) กล่าวว่า ในปีนั้นมีพยานหลายคนทั้งที่เป็นแพทย์ นักบวชและพนักงานปกครอง ได้พบเห็น แวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรม จนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง มีทั้งสองเพศ แต่โดยมากจะเป็นเพศชาย มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม การเป็น แวมไพร์ นั้นเป็นไปโดยไม่ได้สมัครใจและก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับปิศาจหรือเวทมนตร์ แม่มดเท่าใดนัก แวมไพร์ มักเป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย ผู้บริสุทธิ์ก็เป็น แวมไพร์ ได้โดยตกเป็นเหยื่อของพวกมัน

    บุคคลที่มีความแตกต่างไปจากคนอื่นและมีการตายอย่างประหลาดนั้นมักถูกเชื่อว่า จะเป็นแวมไพร์ อย่าง แน่นอน บุคคลใดที่มีลักษณะคล้าย แวมไพร์ จะถูกกีดกันจากสังคมทันที การกำจัด แวมไพร์ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็น แวมไพร์ โดยความเชื่อของ ชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัด แวมไพร์ หรือกำจัดได้โดยวิธีเดียวกับที่ทำกับ แวมไพร์ เปาเล


    ปลายพุทธศตวรรษที่ 19 นักเขียนชาว ไอริช เมื่อ บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) ได้แต่งนิยายเรื่อง แดรกคูลา (Dracula) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งที่แปลว่า ผีดูดเลือด แดรกคูลา เป็นลูกชายของ แดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้าย ทารุณ แดรกคูล เป็นสมญานามที่แปลว่า ปิศาจ ซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือด และแดรกคูลา ก็แปลว่า ลูกชายของปิศาจ

    ในนิยาย แดรกคูลา เกิดในทรานซิลวาเนีย (Transylvania) และมีความโหดร้ายเช่นเดียวกับพระบิดา ทรงสร้างศัตรูมากมาย มีการตายอย่างลึกลับ ไม่มีใครพบเห็นศพและไม่ได้ถูกฝังตามพิธี จนปัจจุบันเรื่องราวของ แวมไพร์

    ก็ยังคงน่าหลงใหลและน่าหวาดกลัวมีผู้คนที่เชื่อว่า แวมไพร์ มีจริง ยิ่งกว่านั้น ยังมีศูนย์วิจัย แวมไพร์ ใน นิวยอร์ก ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ แวมไพร์ ใน ยุโรป และ อเมริกา อีกด้วย

    [font=Angsana New, AngsanaUPC] [/font]


    </DD></DL></TD></TR></TBODY></TABLE> </FONT>
     
  8. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    <TABLE cellSpacing=4 cellPadding=4 width="82%" align=center bgColor=#666666 border=2><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc>
    [​IMG]






    </TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc>
    แวมไพร์, มนุษย์หมาป่า (Werewolves) รวมไปถึงซอมบี้ สิ่งเหล่านี้คือตัวตนที่พวกเราทราบกันดีว่าพวกมันอาศัยอยู่ในรอยต่อของโลกปัจจุบันและโลกแห่งความตาย สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความน่าพรั่นพรึง ซึ่งเกาะกุมหัวใจผู้คนมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย แม้แต่ในปัจจุบันเองก็เถอะ พวกเรายังคงได้ยินได้เห็นเรื่องราวของตัวตนเหล่านี้อยู่เสมอๆ โดยเฉพาะที่เป็นนวนิยายและภาพยนตร์ (ที่มีความสยองเกล้าและสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา) ตัวตนเหล่านี้ฝรั่งเค้าเรียก อัดเด้ด... เอ๊ย Undead ก็คงเรียกตามฝรั่งเค้าแหละนะเพราะจะว่าไปเจ้าพวกนี้มันก็ผีฝรั่งนี่นา...



    โดยความหมายแล้ว Undead หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้วแต่ยังไม่ยอมตายครับ ผิดวิสัยของสิ่งมีชีวิตที่เมื่อตายไปแล้ววิญญาณย่อมล่องลอยออกจากร่าง เพื่อไปสู่ภพภูมิใหม่หรือไปยังโลกหน้าก็ว่ากันไปตามความเชื่อของแต่ละศาสนา เจ้า Undead เหล่านี้ยังคงคอยวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ และสร้างความสยดสยองแก่ผู้พบเห็นอยู่เนืองๆ และบ่อยครั้งทีเดียวที่มันนำเอาความตายมาสู่ผู้พบเห็นเข้า ชาวตะวันตกถือว่าตัวตนเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายเนื่องจากการดำรงอยู่ของพวกมันฝืนลิขิตของพระผู้เป็นเจ้า พูดง่ายๆก็คือผิดธรรมชาตินั่นเอง ทางบ้านเราเรียกตัวตนจำพวกนี้ว่าผีดิบ (ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สุกเพราะไม่ได้ฌาปนกิจหรอกนะ แต่หมายถึงผีที่ยังมีร่างกาย แตะต้อง สัมผัสได้ต่างหาก)

    [​IMG]

    บ่อยครั้งทีเดียวที่เราพบการนำเสนอเรื่องของตัวตนเหล่านี้ในแง่ของความโหดร้ายกระหายเลือด แต่เชื่อไหมว่าตำนานโบราณและเอกสารที่เชื่อถือได้หลายแหล่ง กลับกล่าวถึง Undead ในมุมมองที่ต่างออกไป เนื่องจากบ่อยครั้งทีเดียวที่เอกสารโบราณบันทึกไว้ว่า ตัวตนอันน่ากลัวเหล่านี้หาได้ชั่วร้ายเสมอไปไม่ บางครั้งพวกมันนั่นแหละ คือผู้รับเคราะห์จากตลกร้ายทางโชคชะตา น่าสงสารมากกว่าน่ากลัวว่างั้นเถอะ

    เมื่อกล่าวคำว่าแวมไพร์ (Vampire) เรามักไปติดกับภาพของวรรณกรรมคลาสสิคเรื่องแดร็คคิวลาของ บราม สโตเกอร์ ที่รังสรรค์ตัวละครอมตะอย่างท่านเคาท์แดร็คคิวลา (Dracula) โดยเอาแคแร็คเตอร์มาจากนักปกครองจอมโหดคนหนึ่งซึ่งมีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริงๆ อิทธิพลจากวรรณกรรมเรื่องดังกล่าวทำให้คนรุ่นหลังเข้าใจกันไปเองว่า แดร็คคิวลาแหละเพื่อนผองชาวแวมไพร์จำต้องอาศัยเลือดมนุษย์สดๆมาดับกระหาย รวมทั้งยืดอายุขัยของตน พูดง่ายๆก็คือการสูบเลือดมนุษย์เป็นอาหารนั้นกลายเป็นโลโก้ของแวมไพร์ในปัจจุบันไปแล้วนั่นเอง แต่ทราบไหมว่าแวมไพร์ตามตำนานจริงๆนั้นมักเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์เราตายไปภายใต้เงื่อนไขอันผิดปกติบางประการ เป็นต้นว่า ตายขณะที่กำลังคลอด พวกที่ฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตรกรรมอย่างทารุณก็มีสิทธิ์กลายเป็นแวมไพร์ในภายหลังได้เช่นกัน ผู้รู้ที่เป็นฝรั่งอรรถาธิบายให้ฟังว่า การตายในภาวะผิดปกตินั้นทำให้วิญญาณไม่สามารถจากร่างไปอย่างสงบ วิญญาณเหล่านั้นจึงเหมือนถูกขังอยู่ในร่างซึ่งตายไปแล้วในเชิงชีววิทยา (หัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ คลื่นสมองไม่ทำงาน ฯลฯ) ส่วนทางพุทธคงอธิบายได้ว่า วิญญาณเหล่านั้นไม่อาจออกจากกายเนื้อเพื่อไปสู่โลกหน้าได้

    เรื่องของการกลายสภาพจากคนเป็นมนุษย์หมาป่านั้น สามารถสืบสาวความเป็นมาไปจนถึงยุคชาวกรีกโบราณหรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย รายละเอียดก็เป็นอย่างที่เราเคยได้ยินกันมาเลย นั่นคือเรื่องของคนหอนคืนโหดผู้สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่ากระหายเลือดได้ ในยามที่ร่างต้องแสงจันทร์ในคืนเต็มดวง กรณีที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นได้แก่เรื่องของ Peter Stubbe และ Jean Grenier เรื่องราวของสองกระทาชายมีส่วนคล้ายคลึงกันคือ พวกเขาสามารถกลายร่างเป็นตัวประหลาดขนรุงรังมีแรงเหมือนช้างสาร รวมทั้งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ขณะกลายร่าง แต่คนทั้งสองมีส่วนต่างกันในเรื่องของสาเหตุการกลายร่างจากการให้ปากคำกับศาล Peter Stubbe ได้ความสามารถในการกลายร่างเพราะการทำสัญญากับปีศาจ ส่วน Jean Grenier เป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายที่เกิดจากการต้องคำสาปจากแม่มดเท่านั้นเอง

    นอกจากกรณีของ Jean Grenier แล้ว ยังมีตัวอย่างของ Undead ที่น่าสงสารอีกมาก เช่นเรื่องที่เกิดขึ้นในเกาะไฮติ แถบทะเลแคริบเบียน ที่ซึ่งชนพื้นเมืองมีศัทรธาในมนตร์มืดลัทธิวูดูอย่างแรงกล้า ชาวไฮติดำรงชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวงว่าเมื่อตายไปศพของพวกเขา(หรือไม่ก็ญาติพี่น้อง) จะถูกนักบวชลัทธิวูดูขุดขึ้นมาจากหลุมเพื่อทำพิธีคืนวิญญาณ จนกลายสภาพจากคนตายมาเป็นซากที่เคลื่อนไหวที่ไร้ความนึกคิด - ซอมบี้ นั่นเอง

    นักวิชาการที่เข้าไปศึกษาเรื่องนี้ได้ให้ข้อสังเกตบางประการว่า นักบวชลัทธิวูดูไม่ได้ปลุกศพขึ้นมาให้เป็นซอมบี้จริงๆหรอก แต่ใช้วิธีการวางยาเหยื่อให้มีสภาพคล้ายกับตายไปแล้ว(จะด้วยวิธีไหนก็ตาม) เพื่อจะได้ย่องมาขโมยร่างไปทำประโยชน์ในภายหลัง ความลับของมนตร์มืดวูดูและการปลุกซอมบี้เป็นความน่าพรั่นพรึงที่เกาะกุมหัวใจชาวไฮติ(รวมทั้งชาวโลก)มานาน จนกระทั่ง Alfred Metraux นักมานุษยวิทยาชาวฝรั่งเศสผู้สนใจปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดนี้ได้ทำการศึกษาแบบลงลึกเพื่อพิสูจน์สมมติฐานของเขา รายละเอียดและผลสรุปการศึกษาของ Metraux เราจะกล่าวถึงในภายหลัง



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...