ในที่สุดเรื่องจริงก็แดงออกมา บั๊งไฟพญานาค

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pongsiri, 9 มีนาคม 2013.

  1. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=XF_4VhXQK4A&feature=player_embedded]ข่าวช่อง 5 เบื้องหลังบั้งไฟพญานาค - YouTube[/ame]
     
  2. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=ZFHiCwWl3yA&feature=player_embedded#]VoiceTV เฉลยปริศนาบั้งไฟพญานาคด้วยการถ่ายรูป - YouTube[/ame]!

    มีภาพคนลาวยิงกระสุนขึ้นฟ้า สักพักน้องไทยก็เฮกันสนั่นเลย แค่นี้ก็สรุปได้แล้ว :boo:
     
  3. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jRswjdebHp4]พญานาค..วิทยาศาสตร์ กับ ความเชื่อ - YouTube[/ame]

    ส่วนพญานาคว่ายน้ำก็คลิบนี้ครับ เวลาที่ 4:20 จะเห็นพญานาค แหม อ. ท่านก็ช่างค้นหามาจนได้นะครับ
     
  4. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    เปิดหน้ากล้อง” พิสูจน์ “บั้งไฟพญานาค” มาจากฝั่งลาว


    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 พฤศจิกายน 2555 18:58 น.


    Science - Manager Online - “เปิดหน้ากล้อง” พิสูจน์ “บั้งไฟพญานาค” มาจากฝั่งลาว



    ภาพโดย "สมภพ เจ้าเก่า" ตั้งกล้องถ่ายภาพบั้งไฟพญานาคจากบ้านตาลชุม จ.หนองคาย เมื่อ 30 ต.ค.55 โดยเส้นสายในน้ำนั้นเป็นเรือไฟ และมีการจุดพลุ ส่วนเส้นสีแดงตรงกลางภาพนั้นคือเส้นที่มองด้วยตาเปล่าคล้ายบั้งไฟขึ้นมาจากผิวน้ำ แต่ภาพที่ถ่ายได้จากการเปิดหน้ากล้องนานๆ แสดงให้เห็นว่าจุดเริ่มต้นของเส้นดังกล่าวมาจากฝั่งลาว (ภาพนี้้เกิดจากการนำภาพหลายๆ ภาพมาซ้อนกัน)






    “เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ” อาจเป็นสิ่งที่อธิบายความเชื่อในปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ริมฝั่งโขง เมื่อสมาชิกห้อง “หว้ากอ” จากเว็บไซต์พันทิปเดินทางไปพิสูจน์ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 โดยภาพที่บันทึกได้ชี้ชัดว่า “บั้งไฟ” นั้นขึ้นมาจากบกทางฝั่งลาว

    ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่าเขามีความสงสัยในปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” มานานถึง 20 ปี ซึ่งในช่วงหลังๆ มีการอ้างคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยระบุว่า มีปฏิกิริยาทางเคมีที่ทำให้เกิดการก๊าซมีเทนแล้วผสมกับก๊าวฟอสฟีน (phosphine) ที่ติดไฟได้เองเมื่อสัมผัสกับก๊าซออกซิเจนในอากาศ

    ข้อสรุปดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากรายงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเมื่อปี 2546 และมีนักวิชาการอีกหลายคนที่ออกมาให้ความเห็นในทำนองเดียวกัน ว่า บั้งไฟพญานาคนั้น เกิดจากก๊าซที่สะสมตัวแล้วลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ แล้วเผาไหม้เมื่อสัมผัสออกซิเจน แต่ก็มีนักวิชาการรวมถึงการพิสูจน์อีกมากมายที่โต้แย้งว่า ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะกระแสน้ำในแม่น้ำโขงนั้นไหลเชี่ยว จึงไม่น่าจะมีโอกาสให้เกิดการสะสมตะกอนหมักหมมเป็นก๊าซมีเทน หรือถ้ามีการสะสมจริง ก๊าซที่เผาไหม้ก็น่าจะกระจายตัวใกล้ๆ ผิวน้ำเมื่อฟองอากาศแตกตัว ไม่ใช่ลอยขึ้นสูงอย่างที่เห็นกัน และถ้าก๊าซมีเทนผสมฟอสฟีนถูกเผาไหม้ก็จะให้สีเขียว ไม่ใช่ สีชมพูอมแดงเหมือนบั้งไฟที่เห็นกัน

    อย่างไรก็ดี การพิสูจน์ว่าเป็นฟองก๊าซที่ผุดขึ้นจากแหล่งน้ำหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นกันแน่ชัดต่อไป แต่ ผศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า บางทีเราอาจจะตั้งสมมติฐานที่ผิดไป แทนที่จะหาข้อพิสูจน์ว่าบั้งไฟพญานาคนั้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือไม่ ทำไมเราไม่เปลี่ยนคำถามว่า บั้งไฟนั้นผุดขึ้นจากผิวน้ำหรือไม่ ซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ง่ายกว่าเยอะ และจากประสบการณ์ของคนนับแสนนับล้านคนที่ไปชมบั้งไฟพญานาคนั้นยังไม่มีใครบันทึกหลักฐานออกมาเผยแพร่ชัดๆ ว่าลูกไฟดังกล่าวผุดขึ้นจากผิวน้ำ

    “หรือเราตั้งคำถามผิด?” ผศ.ดร.เจษฎา ตั้งข้อสงสัย และบอกว่าแทนที่จะถามว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือไม่ เราน่าจะถามว่าลูกไฟขึ้นจากน้ำจริงหรือไม่?

    เพื่อตอบคำถามนี้ “สมภพ ขำสวัสดิ์” หรือ “สมภพ เจ้าเก่า” จากห้องหว้ากอ ของเว็บไซต์พันทิป จึงได้ชักชวนสมาชิกจากเว็บไซต์ดังไปร่วมพิสูจน์ โดยสมภพบอกทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า เขาตั้งคำถามนี้มาตั้งแต่ปี 2550 ว่า ทำไมไม่มีใครถ่ายภาพขณะที่ลูกไฟกำลังขึ้นจากน้ำ ในปี 2551 เขาจึงเดินทางเพื่อไปบันทึกภาพปรากฏการณ์ด้วยตัวเองที่ริมน้ำโขง แต่ไม่ปรากฏบั้งไฟพญานาคขึ้นมาสักลูก แต่ในปี 2555 นี้เขาและสมาชิกทั้งหมด 4 คนได้เดินทางไปพิสูจน์อีกครั้งที่ จ.หนองคาย

    สมาชิกทั้ง 4 คนมาจากห้องหว้ากอ และห้องกล้อง ซึ่งแยกย้ายกันไปบันทึกภาพบั้งไฟพญานาคที่บ้านน้ำเป และบ้านตาลชุม โดยสมภพบอกว่ากล้องนั้นเห็นทุกอย่างเหมือนที่ตาเห็นและจะบันทึกภาพแสงทั้งหมดไว้ จากประสบการณ์ทางสายตาพวกเขาเห็นตรงกันว่าลูกไฟนั้นขึ้นจากน้ำ และเห็นลูกไฟสีชมพูอมส้ม แต่ภาพที่บันทึกด้วยการเปิดหน้ากล้องไว้นานตั้งแต่ 5-30 วินาทีนั้นเผยให้เห็นสิ่งที่ต่างไปจากสายตา เพราะลูกไฟที่เห็นด้วยตาเปล่านั้น เป็นภาพต่อเนื่องเหมือนแสงเลเซอร์ที่มีจุดเริ่มอยู่บนบกของฝั่งลาวที่ห่างจากไทยประมาณ 1 กิโลเมตร

    สมาชิกพันทิปจากห้องกล้องที่ชื่อ SRJ หรือ ศรม รุ้งดนัย ช่างภาพอิสระซึ่งร่วมเดินทางไปบันทึกภาพบั้งไฟพญานาคบอกทีมข่าววิทยาศาสตร์ว่าสนใจอยากไปร่วมพิสูจน์ว่าลูกไฟนั้นขึ้นจากน้ำจริงหรือไม่ ซึ่งเขาเองไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านวิทยาศาสตร์ แต่มีทักษะในการถ่ายภาพ และจะเป็นประโยชน์ต่อการพิสูจน์ข้อสงสัยดังกล่าวได้ เขาบอกว่า บริเวณที่จัดไว้ให้ชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนั้นมืดมาก และภาพที่เห็นก็เหมือนว่าลูกไฟขึ้นมาจากน้ำจริงๆ แต่ภาพที่ออกกลับไม่ใช่

    “มันจะเป็นอะไร จะเกิดที่ไหน ไม่รู้ หน้าที่ของผมคือต้องถ่าย (บั้งไฟ) ให้ติด ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะถ่ายไม่ติดก็ได้ ก็ต้องหาวิธีถ่ายให้ได้” ศรม กล่าว และอธิบายด้วยกว่า เขาถนัดถ่ายภาพเยอะๆ แล้วนำมารวมเป็นชุดเดียวกลายเป็นภาพวิดีโอ ซึ่งจะให้รายละเอียดที่มากกว่าการบันทึกวิดีโอโดยตรง และในการถ่ายครั้งนี้เขาได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่ง 4 ครั้งจนได้จุดที่พอใจ และตั้งกล้องถ่ายตรงจุดนั้นตลอดทั้งคืน

    การพิสูจน์ครั้งนี้ให้หลักฐานว่าลูกไฟนั้นมีจุดกำเนิดจากบนฝั่งลาว แต่ ผศ.ดร.เจษฎาซึ่งไม่ได้เดินทางไปร่วมพิสูจน์ในครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า ในปีหน้าเขาจะเดินทางไปพิสูจน์อีกครั้ง และจะเชิญ นพ.มนัส กนกศิลป์ ผู้เชื่อว่าบั้งไฟพญานาคเป็นฝีเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติและแยกแยะได้ว่าลูกไฟใดเกิดจากฝีมือมนุษย์ และลูกไฟใดเกิดจากธรรมชาติ ไปร่วมพิสูจน์ด้วย

    อย่างไรก็ดี ผศ.ดร.เจษฎา เน้นย้ำว่าการออกมาเผยข้อมูลในครั้งนี้เป็นคนละส่วนกับการพิสูจน์ว่า พญานาคมีจริงหรือไม่ และไม่ได้ต้องการก้าวล่วงไปถึงความเชื่อดังกล่าว เพียงแต่จะแก้ความเข้าใจวิทยาศาสตร์ในทางที่ผิด เพราะคำอธิบายว่าบั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งลูกศิษย์ของเขาหลายคนก็มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเช่นนั้น พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เดิมทีบั้งไฟพญานาคนั้นชื่อว่า “บั้งไฟผี” แต่ถูกเปลี่ยนชื่อไปเมื่อปี 2529 และทำให้คำอธิบายของกำเนิดบั้งไฟเริ่มผิดเพี้ยนไป

    พร้อมกันนี้ ผศ.ดร.เจษฎา ยังเสนอให้ใช้เทคนิคการตั้งกล้องถ่ายภาพและเปิดหน้ากล้องนานๆ เพื่อบันทึกหลักฐานการเกิดบั้งไฟพญานาค ซึ่งมีคำกล่าวอ้างว่านอกจากลำน้ำโขงแล้ว ยังมีผู้พบบั้งไฟตามหนองน้ำ คูคลองต่างๆ โดยอาจจะตั้งกล้องและเปิดหน้ากล้องนานแล้วรอบันทึกภาพทั้งคืน เพื่อเก็บหลักฐานพิสูจน์ว่าบั้งไฟพญานาคนั้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติจริง



    หนึ่งในภาพที่เกิดการจากการเปิดหน้ากล้องนานๆ ที่สมภาพบันทึกจากฝั่งบ้านตาลชุม จ.หนองคาย เผยให้เห็นเส้นสีแดงที่เมื่อมองด้วยตาเปล่าคล้ายบั้งไฟพญานาค






    ภาพพิสูจน์บั้งไฟพญานาคใช้หลักการเดียวกันกับภาพนี้ เพื่อหาจุดกำเนิดของบั้งไฟว่าขึ้นมาจากผิวน้ำจริงหรือไม่












    ภาพนี้คล้ายแหล่งกำเนิดลูกไฟมาจากน้ำ












    ภาพจากฝั่งลาว มีการสุ่มยิงกระสุนส่องวิถีหลังต้นไม้ใหญ่ (ผศ.ดร.เจษฎากล่าวว่า ไม่สามารถทดสอบยิงปืนชนิดนี้เพื่อพิสูจน์กำเนิดบั้งไฟ เนื่องจากเป็นอาวุธสงครามและผิดกฎหมาย)











    คลิปจากการถ่ายภาพแล้วนำมาซ้อนกันหลายๆ ภาพ โดย SRJ ซึ่งเผยให้เห็นลูกไฟที่พุ่งมาจากฝั่งลาว แม้ว่าขณะมองด้วยตาเปล่าเขาจะเห็นคล้ายลูกไฟขึ้นมาจากผิวน้ำ คลิปนี้บันทึกจากบ้านน้ำเป จ.หนองคาย เมื่อ 30 ต.ค.55
     
  5. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    อืม!...ไม่ทราบสินะ :cool:
     
  7. kentaro12

    kentaro12 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องนี้มีการทำเป็นข่าวออกมานานแล้วนี่ครับ
     
  8. Yohanna

    Yohanna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +130
    เชอะ วิทยาศาสตร์มันก็ตัดสินได้แค่บางอย่างแหละ ดอค. ก็พูดมาได้

    มองโลกแคบเกินไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2013
  9. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    ใช้ตาเนื้อดูไม่ได้หรอก..ต้องสัมผัสด้วยจิต

    ภพภูมิต่างๆ ต้องใช้จิตไปสัมผัส..นะ
     
  10. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,318
    เฮ้อ ดูแล้วสงสารชาวไทย งมงายเกิ่นนนนนนนนนนนนน เข้าใจว่าบางคน ที่ต่อต้าน
    เพราะกลัวเสียการท่องเทียว แต่เห้นแล้วน่าสงสาร ฝั่งลาวยิงปืน ฝั่งไทยร้องดีใจ
    บางคนกราบไหวกระสุนอีก อยากให้เปิดใจกันบ้าง ไม่ใช่ว่า ลบหลู่หรอกนะ
    ผมไม่ตัดสินว่ามีจริงไหม แต่ที่เห็นในคลิบ เค้ามีหลักฐานและรูปภาพ
    เห็นแล้วมันหดหู่ใจ ยิงปั่ง ร้อง เฮ = =' ไอ่กล้วยทอดเอ๋ย
     
  11. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    ติชมได้นะครับ ผมแค่เอาข้อมูล (อาจเก่า) มาให้ดู เรามีจิตเลื่อมใส แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมาค้านได้ เลยตกเป็นจำเลยคำว่า งมงาย
     
  12. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +711
    ต้องให้ความรู้ จะได้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ
     
  13. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +711
    นี่แหละ หน้าที่ของนักวิชาการคุณภาพ ที่ทำเพื่อสังคม

    จุฬาฯ มหาวิทยาลัยคุณภาพ
     
  14. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    อิอิอิ ผมก็แอบนับถือท่าน อ. นะ เห็นใจตอนที่โดน กองทัพเล่นกลับเรื่อง GT 200 หรือไงเนีย ไอพลาสติกโง่ ๆ มือต้องนิ่ง เพื่อหาวัตถุระเบิด ผมก็ติดตามท่านอยู่ครับ
     
  15. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,077
    ค่าพลัง:
    +638
    จิตสัมผัส มันก็แค่พิสูทธ์รายตัวไปแค่นั้น แต่วิทยาศาสตร์ มันพิสูทธ์ได้ตลอด

    เราต้องยอมรับเพื่อการพัฒนา หลักฐาน ข้อพิสูทธ์ เพื่อหลีกหนีความเชื่อผิด ๆ จะให้ลูกหลานเราโดนด่าเหมือน ปู ย่า ตา ยาย หรือครับ (บ้างเืรืองนะ แต่ท่านเหล่านี้ก็มีประสบการณ์สอนลูกหลานได้ เช่นกัน)
     
  16. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +2,670
    มองมุมนี้นะ ทุกครั้งที่ไปพิสูตร ซึ้งก็แค่ 2-3ครั้งได้มั้งก็มีการยิงปืน แต่ เขามีมากี่ปีแล้ว เดียวก็เหมือนการทำโพล

    ต้องเก็บข้อมูลแบบวิทยาศาสตร์สิถึงคอยมาสรุปเป็นข้อมูล อย่างน้อยต้อง10-20ปี ถึงจะได้ชุดข้อมูลที่น่าเชื่อถือกว่านี้

    ผมไม่เคยไปดูนะ แต่เขาก็เห็นกันมานาน ไม่ใช่ปี2ปี แต่บางอย่างวิทยาศาตร์ก้ยังพิสูตร์ไม่ได้นะมันต้องเขาใจและหาหลักฐานมากกว่านี้ถึงสรุป
     
  17. tchaikovsky

    tchaikovsky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +360
    ทำไมไม่ขึ้นเรือไปกลางแม่น้ำโขงดูเลยล่ะ
    ดำลงไปดูเลยก็ดีนะ ว่าแต่กล้ารึเปล่า
     
  18. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +711

    เชื่อว่าเคยมีคนคิดจะทำ แต่ มีคนบางกลุ่มขัดขวาง เพราะไม่อยากให้รู้ความจริง

    โดยอ้างว่าจะไปรบกวน ลบหลู่ท่านพญานาค
     
  19. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ส่วนนึงก็ต้องขอบคุณอ.และทีมงานทำให้รู้ว่ามีการเข้าใจผิดเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ยังคงต้องตำหนิในด้านการสรุปผล เพราะการไปถ่ายไม่กี่ครั้งแล้วสรุปว่าไม่มีบั้งไฟพญานาค แบบนั้นดูจะด่วนสรุปไป ควรสรุปเพียงแค่ยังไม่เจอบั้งไฟพญานาคของจริงจะดีกว่า ที่สำคัญทีมงานนี้ยังมีอคติว่าพญานาคไม่มีจริง (ยิ่งอ.เจษฎาไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณด้วยซ้ำ บอกแต่ว่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นและวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้เท่านั้น ช่างมีมุมมองคับแคบเกินกว่าจะเรียกได้ว่านักวิชาการคุณภาพ เพราะตัวเองมี bias แต่แรกใครทักก็ไม่สำนึก)

    ในหลายเวบกลายเป็นดราม่าเรื่องยาว เอาเป็นว่าผมสรุปให้คร่าวๆว่าสมมติฐานมี 3 กลุ่ม
    1. พญานาคจุดบั้งไฟเป็นพุทธบูชาวันออกพรรษา
    2. ปรากฏการณ์ธรรมชาติจากก๊าซในดินแม่น้ำโขงลอยขึ้นมาทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
    3. ไม่มีบั้งไฟพญานาค มีแต่กระสุนส่องแสงที่คนลาวยิงวันออกพรรษา ซึ่งเขายิงกันเป็นประเพณีแล้วคนไทยคิดไปเองว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ คิดไปเองว่าบั้งไฟผี บั้งไฟพญานาค

    เอาล่ะเกริ่นมาพอสมควร ผมเองก็ติดตามเรื่องนี้มาอยู่บ้าง ก่อนอื่นต้องยอมรับว่ายังหาหลักฐานภาพถ่ายหรือคลิปของจริงมายืนยันไม่ได้ (เคยดูตอนเด็กๆนานละ ไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ แล้วแต่ก่อนก็คิดเพียงว่าเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ดูครั้งเดียวพอให้รู็แล้วก็ไม่เคยได้ไปอีกเลย) ยิ่งพยานบุคคลยิ่งหายาก แม้ว่าพญานาคจะเป็นความเชื่อของคนหนองคาย แต่ก็หาคนรู้จริงได้ยาก เพราะคงมีแต่นักภาวนา(ซึ่งการจะให้คนเหล่านี้เล่าก็ยากเข้าไปอีก) แต่ปีนี้คิดว่าจะไปพิสูจน์ด้วยตัวเองและขอเชิญชวนทุกท่านไปร่วมพิสูจน์ที่วัดอาฮง บึงกาฬ 19/10/56 เหตุผลที่เลือกที่นี่จะเล่าให้ฟังอีกที

    ปัจจุบันผมเชื่อว่าบั้งไฟพญานาคของจริงมีอยู่ (ไม่เถียงว่าที่ทีมงานถ่ายมาเป็นกระสุนส่องแสง ไม่เถียงว่าอาจมีก๊าซลอยขึ้นมาแล้วติดไฟ แต่ผมเถียงหากใครบอกว่าบั้งไฟพญานาคไม่มีจริง) เหตุผลคือ

    1.หลวงตาบัวยืนยัน
    007038 -
    ท่านตอบไว้ช่วงท้ายๆ อ่านแล้วพิจารณาดูกันเอง
    จริงๆพระอรหันต์ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ยืนยัน แต่ผมหาหลักฐานในอินเตอร์เน็ตได้แค่นี้

    2. คนที่เห็นตามปลักควาย บ่อน้ำ หรือเห็นที่น้ำโขงแต่ขึ้นเฉียดหน้าก็มี แต่พอมีแต่คำพูดคนก็เลยไม่เชื่อถือ
    อย่างในคลิปไอทีวีที่ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านเขายังบอกว่าบั้งไฟสมัยนี้กับสมัยก่อนลักษณะต่างกัน และยังบอกว่าถ้าวันออกพรรษาไทยไม่ตรงกับลาวจะขึ้นน้อย แต่ถ้าตรงกันจะขึ้นเยอะ
    แปลว่าอะไร : เป็นไปได้หรือไม่ที่ของจริงมีอยู่แต่น้อย แต่ด้วยลักษณะที่คล้ายกระสุนส่องแสงคนก็เลยเข้าใจผิดว่ากระสุนส่องแสงคือบั้งไฟพญานาค ยิ่งพอของปลอมเห็นง่ายกว่า ขึ้นเยอะกว่าคนก็ยิ่งไปสนใจดูของปลอมกัน (คนลาวยิ่งชอบหลอกคนไทยด้วย ผมเคยเจอคนลาวเอาฟันกรามช้างมาหลอกคนไทยว่าเป็นหงอนพญานาค ทั้งที่พญานาคเป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปธรรม จึงไม่มีกระดูกหรือฟอสซิล ส่วนดวงจิตจะไปสถิตย์ในวัตถุนั่นอีกเรื่อง)

    3. กระสุนส่องแสงผลิตมาไม่ถึง 100 ปี (ประมาณ 50-60 ปี) แต่บั้งไฟพญานาคมีมามากกว่าร้อยๆปี

    4. ทำไมที่อื่นไม่มีบั้งไฟ ทำไมในพระไตรปิฎกไม่มี - มีคนบอกว่าบั้งไฟเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าศรีสุทธโธที่เป็นหัวหน้าพญานาคอยู่ทางอีสานตอนบน เปรียบเหมือนกับชาวพุทธทุกคนก็ใช่จะมีประเพณีลอยกระทง อย่างคนอิสานลอยกระทงปีละ 2 ครั้ง เพราะลอยช่วงออกพรรษาด้วย แต่ที่อื่นก็ไม่ได้ลอย (ไม่ต้องพูดถึงพญานาคบางตัวจะตื่นก็เฉพาะตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ หรือลอยถาดอธิษฐาน แปลว่าพญานาคก็ไม่ได้ปล่อยบั้งไฟวันออกพรรษาทั้งหมด)

    บางคนก็บอกว่าบั้งไฟพญานาคเพิ่งมาตั้งชื่อภายหลังเพื่อการท่องเที่ยว แต่ก่อนเรียกบั้งไฟผี แสดงว่าไม่มีบั้งไฟพญานาคแต่แรก - ก็อย่างที่บอก บั้งไฟนั้นมีมานานแล้วแต่จะมีสักกี่คนที่รู้จริง จะมีสักกี่คนที่รู้จักพญานาค เดิมทีคนอิสานนับถือผีด้วยซ้ำ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็เริ่มมีมากสมัยหลวงปู่มั่นไม่ถึง 100 ปีก่อน ก็คงไม่แปลกหากจะเพิ่งรู้ว่าเกิดจากพญานาค ขนาดมีคนรู้จริงบอกแล้วก็ยังหาคนที่เชื่อว่ามีบั้งไฟพญานาคอยู่จริงได้น้อยมากๆ และคงไม่แปลกหากจะยังมีชาวบ้านที่คิดว่าเป็นบั้งไฟผีอยู่

    อย่างสมัยก่อนพญานาคที่เป็นมิจฉาทิฏฐิจับคนไป ชางบ้านเขาก็เรียกว่างูกินคน เงือกกินคน แสดงว่ายังไม่มีความรู้เรื่องพญานาคเท่าไหร่

    เอาเป็นว่าใครอยากเห็นของจริงก็ไปที่วัดอาฮง ใครมีกล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือเก็บภาพของจริงมาให้คนที่ไม่รู้จักได้ดูกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2013
  20. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    สาเหตุที่ผมเลือกวัดอาฮงในปีนี้เพราะ
    : ดูตามประวัติวัดแก่งอาฮงเป็นเมืองหลวงพญานาค เป็นที่แรกที่มีบั้งไฟ บั้งไฟลักษณะแปลกกว่าที่อื่น เคยมีบั้งไฟที่ขนาดใหญ่เท่าแท็งค์น้ำ (ไม่รู้จะมีวาสนาได้เห็นรึเปล่านะ) คนท้องถิ่นบอกว่าช่วงเทศกาลออกพรรษาพญานาคจะมารวมตัวกันที่นี่จึงพบบั้งไฟพญานาคได้มากสุดที่นี่ ที่อื่นหรือตามหัวเมืองก็มีแต่ประปราย (แต่ถามคนในวัดเค้าบอกอยากเห็นเยอะๆก็ไปดูรัตนวาปีสิ แสดงว่าคนในวัดเองก็ใช่จะรู้จักว่าบั้งไฟพญานาคของแท้/กระสุนต่างกันยังไง) เดิมเค้าบอกว่า 2 ปีที่ผ่านมาบั้งไฟเกิดน้อยมาก ยิ่งปีก่อนหลวงพ่อบอกเค้าทำไม่ให้คนเห็น(ยังไม่ทราบเหตุผล) แต่ปีนี้หลวงพ่อท่านหนึ่งจะมาจำพรรษาที่อาฮง และบอกว่าดูบั้งไฟเสร็จก็ทอดกฐินต่อเลย ผมจึงมั่นใจว่าจะได้เห็นของจริงเพราะเชื่อวาจาสิทธิ์ของท่าน (ส่วนจะตระการตาแบบกระสุนส่องแสง 400-500 ลูกรึเปล่าอันนี้ไม่ทราบ แต่สำหรับผมขอดูของแท้สักลูกก็ยังมีค่ากว่าไปนั่งดูของปลอมเป็นพันลูก) และที่พิเศษกว่านั้นคือปีนี้เชิญพระเจ้าศรีสุทโธเป็นเจ้าภาพกฐินด้วย จึงคิดว่าบั้งไฟก็น่าจะพิเศษกว่าปีอื่นๆ(คิดเองนะ) แต่อย่างน้อยก็คงมีโรงทานในช่วงงาน ใครที่ไปดูบั้งไฟก็ได้พักฟรีกินฟรี ถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายและยังได้มีโอกาสทำบุญอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...