ในทางธรรมะ เมียน้อยถือว่าเป็นบุคคลเลวร้ายขนาดไหน? จะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรคะ?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 27 สิงหาคม 2008.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    ถาม – ในทางธรรมะ เมียน้อยถือว่าเป็นบุคคลเลวร้ายขนาดไหน? จะต้องได้รับผลกรรมอย่างไรคะ?

    ตอบ
    กรณี ‘กินน้ำใต้ศอก’ นี่ ทุกประเทศจะถกกันในประเด็นใครถูกใครผิด ใครน่าเห็นใจหรือน่ารังเกียจ ใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ซึ่งก็จะไม่ได้ข้อยุติตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังยุติความพอใจในกามหลากรสไม่ได้ และฝ่ายหญิงยังห้ามใจจากเงินง่ายและชายเจนสังเวียนไม่ไหว เพราะผลประโยชน์จะสรรหาเหตุผลที่ฟังขึ้นและน่ายอมรับได้หลายข้อเสมอ
    ในแง่มุมของกรรมวิบากแล้ว เหตุผลน่าเห็นใจไม่มี มีแต่จิตสำนึกและเจตนาในการเป็นเมียน้อย ฉะนั้นคำว่าเมียน้อยไม่ได้แปลว่า ‘เลวร้าย’ หรือ ‘ผิดทันที’ แต่ต้องดูว่าเงื่อนไขของเมียน้อยคืออะไร
    ๑) ได้รับการยินยอมพร้อมใจจากเมียหลวงหรือรู้ทั้งรู้ว่าเมียหลวงจะต้องเจ็บปวดสาหัส หากเมียหลวงโอเคอย่างเต็มใจก็ไม่มีใครผิดศีล ไม่มีใครก่อบาป เพราะเป็นการกระทำอย่างเปิดเผยโดยไม่มีใครเป็นทุกข์จากการรับรู้ความจริง เหตุผลโดยมากที่เมียหลวงยอมคือเบื่อเซ็กซ์ บางคนนี่ขนาดเป็นแม่สื่อหาเมียน้อยให้สามีทีเดียว แต่หากยังไม่มีการตกลงจากเมียหลวงว่าโอเค แล้วแอบปล่อยตัวปล่อยใจเป็นเมียน้อยลับๆ โดยรู้ๆอยู่ว่าเมื่อเมียหลวงรู้เข้าจะต้องปวดร้าว อย่างนั้นก็เข้าข่ายเป็นชู้ ผิดศีลธรรม เป็นการก่อบาปเต็มประตู
    ๒) หลวมตัวตกเป็นน้อยด้วยความไม่รู้หรือว่ารู้อยู่ล่วงหน้า ปัจจุบันสังคมโลกทำงานปะปนกัน ไม่ใช่ให้ผู้หญิงอยู่ก้นครัวที่บ้านเหมือนสมัยโบราณ แล้วชายหญิงก็ปิดบังกันเรื่องคู่ครองง่ายเสียด้วย ก็ถ้าไม่บอกเสียอย่างใครจะไปรู้ หากฝ่ายหญิงถูกหลอกต้มอย่างสนิทก็ถือว่าไม่บาป เพราะในกรณีนี้บาปจะเกิดต่อเมื่อรู้ทั้งรู้แล้วขืนทำ พวกที่รู้ว่าเขามีเมียแล้วยังฝืนเอาตัวเข้าไปบวกนี่ ส่วนใหญ่เพราะฝ่ายชายมีดีเกินห้ามใจ แล้วส่วนใหญ่ที่ยังสวย ยังอ่อนเยาว์ ก็มักสำคัญตนผิด คิดว่าในที่สุดต้องชนะ เดี๋ยวฝ่ายชายต้องใจอ่อน ยอมหย่าขาดจากเมียหลวง ซึ่งจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็เจอข้อหาแย่งสมบัติน่าหวงแหนจากมือผู้อื่นมาครอง ผลย่อมหนักหนา อาจจะยิ่งเสียกว่าโจรชิงทรัพย์อันเป็นที่รักจากเจ้าของยามเผลอ หลายคนมักมองว่าผู้ชายเป็นฝ่ายเลว เห็นแก่ตัว แต่ก็มีบางกรณีครับที่ทนเทคนิคการยั่วจากฝ่ายหญิงไม่ไหว ธรรมชาติให้อาวุธลับล่อใจมาหลายชิ้น เปิดของลับวับๆแวมๆหน่อยชายส่วนใหญ่ก็ตะลึงงงลืมศีลธรรมกันแล้ว ซึ่งพออะไรๆเลยเถิดแล้วเรื่องแดงขึ้นมา ฝ่ายหญิงบีบน้ำตาหน่อยสังคมจะรุมประณามฝ่ายชายทันที อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติจะไม่ถูกหลอกให้สงสารใครเพียงเพราะเห็นน้ำตา ในที่ที่กรรมเผล็ดผลนั้น สิ่งเดียวที่มีให้คือการลงโทษอย่างหนักหน่วง ดุดัน ปราศจากความปรานีปราศรัย และไม่ต้องสอบสวนหาความจริงจากปากใครแต่อย่างใดทั้งสิ้น
    ๓) ทำเพื่อเงินหรือทำเพื่อความรัก ถ้าแพ้เงินก็บาปมาก แต่ถ้าแพ้รักก็บาปน้อยลง แต่ไม่ใช่ไม่บาปเลย อย่างไรการเป็นชู้ก็เป็นอกุศล เป็นสิ่งบาดจิตให้ทุกฝ่ายเกิดแผลวันยังค่ำ ข้ออ้างที่ฟังขึ้นและดูเหมือนน่าเห็นใจที่สุดคือ ‘เรารักกันมาก’ แต่ที่ซุกไว้ใต้พรมคือ ‘ถึงรู้ว่าคนเป็นหลวงจะต้องเจ็บเจียนขาดใจก็ช่าง’ สมัยที่ผู้หญิงทำงานหาเงินเองได้อย่างยุคเรานี้ มีด้วยซ้ำครับที่เมียน้อยรวยกว่า และเอื้อเฟื้อ ให้การจุนเจือ ‘ครอบครัวหลัก’ ของฝ่ายชาย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าได้รับข้อยกเว้นจากสังคม อย่างไรใครรู้เข้าก็ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยอยู่ดี ตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังมีพันธะทางกฎหมายหรือทางกายอยู่กับเมียหลวง
    ๔) ทำเพื่อตัณหาส่วนตัวหรือทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องที่เดือดร้อน หากยอมเป็นเมียน้อยด้วยความ ‘กลั้นไม่อยู่’ ของตัวเอง แปลว่ายอมทำผิดเพราะแพ้ความรู้สึกฝ่ายต่ำ แต่หากจำใจเป็นเมียน้อยด้วยความจำเป็นทางครอบครัวบีบคั้น อาจหมายถึงการยอมเป็นนางบาปเพื่อช่วยให้พ่อแม่รอดพ้นจากความอดตาย บางคนไม่ยอมนิยามว่าตัวเองเป็นเมียน้อยด้วยซ้ำ คือกำหนดใจไว้แต่แรกว่าขอตากหน้าเอากายแลกเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้มีพระคุณสักครู่หนึ่ง เมื่อได้เงินทองเท่าที่จำเป็นก็จะทำตัวสาบสูญไปจากฝ่ายชายชั่วนิรันดร์ หากคิดอย่างนั้นและทำอย่างนั้นได้จริงๆ โทษก็จะเบาลงตามส่วน
    ๕) ทำแล้วสำนึกหรือไม่สำนึกผิด หากสำนึกผิดจิตจะไม่จับบาปไว้เต็มกำ แต่ยิ่งด้านชาไร้สำนึกเท่าไหร่ จิตก็จะเข้าฝ่ายอกุศล มืดมน จนไม่ค่อยเห็นทางสว่างทางดี และเหมือนถูกบีบให้คิดก่อการร้ายเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ อันที่จริงผู้หญิงเป็นเพศที่รู้สึกสกปรกกับเรื่องทางเพศง่ายกว่าผู้ชาย เพียงแค่ธรรมชาติส่งเลือดมาเป็นประจำทุกเดือน ก็ทำให้รู้สึกย่ำแย่กับสภาพฟ้องมลทินของตนเองพอแรงแล้ว ยิ่งถ้าเพิ่มมลทินทางใจเข้าไปอีก ตามธรรมดาก็ย่อมเหมือนถูกบีบสองด้านจากซ้ายขวา หรือถูกอุดทั้งปากอุดทั้งจมูก เกลียดตัวเองจนจะกลายเป็นโรคจิตเอาง่ายๆ แต่ก็มีผู้หญิงอีกพวกหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบค่อยๆหลุดเป็นอิสระจากมโนธรรมมาทีละน้อย กระทั่งอิสระเต็มที่ มโนธรรมถูกปลดปล่อยเหมือนว่าวที่ขาดลอยกู่ไม่กลับ ความรู้สึกข้างในคล้ายมีชีวิตเพื่ออาศัยเรือนกายหลอกพวกหน้าโง่มาติดกับท่าเดียว ประเภทนี้คติข้างหน้ามักเกิดเป็นอะไรที่ต่ำกว่ามนุษย์ เพราะมาตรฐานมโนธรรมไม่ถึงมนุษย์
    ๖) เมื่อรู้ตัวว่าตกเป็นเมียน้อยแล้วตั้งใจจะหยุดหรือคิดเป็นน้อยต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะโดนเขาหลอกหรือหลอกตัวเอง ผมเชื่อว่าถ้าสำรวจดีๆมีเมียน้อยกว่าครึ่งที่อยากเลิกให้ได้วันนี้พรุ่งนี้ แต่เลิกไม่ได้ก็เพราะทำใจไม่ได้เท่านั้น แต่แม้ประสบกับความล้มเหลวในการตัดเยื่อตัดใย อย่างน้อยตั้งใจจริงก็ถือว่าดีแล้วครับ จัดเป็นกรรมขาวบนฐานของกรรมดำแล้ว มีผลลดหย่อนผ่อนโทษได้แล้ว ส่วนพวกที่ขอเป็นเมียน้อยไปจนตายนั้น ภพของเมียน้อยจะตั้งมั่น วิบากร้ายมีเท่าใดก็จะให้ผลหนักแน่นยืดยาว การเป็นอะไรอย่างหนึ่งไปทั้งชาตินั้นมีผลใหญ่หลวงเกินกว่าที่คิดมาก
    เหตุผลต่างๆของการตัดสินใจเป็นเมียน้อยข้างต้น จะเป็นตัวกำหนดความหนักเบาของวิบากในปัจจุบันคือ
    ๑) ความทรมานใจ เหมือนการกินบอระเพ็ดที่ต้องขมและไม่มีสักกี่คนชอบใจ แต่เพื่อแลกรางวัลบางอย่างก็ต้องจำทน แต่ยิ่งทนนานก็ยิ่งทรมานใจมาก ฉะนั้นจะทรมานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าจะหลุดพ้นจากการเป็นเมียน้อยได้ช้าเร็วเพียงใด
    ๒) ความรู้สึกเป็นรอง ถึงแม้ฝ่ายชายจะไหว้ปะหลกๆก่อนออกจากบ้าน หรือต่อให้เมียหลวงยิ้มย่องผ่องใสก้มลงกราบตักเมื่อเจอเงินปึกใหญ่ฟาดเข้าที่บริเวณศีรษะ ความรู้สึกเป็นรองก็จะไม่หมดไปจากใจเมียน้อย ตราบเท่าที่ฝ่ายชายยังประกาศกับใครต่อใครว่าเมียหลวงเป็นภรรยาตามกฎหมาย ยิ่งถ้าโดนเมียหลวงไล่บี้เอาด้วยตบะของผู้มาก่อน ความรู้สึกเป็นรองยิ่งแจ่มชัดหายห่วง หรือแม้สมัยนี้มีเมียน้อยสายพันธุ์ใหม่ เป็นฝ่ายบุกระรานรังควานเมียหลวงเสียเอง อย่างไรความรู้สึกในส่วนลึกก็ฟ้องอยู่ว่าตัวเองมาทีหลัง ตัวเองไม่มีทะเบียนตามกฎหมาย ตัวเองไม่มีหน้ามีตาให้สังคมยอมรับว่าเป็นหมายเลขหนึ่ง นั่นแหละปัญหาทางใจของเมียน้อย ผมเคยได้ยินกว่าผู้ชายบางคนเสน่ห์แรงจัด ผู้หญิงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขามีสาวมาติดเยอะ แต่ละคนไม่หวังครอบครองเขาไว้คนเดียว แค่หมายจะได้เป็นเบอร์หนึ่งเท่านั้นพอ ความคิดทำนองนี้นับว่าตลก เพราะชายเจ้าชู้ไม่มีทางวางใครเป็นเบอร์หนึ่งถาวร เขาจะมีแต่เบอร์หนึ่งชั่วคราว ส่วนจะสั้นหรือยาวก็ว่ากันตามเหตุปัจจัย ถ้าเขามีเมียน้อยได้คนหนึ่ง ทำไมเขาจะมีเมียน้อยคนต่อไปไม่ได้ แล้วเบอร์หนึ่งมันจะอยู่ที่ไหน ในที่สุดเขาก็ใจดำกับทุกคนอย่างเสมอภาคนั่นเอง
    ๓) ความน้อยใจง่าย คนเราถ้าขาดสิ่งใด พอขอสิ่งนั้นแล้วไม่ได้หรือรอแล้วไม่มา ธรรมดาก็ต้องน้อยใจ สิ่งที่เมียน้อยขอนั้นมีทั้งเงิน ทั้งเวลา เพียงไม่ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็แย่แล้ว ยิ่งถ้าได้เพียงกะปริบกะปรอยทั้งสองอย่างก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ตามกฎแห่งกรรมวิบากนั้น การเป็นคนขี้ขอจะทำให้ต้องขอต่อไป เมื่อขอบ่อยแล้วไม่ค่อยได้อย่างที่ขอ ก็มักก่อให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นธรรมดา ตราบใดที่ยังสร้างกรรมอันเป็นไปเพื่อความอ่อนแอ เพื่อความเป็นผู้ขอ ตราบนั้นจะไม่พ้นจากความเป็นหญิงที่มีภาวะพึ่งพาสูงไปได้เลย และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้อยใจง่าย คิดมาก และอารมณ์แปรปรวนแบบเด็กไม่ได้อย่างใจไปจนตาย
    ๔) ความไม่มีศักดิ์ศรี ผมเคยทราบมาว่ามีผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดีระดับนางงามนางแบบคนหนึ่ง เป็นเมียน้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเงินหลายสิบล้าน มีบ้านอยู่ฮาวาย มองภายนอกทุกอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปหมด แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่มีคือความรู้สึกเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของตนเอง คือพอไปถึงจุดที่ ‘เหมือนมีหมดทุกอย่าง’ คนเราจะเห็นจริงๆนะครับว่า ‘ที่ยังไม่มี’ คืออะไร การมีครบแบบไร้ศักดิ์ศรีนั้น นานไปจะรู้ว่าไม่มีอะไรเลยอย่างมีศักดิ์ศรียังดีเสียกว่า คำว่าศักดิ์ศรีกินไม่ได้นั้น ขอให้ช่วยๆกันลืมเสียเถอะ เปลี่ยนใหม่เป็นว่า ศักดิ์ศรีนั้นกินไม่ได้ แต่ทำให้กินข้าวได้อร่อยกว่าคนไร้ศักดิ์ศรี แทน
    นอกจากนั้น เหตุผลในการเป็นเมียน้อยต่างๆยังเป็นตัวกำหนดวิบากในอนาคตกาล ซึ่งจะหนักเบา กินเวลาสั้นหรือยาว ก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด วิธีทำ หากเป็นเมียน้อยไม่พอ ยังสะใจกับการทิ่มแทงให้เมียหลวงหรือผู้เป็นขวากหนามให้เจ็บปวด ก็อาจต้องไปเสวยทุกข์ในนรก แต่หากทำบุญทางอื่นจนมีวาสนาพอจะได้เกิดมาในโลกมนุษย์นี้อีก ผลของกรรมเก่าจะบีบให้เป็นฝ่ายตกที่นั่งทุกข์บ้าง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เลือกทำดีขึ้นหรือเลวลง เหมือนเป็นคำถามลองใจจากธรรมชาติ ว่าถ้าคนๆหนึ่งทุกข์เท่าที่เคยทำคนอื่นไว้ จะเลือกแก้ไขสถานการณ์อย่างไร ระหว่างหาทางป่ายปีนขึ้นพ้นเหว หรือเหยียบตัวเองให้จมธรณีลงไปอีก การให้อภัยของเมียหลวงจัดเป็นการถอนตัวเองขึ้นจากหล่มวิบากอย่างหนึ่ง
    สถานการณ์ทุกข์ของเมียน้อยในอนาคตชาติเป็นไปต่างๆได้ดังนี้
    ๑) แนวโน้มที่จะเกิดเป็นสตรี ทั้งนี้เพราะตามสามัญสำนึกของเกือบทุกคน สตรีเพศคือภาวะอ่อนแอ ต้องการการพึ่งพาสูง หรือแม้เป็นผู้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ ก็ต้องเป็นเบี้ยล่างในทางใดทางหนึ่ง (ยากประมาณหนึ่งในแสนหรือหนึ่งในล้านครับ ที่ผู้หญิงจะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำประเทศ ในขณะที่มองกันเป็นเรื่องธรรมดาถ้าผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรจะเป็นชาย) เมียน้อยที่คิดหวังแค่สบาย ได้เอาเงินค่าเลี้ยงดูมากิน นอน เที่ยว ช็อปปิ้ง ไม่คิดเก็บเงินทำทุนตั้งตัว อันนี้เที่ยงที่สุดที่จะเกิดเป็นหญิงอีก
    ๒) แนวโน้มที่จะถูกพิจารณาเป็นรองหรือตัวสำรองในทุกๆด้าน ทั้งนี้เพราะการยอมตัวเป็นเมียน้อยนั้น ไม่ใช่จำเพาะแค่เรื่องทางเพศว่าต้องมาทีหลัง แต่ยังรวมตลอดครอบคลุมไปถึงศักดิ์ศรี ครอบคลุมถึงหน้าตา และครอบคลุมไปถึงความรู้สึกทางใจอีกด้วย ผลของความรู้สึกเป็นรองในชาติปัจจุบันเป็นอย่างไร อนาคตชาติก็จะมีเหตุการณ์มากดความรู้สึกให้ต้องเป็นรองซ้ำอีก เช่นแม้ตั้งใจทำงานและผลงานออกมาดี แต่กลับไม่ค่อยเข้าตากรรมการ ไม่ถูกเชิดชูให้เป็นผู้นำ มักถูกยัดเยียดให้เป็นลูกน้องร่ำไป นอกจากนี้ยังมีทางเลือกน้อย โอกาสเกิดในฐานะนางบำเรอสูง แม้บุญมากหน่อยก็ได้แค่นางสนมของพระราชาเท่านั้น ที่จะถึงระดับมเหสีคงยาก
    ๓) แนวโน้มที่จะต้องเศร้าหมองเพราะถูกแย่งของรักของหวง อันนี้เป็นเรื่องเข้าใจได้ง่าย ถ้าหากสมัครใจเป็นเมียน้อยโดยไม่สนใจหัวอกเมียหลวงยิ่งร้าย ความสะใจที่แย่งสำเร็จหรืออย่างน้อยได้พยายามแย่ง จะบันดาลเหตุการณ์สนองคืนแบบตรงไปตรงมา คือไม่ใช่แค่เรื่องเสียชายอันเป็นที่รักให้คนอื่น แต่รักอะไรก็มักเสียสิ่งนั้นไปเพราะถูกแย่งเป็นประจำ
    ถาม – หากรู้สึกอ่อนแอเกินกว่าจะหยุดเป็นน้อย พอมีวิธีอะไรให้ใจเข้มแข็งขึ้นได้บ้างไหมคะ?
    ผู้หญิงมีสองเหตุผลหลักๆที่ยอมเป็นเมียน้อยต่อ คือ
    ๑) เสียดายเงินที่ได้มาง่าย
    ๒) ตัดใจจากผู้ชายไม่ได้
    ก่อนอื่นคุณต้องมองว่าทั้งสองข้อนั้นเป็นเรื่องของอกุศลจิต และกรรมที่ทำไปขณะมีอกุศลจิตก็ย่อมมีวิบากเป็นทุกข์ ตรงข้ามกับบุญที่มีวิบากเป็นสุขเสมอ
    น้ำเน่าต้องไล่ด้วยน้ำดี ไม่มีน้ำเน่าที่ไหนล้างน้ำเน่าด้วยกันได้ ฉันใดก็ฉันนั้น จิตที่ดำมืดย่อมไล่ได้ด้วยจิตที่สว่างไสว จิตที่สกปรกย่อมไล่ด้วยจิตที่สะอาด
    ถ้าคุณเสียดายเงิน ทำไมไม่ลองเป็นผู้ให้เงินดูบ้าง เริ่มให้จากส่วนเกิน อย่าให้จากส่วนที่จำเป็นต้องใช้ แต่ละครั้งที่ให้ ก็จงอธิษฐานไป ว่าด้วยความจริงที่เราเป็นฝ่ายเสียสละส่วนเกินเช่นนี้ ขอให้ใจเรามีความสามารถสละสิ่งที่เป็นโทษทั้งหลายในชีวิตทิ้งด้วยเถิด ถ้าเป้าหมายของคุณคืออยากสร้างบุญสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ โดยการทำมหาทาน สละสิ่งที่ไม่ใช่ของตนคืนเจ้าของ คุณจะหมดความอาลัยไยดีเรื่องผิดศีลธรรมอย่างรวดเร็วยิ่ง
    หากอ้างว่าไม่มีเงินทำบุญ ลองหารเงิน ๑๐๐ บาทออกเป็น ๒๐ ส่วน คือเอาเงิน ๕ บาทไปใช้ทำบุญ ๒๐ ครั้งในเวลา ๒๐ วันติดๆกัน แล้วอธิษฐานซ้ำๆอย่างที่ผมว่าข้างต้นทุกหน คุณจะรู้สึกเหมือนสั่งสมกำลังใจใส่กระปุก วันที่ ๒๐ กำลังใจอาจยังไม่เต็มกระปุก แต่คุณก็รู้สึกว่ากระปุกชักหนัก ชักมีความสามารถเอาไปตีหัวกิเลสให้แตกได้ ถ้าสะสมต่ออีกนิดมีสิทธิ์ฟาดกิเลสให้ตายสนิทเป็นแน่แท้ ขอให้จำไว้ว่าการทำบุญไม่ใช่การเอาเงินมากๆไปแจกคนอื่น แต่เป็นการเอาส่วนเกินน้อยๆไปละลายความตระหนี่ในตนเอง
    ส่วนในกรณีที่เงินไม่เกี่ยว แต่คุณตัดใจจากผู้ชายไม่ได้ ก็ขอให้มองว่าปัญหาเมียน้อยมักลงเอยแบบไม่เป็นสุข ไม่มีนิทานเรื่องไหนบอกว่าเจ้าชายควบเจ้าหญิงสองคนขึ้นพิธีแต่งงานแล้วอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองไปจนตาย พูดง่ายๆว่าน่าจะเกือบร้อยทั้งร้อยที่เรื่องดำเนินไปอย่างเศร้าสร้อย จบเรื่องก็หงอยเหงา ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องมีใครบางคนหรือทั้งหมดได้ไปต่อทุกข์ในขุมนรก เนื่องจากกรรมจากการผิดประเวณีนั้น ย่อมทำให้จิตเศร้าหมอง ทั้งวันหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราคะผิดๆ โทสะผิดๆ หลงสำคัญอะไรต่ออะไรผิดๆ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ โทสะ โมหะย่อมมีอบายเป็นคติที่หวังได้
    อบายย่อมไม่ใช่ปลายทางอันน่าแปลกใจสำหรับคนผิดศีลข้อกาเม ถ้าคุณตัดใจไม่อยากไปอบายได้ ก็ควรจะตัดใจไม่อยากเกี่ยวก้อยไปกับชู้ได้เช่นกัน หากไม่กลัวนรกข้างหน้า ก็ขอให้กลัวนรกทางใจวันนี้ การยอมให้ความกลัวเกิดขึ้นเสียบ้างขณะที่มโนธรรมขี้เกียจทำงาน ก็นับเป็นนโยบายอันประเสริฐครับ


    ที่มา ดังตฤณ ฉบับรู้จักรัก


    ดิฉันเคยเป็นชู้ แต่เลิกแล้ว...

    ถาม – ดิฉันเป็นคนเลวมากไหม คบกับคนมีภรรยาแล้ว แถมเป็นเพื่อนกับสามีเก่าของตัวเอง เวลาอยู่ใกล้กันกับเขา จะรู้สึกถึงแรงดึงดูดเกินห้ามใจ ทั้งเขาและดิฉันต่างก็ไม่สามารถอธิบายว่าทำไมถึงดึงดูดกันและกันได้มากมายขนาดนี้ แต่ทีกับคนดีๆไม่มีเจ้าของที่มาชอบดิฉัน กลับไม่รู้สึกอะไรด้วย ไม่อยากให้ความหวังหรือแค่หลอกใช้พวกเขา มันแปลว่าดิฉันเป็นคนบาปจึงชอบคนดีไม่ได้ใช่ไหมคะ? ก่อนหน้านี้พยายามเลิกอยู่แล้ว พอหันมาเชื่อกรรมวิบาก ดิฉันยิ่งฝืนห้ามใจตัวเองหนักขึ้น แม้เขาร้องไห้คร่ำครวญขอมีอะไรด้วย และสัญญาว่าจะเลิกกับภรรยา ดิฉันก็พยายามหนักแน่น ให้กำลังใจให้เขาอยู่กับภรรยาต่อ และตั้งใจว่าจะเลิกประพฤติผิดในกามอย่างเด็ดขาด เท่านี้เพียงพอที่จะเปลี่ยนเส้นทางคนบาปได้ไหมคะ?


    ตอบ
    ก่อนอื่นมาตั้งต้นทำความเข้าใจเรื่องดีเรื่องเลวกันให้ชัด ตรงที่คุณบอกว่าไม่อยากให้ความหวังหรือหลอกใช้ผู้ชายที่มาชอบ หรือแม้พลาดพลั้งก่อพฤติกรรมผิดๆไปแล้ว ในที่สุดก็สำนึกได้ กลับใจ และเอาตัวเองพ้นออกมาจากโลกสกปรกเสียได้ เหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าเนื้อแท้ของความเป็นคุณใช่จะเลวร้ายหรือเป็นคนบาปหยาบช้าแต่อย่างใด ทำผิดแล้วสำนึกผิดเป็นเรื่องของคนดี ไม่ใช่คนชั่ว สิ่งเดียวที่ทำให้คนๆหนึ่งถลำลงไปสู่ความชั่ว คือการพลาดทำผิดแล้วไม่ยอมรับว่าผิด กับไม่คิดจะทำอะไรให้ดีขึ้น
    ถ้าคุณเจอใครคิดถึงแต่คนอื่น ไม่พูดให้ร้าย เอาแต่พูดประสาน ตลอดจนอุทิศแรงกายแรงใจเพื่อสังคม ครองตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบพระแบบชี อันนั้นคงแปะป้าย ‘คนดี’ ที่สว่างโร่ให้กับเขาได้อย่างเต็มใจ แต่หากเจอใครที่เอาแต่คิดถึงตัวเอง ปากคอเราะร้าย และมีชีวิตอยู่เพื่อกอบโกยฉ้อฉล ฟาดฟันลูกเขาเมียใครดะไปหมด อันนั้นคุณคงประทับตรา ‘ไอ้เลว’ หรือ ‘อีเลว’ ติดหน้าผากเขาอย่างไม่รีรอ
    แต่คุณไม่ใช่ และที่เห็นๆกันอยู่ทั่วไปก็หาได้มีรัศมีเทพหรือกลิ่นอายเปรตฉายชัด คนส่วนใหญ่บางทีก็คิดถึงตัวเอง บางทีก็คิดถึงคนอื่น บางทีพูดด้วยความโกรธ บางทีพูดด้วยเมตตา บางทีทำด้วยความโลภ บางทีนึกอยากเสียสละ อันนั้นคุณจะไม่จดจำไว้ว่าแสนดีหรือแสนร้าย แต่จะมองว่าเขาหรือเธอต่างก็เป็น ‘คนธรรมดา’ คนหนึ่ง อาจกลับไปกลับมาได้ พลาดพลั้งเผลอใจได้ แล้วกลับสำนึกผิดได้
    ตัวคุณเองก็คนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน อย่าเพิ่งพิพากษาว่าตัวเองเป็น ‘คนบาป’ เพียงเพราะความประพฤติผิดในกาม ถามตัวเองว่าศีลข้ออื่นคุณบกพร่องไหม ถ้าไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ฉ้อฉลเพ่งจะเอาทรัพย์ผู้อื่น ไม่พูดจาด้วยจิตสกปรก ไม่ร่ำสุรายาอี พูดง่ายๆว่าถ้าศีลส่วนใหญ่ยังดีอยู่ ก็แปลว่าคุณไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนเลวร้ายจนน่าอดสูอย่างที่คิด
    เอาล่ะ… ถ้ามองกันที่จุดเริ่มต้นว่าคุณไม่ใช่คนใจบาปสันดานหยาบหนา แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องน่าละอายขึ้นได้? โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเป็นคนนี้ที่ทำให้วาบหวามแบบผิดๆได้รุนแรง คำตอบคือ คนที่เคยผิดพลาดทางกามบ่อยๆ หรือมีมลทินทางกามติดตัวอยู่ก่อน เมื่อพบและรู้สึกผูกพันกันภายใต้เงื่อนไขผิดๆ มักเกิดแรงดึงดูดที่ยากจะยั้ง
    บาปน่ะส่งแรงดึงดูดให้เข้าหากันทางเพศได้ยิ่งกว่าบุญอยู่แล้วครับ เพราะกามราคะและเพศรสนั้นเข้าข้างอกุศลอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต่างฝ่ายต่างมีบุญเก่าตกแต่งรูปร่างหน้าตาให้ดูดีน่าติดใจ ก็ยิ่งปรุงให้รสของกามระหว่างกันน่าพิสมัย ถึงใจเป็นทวีคูณ และหากเคยชวนกันปีนต้นงิ้ว ร่วมทุกข์ร่วมทรมานด้วยกันมาแต่ปางก่อน ก็จะกระตุ้นให้หูฝ้าตามัว ลืมโลกลืมชีวิตได้แรงขึ้นกว่าหนไหนๆ ถ้าไม่ชวนกันหยุด ก็จะร่วมทำผิดแล้วลากกันลงต่ำไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    ระหว่างตักตวงรสอัศจรรย์ทางเพศ คุณและเขาจะหน้ามืดตามัว มองไม่เห็นหรอกว่ากำลังโดนม่านมืดของอกุศลครอบงำอย่างน่ากลัวเพียงไร ต่อเมื่อเสพเสร็จแล้ว อิ่มหนำแล้ว สติสตังจึงค่อยกลับคืนมา จึงค่อยรู้ตัวว่าที่เพิ่งเสพผ่านไปนั้น สกปรกน่าสะอิดสะเอียนปานใด
    อาจเปรียบได้กับคนหิวข้าวไส้กิ่ว ตอนนั้นใครเอาอาหารจานไหนมาวางก็ตะกรุมตะกรามกินหมด ยิ่งถ้าได้เนื้อเผ็ดๆดิบๆจะยิ่งเอร็ดอร่อยยั่วลิ้นคนหิวเป็นพิเศษ ต่อเมื่อสวาปามเข้าไปจนท้องป่อง พินิจของในจานใหม่ นั่นแหละจึงค่อยพบว่าเป็นตับสด ไส้อ่อน หรือเนื้อหมักที่มีหนอนเต้นระบำยิบๆอยู่ตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อย คราวนี้จะเกิดปฏิกิริยาตาโต คลื่นเหียนอาเจียนโอ้กอ้ากอย่างไร ก็คงไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้
    และที่สำคัญ เมื่อหิวตาลายอีก ก็พร้อมจะกินอย่างไม่พินิจพิจารณากันอีก เนื่องจากติดนิสัยบุ่มบ่ามมูมมามยามหิวเสียแล้ว
    กามที่ผิดเป็นสิ่งเสพติดได้ยิ่งกว่าเนื้อรสเด็ด แต่คงไม่ถึงขั้นเฮโรอีน เพราะเฮโรอีนนั้นออกฤทธิ์กดประสาทคุณได้เหมือนยักษ์ปักหลั่นรังแกคนแรงน้อย ส่วนกามผิดๆนั้น แม้มีอำนาจรุนหลังหนักหน่วงเพียงใด ก็เหมือนเปรียบมวยได้ถูกคู่ มันไม่ได้มีกำลังมากกว่าคุณ หากคุณไม่ยอมล้มมวยก็สู้กันได้หลายตั้ง หลักฐานคือกามไม่เคยทำให้คุณสติเลอะเลือนขนาดลืมหมดว่าเขาหรือเธอเป็นของคุณหรือของคนอื่น ทุกย่างก้าวก่อนถึงเตียงยังมีโอกาสสำนึกได้เสมอ ว่าที่จะเกิดขึ้นคือพฤติกรรมปกติหรือการมีชู้
    คนที่คบชู้มีหลายพวก พวกที่เห็นกันมากขึ้นในยุคนี้ คือค่อยๆทำใจเฉยชา กระทั่งความชาเฉยพอกพูนหนาขึ้น บดบังแสงสว่าง สิ้นสำนึกผิดชอบชั่วดีอันเป็นส่วนประกอบหลักของจิตมนุษย์ เมื่อสำนึกผิดชอบชั่วดีทางกามหมดลง ก็แปลว่ายางอายหายสูญ สำนึกผิดชอบและความละอายด้านอื่นๆก็จะพลอยเหือดแห้งไปด้วย ธรรมชาติจะสร้างความกระด้างขึ้นมาแทนความละอายต่อบาป เพื่อให้ทนมีชีวิตแบบมนุษย์อยู่ต่อไปได้ มิฉะนั้นจะต้องฝันร้ายราวกับวนเวียนอยู่ในป่ามืดน่าสะพรึงกลัวกันทุกคืน
    อีกพวกหนึ่งคือสำนึกผิด เจ็บปวด และทรมานเหมือนตัวมีแผลใหญ่เต็มตัว หรือคล้ายเป็นโรคเรื้อนที่คันคะเยอได้ตลอด ยิ่งเกายิ่งแสบ แต่ไม่เกาก็กระสับกระส่าย หาความสุขในชีวิตไม่ได้ เมื่อสั่งสมความรู้สึกผิดมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง ความสุขในรสกามจะหายไปหรือเหลือน้อยเต็มทน กามกลายเป็นความน่าอึดอัด รู้สึกสกปรกจนทนไม่ไหว บีบให้ต้องตัดใจเลิกราในที่สุด พวกนี้ไม่ต้องใช้กำลังใจในการหักห้ามมากนัก เพราะถือว่ามีความทุกข์เป็นตัวช่วย
    แบบสุดท้ายหายากหน่อย คือไม่ต้องสะสมความรู้สึกผิดนานเกินไป แค่ครั้งสองครั้งก็สำนึก และตั้งใจแก้ตัวใหม่ทันที ต่อให้มันจุกอกอย่างไร หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมทำผิดอีก พวกนี้จะลบความรู้สึกแย่ๆ หรืออาการดูถูกตัวเองได้ในเวลาไม่นานนัก เนื่องจากยังไม่ทันอ่อนแอ ก็บำเพ็ญขันติบารมีจนแข็งแรง เอาน้ำดีล้างน้ำเสียจนสะอาดได้เร็ว ผลที่เห็นได้ชัดคือความอดทนต่อความชั่วจะสูงขึ้น ไม่เฉพาะความผิดในกาม แต่ความผิดความเลวร้ายอื่นๆก็ผ่านปราการขันติเข้ามาได้ยากกว่าเก่า
    สรุปว่า ถ้าบาปที่ผ่านมาทำให้คุณเกิดสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น หรือกระทั่งเปิดโอกาสให้คุณบำเพ็ญขันติบารมี เป็นผู้มีความเด็ดขาดกับการละความชั่ว ก็ถือว่าคุ้มแล้ว และเกินพอสำหรับการเปลี่ยนเส้นทางคนบาปมาเป็นนักบุญ คนเราถ้าสามารถแยกได้ชัด ว่ากรรมใดเป็นโทษ ควรละให้ขาด กรรมใดเป็นประโยชน์ ควรเพิ่มให้มาก ก็ได้ชื่อว่าสร้างที่พึ่งให้แก่ตนในระยะยาว แม้ต้องผ่านการผจญภัย เปื้อนเปรอะเลอะโคลนแห่งบาปบ้างก็ช่างเถอะ ล้างๆหน่อยก็สะอาดแล้ว จำไว้บอกคนอื่นเถิดว่า อบายจะรักษาเส้นทางของตัวเองไว้ จนกว่าจะมีกำลังใจยิ่งใหญ่กว่าอบายมาเอาชนะ
    กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ มันอาจเริ่มจากศรัทธาในความดี อาจเริ่มจากการกลัวบาปกลัวกรรม แล้วพัฒนาขึ้นเป็นการหักห้ามใจ คุณจะไม่รู้สึกฝืนลำบากนัก หากตั้งสัจจะรักษาศีลให้ครบวงจรไปเลย เพราะอานุภาพของศีลย่อมส่งผลให้ใจเป็นสุขสงบ แม้ต้องผ่านอุปสรรค ผ่านเครื่องลองใจยากๆในช่วงต้น แต่พอพ้นช่วงลองใจของธรรมชาติไปแล้ว กายใจของคุณจะปรับสมดุลเข้าสู่สภาพปลอดโปร่งสบาย และทำให้คุณมั่นใจว่าเมื่อยืนข้างสว่าง ความสว่างย่อทอรังสีอบอุ่น ความรู้สึกทั้งชีวิตจะแตกต่างและไม่กลับไปอยู่ในโลกมืดอันหนาวเย็นอีก
    ถาม – ข้อห้ามไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ของนักบวช ถือว่าเป็นการฝืนธรรมชาติหรือไม่? เวลาผมเห็นข่าวฉาวของคนนุ่งเหลือง ก็เกิดความรู้สึกว่าเขาอยากมีเพศสัมพันธ์ก็ถูกต้องตามธรรมชาติแล้ว มนุษย์พยายามไปตั้งข้อห้ามที่ฝืนธรรมชาติเอง
    ก่อนอื่นต้องนิยามกันให้ชัด ว่า ‘ฝืนธรรมชาติ’ ในความหมายของคุณคืออย่างไร
    ในมุมมองของคนทั่วไป เพศเป็นสิ่งติดตัวมาแต่เกิด การไม่มีอารมณ์ทางเพศจึงถือเป็นความผิดปกติชนิดหนึ่ง พูดง่ายๆว่า ถ้ามีความต้องการทางเพศแล้วไม่ระบายออก ถือเป็นการ ‘ฝืนธรรมชาติทางกาย’ คนในโลกจะหยุดความเชื่อไว้ที่ตรงนี้ และไม่มองหาความเป็นธรรมชาติชนิดอื่นอีก
    ธรรมชาติทางกาย หญิงชายไม่จำเป็นต้องมีอะไรกันก็ไม่ตายใช่ไหมครับ? แต่ถ้าพูดถึงธรรมชาติทางใจล่ะ ถามว่าใจต้องการอะไรมากที่สุด? คำตอบที่ถูกต้องครอบจักรวาลคือต้องการความสุข ต้องการความสบายใจ สมกับที่ท่านว่า มนุษย์ทุกคนเกลียดทุกข์รักสุขด้วยกันทั้งสิ้น ถ้ามนุษย์คนหนึ่งมีแต่ทุกข์ มีแต่ความเร่าร้อน มีแต่ความกดดันทางใจ ไม่มีความสุขความสบายใจบ้างเลย เขาจะหดหู่ และภายในเวลาอันรวดเร็วเขาจะไม่อยากมีชีวิตต่อไปอีก พูดง่ายๆคือไม่ตรอมใจตายก็ฆ่าตัวตาย นี่เป็นหลักฐานว่าถ้าคุณไม่เป็นสุขบ้างเลย ถือเป็นการ ‘ฝืนธรรมชาติทางใจ’ อย่างแรง ผลคือไม่สามารถมีชีวิตต่อได้เป็นปกติ หรือกระทั่งอาจต้องจบชีวิตเลยทีเดียว
    ยังมีคนอีกจำพวกหนึ่ง ไม่เฉพาะนักบวชในพุทธศาสนานะครับ เขายอมรับกันว่าความสนุกทางเพศนั้นมีอยู่ แต่เป็นสุขที่มีประมาณน้อย เทียบเท่าของเหลวหลังการมีเพศสัมพันธ์นั่นแหละ ส่วนความทุกข์อันเกิดขึ้นหลังความสนุกทางเพศนั้น ใหญ่หลวงกว่าประมาณแห่งหยาดเหงื่อที่เสียไปขณะมีเพศสัมพันธ์ และหลังเพศสัมพันธ์จบลง
    ลองคิดดูเล่นๆ เอาเฉพาะที่เห็นตามจริง โดยไม่ต้องนับการเสี่ยงติดโรคจากคู่ขา ไหนจะทุกข์อันเนื่องจากการตั้งท้อง ๙ เดือน ไหนจะทุกข์อันเนื่องจากความเจ็บปวดขณะคลอด ไหนจะทุกข์อันเนื่องจากการประคบประหงมทารกวันต่อวันให้เติบใหญ่ขึ้นจนปีกกล้าขาแข็ง ไหนจะทุกข์อันเนื่องจากการหาเงินหาทองเลี้ยงดูเอาใจให้การศึกษาเด็กคนนั้นจนเอาตัวรอดได้ ไหนจะทุกข์อันเนื่องจากการพรากจากลูกเมียอันเป็นที่รัก ไหนจะทุกข์อันเนื่องจากการมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งต้องฆ่าแกงกันระหว่างคนในครอบครัว ลองคำนวณดูเถอะว่าเหงื่อที่คุณเสียไปมีประมาณมากสักเท่าใด
    แล้วความทุกข์อันใหญ่หลวงอย่างที่สุดของการเสพกามคืออะไร? คือการต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ขึ้นสูงได้เพราะฝืนห้ามใจละกามที่ผิดตลอดชีวิต แต่มีสิทธิ์ตกต่ำเพียงเพราะเผลอหลงกามต้องห้ามแค่วูบเดียว
    ตราบใดยังติดใจ และมองไม่เห็นทางเลือกอื่นนอกจากกามบ้างเลย ก็เหมือนการรอนแรมเดินทางไกลไปในป่ารกชัฏโดยไม่ทราบทิศของทางออก ขึ้นเขาลงห้วยลำบากตรากตรำเพียงใดห้ามบ่น ต้องก้มหน้าก้มตาทนเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด
    แก่นของความเข้าใจทางพุทธประการหนึ่ง คือมุมมองที่ว่าตราบใดยังยืนอยู่ในน้ำ คุณจะไม่มีวันแห้ง และกามก็เปรียบเหมือนห้วงน้ำแห่งมหันตทุกข์ ตราบใดยังติดอยู่ในห้วงกาม คุณก็ไม่มีวันพ้นออกจากทุกข์ไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของทุกข์ทางใจ
    เหล่านักบวชไม่ว่าลัทธิใดศาสนาไหน ล้วนเห็นค่าของการแสวงวิเวก ละความสุขทางกาย ประพฤติตนเพื่อเสวยสุขทางใจ ตั้งความเข้าใจไว้ว่าใจจะเป็นสุขสูงสุดได้ก็ต่อเมื่อเอากายออกมาจากโซ่ตรวนร้อยรัดเสียก่อน ออกห่างเหยื่อล่อให้ได้เสียก่อน เมื่อไม่หนักทึบอยู่ด้วยกาม จึงค่อยพูดกันเรื่องชำระมลทิน สะสางกิเลสขั้นละเอียด เพื่อความปลอดโปร่งทางใจชั้นสูงยิ่งๆขึ้นไป
    หากเหล่านักบวชไม่มีความผิดปกติทางจิต ตรงข้ามกลับสุขล้ำ หน้าตาอิ่มเอิบ ผ่องใส หลับสบายหายห่วง นั่นก็แปลว่าพวกเขามิได้ฝืนธรรมชาติ แต่ปฏิบัติได้สอดคล้องกับธรรมชาติยิ่ง เพียงแต่เป็นธรรมชาติทางใจ หาใช่ธรรมชาติทางกายดังที่คนทั้งโลกปักใจเชื่อว่ามีอยู่เท่านี้
    พอมาถึงการมองเห็นจากมุมดังกล่าว คุณจะไม่มองข้อห้ามของนักบวชเป็นเรื่องผิดปกติ แต่จะแทนคำว่า ‘ผิดปกติ’ ด้วยคำว่า ‘แตกต่างจากธรรมดา’ เหมือนคุณและคนทั้งโลกอยากกินจานเด็ดเผ็ดจัด แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งคุณอยากกินของหวานเย็นสบายลิ้น ต่างฝ่ายต่างปรารถนาตามอัธยาศัย สำคัญคือถ้าไม่มีอัธยาศัยเดียวกัน ไม่สมัครใจยอมรับกติกาเดียวกัน ก็อย่าเพิ่งบวช มิฉะนั้นเมื่อบวชแล้วเห็นว่าข้อห้ามเป็นส่วนเกิน เป็นส่วนผิดธรรมชาติ เป็นส่วนที่ล้อเล่นได้ ก็จะประพฤติผิดขั้นร้ายแรง โดยไม่ทราบอนาคตว่าจะต้องรับผลข้างหน้าอย่างไร
    การมีเพศสัมพันธ์ขณะบวช ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงกับชาวบ้าน ในอันที่จะขอข้าวเขากินเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ ย่อมให้ผลเป็นบาปที่มืดมนยิ่ง ส่วนการรักษาข้อตกลงไว้ด้วยการประพฤติธรรม เจริญสุขทางจิตชดเชยความอยากในกาม ย่อมให้ผลเป็นบุญที่สว่างไสวยิ่ง เห็นชัดเจนยิ่งๆขึ้นไปว่าการละกามเสียได้ ย่อมกลมกลืนกับธรรมชาติของจิตที่ผ่องใส แสนสุขแสนสบายครับ

    ที่มา ดังตฤณ ฉบับรู้จักรัก




    จีบแฟนคนอื่นบาปไหมครับ?
    ถาม – จีบแฟนคนอื่นที่เขายังไม่แต่งงานกันถือว่าบาปไหมครับ?
    ตอบ
    ต้องดูระดับ ‘ความเป็นเจ้าของ’ ครับ
    ๑) หญิงชายเพิ่งเริ่มมีใจให้กัน ยังไม่ตกลงโดยวาจา ยังไม่ประกาศต่อผู้อื่นว่าเป็นแฟนกัน หากคุณคิดจีบคนประเภทนี้ ก็นับว่าเอาตัวเข้ามาอยู่ในวังวนของการ ‘แข่งขัน’ เท่านั้น แต่พูดกันตามตรง แม้ไม่เป็นเหตุให้ไปสู่อบาย ก็อาจต้องลงนรกทางใจได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้แพ้ ผู้ไม่อาจกำชัย คุณร้องไห้แน่นอน แต่หากคุณชนะ ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างนรกทางใจให้ผู้อื่น สร้างน้ำตาให้ผู้อื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยึดมั่นของแต่ละฝ่ายด้วยว่าเกาะเกี่ยวเหนียวแน่นแค่ไหน ยึดน้อยก็เจอนรกทางใจขุมเล็ก ยึดมากก็เจอนรกทางใจขุมใหญ่ ไม่ใครก็ใครล่ะ คนใดคนหนึ่งต้องเจอนรกทางใจแน่ๆ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการแข่งขันโดยชอบธรรม เพราะเขายังไม่ได้ประกาศเป็นคนรักกับใคร ต้องถือเป็นคนว่าง เป็นคนตัวเปล่าอยู่
    ๒) หญิงชายมีใจให้กันชัดเจนแล้ว ยอมรับและประกาศต่อผู้อื่นแล้วว่าเป็นคนรักกัน หากคุณคิดจีบคนประเภทนี้ ถือว่าเอาตัวเข้ามาอยู่ใน ‘ภัยเวร’ แน่นอนครับ เพราะชัดเจนว่าเป็นการ ‘แย่งชิง’ คนรักของคนอื่นมาเป็นคนรักของตน ความรู้สึกผิด ความรู้สึกไม่ถูกที่ถูกทาง ความรู้สึกผิดฝาผิดตัว ความรู้สึกไม่มีสิทธิ์อยู่ก่อน เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องวัดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและไม่ชอบธรรม ทำให้ใจเกิดความหม่นหมอง มีมลทิน หรือถ้าไม่ละอายเลยก็แปลว่าคุณมีจิตใจหยาบกระด้างหรือเหี้ยมเกรียมเอาเรื่อง
    โดยสรุปแล้ว ตราบใดที่ฝั่งเขายังไม่มีการหมั้นหมายกัน โทษภัยจะมาในลักษณะของการผูกใจเจ็บคิดจองเวรกันมากกว่าจะส่งคุณไปถึงอบายของจริงหลังกายนี้แตกดับ
    บางทีต้องระวังๆด้วยนะครับ เพราะอาจมีอะไรที่ก้ำๆกึ่งๆกันอยู่ เช่นเขามีคู่รักของเขาเป็นตัวเป็นตน แต่พอคุยกับคุณปุ๊บเขาเพิ่งประกาศว่าไม่มี พูดง่ายๆปลดตำแหน่งแฟนเก่ากลางอากาศเพราะมีคุณเป็นเหตุ หากคุณยินดีเออออ ไม่ไล่ให้ฝ่ายหญิงไปตกลงกับแฟนให้เรียบร้อยเสียก่อน ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงมลทินทางใจได้
    สัมพันธภาพที่สะอาดที่สุดคือทำความรู้จักกันด้วยไมตรีจิตฉันเพื่อนมนุษย์ธรรมดา สัมพันธภาพฉันเพื่อนมนุษย์จะทำให้เรารู้เห็นเองว่าเขามีเจ้าของหรือยัง หากคุณตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าถ้ามีเจ้าของ ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอย่างเด็ดขาด หรือจนกว่าเขาจะตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะกับแฟนว่าจะเลิกกัน เจตนาเช่นนี้จะทำให้เป็นผู้หลีกจากภัยเวรทางกาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ
    พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนในโลกนั้น แปดเปื้อนด้วยกาเมสุมิจฉาจารมากกว่าคนที่ปลอดจากกาเมสุมิจฉาจาร และเพราะเหตุนั้นเอง ย่อมน้อยที่เราจะพบคู่ที่ประสบแต่สุข โดยมากจะอยู่กันด้วยความสงสัยว่าใช่คู่ของตัวแน่หรือไม่ อยู่กันด้วยความคิดกลับไปกลับมาว่าตนเองเลือกคู่ถูกหรือไม่ และอยู่กันด้วยความหวาดระแวงว่าคู่ของตนจะไปมีคนอื่นหรือไม่ คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมทนว้าเหว่ แล้วก็ตัดสินใจกันผิดๆร่ำไป บางทีก็เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยังไม่ผิดบาปชัดเจน เช่นจีบแฟนคนอื่นนี่แหละครับ





    ที่มา ดังตฤณ ฉ.รู้จักรัก
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  3. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ


    ละความชั่วด้วยศีล ทำความดีด้วนทาน จิตเบิกบานด้วยภาวนา
     
  4. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  5. karnasia

    karnasia สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +2
    ผิดแล้วรู้จักสำนึก และ แก้ไข ดึงตัวเองออกมาด้วยจิตตั้งมั่น เดี๋ยวก็ดีเอง .. พูดได้ เพราะทำได้จริง.. ชีวิตทุกวันนี้ มีสุขดี ตามอัตภาพ ตามวิบากที่ประสบ มีสติ ในการใช้ชีวิต จำไว้อย่างหนึ่ง ไม่มีใคร ไม่เคยทำผิด หากแต่ว่า ทำผิดแล้ว รู้สำนึก ก็ประเสริฐมากแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...