ใครยึดจิตพ้นทุกข์ไม่ได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 22 มีนาคม 2019.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ท่านว่า..... เพราะจิตเป็นอนัตตา เราควบคุมจิตไม่ได้
    จิตเป็นทุกข์เราห้ามไม่ได้ จิตเป็นสุขก็ห้ามไม่ได้
    จิตเปลี่ยนตามอารมย์โดยไม่ยึดเรา
    แต่เราคอยยึดจิตจึงหวั่นไหว
    สุขทุกขํไปตามจิต

    เรายึดจิตแต่จิตไม่ยึดเรา
    ผู้ใดสิ้นยึดจิตได้ผู้นั้นสิ้นทุกข์ได้
    นิพพานได้
    ผู้ใดสิ้นยึดจิตไม่ได้ก็พ้นทุกข์ไม่ได้
    นิพพานไม่ได้
     
  2. Fallenz

    Fallenz ○~พบแล้ว เจอแล้ว เสวนาแล้ว ที่เหลือแล้วแต่วาสนา~●

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +733
    แซวลุงแมวหน่อยดีกว่า อิอิ

    จริงตามที่ว่าเลยครับ

    แต่จะถึงที่ลุงแมวว่านี้ คงรอบที่ 3 กิจที่ 12 ขึ้นไปแล้วมั้งครับ

    อิอิ
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จิตไม่ใช่อนัตตานะเป็นก้อนพลังงานอะไรสักอย่างอยู่ในสมองมั่ง ในใจมั่ง คอยกระตุ้นเพิ่มกำลังสมอง กำลังใจให้เรา ต้องวิญญาณสิที่เป็นอนัตตา ไม่มีสมอง ไม่มีตาแต่มองเห็นได้ไง
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    จิตถูกควบคุมไม่ให้คิดได้มะฮับ
    จิตถูกสั่งให้คิดเรื่องนี้ อย่าคืดเรื่องนั้นได้มะฮับ
    จิตถูกสั่งไม่ให้ไม่รับอารมย์โกรธได้มะฮับ
    จิตถูกสั่งไม่ให้ดีหรือเสียใจได้มะฮับ
    ถ้าจิตถูกสั่งได้ ก็เป็นอัตตาคือมีตัวตน
    มีรูปมีร่าง
    ถ้าสั่งไม่ได้บังคับไม่ได้ ก็เป็นอนัตตา
    ไม่มีตัวตนไม่มีรูปร่าง
    ฉะนี้แลฮับ
     
  5. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จิตเป็นที่รองรับอารมณ์ จนเกิดวิญญาณต่างๆ
    จิตผู้ฝึกมาดีครับจะสามารถดัดแปลงความเป็นจริงได้ แต่เป็นแค่การจำลอง ผมก็บังคับตาที่สามได้นิดหน่อยนะ ต้องฝึกบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็สู้นิมิต ฝันไม่ได้
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    จิตมีไว้ยึดหรือเอาไว้ปล่อยวาง
    เพื่อการสิ้นทุกข์ฮับ
     
  7. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ฝึกต่อไม่ไหวก็ดูมันต่อไปฮับ
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    อนุโลมปฏิโลมฮับ
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ประโยชน์ของนิมิตรมีรัยบ้างที่นำไปสู่การสิ้นทุกข์
     
  10. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    นิมิตรูปพระพุทธเจ้าแล้วผีกลัวครับ ไม้ตายสุดยอด
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ผีวิ่งหนีแล้วเราสิ้นทุกข์หยอฮับ
     
  12. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จะเอารูปอื่นผีมันก็บ่น ความจริงไม่ได้กลัวหลอกแต่ให้ความเคารพมากกว่า
     
  13. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ถือว่าเรามีร่างจิตข้อมูลของพระพุทธเจ้าในตัวแล้วครับ ไปไหนมีแต่คนบูชา แต่เอาไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า นิมิตไม่ใช่ออกมาได้ง่ายๆ ตาที่สามก็ไม่ชัดเจน
     
  14. Unexpected

    Unexpected เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,513
    สติไงคะลุง ควบคุมจิตได้
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    เครื่องมือในการควบคุมความคิด
    และพฤติกรรมของจิต คือ สติทางธรรม
    ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันครับ
    เพื่อให้ค่อยๆคลาย ค่อยๆละ จากความคิด
    ที่เกิดจากจิตหรือที่เปลี่ยนได้ตามใจเรา
    และคลายจากความคิดที่ผุดขึ้นมาโดยไม่ได้
    ตั้งใจที่มักเป็นเรื่องราวในอดีตหรือขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรม ตัวอย่างเช่น
    รู้ว่าคิดถึงภาพนี้ ณ ปัจจุบันอยู่
    หรือรู้ว่าคิดถึงภาพนี้ในอดีตอยู่

    กว่าจะไปถึงขั้นจิตไม่ยึดอะไรหรือจิตไม่มีการเกิด(คือไม่มีอะไรมาเป็นเหตุให้
    จิตมันเกิดขึ้นได้)

    ต้องผ่านการเดินปัญญามาก่อน
    เริ่มจากฐานที่เห็นตัวจิต ความคิด
    และขันธ์ ส่วนนามธรรม และเข้าใจกิริยา
    ต่างๆของสามส่วนนี้ ว่าเป็นอย่างไร
    (แต่ถ้าอายุเกิน ๕๐ แล้วไม่เห็นฐานจิต
    ตัวจิตไม่เป็นไร ถือว่าปกติตามวัย)
    ตย. คือรู้ว่ามีภาพในอดีตขึ้นมาแต่เฉยๆ
    ใจไม่ปรุ่งร่วม และไม่ไปดับมัน
    ส่วนความคิดจากจิตก็ดับ
    ไปเลยไม่ให้เกิดไม่สนใจ นี่คือกิริยา
    ที่จิตเป็นกลาง


    แล้วปล่อยให้จิตว่างรับรู้ภายในอยู่
    อย่างนั้น ในสภาวะปัจจุบันด้วยใจที่เป็น
    กลางจนเกิดปัญญาทางธรรมขึ้นมาก่อน
    ในเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้คลายเรื่องนั้นๆ
    ลงไปได้เร็ว แต่อนาคตจะพบว่า เรื่องที่คลาย
    ไปแล้วมันกลับขึ้นมาอีกได้ นี่เอกลักษณ์
    ปัญญาทางธรรม ตย. ขั้นตอนนี้
    มันเป็นไปได้เอง เพราะตัวสติทางธรรม
    จะคอยควบคุมจิตให้รับรู้ตามความจริง
    อยู่อย่างนั้น ผลคือ เวลามีเรื่องอะไร
    สติจะทันและปัญญาทางธรรมจะตัดทันที
    จนไม่มีผลต่อใจเรา แต่ไม่ใช่การบรรลุ
    อะไรนะครับ มันเป็นกิริยาปกติ
    ของสติทางธรรมและปัญญาที่ทำร่วมกันครับ
    เช่น เห็นภาพนามธรรม ก็จะเฉยๆ ไม่ยึด
    ไม่สนใจ แต่จะยังไม่รู้ว่าภาพที่เห็น
    เกิดจากอะไรนะครับ (ไม่ยึด แต่ไม่รู้ว่า
    เกิดจากอะไร อ่านดีๆนะครับ)

    ต้องมาสังเกตุเพิ่ม ถึงสาเหตุที่เกิด
    สาเหตุที่ดับ เกิดเวลาไหน ดับเวลาไหน
    ตลอดจนมีการพิจารณาเพิ่มเติม
    ก่อนที่จะหลับและลืมตาตื่นว่า
    ในแต่ละวันพลาดอะไร เรื่องอะไรเกิดบ้าง
    เพื่อเพิ่มความต่อเนื่องของสติและเป็นอุบาย
    ให้สามารถย้อนไปหาเหตุที่ทำเรื่องนั้นเกิดได้
    ก็จะเกิดเป็นปัญญาญานได้ครับ
    เอกลักษณ์มันก็คือ จะย้อนไปรู้ต้นตอ
    แห่งการเกิดเรื่องนั้นๆได้เลยจนจิต
    หายสงสัยและทิ้งเรื่องนั้นไปเลย
    จนไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้อีก
    เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว
    เหมือนปัญญาทางธรรมครับ
    (ตย. เห็นภาพนามธรรม และไม่ยึด
    และสามารถย้อนรู้
    กระบวนการที่ทำให้เกิดภาพนั้นขึ้นมาได้เลย) นี่คือลักษณะปัญญาญานนะครับ

    สรุป เทียบเรื่องเห็นภาพนามธรรมเพื่อ
    ความง่ายในการเข้าใจ

    ๑ เห็นภาพ ถ้ามีสติทางธรรมก็จะไม่กลัว
    ไม่ยึดในภาพที่เห็น ไม่สนใจหาคำตอบ
    ไม่ปรุงร่วมสร้างเป็นเรื่องราวต่อไป
    ไม่ดึงเข้ามาเป็นตัวตน
    ๒ เห็นภาพ ไม่กลัว ไม่ยึด ไม่สนใจ
    แค่ภาพ เป็นมายา ไม่เที่ยง เฉยๆ
    เรื่องปกติ แสดงว่าพอมีปัญญาทางธรรม
    ๓ เห็นภาพ ไม่สนใจ เห็นอีกก็ไม่สนใจ
    แล้วเกิดกระบวนการย้อนรู้ ถึงต้นเหตุ
    ที่ทำให้เห็นภาพแรกได้(กระบวนการ
    ที่ทำให้เห็นภาพแรก หรือภาพปัจจุบัน)
    ตรงนี้ แสดงว่า พอเริ่มมีปัญญาญาน

    ผ่านมาถึง ๓ ข้อตรงนี้ จิตถึงจะเริ่ม
    คลายตัวเองได้ตามธรรมชาติของมันเอง
    ในเวลาใช้ชีวิตปกติประจำวันได้เองครับ
    คือไม่มีอะไรมาทำให้มีการเกิดของจิตได้
    และจิตก็คลายตัวเองแบบไร้รูปร่างได้เอง
    พวกนี้ เริ่มต้นจากหลักวินาทีทั้งนั้น
    ธรรมชาติคือเกิดเอง ไม่ใช่จาก สมาธิ
    ความชำนาญ กำลังจิต ปัญญา สติ ตบะ
    หรืออะไรก็ตามมานำทำให้มันเกิด

    สังเกตุ ใน ๓ ข้อ จะมีทั้งสมถะ วิปัสสนา
    เข้ามาหนุนครับ


    กว่าจะถึงขั้นแบบที่ลุงว่า
    สิ้นยึดจิตได้
    มันมีขั้นมีตอน
    มีลำดับในการพัฒนาอยู่ครับ
    ถ้าไม่อยู่สภาวะ จิตเหนือจิต
    คือ เห็นได้ ทั้งกระบวนการ
    ว่า ผู้รู้ ผู้ดู จิต(หนักสมถะ เห็นตัวจิต
    เห็นตัวไปกระทบที่ส่งจากจิตออกไป
    จะเข้าใจว่าเป็นผู้รู้
    และเข้าใจว่าผู้ดู(ซึ่งไม่เห็นแต่ ตามตัวจิตอยู่)เป็นจิตเป็น
    ผู้รู้จริง
    ถ้า หนักวิปัสสนา
    ไม่เห็นจิต เห็นแต่ตัวไปกระทบและเข้าใจ
    ว่ากระบวนการที่เห็นเป็นผู้รู้ เข้าใจว่า
    ผู้ดูเป็นผู้รู้จริง)
    เป็นเพียง
    การปรุ่งแต่งอย่างหนึ่งได้ก่อน
    ดังนั้น ต้องหาสมดุลย์ตรงนี้ให้เจอก่อน
    ด้วยตนเองครับ ไม้งั้นเราจะเสร็จมันครับ
    หนักอย่างใดอย่างหนึ่งก็เสร็จครับ

    กว่าจะเกิดกิริยา สิ้นยึดจิต ไม่ยึดอะไรได้
    มันก็มีขั้นมีตอนของมันอยู่
    ไม่ง่ายเหมือน การใช้คำพูด หรือฟังมา
    การไปอ่านแล้ว คิดวิเคาระห์ร่วมกับจิต
    แล้วตีความเทียบตามสภาวะการปฎิบัติ
    แห่งตน ณ เวลานั้น
    มันแค่ทำให้เราเห็นในภาพรวมๆ
    และจะทำให้เราหลงว่าเรารู้
    ทั้งๆที่ ในเวลาปกติประจำวัน
    จิตยังไม่เคยคลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ
    ของมันเลย เนื่องจากผลที่ย้อนรู้
    ต้นตอที่ทำให้เกิดเรื่องนั้นๆได้ครับ

    พวกนี้ต้องระวังมากๆครับ ลุง
    ถ้าจะยกระดับจิตได้
    ตัววิญญานการรับรู้ที่ส่ง
    ออกมาจากตัวจิต
    เราจะต้องตีมันให้ขาดครับ

    ไม่งั้นเราจะเข้าไม่ถึงสภาวะ
    มันจะกลายเป็นแค่อัตถะ ครับ

    ปล เล่าสู่กันฟังครับ ^_^
     
  16. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    จิตเกิดจากกรรมเก่าตามทันครับ จึงได้แต่ตามดูให้ทุกข์เล่นๆ เพื่อปลงล่ะมั้ง กรรมแต่ละคนไม่เท่ากันด้วย
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ใช้ปัญญา 3 เพื่อเข้าใจในกิริยาอาการ
    ต่างๆตามผัสสะที่เกิดกับขันธ์ 5
    รามถึงจิตปรุงแต่ง และจิตไม่ปรุงแต่ง
    ส่วนจิตหลุดพ้นคือจิตพุทธะ
    เป็นจิตที่รู้อย่างเดียวไม่มีอาการ
    เคลื่อนไหว ไม่มีการแทรกแซง
    ใดๆในจิตสังขาร
    ฮับ... ท่านว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...