เรื่องเด่น ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สติจงมา, 12 พฤษภาคม 2017.

  1. สติจงมา

    สติจงมา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2017
    โพสต์:
    47
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +191
    41460891a.jpg

    อนุรุทธสูตร​


    [๕๗๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่ อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไป แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวว่า ขอโอกาสเถิดท่านสารีบุตร ผมตรวจดูตลอดพันโลกด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ก็ผมปรารภ ความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่น เป็นเอกัคคตา เออก็ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น

    ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านอนุรุทธะ การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เราตรวจ ดูตลอดพันโลก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ดังนี้ เป็นเพราะ มานะ ของท่าน

    การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า ก็เราปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติมั่นไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา ดังนี้ เป็นเพราะอุทธัจจะของท่าน

    ถึงการที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เออก็ไฉนเล่า จิตของเรายังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ดังนี้ ก็เป็นเพราะกุกกุจจะของท่าน

    เป็นความดีหนอ ท่านพระอนุรุทธะจงละธรรม ๓ อย่างนี้ ไม่ใส่ใจธรรม ๓ อย่างนี้ แล้วน้อมจิตไปในอมตธาตุ

    ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะต่อมาได้ละ ธรรม ๓ อย่างนี้ ไม่ใส่ใจถึงธรรม ๓ อย่างนี้ น้อมจิตไปในอมตธาตุ ครั้งนั้น แล ท่านพระอนุรุทธะ หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท มีตนอัน ส่งไปอยู่ ไม่นานนัก ได้ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลายออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องกันนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แหละ ท่านพระอนุรุทธะ ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=7420&Z=7441


    [​IMG]
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สติจงไปๆๆๆๆๆๆๆ....ไปไกลๆๆๆๆๆเลย.. อิอิ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ไฉนเล่า...จิตของ สติจงมา...จึงยังไม่พ้น อาสวะ...
    อ๋อ สงสัย เครียด อาฆาต พยาบาท มั้ง...คิดมาก เลย กำหนัด ขุ่นเคือง ขัดเคือง และ ลุ่มหลง มัวเมา ลืมตัว...อิอิ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ในยุคที่ ครูบาอาจารย์ ที่เป็น "พระสาวก ที่มี อัฐิเป็นพระธาตุ" ถูกโจมตีอย่างหนักนี้ สิ่งที่ คุณ สติจงมา ยกมาโพสท์นั้น ทำได้ "ถูกต้อง" แล้ว

    +++ "อนุรุทธสูตร" ที่คุณ สติจงมา ยกมานั้น "เป็นเรื่องดี" ที่ชี้ระบุให้เห็นว่า "พระอนุรุทธ ฝ่าฟันพ้น สังโยชน์" ในส่วนของ "มานะ อุทธัจจะ+กุกกุจจะ" ได้อย่างไร ด้วยการชี้แนะนำจาก "พระสารีบุตร" ซึ่งเป็น "ถ้อยคำของสาวก" ที่สำนักคลอง 10 โจมตีและ "ไม่ยอมรับ หากไม่ใช่ พุทธวจน" แต่ตรงนี้เป็น "สารีบุตรวจน" ที่ทำให้ พระอนุรุทธ บันลุธรรมขั้นสูงสุดได้

    +++ การที่ "พระอนุรุทธ"

    1. ตรวจดูตลอดพันโลกด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์
    2. ปรารภ ความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่น เป็นเอกัคคตา
    3. ก็ไฉนเล่า จิตจึงยังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น

    +++ "พระสารีบุตร" ท่านระบุชี้เอาไว้ "ชัดเจน" ว่า

    1. การที่พระอนุรุทธะ ตรวจ ดูตลอดพันโลก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ดังนี้ เป็นเพราะ "มานะ"
    2. การทำความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติมั่นไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา ดังนี้ เป็นเพราะ "อุทธัจจะ"
    3. การที่คิดอย่างนี้ว่า ก็ไฉนเล่า จิตของเรายังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ดังนี้ ก็เป็นเพราะ "กุกกุจจะ"

    +++ อาการแบบ "พระอนุรุทธ" ตรงนี้ มีปรากฏอยู่ใน "สายพระป่าหลวงปู่มั่น" อยู่ด้วยเช่นกัน แต่จะรู้กัน "ภายในวงในของพระ" เท่านั้น เช่น

    1. สภาวะธรรมต่าง ๆ ผมก็ "รู้จัก" หมดแล้ว
    2. ความเพียรก็เร่ง จนผมไม่รู้ว่าจะ "เร่ง" ไปถึงไหนอีก
    3. แต่ทำไมผมจึงยังไม่ "จบ" สักที

    +++ พระและนักปฏิบัติ ในยุค "ปัจจุบัณขณะ" ที่เข้าถึงใน บริเวณนี้ ยังมีปรากฏให้ทราบอยู่เสมอ ๆ ไม่ใช่ว่าจะ "ไม่มี" เอาเสียเลย
    +++ กรณีแบบนี้ "ผู้ที่ไม่ใส่ใจ หรือ ผู้ที่ไม่ใช่ นักปฏิบัติธรรม" จะไม่มีวันรู้เรื่องพวกนี้
    +++ ในยุคปัจจุบัณ กรณีแบบนี้ ครูบาอาจารย์ ท่านมักจะชี้ไปที่ "อัตตา" เป็นหลัก เหตุเพราะ

    1. อัตตา คือตัวที่ "ส่งออกไปรู้จัก" สภาวะธรรมทั้งหมด (ตัว "ผู้รู้")
    2. อัตตา คือตัวที่ "เร่งความเพียร" ด้วยตน (ตัว "ผู้รู้")
    3. อัตตา คือตัวที่ "รู้ตนเอง ว่า ยังไม่จบ" (ตัว "ผู้รู้")

    +++ และท้ายที่สุด คือ "อัตตานั่นเอง ที่เป็นตัวขวาง สภาวะธรรมขั้นสุดท้าย" และมันเอง คือ "อวิชชา"

    +++ "อนุรุทธสูตร โดย พระสารีบุตร" เป็น "สาวก วจน ไม่ใช่ พุทธวจน"

    +++ แต่พระพุทธเจ้า ยอมรับ "สาวก วจน ของพระสาลีบุตร" ว่า "สามารถบอกทางให้ พระอนุรุทธ สำเร็จมรรคผลได้"

    +++ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่ "ทำ โอปนยิโก เป็น" จะพึงเดินทางต่อจน "จบ" ได้ นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...