ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 11 ธันวาคม 2013.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    [​IMG]
    ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต


    “ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์น๊ะ...”


    ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต
    พระผู้เคร่งครัดในศีล ลงทำวัตรไม่เคยขาด
    สละตำแหน่งไปบวชตลอดชีวิต ทั้งเป็นพระผู้มีตบะแก่กล้า
    สามารถกำจัดพิษงูได้ด้วยสมาธิโดยไม่ต้องไปหาหมอ

    [​IMG]


    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ กับ ในหลวง


    “พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น
    แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย...”


    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    พระอริยเจ้าที่ชาวไทยรู้จักกันดี
    มีข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด ทรงคุณธรรม


    [​IMG]

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กับ ในหลวง
    และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ


    “ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของไทย
    ทำงานปรารถนาความเป็นอะไร ทำงานกันจนไม่มีเวลาพักผ่อน”

    “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
    นี้คือหัวใจของชาติไทยเรา ให้พากันเทิดทูน
    อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย”


    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    พระผู้ได้รับการชื่นชมจากหลวงปู่มั่นและพระอริยะอีกหลายรูป
    ได้สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติมากมาย
    ผมกับเล็บของท่านกลายเป็นพระธาตุตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่


    [​IMG]

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


    หลวงปู่ดู่รักในหลวงมาก สวดมนต์ถวายในหลวงทุกวัน
    ในสมัยที่หลวงปู่มีชีวิต ท่านจะกำชับให้ลูกศิษย์
    ให้เอาบุญจากการภาวนา รวมเข้ากับบุญของพระพุทธเจ้า
    และพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ถวายให้ในหลวง
    รวมทั้งแผ่เมตตาให้เทพเทวาผู้ปกรักษาพระองค์ท่านให้มีความสุข
    แล้วก็กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรของพระองค์ท่านให้ไปเกิดในสุคติภูมิ

    หลวงปู่กล่าวว่า...
    “หากไม่มีในหลวง พระพุทธศาสนาก็ตั้งอยู่ไม่ได้”
    หลายครั้งที่ลูกศิษย์จะรับทราบได้ว่า
    หลวงปู่จะเข้าที่เพื่ออธิษฐานช่วยในหลวงในยามที่พระองค์ทรงพระประชวร


    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    พระเถราจารย์ที่มีข้อวัตรปฏิบัติเคร่งครัด
    เป็นที่ยอมรับในหมู่นักปฏิบัติธรรม

    [​IMG]

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย กับ ในหลวง


    “วันหนึ่งข้างหน้า
    ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก”

    “ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ”


    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    พระวิปัสสนาจารย์ผู้เคร่งครัดในศีลในธรรม
    และเชี่ยวชาญในวิปัสสนากรรมฐาน
    หลวงพ่อพุธยังได้สอนวิธีอธิฐานจิตเพื่อถวายในหลวงด้วย

    [​IMG]

    หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร กับ ในหลวง


    หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองทีเดียวว่า
    “ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม เคยเป็นช้างนาฬาคิริง
    ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ...!!!”
    (ช้างป่าเลไลยก์คือพระโพธิสัตว์)


    หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
    วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    [​IMG]

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กับ ในหลวง


    “พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้”

    เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวง) ปรารถนามานาน
    แต่เวลานี้บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” เหลืออีก ๕ ชาติ
    และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ
    พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น “วิริยาธิกะ”
    ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว
    “แสนกัป” อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ


    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    วัดท่าซุง (วัดจันทาราม) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    พระเถราจารย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับเรื่องอภิญญาและกำลังสมาธิ


    [​IMG]

    หลวงพ่ออุตตมะ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศเป็นพระราชาคณะชั้นราช
    ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระราชอุดมมงคล เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔


    มีผู้พูดถึงผู้ยิ่งใหญ่ระดับประเทศให้หลวงพ่ออุตตมะฟัง
    สังเกตว่าท่านเฉยมากก่อนที่จะปรารภออกมาว่า

    “เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากเหมือนกับในหลวงหรอก...”


    พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)
    วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
    พระชาวพม่าผู้เคร่งครัดการปฏิบัติ
    ที่ภายหลังย้ายมาจำพรรษาและสร้างวัดที่กาญจนบุรี

    [​IMG]
    พระอาจารย์วัน อุตฺตโม กับ ในหลวง


    “ก็มีแต่คนไม่ฉลาดเท่านั้นแหละ
    ถึงไม่รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มีดีอะไร”


    พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร)
    วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
    พระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ทำหน้าที่ยาวนานที่สุด


    [​IMG]

    “ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์”


    หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต
    ที่พักสงฆ์สวนทิพย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    พระธรรมทูตที่ได้รับการยอมรับว่า
    แตกฉานในพระไตรปิฎกและวิปัสสนากรรมฐาน


    [​IMG]
    หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ


    “นี้รูปพระเจ้าแผนดิน เก็บดีๆ แด้นั้น
    เอาไว้ในห้องพระ กราบไหว้บูชา พระพุทธเจ้านะนั้น”


    พระครูภาวนาภิรัต วิ. (หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ)
    วัดป่าอาจารย์ตื้อ ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่


    ที่มา แสดงกระทู้ - องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ กับ สถาบัน และในหลวง • ลานธรรมจักร
     
  2. athip999

    athip999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +151
    เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมคิดไว้เหมือนกัน ขอบพระคุณสำหรับความรู้
     
  3. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ผมมั่นใจว่าพระองค์ทรงเป็นพระนิยตโพธิสัตว์ แต่ไม่แน่ใจว่าพระองค์ไหน หลวงปู่สิมบอกว่าทรงเคยเป็นช้างปาลิไลยก์ ข้อนี้ดูจะแย้งกับหลวงปู่อ่ำ (วัดโสมนัส) ที่คิดว่าตัวหลวงปู่เองเคยเป็นช้างปาลิไลยก์เช่นกัน งงครับ
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมขอเล่าเกร็ดเล็กเกล็ดน้อย สักนิดครับ ที่ได้ยิน ครูบาอาจารย์ ท่านกล่าวไว้ ถ้าจำไม่ผิดๆขออภัยครับ แต่ผมน่ะ ได้ พูดมาหลายกระทู้แล้ว จึงไม่อยาก พูดซ้ำ ซาก เท่าใดนัก แต่ นำมาพูด บ่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้ ย้ำ ความทรงจำ สำหรับ คนที่ยังไม่รู้ การได้ยินได้ฟัง นั้น ย่อมฟังมาผิดพาด กันบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่ผมได้ ยิน หลวงพ่อ ฤาษีท่านพูดว่า ถ้าท่านไม่บวช เป็นพระ ท่านจะต้องลงไปก้ม กราบในหลวงเลย ท่านกล่าวว่า ถ้าตัวของท่านไม่ลาพุทธภูมิ ถ้านับจาก พระศรีอริยเมตไตย ไป ท่านจะได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ ๒๒ แต่ถ้านับ พระศรีอารย์ ตัวท่าน ก็ เป็นองค์ ที่ ๒๓ แต่กล่าวต่อ อีกว่า ถ้าเปรียบกับ ในหลวงพระองค์ จะมาตรัสรู้ ก่อนหลวงพ่อ นับจาก พระศรีอารย์ไป เป็นองค์ ที่ ๑๗ ในหลวงถ้าไมลา พุทธภูมิ มาตรัสรู้ ก่อนหลวงพ่อครับ



    และ พระโพธิสัตว์ ที่มีพระบารมี เต็ม ใกล้เคียงกับ พระศรีอริยเมตไตย นับเป็นแสนๆพระองค์ ที่รอคิว มาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ฉนั้น เรื่องบางเรื่อง มันก็เกินวิสัย ของสาวก อาจจะมี พระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีมากๆ ที่เต็มแล้ว เหลืออีกไม่กี่ชาติ ที่จะต้องเกิด อาจต้อง ลาพุทธภูมิ กันในสมัย พระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระองค์หนึ่ง ก็ได้ มีตัวอย่างเยอะแยะ ในสมัยพุทธกาล และครูบาอาจารย์ ท่านได้กล่าวไว้ว่า ไม่มีพระโพธิสัตว์ องค์ไหน ลากัน ที่บารมี ยังไม่เต็ม ส่วนใหญ่ บารมีเต็ม จึงลาพุทธภูมิกัน ช่วยต่อ อายุพระพุทธศาสนา พระองค์ นั้นๆครับ แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อครับ ใช้วิจรณญาณ ไตร่ตรองเอาครับ สวัสดี
     
  5. iTock

    iTock Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +51
    ผมขออนุญาต Copy ข้อมูลเพื่อเผยแพร่ต่อนะครับ ผมขอขอบคุณและขออนุโมทนากับเจ้าของกระทู้และทุกๆท่านที่ได้อ่าน ทุกๆท่านที่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน และทรงพระเกษมสำราญตลอดไปเถิด....สาธุ ผมรักในหลวงครับ...!
     
  6. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    บทความที่ผมจะนำมาลงนี้ ก็เสี่ยงใบแดงอยู่ ผู้ที่รับชมโปรดใช้วิจารณญาณมากๆ


    (คัดลอกบางตอนจากหนังสือธัมมวิโมกข์ หน้า ๙๒-๙๕ ฉบับที่ ๒๑๒ พย. ๒๕๔๑)

    ผู้โพสได้แทรกความเห็นบ้างจากข้อมูลในนี้เพื่อความเข้าใจครบถ้วน โปรดตรวจสอบต้นฉบับตามข้างบน

    -------------------------------------------------------------


    ในหลวงเคยเกิดเป็น พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า และ พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า และเคยเกิดเป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าตวันอธิราช และ พระเจ้าพรหมมหาราช ("พระเจ้าตวันอธิราช" ไปเกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช") ทั้ง ๒ ครั้ง ดังนี้

    พ.ศ. ๒๔๖ สมัยสุวรรณภูมิ ในหลวงเกิดเป็นพระราชโอรส องค์แรก ของ พระเจ้าตวันอธิราช มีพระนามว่า พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า

    ต่อมา พ.ศ. ๙๐๐ สมัยเชียงแสน พระเจ้าตวันอธิราช เกิดเป็น "พระเจ้าพรหมมหาราช" ส่วน พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ตามไปเกิดเป็นพระราชโอรสองค์แรกนามว่า "พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า" แต่สิ้นพระชนม์ในสมัยทรงพระเยาว์ พระราชสมบัติจึงตกแก่พระโอรสองค์รองคือ "พระเจ้าชัยสิริ" (หลวงปู่ธรรมชัย) ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์จักรกรี สืบสันติวงศ์ถึงปัจจุบัน พระเจ้าพรหมมหาราช มีพระเชษฐาคือ "พระเจ้าทุกขิตะ" (หลวงปู่คำแสนเล็ก วัดดอนมูล)

    ย้อนกลับมาสมัยสุวรรณภูมิ พ.ศ.๒๔๖ พระโพธิสัตว์ทั้ง ๒ พระองค์นี้ได้บำเพ็ญบารมีร่วมกัน (พ่อ-ลูก) พระเจ้าตวันอธิราช กษัตริย์ผู้ครองกรุงสุวรรณภูมินี้ ได้วางรากฐานการสร้างพระบารมีไว้ให้พระราชโอรสของพระองค์ ในฐานะที่จะทรงเป็นกษัตริย์ต่อไปภายภาคหน้า อาทิ

    - การสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ปรับปรุงกองทัพให้เข้มแข็ง ส่งเสริมอาชีพของราษฏร โรงพยาบาลเพื่อสงเคราะห์พสกนิกร ฯลฯ

    - ส่วนด้านพระพุทธศาสนา ได้โปรดสร้างวัด โรงเรียนปริยัติธรรมสำหรับพระภิกษุสามเณร โดยมี พระโสณะ กับ พระอุตตระ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีการมอบ "พัศยศ" สำหรับผู้สอบบาลีได้

    - ต่อมาก็มีการแต่งตั้งพระสงฆ์ไทยขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระองค์แรกของเมืองไทย จนได้สืบต่อวัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ มาจนถึงบัดนี้

    - อีกทั้งพระองค์ได้เสด็จประพาสไปยังนานาประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง และที่อยู่ห่างไกลออกไป ส่วนภายในประเทศอาณาเขตของพระองค์ ก็เสด็จเยี่ยมเยือนไปตามหัวเมืองต่าง ๆ อีกด้วย

    - พระราชจริยวัตรของ พระเจ้าตวันอธิราช นี้ มีลักษณะที่ทรงปฏิบัติคล้ายกับพระราชจริยวัตรของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ของพระเจ้ากรุงสยาม ทุกประการ

    - ฉะนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีในด้านพระศาสนา เช่น พิธีกวนข้าวทิพย์ การสวดมนต์ หรือ พิธีการนิมนต์พระไปเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน ตลอดถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ตามโบราณราชประเพณี เรามีการสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็น มรดก มานานนับพันปี

    (ทั้งหมดนี้เป็น รากฐาน ที่พระเจ้าตวันอธิราช วางไว้ให้ พระราชโอรสคือ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ทั้ง ๒ พระองค์ต่างก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่บารมีเข้มข้น)

    ต่อมา หลังจากพระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ก็ทรงมีพระราชหฤทัยที่ดำเนินรอยตามพระยุคคลบาทของสมเด็จพระราชบิดา ในฐานะที่พระองค์ก็ทรงเป็น พระโพธิสัตว์ เช่น เดียวกัน และก่อนที่ พระโสณะ จะนิพพาน ก็ยังได้พยากรณ์ไว้อีกว่า

    "พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า จะมาเกิดที่ "กรุงเทพมหานคร" เมื่อนั้น "สุวรรณภูมิ" จะฟื้นชื่อมีคนรู้ทั่ว..."

    - สอดคล้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม องค์ปัจจุบันที่ได้ทรงตรัสพยากรณ์ไว้ดังนี้

    "ดูก่อนอานนท์..ตถาคตสงสารสัตว์เป็นล้นพ้น ที่มีอายุขัยอยู่ใกล้ยุคกึ่งสมัย คือในหลังพุทธกาลนี้ แต่ในเวลานั้น จะมี "พระมหากษัตริย์ธรรมิกราช" ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในอุปถัมภ์ของ "พระมหาเถระโพธิสัตว์"

    - พระโพธิสัตว์สองพระองค์นั้น จะเสด็จเข้ามาบำรุงพระพุทธศาสนาของตถาคต สมณชีพราหมณ์จะตามเสด็จเป็นอันมาก ในระยะนี้จะเป็นยุค "ชาวศรีวิไล" ดังนี้

    (หลักฐานหนึ่ง ทางด้านโบราณวัตถุได้แก่ กระเบื้องจาร ที่ขุดได้จาก ซากเมือง คูบัว จ.ราชบุรี ก็ได้ยืนยันว่า พ่อกับลูกคู่นี้ ทรงเป็นหน่อเนื้อพระบรมพงศ์พระโพธิสัตว์ทั้งสองพระองค์ ได้ตั้งความปรารถนา "พุทธภูมิ" ประเภท วิริยาธิกะ คือจะต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ใช้เวลา ๑๖ อสงไขย กับแสนกัปล์ จึงจะบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ)


    ภาพจากเว็ป พระรัตนตรัย


    ในชาติปัจจุบัน ของ พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า (พระบาทสมเด็จภูมิพลอดุลยเดชมหาราช)

    หลวงพ่อเคยถวายพระพรไว้ ณ พระตำหนักภุพิงค์ราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๐... ในตอนหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า

    "เขาพูดกันว่าผมปรารถนาพุทธภูมิเป็นความจริงไหมครับ..?"

    หลวงพ่อถวายพระพรว่า...เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ปรารถนามานาน..แต่เวลานี้บารมีเป็น "ปรมัตถบารมี" แล้ว ก็เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว..ไม่ใช่ไม่สำเร็จ..!

    "พุทธภูมิ" นี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น "วิริยาธิกะ" วิริยาธิกะนี่..ต้องบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่บำเพ็ญมาเกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว "แสนกัป" อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"

    ในขณะนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้ตรัสถามหลวงพ่อว่า "พระเจ้าอยู่หัวก็ดี หม่อมฉันก็ดี ก็มีความเคารพในพระคุณ พระราชวงศ์จักรี อยู่ตลอดเวลา ที่ท่านจะทรงสามารถจะทรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็อยากจะทราบว่าทั้งสององค์นี่..จะทรงชาติกับศาสนาไว้ได้ไหม..? "

    หลวงพ่อถวายพระพรว่า "ก็ได้..ประเทศเราไม่มีเกณฑ์จะต้องตกเป็นเหยื่อคอมมิวนิสต์"

    แล้วพระองค์ก็ตรัสถามอีกว่า "ฉันทั้งสององค์นี่ ทั้งพระเจ้าอยู่หัวด้วยและฉันด้วย จะต้องตายเพราะการที่เขามุ่งจะฆ่าไหม..? "

    พอตรัสถามตรงนี้ หลวงพ่อท่านบอกว่าพระดลใจให้ตอบว่าดังนี้..

    "ก็เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่ เป็นนักรบฝีมือดีมาจากสุโขทัย และมาเกิดคราวนี้ ต้องการจะเกิดเพื่อจรรโลงให้คงอยู่ให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข แล้วเรื่องอะไร..ที่ต้องตายเพราะคมอาวุธล่ะ..ถ้าจะเจ็บตายเอง.งเป็นเรื่องธรรมดา และต้องตายด้วยเรื่อง "คมอาวุธ" อันนี้ไม่มี..!"

    สรุป..ในหลวงเกิดเป็น พระเจ้าเดือนเด่นฟ้า ในสมัยสุวรรณภูมิ และเกิดเป็น พระเจ้าเดือนแจ่มฟ้า ในสมัยเชียงแสน ปรารถนา พุทธภูมิ ประเภท วิริยาธิกะ ตอนนี้บารมีใก้ลเต็ม และต้องเกิดสร้างบารมีอีก ๕ ชาติ

    ศ.ธรรมทัสสี
    https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-31
     
  7. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุ สาธุ สาธุ ครูบาอาจรย์ท่านเคยเล่าให้ฟังกับตัวเองเลย แต่แปลกยังมีศิษนอกคอกหลายคนที่ไม่เชื่อฟังครูบาอาจารย์ คนบางคนมืดมาแต่สว่างไป คนบางคนสว่างมาสว่างไป แต่ที่น่าเสียดายคือพวกที่สว่างมาแต่มืดไป มันแล้วแต่เวรแต่กรรมจริงๆ ทำให้เห็นภาพในสมัยพุทธการ ที่มีพระสงสฆ์ส่วนหนึ่ง หลงไหลชื่นชอบในตัว(พระเทวทัศ-ผู้ลงอเวจีมหานรก) ที่ทำตัวเป็นผู้วิเศษ เรียกศรัทธาคนแบบในอดีตชาติของท่านในสมัยเป็น(ฤาษีกินเหี้ย)ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าบรมครูบรมศาสดาก็ยังทรงอยู่ แต่จะว่าไปคนพวกนั้นมันเคยเป็นบริวารพระเทวทัศท่านมาก่อนของมันตามๆกันมา มันก็เลยต้องลงอเวจีตามๆๆกันไปแบบไม่มีข้อแม้ทั้งๆที่สามารถเลือกเองได้โดยใช้สติ ดูอย่าง(นางอมิตดา)สิชาติที่แล้วเสียใจแค้นใจเสียน้ำตาไปตั้งเท่าไหล่เป็นเมียพระเทวทัศในสมัยที่เกิดเป็นชูชก มาชาตินี้ก็ยังอุส่าเกิดมาเพื่อใส่ร้ายพระพุทธเจ้า แต่ในที่สุดก็ต้องลงอเวจีมหานรกเมือนกับพระเทวทัศผู้ที่เกลียดเครียดแค้นพระพุทธเจ้า .....เรื่องของกงกรรมกงเกวียน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2013
  8. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    ด้วยพระเมตตาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ประดุจพระผู้สร้างแผ่นดิน ทรงเป็นดั่งผู้มองชีวิต มอบความรุ่งเรือง มอบความเจริญงอกงามภายในหัวใจคนไทยทั้งแผ่นดิน หากเราได้มีโอกาสศึกษาพระบรมราโชวาทแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เราจะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดด้วยคำสอนที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แต่ละข้อ แต่ละอย่างนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงไตร่ตรองพิเคราะห์ถึงปัญหานั้นอย่างถ่องแท้แล้วว่าจะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหา การดับทุกข์ได้ด้วยสมาธิ ธรรมดาสภาวะจิตอันเป็นสมาธินั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากการบังคับควบคุม เกิดขึ้นจากความผ่อนคลาย หรือเกิดขึ้นจากสภาวะคับขันต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำต้องให้เร่งรวบรวมสติให้มั่น ไม่ว่าสมาธิจะเกิดขึ้นอย่างไร สมาธิเป็นของดี เป็นของที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน เป็นของที่มีอยู่ในกายและในจิตอันพร้อม เป็นของเข้าใจได้ เป็นของเข้าใจง่าย และใช้ได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และความเข้าใจอันแจ่มชัดที่แสดงให้เห็นว่าสมาธิเองก็มิใช่ของที่เกิดขึ้นโดยลำพังหรือใช้โดยลำพัง แต่สมาธิที่ดีจะยังประโยชน์แก่ผู้อื่นได้มากหากผู้ใช้สมาธิรู้จักการปฏิบัติที่ถูกต้อง ถูกต้องทั้งแก่ตนเอง ทั้งแก่ผู้อื่น

    พระเจ้าอยู่หัวทรงประยุกต์พระสมาธิในการประกอบพระราชกรณียกิจทุกอย่างทั้งน้อยและใหญ่ จึงทรงสามารถเผชิญกับพระราชภาระอันหนักในตำแหน่งพระมหากษัตริย์ได้โดยไม่สะทกสะท้านหรือหวั่นไหว ไม่ทรงคาดการณ์ล่วงหน้าไปไกล ๆ อย่างเลื่อนลอยและเปล่าประโยชน์ ไม่ทรงอาลัยอดีตหรืออนาคต ไม่ทรงเสียเวลาหวั่นไหวไปกับความสำเร็จ หรือความล้มเหลวอันเป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ทรงสนพระราชหฤทัยอยู่แต่กับพระราชกรณียกิจเฉพาะพระพักตร์เท่านั้น

    ในฐานะที่เกิดมาเป็นพลเมืองของประเทศที่มีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เป็นพระประมุข และในฐานะที่ทุกคนมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงเมืองไทยนี้ให้เป็นที่ร่มเย็นของเราและของลูกหลานของเรา จึงสมควรที่เราจะเจริญรอยประพฤติตามพระยุคลบาทด้วยการศึกษาและปฏิบัติสมาธิกันอย่างจริงจัง และนำสมาธิมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา

    พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว โดย พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร
     
  9. itempat

    itempat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +159
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ======================
    พระโพธิสัตว์ ที่มีพระบารมี เต็ม ใกล้เคียงกับ พระศรีอริยเมตไตย นับเป็นแสนๆพระองค์ ที่รอคิว มาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า

    ข้อความส่วนนี้ กระผมเชื่อว่า

    พระโพธิสัตว์ ที่มีพระบารมี เต็ม ใกล้เคียงกับ พระศรีอริยเมตไตย มีไม่มากครับ ไม่เกิน100พระองค์ครับ เพราะส่วนนี้ กระทำได้ยากยิ่งครับ จึงไม่ได้มีมากมาย ซึ่งจะมีในนี้ก็จะมีพระนิยตะอยู่ประมาณ10ท่าน ที่เหลือก็เป็นพระอนิยตะบารมีสูงมากรอพุทธทำนายครับ

    ส่วนท่านในหลวง ท่านก็1ใน10 มีบารมีสูงมากครับ สาธุ
     
  11. rongbtc

    rongbtc สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมโง่เกินไปที่จะออกความเห็นครับ
     
  12. thaijasminerices

    thaijasminerices Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +46
    To khun Wellrider ,may I copy Your post and share to others.Mothanasathu kha.
     
  13. ไม้เกาหลัง

    ไม้เกาหลัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +89
    คนที่มี ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่ในจิตใจแล้ว ย่อมมองเห็นในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

    คนเขลา ที่มีกิเลส บังตา บดบังจิตเท่านั้น ที่มิมองเห็น พระมหากรุณาของท่าน

    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2013
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    <TABLE id=post3197982 class="tborder vbseo_like_postbit" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3197982 class=alt1>
    เรื่องพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านบอกว่าเกือบแสนนี่นา
    อ่านที่ท่านเล่าให้ลูกหลานและคนที่เคารพนับถือ และเชื่อฟังท่านอีกครั้งก็ได้ท่านเล่าไว้อย่างนี้(คัดมาบางตอนเท่านั้น)

    พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (ยกมาจาก"พ่อสอนลูก")

    ปรารถนาพุทธภูมินี่เหนื่อย ฉันเคยเป็นพุทธภูมิมาก่อน ฉันรู้ว่าพุทธภูมิสู้ทุกอย่าง งานทุกอย่าง ถ้าลาพุทธภูมิปั๊บอารมณ์ตัด ถ้าตัดก็ไม่ได้ทิ้งงานนะ แต่อารมณ์ต่างกันแต่เสริมขึ้น อารมณ์มุ่งเข้าตัดกิเลสตรง เพราะพุทธภูมิไม่ตัดกิเลส พุทธภูมิทรงฌานมากกว่า หนักไปในเรื่องฌาน พอใช้วิปัสสนาญาณมากเข้าอารมณ์มันเบาลง มันต่างกัน

    พระโพธิสัตว์นี่ พระอรหันต์ไม่ยอมนั่งหน้านะถ้ารู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ ถ้าอารมณ์เข้มปั๊บพระอรหันต์ไม่นั่งหน้า แม้พวกนั้นบวชหนึ่งวัน พระอรหันต์บวช ๑๐๐ วัน เขาไม่นั่งหน้าพระโพธิสัตว์ เขารู้ค่า

    คนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องปฏิบัติเลยอรหันต์ พระสาวกปกติบำเพ็ญบารมี ๑ อสงไขยกับแสนกัปเท่านั้น พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าจิตของเขาถึงปรมัตถบารมี เขาเลยอสงไขยสองอสงไขยมาแล้วต้องเป็นอสงไขยที่ ๔ จึงจะเป็นปรมัตถบารมี

    พระโพธิสัตว์เหมือนพวกเรียนวิชาครู เรียนมาเพื่อเป็นครู จะต้องเข้มแข็ง ถ้าไปโดนศรัทธาธิกะ ต้องหวด ๘ อสงไขย ถ้าวิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขย

    ฉันนี่วิริยาธิกะ ทำงานทุกอย่าง สบายไม่มี สาวกภูมิก็พุ่งจริตอย่างเดียว แต่สาวกภูมิสำหรับพวกฉันนี่ เป็นวิริยาธิกะหมด พวกตามเป็นวิริยาธิกะ เฉพาะลูก ๘๐,๐๐๐ กว่าแล้ว พวกไม่คิด เป็นกองทัพใหญ่เลย ถ้ายกมารวมกันนี่หลายแสน กองทัพนะ ลูกฉันน่ะมีบ้าทุกคน ตีฉิบหายหมด บ้าเหมือนพ่อมัน

    เมื่อกี้นั่งคุยกับแม่ศรี อยู่พักหนึ่ง เขาทำภาพเก่าๆคือว่า คนนี้เขาต้องดึงภาพเก่ามาให้เห็นนะเพื่อเป็นการสั่งสอนแนะนำคน โยมท่านพูด บอก

    "เออ...ลูกคุณ ลูกกับพ่อก็เหมือนกัน แม่พ่อก็แบบเดียวกัน ลูกก็แบบพ่อกับแม่"

    เราก็ไม่รู้ว่าท่านพูดว่ายังไง แม่ศรีก็ทำตาม บอก

    "ดูซิ ลูกผู้หญิง ลูกผู้ชายมันบ้าเหมือนพ่อ มันบ้าเหมือนแม่หมด"

    พ่อแม่มันชอบรบใช่ไหม พ่อแม่คว้าดาบเข้าไป ลูกจะคว้าอีโต้ได้ไง ก็ไปตามเข้าป่าไป ก็รบกันแหลกมานาน พวกนี้จึงต้องใช้พวกวิริยาธิกะ นี่ต้องผ่านหนักทุกอย่างหมด ไม่มีอะไรเบา งานทุกอย่างเต็มไปด้วยความลำบาก

    พวกเราที่นั่งๆอยู่ที่นี่ทั้งหมด ท่านถึงพูดได้ว่าไปหมด เพราะกำลังเลย กำลังนี่เลยแล้ว แต่ว่าจุดใดจุดหนึ่งที่จะเข้าถึงมันยังขาดอยู่นิดเดียวเพราะอารมณ์ไม่ถึง ทุกอย่างมันเลยหมด มันเต็มหมด อย่างพวกเรานี่ขาดอันเดียว คือ ขาดอารมณ์ตัดสิน ทำไมจึงขาดอารมณ์ตัดสิน ขาดเพราะว่าอารมณ์เวลานั้นมันยังไม่ถึง เพราะที่ผ่านมานี่ การรบก็ดี การบริหารก็ดี มันมีกรรมบังอยู่หนุนอยู่ พอถึงจุดนั้นปั๊บตัด ๒ เดือนมันหลุดเลย ง่ายนิดเดียว ฉันรู้แล้วว่ามันง่าย

    พระโพธิสัตว์จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่เต็มอัตรา เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต ปรารถนาพุทธภูมิ ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ มีคติแน่นอน ถ้าเป็นปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขยกับแสนกัป ศรัทธาธิกะ ๘ อสงไขยกับแสนกัป วิริยาธิกะ ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป สบายมาก อยากเป็นไหมเป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว รีบไปดีกว่า แต่อย่าไปขัดคอกันนะ ถ้าคนที่เขามีวิสัยพุทธภูมิอยู่ก็พูดกันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง จะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด

    หมายความว่า ถ้าบารมียังต่ำขั้นฌานโลกีย์ ยังคุมไม่ถึงฌานขั้นต้น ฌานก็ไม่มั่นคง ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ ถ้ามีบารมีเป็นอุปบารมี ก็ปลอดบ้างไม่ปลอดบ้าง ถ้าเป็นปรมัตถบารมีนี่ปลอดหมด กว่าจะเลื้อยแต่ละบารมีนี่ โอ้โฮ ฉันลองดูแล้ว

    สำหรับท่านที่บำเพ็ญตนปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง มิฉะนั้นการก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เราต้องการซื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา เขาทำกำลังใจกันแบบนี้



    เมื่อสัก ๒ - ๓ เดือนที่ผ่านมา ฉันป่วยหนัก งานของฉันก็หนักขึ้นมา จะเร่งให้มันเสร็จ ค่าใช้จ่ายสูงมาก วันนั้นก็วิตกว่า ถ้าอาการอย่างนี้ก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ แต่ว่างานจะคั่งค้างหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับเรา เราอยู่เราทำ ตายก็ตายไป หมดเรื่องหมดราว ก็ปรากฏว่าวันนั้นพระท่านมา ท่านเรียกประชุมพระโพธิสัตว์ทั้งหมด แล้วท่านก็บอกว่า พระโพธิสัตว์ทุกองค์ก็ขอให้ช่วย ก็เป็นอันว่าพระศรีอาริย์ท่านร่วมด้วย

    พระโพธิสัตว์มีเยอะนะ พระโพธิสัตว์จริงๆ เวลานี้มีเกือบแสนที่ยังติดแอ้เต็มอัตราอยู่เยอะแยะ เต็มอย่างพระศรีอาริย์น่ะ เต็มคอยคิว นั่งยิ้มอยู่ชั้นดุสิต วันที่ท่านเรียกประชุม พระโพธิสัตว์ไม่น้อยเลยนะ ขนาดเต็มที่แล้วนี่สวยจริงๆ แพรวพราวเป็นระยับ ทั้งเต็มและไม่เต็มท่านเรียกมาหมด ท่านบอก

    "ให้ช่วยกันนะ งานของฉันเอง"
    ทุกองค์ก็เลยรับ (ถ้าลูกหลานระลึกถึงและขอให้ท่านสงเคราะห์) ก็ทำได้เลย





    </TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2><SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("3197982")</SCRIPT></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><THEAD><TR><TD class=tcat></TD></TR></THEAD><TBODY style="DISPLAY: none" id=collapseobj_post_thanks_3197982><TR><TD class=alt1>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; BACKGROUND-COLOR: transparent; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px">
    </INS>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2013
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    เรื่องนี้ กระผมอาจจะเห็นไม่ตรงกับท่านหลวงพ่อฤาษี ผู้เป็นครูอาจารย์ครับ
    และกระผมก็ไม่ได้ปรามาสท่านด้วย กระผมยังเคารพรักท่านเสมอ แต่เหตุที่กระผมเชื่ออย่างนี้เพราะเชื่อว่า พระนิยตะโพธิสัตว์ นั้นมิได้มีมากมาย รวมทั้งที่รอพุทธทำนายด้วยไม่ได้มีมากมายเป็นแสนพระองค์ เหตุเพราะต้องสร้างบารมีที่มากมายยิ่งยวดไว้แล้วและได้ผ่านสมรภูมิทั้ง3ไตรภูมิ รู้แจ้งถ้วนทั่วหมดสิ้น ประกอบกับ ต้องสร้างกำลังใจมีกำลังใจที่เป็นหนึ่งเดียวแน่วแน่มั่นคง ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนใจใดๆอีกแล้ว

    อนึ่งพระนิยตะทั้งหลายนั้น ยังต้องสร้างบารมีอีก ต่อเนื่อง เพราะตามพุทธภูมิประเพณี หลังจากที่พุทธศาสนา ของพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายได้ดับหมดสิ้นไป ก่อนที่ตนจะได้ตรัสรู้ในกาลต่อไปนั้น ในช่วงเวลาพุทธศาสนาดับสูญนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ท่านพระนิยตะพระองค์นั้น ต้องทบทวนการสร้างบารมีของตน และต้องลงมาสร้างบารมีอย่างน้อยก็ที่เรียกว่าทศชาดก นั้นเอง อย่างพระสมณโคดมท่านก็ปฏิบัติเช่นนี้ และหลังจากในพระชาติพระเวสสันดรชาดก นั้นเองคือสิ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่าบารมีท่านเต็มแล้ว ท่านย่อมทราบโดยพระองค์เอง

    ดังนั้นพระศรีอริยะเมตไตรก็เช่นกัน ท่านยังรอเวลาแห่งการมาเกิดเพื่อสร้างบารมี อันมีพระทศชาดกเป็นต้นเป็นอย่างน้อย ก่อนที่จะตรัสรู้ ซึ่งท่านจะทราบของท่านเองว่าเมื่อสิ้นพุทธศาสนาของพระสมณโคดมแล้ว ท่านยังจะต้องมาสร้างบารมีใดอย่างไรครับเพื่อให้เต็มบารมี เหมือนที่พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆกระทำไว้เป็นประเพณีปฏิบัติ
    ท่านรอเวลานั้นอยู่ครับ ส่วนนี้คือพุทธภูมิวิสัย ประเพณีปฏิบัติที่พระนิยตะทุกพระองค์จะต้องสร้างบารมีเหมือนกันทุกพระองค์ ก่อนเข้าสู่พระชาติสุดท้ายเพื่อตรัสรู้ครับ สาธุ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    แม้ความเชื่อในบางเรื่องที่กระผมมีไม่เห็นด้วย กับหลวงพ่อฤาษีบ้าง แต่ก็เป็นแค่ไม่กี่เรื่องอันเป็นส่วนน้อยมาก และก็ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับการปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นทุกข์

    แต่กระนั้น กระผมเองก็ยังเชื่อและเคารพท่านมากเป็นที่สุด โดยเฉพาะ หลักธรรมที่ท่านสอน หลักปฏิบัติ ต่างๆที่ท่านสอน ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันไม่มีใครสอนธรรมได้ดีเยี่ยมเกินไปกว่าท่านหลวงพ่อฤาษีครับ สาธุ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ถ้าเป็นสมัยก่อนสำหรับข้อมูลประกอบการตัดสินใจส่วนบุคคลนะครับ.
    จะสังเกตุจากพระอัจฉริยะภาพในทางด้านภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
    ในแต่ละด้านทางด้านเกี่ยวกับทางสมมุติ.ที่เคยๆได้ยินกับหูก็ในส่วนงานๆหนึ่ง
    ที่รวบรวมบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศมารวมกัน.
    แต่ท่านเพียงมาและดูในเวลาเพียงเล็กน้อยท่านก็พบทและ
    สามารถแนะนำในส่วนที่ยังขาดตกไปเล็กน้อย
    ซึ่งก็ทำให้บุคคลเรานั้นค่อนข้างอึ้งไปได้ในระดับหนึ่ง

    ถ้าทางด้านความสามารถพิเศษก็ได้เคยอ่านผ่านๆมาเช่นกัน
    แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทราบได้ว่าจะจริงหรือไม่และไม่ได้เน้น
    ว่าจะใช่หรือสำคัญอะไรมากมาย.
    แต่ที่ทำให้พอคาดคะเนได้ก็คือ.เรื่องทิพย์จักขุของท่าน.
    นี่ก็จากประสบการณ์ส่วนตัว ทำให้พอเทียบเคียงได้ว่า
    สิ่งที่ครูบาร์อาจารย์หลายๆท่านกล่าวคงไม่เกินความเป็นจริง.

    ส่วนประเด็นเรื่องครูบาร์อาจารย์ท่านอื่นๆ
    ที่กล่าวถึงไม่ว่าจะไปในทางด้านความล้ำลึกและความลึกซึ้ง
    ในการสอนแนวทางการปฏิบัติทางด้านต่างๆและการบรรยายธรรม
    นี่ก็อาศัยและทราบมาจากประสบการณ์ส่วนตัวเช่นกัน.ซึ่งก็ต้องยอมรับ
    ว่าปัจจุบันยังไม่มีใครเกินหลวงพ่อมีชื่อท่านนี้.

    แต่ก็หาใช่ว่าจะมีเพียงท่านเดียวก็ยังมี
    ทางด้านการปฏิบัติทางสายพระป่าก็อีกหลายท่าน
    ทางด้านสายบารมีก็อีกหลายท่าน.
    ทางสายพระอาจารย์ในดงก็อีกหลายท่าน
    ทางด้านปัญญาทางธรรมก็อีกหลายๆท่าน.
    จะเรียกเป็นเลิศแตกต่างกันไปในแต่ละด้านก็ว่าได้
    ซึ่งเรื่องทำนองนี้พระสาวกก็มีความเป็นเลิศแตกต่างกัน
    ซึ่งก็มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
    แต่ทุกๆท่านล้วนมีแนวทางการสอนเพื่อเข้าถึงปลายทางเดียวกัน
    รวมทั้งยกผู้เป็นเลิสทั้ง ๓ ภพเป็นที่สุดเหมือนๆกันทุกๆท่าน.

    ในทางความเห็นส่วนตัวนะครับ.ถึงอย่างไรก็แล้วครับ
    แม้จะมีบางมุมเราอาจจะเห็นต่างบ้างเล็กน้อย.แต่ก็มองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร
    และไม่ควรต้องไปยึดมั่นถือมั่นให้มากกว่า
    การที่เราจะรู้จักจับเอาสาระสำคัญ แนวทาง หลักการปฏิบัติ
    คำสอนต่างๆของแต่ละท่านที่เป็นเลิศในแต่ละด้าน
    .แล้วน้อมมาสู่ตัวเราเอง.ตามแต่ที่ระดับภูมิธรรม
    หรือความเข้าใจหรือความสามารถทางจิตเราหรือ
    ตลอดแนวทางการปฏิบัติของเรา ณ ช่วงเวลานั้นๆ
    ที่จะสามารถเข้าถึงได้.โดยที่มิต้องไปเปรียบว่าใครดีกว่าใครด้อยกว่า.
    ให้เป็นประเด็นที่สำคัญอะไรมากมาย.
    .จับประเด็นจับสาระสำคัญได้แล้วก็รู้จักน้อมนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
    ของตนเองเพื่อตนเองและเพื่อเป้าหมายในการหลุดพ้นต่อไป
    จะยังประโยชน์ให้ตนเองได้มากกว่า.ประมาณนี้ครับ.
    .​
    .
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ================

    ขออนุโมทนาครับ นี่แหละคือ ผู้มีปัญญาทางธรรม เป็นผู้ที่ฉลาดในธรรม นั่นเองครับ สาธุ
     
  19. Snow

    Snow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +2,379
    หากข้าพเจ้ามีบุญมากพอที่จะกลับมาเกิดเปนมนุษย์ อีก ข้าพเจ้าจออธษฐานต่อสิ่งศักดิสิทธว่า ข้าพเจ้าจะขอกลับมาดกิดในยุคที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภมิพลอดุลยเดช เพื่อเปนข้ารองพระบาทของพระองคทุกชาติไป...
     
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    โมทนาสาธุอย่างยิ่งนะครับ ขอจงสมความปรารถนาในทุกประการ
    เวลาที่ทำบุญที่มีอานิสงค์มาก เช่นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน หรือสร้างพระพุทธรูปต่างๆ ก็อธิฐานขอติดตามพระองค์ท่านทุกๆชาติไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน และก็กระทำตามพระราชจริยาวัตร และพระราชดำรัสที่พระองค์ท่านทรงได้โปรดรับสั่ง และสอนด้วยใจที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี ถ้าอย่างนี้ตามตำราบอกว่าไม่พลาดกันแน่นอนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...