ในเมื่อไม่เคยเห็นพุทธเจ้า เรื่องเล่า 2500 กว่าปี ฟังเขาเล่ามาก็เชื่อเรียกว่างมงายไหม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 21 พฤศจิกายน 2014.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ที่พูดนี่นิพพานตามนัยมหายานหรือตามนัยเถรวาทครับเนี่ย
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    ว่าเมื่องนิพพานอยู่เลยพรหมโลกไปอีก : ) ถ้ายังงั้นบนแผ่นดิน (มนุษย์) นี้ ก็ไม่มีผู้ถึงนิพพานน่าซี่ ทั้งๆที่ทำอาสวะสิ้นไปแล้ว
     
  3. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    มีอยู่ครั้งหนึ่งกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ (ตอนกลางคืน)
    พอดีว่าจิตออกจากร่างกาย
    แล้วนึกว่าตาย ก็เลยนึกถึงพระพุทธเจ้า
    แล้วจิตก็พุ่งขึ้นไปข้างบน จากที่มืดๆอยู่ๆก็ค่อยๆสว่างขึ้นมา
    สว่างจนเต็มพิสัยการมองเห็น ตอนนี้ลอยอยู่บนอากาศ
    มีเมฆลอยไปมา เป็นเมฆละเอียด สวยงาม ท้องฟ้าสีฟ้าบางทีก็มีสีรุ้งอ่อนๆ
    จากนั้นก็เห็นรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลอยนำหน้าขึ้นไป
    ไปได้ไม่นานนักก็เห็นบ้านหลังหนึ่งลอยอยู่
    แล้วรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็หายไป

    (ขณะเดียวกันก็มีคนลอยอยู่ใกล้ๆ 2 คน เป็นผู้ชาย ใส่ชุดขาว ผมสั้น ไม่มีชฎา
    ลอยมาด้วยกันสักพักก็หายไป ตอนนี้อยากเห็นนางฟ้า ก็เห็นเป็นลางๆ เห็นไม่ชัด เห็นเป็นเงารางๆเท่านั้น เลยผ่านไปก่อน)

    จากนั้นก็สงสัยว่าบ้านที่เห็นนั้นเป็นบ้านของใคร
    พอคิดอย่างนั้นก็เข้าไปเดินเล่นในบ้านที่ลอยอยู่กลางอากาศนั่นแหละ
    ลักษณะบ้านที่เห็นเหมือนบ้านคนมีฐานะดีๆคนหนึ่ง พื้นปูด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน
    บ้านสีขาว สวย แต่ไม่ค่อยต่างจากเมืองมนุษย์นัก
    แต่พอทำจิตให้ปล่อยวางจากร่างกายได้มากเท่าไหร่
    บ้านหลังนั้นก็จะเปลี่ยนไป มีความสวยงามขึ้นมาก
    มีแสงสีขาวสีทองเปร่งออกมาจากบ้าน
    สักพักตื่นเต้นเกินไป
    เพราะอยากจะมองเห็นให้มากกว่านี้
    สภาพบ้านก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
    สลับกันไปมาสัก 3 - 4 ครั้ง
    สมาธิเคลื่อน จิตก็ค่อยๆลงมาที่ร่างกาย
    ตอนลงมานี้มีความรู้สึกทางกายเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนวิ่งทั่วร่าง
    ไม่เจ็บปวดอะไร มีแต่ความตื่นเต้นและสบายๆ

    นี้ชัดที่สุด นอกนั้นก็เห็นเวลาอื่น เป็นภูเขาบ้าง ทะเลบ้าง
    เห็นคนบ้าง เห็นสัตว์บ้าง ตามแต่ว่าตอนนั้นจิตสงบขนาดไหน
    แต่ไม่ชัดเท่าครั้งนี้

    เรื่องวิสัยของฌาน เป็นเรื่องอจิณไตย
    คนที่ยังไม่ได้ไม่มีทางรู้ได้ คาดเดาก็ไม่ได้
    จากที่คุณถามมานั้นบอกได้ว่าคุณยึดถือตัวหนังสือในตำรามากกว่า
    ในเรื่องปฏิบัตินั้นคุณไม่รู้อะไรเลย แบบนี้ถามเท่าไหร่ก็ไม่หายสงสัยหรอก
    ให้ไปปฏิบัติเอาเองดีกว่าครับ
    ไม่อย่างนั้นคิดไปคิดมาก็มาสรุปว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะไม่ได้รู้ด้วยตนเอง
     
  4. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    พูดตามความเป็นจริงที่องค์หลวงพ่อวัดท่าซุงและองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอน

    ในตำราอธิบายได้ไม่หมดหรอกครับ และถ้าอ่านมากไปก็เฝือ ปฏิบัติเองเห็นเองจะให้ผลดีมากกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ เพราะไม่ได้เรียนรู้เพื่อเอาไปสอบ แต่ทำเพื่อหาทางพ้นทุกข์
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    สถานที่พ้นทุกข์อยู่เลยพรหมโลกไปโน่น ถ้ายังงั้น มนุษย์ที่เดินดินอยู่นี่ก็ไม่มีโอกาสพ้นทุกข์ซี่
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    นี่ คุณอภิญญาทำสมาธิแล้วเห็นใช่ไหมครับเนี่ย : )
     
  7. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ได้ทำไมจะไม่ได้

    พระอริยเจ้ามี 4 ประเภท

    เมื่อยังทรงธาตุขันอยู่
    สุขวิปัสโก ไม่เห็นอะไรที่เป็นทิพย์ แต่จิตนั้นมีสภาพเป็นพระนิพพานอยู่เต็มดวงตลอดเวลาอยู่แล้ว
    เตวิชโช ไปเมืองนิพพานได้ด้วยจิต
    ฉฬภิญโญ ไปด้วยจิตก็ได้ ไปทั้งกายก็ได้
    ปฏิสัมภิทัปปัตโต ไปด้วยจิตก็ได้ ไปทั้งกายก็ได้ และมีความสามารถมากที่สุด

    แต่เมื่อละธาตุขันไปแล้วก็เข้าสู่พระนิพพานได้เหมือนกันหมด
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ไปนำความหมายของศัพท์เหล่านั้นมาแน่ไหนน่า
     
  9. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ความทุกข์นั้นพ้นที่ใจ
    เมื่อพ้นทุกข์ที่ใจแล้ว แต่ยังทรงธาตุขันอยู่ ก็ยังอยู่ที่เมืองมนุษย์ (แต่ไปเที่ยวเมืองนิพพานชั่วคราวได้ถ้าได้ตั้งแต่วิชชา 3 ขึ้นไป)

    ถ้าร่างกายแตกดับลงก็ไปอยู่ที่เมืองนิพพานทันทีโดยถาวร ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
     
  10. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ใช่ครับ
     
  11. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    พระพุทธเจ้าท่านทรงสมมุติเรียกขึ้น จะได้รู้ว่าผู้ที่มีความสามารถแบบนี้ต้องเรียกแบบไหน จะได้ไม่สับสน
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    อ้อ เป็นยังงี้นี่เอง : )
     
  13. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    อ้อ เมืองนิพพาน
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    อ้อ เป็นยังงี้นี่เอง : )
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ี่ที่คุณอภิญญาเห็น กับ เด็กคนนี้เห็น พอกันไปด้วยกันได้

    เรื่องมีอยู่ว่า หนูได้ทำสมาธิโดยระลึกถึงหลวงปู่องค์หนึ่ง ที่หนูได้รู้จักจากพี่คนหนึ่งที่แนะให้กำหนดท่านเวลานั่งสมาธิ ท่านคือ หลวงปู่ดู่

    คืนวันที่ 12/1/50 เวลาประมาณ 22.30 น. หลังจากพี่คนนั้น
    ได้ส่งรูปหลวงปู่ดู่มาให้หนูสำหรับกำหนดนิมิต
    และแนะนำวิธีทำสมาธิสูตรหลวงปู่ดู่ (วิชาเปิดโลก) แล้ว
    หนูจึงเริ่มเข้าสมาธิแบบที่หนูถนัด และเคยศึกษามาจากแม่ คือ
    หายใจเข้า-ออกช้าๆให้ใจได้เย็นๆ ลงแล้วจึง
    กำหนดนิมิตเป็นภาพท่านที่กำลังยิ้มอยู่ ในนิมิตนั้นปรากฏ
    เป็นท่านกำลังยิ้มอย่างใจดี

    ขณะนั้นรู้สึกตื่นเต้นและกลัว
    สักพักหนูรู้สึกว่าจิตได้ตามท่านไป
    แล้วท่านก็พาหนูไปที่สวนแห่งหนึ่ง
    ที่สวนแห่งนี้มีพืชพรรณ
    ดอกไม้ ที่สวยงามต่างๆมากมาย
    มีต้นไม้ใหญ่ๆอยู่หลายต้นมีพุ่มดอกไม้เล็กๆ
    และข้างๆก็ปรากฏเป็นลำธาร
    โดยมีพื้นหญ้าเขียวขจีเป็นพื้น
    ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้เมื่อเข้ามาคือความสงบ รื่นรมย์
    สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของหนูสงบลง หนูเหลียวไปมองหลวงปู่
    หลวงปู่ท่านนั่งลงหันหลังให้ลำธาร
    ท่านนั่งลงบนผ้าสีขาวที่ปูลาดไว้อย่างดี
    แล้วท่านก็หลับตาทำสมาธิ
    เหมือนจะแสดงเป็นนัยยะบางอย่าง

    หนูนั่งลงบนหญ้าเบื้องหน้าท่านแล้วสังเกตเห็นเทวดาแถวนั้น
    มาร่วมโมทนาด้วย หนูจึงทำสมาธิบ้างโดยหายใจเข้าภาวนาว่า
    พองหนอ หายใจออกภาวนาว่า ยุบหนอ
    นั่งจนกระทั่งรู้สึกจิตใจสงบจนไม่เหลือความกลัวแล้วจึงลืมตาขึ้น
    แล้วจึงสนทนากับท่าน

    ท่านบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ให้แผ่พลังตามแบบที่ท่านสอนไว้
    (เวลาหนูไปตามที่ต่างๆหนูจะแผ่บุญแบบที่หลวงปู่สอนค่ะ)

    แล้วก็ให้ถือศีล 5 หนูก็ถามท่านว่า
    ที่นี่คือสวนที่ไหนหรอคะ ที่บนโลกมนุษย์หรือบนสวรรค์

    ท่านตอบว่า
    ที่นี่เป็นสวนที่อยู่ในเขตวิมานของท่าน อยู่บนสวรรค์

    ขณะนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามาในหูเป็นเสียง ตื้ด..ด ยาวๆ
    จึงถามท่านว่า
    เสียงนี้เป็นเสียงถามทางใช่รึเปล่าคะ
    แล้วแม่สอนว่าให้พูดว่า ไปทางใหญ่
    ถูกไหมคะ

    ท่านตอบว่า ใช่ ถูกแล้ว หนูก็นั่งมองรอบๆตัวอีกซักพักหนึ่ง
    จึงบอกท่านว่า ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วย แล้วก้มกราบท่าน 3 ครั้ง
    ท่านยิ้ม จากนั้นจึงกลับมาที่กาย
    พอกลับมาก็เล่าให้พี่คนนั้นฟังแต่ด้วยความไม่แน่ใจว่า
    ที่เห็นเป็นของจริงหรือไม่
    พี่เค้าเลยถอดจิตไปด้วยกันเพื่อยืนยัน หลังจากที่นัดเวลา
    กันหนูจึงกำหนดจิตไปอีกครั้งหนึ่ง
    ครั้งนี้ไปถึงเห็นหลวงปู่ท่านนั่งอยู่บนฐานสูงๆขึ้นมา
    ไม่ได้นั่งอยู่บนผ้าแบบครั้งที่แล้ว
    ด้านซ้ายมือของท่านปรากฏเป็นพี่คนนั้นแต่
    อยู่ในสภาพของกายทิพย์
    ท่านย้ำกับหนูอีกว่า ไม่ต้องกลัว ให้ใจเย็นๆ อย่าลืมถือศีล 5
    และหมั่นแผ่พลังบุญปรับภพภูมิ แบบที่ท่านสอน

    แล้วท่านก็ให้แหวนหนูมาหนึ่งวง
    เป็นแหวนสีทองเกลี้ยงๆธรรมดาๆรอบๆแหวนนั้น
    มีแสงเล็กน้อย ดูแล้วรู้สึกว่าสวยดี
    หนูจึงนำมาใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของกายทิพย์หนู
    แล้วท่านก็ย้ำอีกครั้งว่าไม่ต้องกลัวในการปฎิบัติให้ระลึกถึง
    พระไว้เวลาปฎิบัติและให้หมั่นแผ่เมตตาและถือศีล 5 ให้ดี
    หนูจึงกราบลาท่าน แล้วจึงกลับมา
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    คุณอภิญญา นี่เขาถูกหลอก


    "ผมนั่งสมาธิแล้วโดนต่อต่อยเข้ากลางหัวครับ กับ อะไรก็รู้ไม่ปาใส่

    คืองี้ครับ พอผมนั่งแล้วมันมีตัวต่อมาบินอยู่เหนือหัวครับ แต่จับหรือสัมผัสไม่ได้ แต่เสียงตัวต่อชัดเจนมาก ผมเอามือปิดหัวไว้ เขาพยายามจะต่อยผมให้ได้ พอผมยอมให้เขาต่อย ก็เจ็บนะครับ แต่พอออกสมาธิแล้ว ไม่มีบาดแผล ไม่มีความเจ็บ ปกติดีทุกอย่าง? แล้วจะมีอีกครับ คือจะโดนอะไรคล้ายปลาไหลโยนใส่มือ หรือเหรียญบาท ปาใส่หน้า เสียงชัดเจนมากเลย แต่ตรวจดูแล้วก็ไม่มีอะไร ผมงงมากเลยครับ อ้อมีอีกอย่างครับ จะได้ยินคนพูดรัวๆเร็วๆ ดังไปไปหมด จับความไม่ได้ และรู้สึกว่ามีคนมาล้อม กับ จ้องมอง"

    นำไปเป็นตัวอย่างได้
     
  17. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    แสดงว่าคนนี้ทำมาถูกทางแล้วครับ แบบนี้เป็นลักษณะของมารมาขวาง มันเห็นว่าถ้าปล่อยไปก็จะหลุดพ้นจากมือของมันได้ มันก็ทำทุกอย่างเพื่อขวางไม่ให้เข้าถึงความดี แต่มีกฏอยู่ว่าต้องไม่เกินกฏของกรรม

    เหมือนคนที่วิ่งแข่งกัน ถ้ามีคนต้องการจะขวางไม่ให้มีใครเข้าเส้นชัยได้ ก็ต้องมาขวางคนที่ใกล้เส้นชัยมากที่สุด ส่วนคนอื่นๆนั้นค่อยขวางอีก 1วิ 2วิ หรือ ปีหน้าก็ได้ แต่ต้องขวางคนที่ใกล้เส้นชัยก่อน

    อันนี้ก็ลักษณะเดียวกัน เป็นนิมตของมารที่มันแสดงให้เห็น บวกกับมีกรรมในส่วนนั้นร่วมด้วยเลยทำให้โดนแบบนี้ แบบนี้ต้องอยู่ใกล้ๆครูบาอาจารย์ที่รู้จริงและพยายามอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรด้วย ทำทาน ศีล ภาวนาให้มาก อย่าไปกลัว เพราะมันต้องการให้กลัวมันเลยทำแบบนี้ ให้เน้นจับภาพพระพุทธรูปให้เป็นนิมิตติดตาไปเลย
     
  18. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,862
    ค่าพลัง:
    +1,818
    ก่อนอ่านข้อแสดงความคิดเห็นต่อไปนี้ ต้องทำความเข้าใจเอาไว้ก่อนว่า

    ศาสนาทุกศาสนา เป็นไปตามหลัก ตรรกวิทยา เป็นไปตามหลักความจริงตามธรรมชาติ เป็นไปและอยู่เหนือหลักวิทยาศาสตร์ และ วิชาการด้านต่างๆ

    ศาสดาของศาสนาทุกศาสนามีอยู่จริง ตั้งแต่ศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ไปจนถึง ศาสนา ซิกส์

    ถ้าคุณอยากเห็น ลักษณะบางอย่างของ พระสมณโคดม หรือพระพุทธเจ้าที่คุณกล่าวถึง ข้าพเจ้าสามารถพิสูจน์ให้คุณเห็นได้ด้วยตา ที่กล่าวไปนี้เป็นเพียงเพื่อให้คุณเกิดความเชื่อที่ถูกต้องว่า ศาสดาแห่งศาสนาทุกพระองค์มีอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องที่เขาเขียนขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อแต่เพียงอย่างเดียว
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    ให้คุณภิญญาดูว่าถูกสังขารหลอก : ) เข้าให้แล้ว
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494

    คุณอภิญญารู้มาจากไหนครับน่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...