ในเมื่อไม่เคยเห็นพุทธเจ้า เรื่องเล่า 2500 กว่าปี ฟังเขาเล่ามาก็เชื่อเรียกว่างมงายไหม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 21 พฤศจิกายน 2014.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ในเมื่อไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า เรื่องเล่า 2500 กว่าปี ฟังเขาเล่ามาก็เชื่อ เรียกว่า งมงาย ไหม ?

    หลังจากที่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนกับผู้รู้ท่านหนึ่งผ่านนิทานเรื่องเล่าของผม เองซึ่งมีที่มาจากพระสูตร ผู้รู้ท่านนั้น ก็ได้กรุณากล่าวตักเตือนว่า ในเมื่อผมก็ไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าด้วยตาตนเอง และเรื่องเล่าจากพระสูตรนี้ ก็นาน 2500 กว่าปีมาแล้ว เรื่องจากความจำ ฟังเขาเล่ามา อาจคลาดเคลื่อน คนเล่าอาจจำมาผิด ถ้าปลงใจเชื่อในทันที ย่อมได้ชื่อว่า งมงาย

    ผมจึงมีความเข้าใจอย่างนี้ว่า ผู้รู้ท่านนั้น ได้พยายามกล่าวตักเตือนผมอย่างนี้ว่า แม้แต่พระสูตรพระวินัย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากพระมหาเถระเมื่อปฐมสังคายนา ก็เชื่อในทันทีไม่ได้ เพราะพระไตรปิฎกเอง ก็ผ่านมือคนมามาก และผ่านกาลเวลามายาวนานถึง 2500 กว่าปี เมื่อมีคนนำมาเล่าให้ฟังอีกที จึงไม่ควรรีบเชื่อ เพราะถ้าทำอย่างนั้น ก็จะกลายเป็นคนงมงายไน้สติปัญญา แต่ควร 1 ตรวจสอบที่มากับพระสูตรพระวินัยก่อนว่าตรงกันไหม ตามหลักมหาปเทส และ 2 พิจารณาด้วยกาลามสูตรเสียก่อนว่า ข้อความดังกล่าว เป็นประโยชน์ เป็นกุศลไหม ? ถ้าเป็นอย่างนั้น จึงค่อยรับเชื่อ หากทำได้อย่างนี้ ก็จะได้ชื่อว่าไม่เป็นคนงมงาย

    ผมเข้าใจสิ่งที่ท่านได้กรุณาตักเตือนมา ถูกต้องแล้วหรือยังครับท่าน ?

    ในเมื่อไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า เรื่องเล่า 2500 กว่าปี ฟังเขาเล่ามาก็เชื่อ เรียกว่า งมงาย ไหม ?
     
  2. bornstut

    bornstut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +217
    ไช่แล้วครับผมสนับสนุนความคิดนี้
    หากว่าเชื่อทุกสิ่งดีก็มีผล
    ธรรมทั้งหลายมีไว้เพื่อดับตัวตน
    มีหลายคนไม่ดับตนแต่เพิ่มตัว

    ธรรมท่านสอนมีเอาไว้ไม่ให้หลง
    หลงอะไรก็ไม่หลงตนเองนั่น
    ธรรมเป็นเครื่องนำพาออกพ้นกรรม
    จะได้ทำไห้เข้าใจพ้นทุกข์เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014
  3. bornstut

    bornstut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +217
    ถ้าเชื่อนกก็อยากบินได้เหมือนกับนก
    พูดแล้วตลกถ้าเชื่อปลาก็ใจหาย
    อยากดำน้ำเก่งเหมือนปลาตามกันไป
    จะเชื่อใครไม่เชื่อตนก็จนใจ

    เห็นนรกก็เชื่อนรกไห้คิดมาก
    เห็นสวรรค์ไม่อยากพรากจากนางฟ้าทั้งหลาย
    เห็นอะไรก็เชื่อไปอย่างมากมาย
    แต่สุดท้ายเชื่อไปหมดยกเว้นตัวเอง
     
  4. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ถูกต้องที่สุดเลยครับ
     
  5. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    แม้แต่พระสูตรพระวินัย ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากพระมหาเถระเมื่อปฐมสังคายนา ก็เชื่อในทันทีไม่ได้ เพราะพระไตรปิฎกเอง ก็ผ่านมือคนมามาก และผ่านกาลเวลามายาวนานถึง 2500 กว่าปี เมื่อมีคนนำมาเล่าให้ฟังอีกที จึงไม่ควรรีบเชื่อ เพราะถ้าทำอย่างนั้น ก็จะกลายเป็นคนงมงายไน้สติปัญญา แต่ควร 1 ตรวจสอบที่มากับพระสูตรพระวินัยก่อนว่าตรงกันไหม
    ..

    เรื่องเล่าจากพระเถระเมื่อปฐมสังคายนา ในพระไตรปิฏก(ที่ผ่านคนมามาก)
    มาตรวจสอบกับพระสูตรพระวินัยในพระไตรปิฏกอีก..?? ตามหลักมหาปเทสสี่??

    คือว่าไม่เข้าใจจ๊ะ.. เคยได้ยินแต่คำสอนของพระเถระรูปนั้นรูปนี้ เมื่อฟังแล้วก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ให้นำมาตรวจสอบดูกับคำสอนของพระพุทธองค์(ในสมัยนั้น) ซึ่งตอนสมัยนี้คงต้องหาคำสอนของพระพุทธองค์เอาในพระไตรปิฎก มาเปรียบกับคำสอนของพระหรือครูผู้สอนในสมัยนี้กระมัง

    แต่ที่ว่า ไม่เชื่อคำสอนโดยทันทีจนปฏิบัติรู้เองค่อยเชื่อ คงจะอย่างนั้น

    พระอริยะ ผู้ไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย

    (๑) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
    ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
    ไม่หวั่นไหว ในพระพุทธเจ้า ว่า “เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ
    พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้
    โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
    เป็นผู้ไปแล้วดว้ ยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถ
    ฝึกคนที่ควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดา
    และมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม
    เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์” ดังนี้.

    (๒) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
    ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
    ไม่หวั่นไหว ในพระธรรม ว่า “พระธรรม เป็นสิ่งที่
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและ
    ปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และ
    ให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า
    ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่
    ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน” ดังนี้.

    (๓) คหบดี ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
    ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
    ไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ ว่า “ สงฆ์สาวกของพระผู้มี
    พระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว
    เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้
    ปฏิบัติสมควรแล้ว ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่
    นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ นั่นแหละคือสงฆ์สาวกของ
    พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
    เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นสงฆ์
    ควรรับทักษิณาทาน เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึงทำอัญชลี
    เป็นสงฆ์ที่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า” ดังนี้.
     
  6. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    แล้วมีใครเชื่อเลยบ้างล่ะ คงไม่มีนะ มีแต่สงสัยกันทั้งนั้นคนที่จะเชื่อจริงๆก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
     
  7. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..พิสูจน์ด้วยการปฎิบัติตามสิ..

    เราจะต้องเจ็บป่วยไหม? เราจะต้องแก่ไหม? เราจะต้องตายไหม?

    ทำดีได้ดีไหม? ทำชั่วเป็นทุกข์เผ็ดร้อนเดือนร้อนวุ่นวายไหม?
     
  8. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    งมงาย หมายถึง เชื่อมั่นในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ เชื่อมั่นในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล
    ศาสนาทุกศาสนาก็มีทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของศรัทธา
    แต่ที่พุทธศาสนาแตกต่าง เพราะมีส่วนของข้อเท็จจริงร่วมอยู่
    เช่น ความทุกข์ สาเหตุ การปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ วงจรการเกิดทุกข์ ประโยชน์ของศีล ประโยชน์ของสมาธิ ประโยชน์ของปัญญา ฯลฯ
    เราต้องเลือกเชื่อ เลือกปฏิบัติ อย่างฉลาดครับ
    ไม่ใช่ศีล สมาธิ ปัญญาไม่เอาเลย จะเอาแต่ให้ทาน เอาแต่กราบไหว้ขอพร
    หรือแม้แต่ความระเมอเพ้อพกถึงสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ อยากไปที่แดนนั่นแดนนี่
    พรหมมีกี่มือ พรหมอยู่อย่างไร ทำอย่างไรให้ไปเป็น ฯลฯ
    เลือกอยู่อย่างมีปัญญา หรือจะอยู่อย่างคนหลงโลก ขึ้นอยู่กับตัวเราเองครับ
     
  9. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ผมใช้วิธีพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
    สิ่งใดที่คนทั่วไปบอกว่าไม่มี งมงาย
    แต่พระพุทธเจ้าบอกว่ามี และมีวิธีพิสูจน์ ผมขอพิสูจน์ก่อนล่ะ

    วิธีพิสูจน์ คือ ให้ทำมโนมยิทธิให้ได้ หรือ ทำวิชชา 2 ในวิชชา 3 หรือ ทำอภิญญา 5 ในอภิญญา 6 นี้ให้เกิดมีขึ้นในตัวเองให้ได้ แล้วไปดูเองเลย

    สิ่งไหนที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ ทั้ง นรก ผี เปรต อสุรกาย หรือ เทวดา นางฟ้า สวรรค์ พรหมโลก ก็ลองฝึกดู ทำให้ได้แล้วไปดูเองเลย ว่ามีจริงมั้ย แล้วจะหายสงสัยเอง ว่าทีนี้ละใครกันแน่ที่เราควรเชื่อ ใครกันแน่ที่รู้จริง
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    มโนมยิทธิ อะไรครับ ทำยังไงยากมั้ย
     
  11. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ หากใครทำได้ก็สามารถที่จะใช้ใจของตัวเองไปดูในที่ต่างๆได้ทุกที่ ตั้งแต่นรกถึงพรหมโลก และถ้าขณะนั้นจิตสะอาดเทียบเท่าพระโสดาบันได้ก็สามารถเข้าเขตพระนิพพานได้

    มโนมยิทธิแบ่งเป็น 2 แบบ
    1. แบบครึ่งกำลัง ที่ใช้กำลังในระดับอุปจาระสมาธิก็สามารถเห็นนรก สวรรค์ได้แล้ว แต่ความชัดเจนนั้นจะเห็นแบบเหมือนช่วงเวลาที่ใกล้จะค่ำแล้ว

    2. แบบเต็มกำลัง ต้องใช้กำลังของฌาน 4 แล้วยกจิตไปดูเองเลย อันนี้เห็นได้ชัดเจนกว่า เห็นเหมือนกันตาเห็นนี้แหละ ต่อให้เป็นตอนกลางคืน หรือหลับตาอยู่ก็ตาม หากไปดูสวรรค์ด้วยกำลังของฌาน 4 แล้วล่ะก็ จะสว่างมากเหมือนตอนกลางวันไม่มีผิด ที่นั้นสว่างมากแต่ไม่มีดวงอาทิตย์นะ การเห็นของแต่ละคนก็จะไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่เพราะความสะอาดของจิตต่างกัน และสวรรค์ก็ใหญ่มาก โลกของเราทั้งใบนั้นมีขนาดไม่ถึงมุมเล็กๆมุมหนึ่งของพระจุฬามณีเจดีย์เลย และพระจุฬามณีเจดีย์เองก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้น

    และสวรรค์ก็มีทั้งหมด 6 ชั้น ทำให้ช่วงที่ได้ใหม่ๆแต่ละคนก็อาจจะไปโผล่ในที่ๆแตกต่างกันไป เวลานำมาบอกเล่าให้คนอื่นฟังก็อาจจะไม่เหมือนกันได้ อันนี้เป็นเรื่องธรรมดานะถ้าเราไปเห็นอะไรแล้วไม่เหมือนคนอื่นเพราะเราไม่ได้ไปที่เดียวกันนั่นเอง

    ส่วนวิธีการฝึกสามารถฟังได้ในคลิปเสียงหลวงพ่อพระราชพรหมยานนี้เลยครับ
    https://www.youtube.com/watch?v=DcpXNdBJj0I
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2014
  12. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    น่าคิด น่าคิด

    เคยถาม พระหลายท่าน แบบนี้เช่นกัน
    คำตอบรวมๆ ท่านว่า เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา จนกลายเป็นนิทาน

    แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปใส่ใจ ตัวเนื้อหาเอง อยู่ในคำสอนและสิ่งที่สอนถ่ายทอดมา ให้ลองทำดู แล้วดูว่า เป็นไปตามนั้นหรือไม่

    แม้พระพุทธเจ้าเองก็ไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่ให้ลองทำตามดูตามที่บันทึกไว้ในพระธรรม และถ้าเป็นจริงตามนั้นทำจนจบจนสิ้นทุกข์ ก็ถือแล้วว่านั่นเป็นการเคารพท่านแล้ว

    แต่สำหรับผู้ถ่ายทอดต่อสอนต่อ นั้นต่างกัน จำเป็นต้องดำเนินตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าขีดเส้นไว้
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    อ้อ...เห็นนรกสวรรค์ (ตามที่ว่านั่น) แล้ว ช่วยให้เราพ้นทุกข์ในปัจจุบันนี้ได้บ้างมั้ย
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    (ยาวตัดมา) เป็นมโนมยิทธิหรือยัง ถ้าเป็นมโนมยิทธิเป็นแบบข้อ1 หรือ ข้อ 2 ตัวอย่างนี้

    เรื่องมีอยู่ว่า หนูได้ทำสมาธิโดยระลึกถึงหลวงปู่องค์หนึ่ง ที่หนูได้รู้จักจากพี่คนหนึ่งที่แนะให้กำหนดท่านเวลานั่งสมาธิ ท่านคือ หลวงปู่ดู่

    ....เวลาประมาณ 22.30 น. หลังจากพี่คนนั้น
    ได้ส่งรูปหลวงปู่ดู่มาให้หนูสำหรับกำหนดนิมิต
    และแนะนำวิธีทำสมาธิสูตรหลวงปู่ดู่ (วิชาเปิดโลก) แล้ว
    หนูจึงเริ่มเข้าสมาธิแบบที่หนูถนัด และเคยศึกษามาจากแม่ คือ
    หายใจเข้า-ออกช้าๆให้ใจได้เย็นๆ ลงแล้วจึง
    กำหนดนิมิตเป็นภาพท่านที่กำลังยิ้มอยู่ ในนิมิตนั้นปรากฏ
    เป็นท่านกำลังยิ้มอย่างใจดี

    ขณะนั้นรู้สึกตื่นเต้นและกลัว
    สักพักหนูรู้สึกว่าจิตได้ตามท่านไป
    แล้วท่านก็พาหนูไปที่สวนแห่งหนึ่ง
    ที่สวนแห่งนี้มีพืชพรรณ
    ดอกไม้ ที่สวยงามต่างๆมากมาย
    มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่หลายต้นมีพุ่มดอกไม้เล็กๆ
    และข้างๆก็ปรากฏเป็นลำธาร
    โดยมีพื้นหญ้าเขียวขจีเป็นพื้น
    ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อเข้ามาคือความสงบ รื่นรมย์
    สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของหนูสงบลง หนูเหลียวไปมองหลวงปู่
    หลวงปู่ท่านนั่งลงหันหลังให้ลำธาร
    ท่านนั่งลงบนผ้าสีขาวที่ปูลาดไว้อย่างดี
    แล้วท่านก็หลับตาทำสมาธิ
    เหมือนจะแสดงเป็นนัยยะบางอย่าง

    หนูนั่งลงบนหญ้าเบื้องหน้าท่านแล้วสังเกตเห็นเทวดาแถวนั้น
    มาร่วมโมทนาด้วย หนูจึงทำสมาธิบ้างโดยหายใจเข้าภาวนาว่า
    พองหนอ หายใจออกภาวนาว่า ยุบหนอ
    นั่งจนกระทั่งรู้สึกจิตใจสงบจนไม่เหลือความกลัวแล้วจึงลืมตาขึ้น
    แล้วจึงสนทนากับท่าน

    ท่านบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ให้แผ่พลังตามแบบที่ท่านสอนไว้
    (เวลาหนูไปตามที่ต่างๆหนูจะแผ่บุญแบบที่หลวงปู่สอนค่ะ)

    แล้วก็ให้ถือศีล 5 หนูก็ถามท่านว่า
    ที่นี่คือสวนที่ไหนหรอคะ ที่บนโลกมนุษย์หรือบนสวรรค์

    ท่านตอบว่า
    ที่นี่เป็นสวนที่อยู่ในเขตวิมานของท่าน อยู่บนสวรรค์

    ฯลฯ
     
  15. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ถ้าคุณได้ฟังที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เทศน์ตามที่ผมได้เอาคลิปมาลงให้นั้น คุณจะไม่ถามคำถามนี้
    ถ้าอยากจะรู้จริงๆก็ไปหาเทศน์ของท่านมาฟัง ในยูทูบมีเพียบ เพราะจะได้รู้จริงๆ

    กำลังที่ใช้ในการแสดงฤทธิ์นั้นจะต้องมาจากกำลังของฌาน โดยเฉพาะฌาน 4 จึงจะสามารถทำฤทธิ์ให้เกิดขึ้นได้ เมื่อได้ฤทธิ์แล้ว ผลที่จะเกิดขึ้นแก่เรานั้นมีมากมายมหาศาล ส่วนที่มีประโยชน์ต่อกระทู้นี้ก็คือ

    1. ถ้าสามารถไปดูนรกสวรรค์ได้จริง ไปเห็นมาแล้วจริงๆ ก็รู้ได้เลยว่า คนที่บอกว่านรกสวรรค์ไม่มีและเรื่องอิทธิฤทธิ์นั้นก็เขียนเสริมๆกันมาจะเชื่อถือได้แค่ไหนนั้นบอกได้เลยว่าเขาไม่รู้จริงในเรื่องนี้ ต่อไปนี้ถ้าเขามาบอกอะไรที่ค้านกับคำสอนของพระพุทธเจ้าเราจะไม่เชื่อเขาอีก เพราะเขาไม่ได้รู้อะไรเลย

    2. เมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่านรกสวรรค์มีจริง อีตอนนี้สิ่งที่เราได้มานั้นมีประโยชน์แน่ และมีมากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคิดถึงซะอีก เพราะกำลังของฌานนี้แหละที่จะมาเป็นตัวสำคัญในการตัดกิเลส หากไม่มีฌานก็ไม่อาจจะตัดกิเลสได้เด็ดขาด ไม่มีฌานก็ไม่มีทางที่จะเป็นพระอริยะเจ้าได้ เพราะการจะเป็นพระอริยะบุคคลได้นั้นจะต้องมีทั้ง ฌานสมาบัติ+วิปัสสนาญาณ ทั้งสองอย่างนี้ต้องมาพร้อมกันจึงจะเป็นได้

    ผู้ที่จะเป็นพระโสดาบันและพระสกิทาคามีจะต้องได้ตั้งแต่ฌาน 1 ขึ้นไป
    ผู้ที่จะเป็นพระอนาคามีและพระอรหันต์จะต้องได้ตั้งแต่ฌาน 4 ขึ้นไป
    เมื่อได้ฌานแล้วก็ใช้อำนาจแห่งฌานนี้เป็นกำลังและใช้ปัญญาเป็นอาวุธเข้าไปประหารกิเลสให้หมดไป จึงจะเป็นได้ เท่านี้ก็จบกิจแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2014
  16. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    เขาบอกว่าจิตได้ตามท่านไป ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านี้
    ซึ่งอาจจะไปแบบนั่งแล้วเห็นขึ้นมาในจิตก็ได้ หรืออาจจะถอดจิตไปเลยก็ได้ แต่จากที่เล่ามานั้นเขาไปแบบเต็มกำลัง

    ข้อสังเกตุ
    ถ้าถอดจิตไปทั้งตัวเรียกว่าไปแบบเต็มกำลัง
    ส่วนถ้าเป็นแบบครึ่งกำลังนั้นแค่เห็นได้อย่างเดียวแต่ไปไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2014
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ถอดจิตไปทั้งตัว ชีวิตนี้หายไปจากโลกมนุษย์ชั่วคราวหรือยังไงครับ
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ผู้จะได้ชื่อว่า พระโสดาบัน เป็นต้น จะต้องได้ได้ฌานทุกคนเลยใช่มั้ยครับ ไม่ได้ฌานประหารกิเลสไม่ได้ใช่มั้ยครับ
     
  19. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ไปได้ก็กลับมาได้ครับ เพราะไปด้วยฤทธิ์ไม่ใช่ไปแบบตาย
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    หายแว้บไปหมดทั้งเนื้อทั้งตััวทั้งชีวิตนี้เลยนะครับนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...