ได้พบแม่ชี "พิมพา" สอนเปิดตาทิพย์ เห็นนรก สวรรค์

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 4 พฤษภาคม 2009.

  1. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    มีเรื่องปาฎิหารย์ ของผู้มีญาณมาเล่าให้ฟังอีกแล้วครับ
    เป็นเรื่องจริงทีเกิดขึ้นกับผม และเป็นเรื่องสุดอัศจรรย์มาก

    เรื่องมีอยู่ว่า

    เมื่อวานนี้เอง ผมได้ไปสนามหลวง เพราะมีจัดงานที่นั่น
    กะว่าจะไปดูดวงกับหมอดูคนนึงที่นัดเอาไว้

    เมื่อผมไปถึงก็กำลังเดินหาซุ้มหมอดู ก็ได้ไปเห็น ซุ้มหนึ่งชื่อ
    "ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน"

    และผมได้เห็นแม่ชี "พิมพา ทองเกลา"

    อายุ 70 กว่าๆ

    ตามประวัติแม่ชีพิมพา ได้สำเร็จการศึกษาพระอภิธรรมจนแตกฉาน
    และเป็นอาจารย์สอนพระอภิธรรม
    ต่อมาได้เจริญธรรมขั้นสูงจนได้อภิญญาจิต

    ผมเคยได้ยินชื่อ แม่ชีพิมพา ท่านมีชื่อเสียงในเรื่องฤทธิ์อภิญญา
    แต่วันนี้ได้มีโอกาสมาพบท่านตัวจริงเสียงจริงเลย ก็รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ
    และยิ่งน่าสนใจไปกว่านั้น คือ ที่ซุ้มนั้นได้เขียนป้ายเชิญชวน
    ให้ผู้คนที่สนใจฝึกตาทิพย์เห็น นรก สวรรค์ ได้

    เอาแล้วไงครับ มีเรื่องมาเร้าใจผมให้อยากเข้าไปลองจนได้
    เมื่อชั่งใจอยู่ว่าจะไปหาหมอดูหรือจะลองมาฝึกตาทิพย์ดู
    คำตอบจากใจผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปลองฝึกดู

    และขณะนั้นแม่ชีพิมพา ใส่ชุดขาวแบบแม่ชีกำลังนั่งคุมกรรมฐาน
    ให้กับผู้คนที่ได้เข้าไปนั่งสมาธิเพื่อขอเปิดตาทิพย์

    ผมจึงได้เข้าไปหาแม่ชี และถามให้แน่ใจว่าที่นี่ฝึกเปิดทิพย์กันหรือครับ

    แม่ชีก็ตอบว่าใช่ แล้วผมก็บอกว่าขอลองฝึกด้วย

    แม่ชีก็อนุญาติแล้วบอกให้ผมไปกราบพระพุทธรูปก่อน ผมก็ได้ไปกราบ
    แล้วจะหาที่ว่างเพื่อนั่งสมาธิ
    แต่ในซุ้มนั้นซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้ผู้คนมานั่งสมาธิเข้ากรรมฐานได้
    เนืองแน่นไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่ว่าง แต่ละคนก็กำลังนั่งสมาธิกันอย่างจริงจัง

    แม่ชีจึงเอาเก้าอี้สีขาวออกมาให้ผมไปนั่งฝึกข้างนอกซุ้ม
    ซึ่งอยู่ด้านหน้าของซุ้มเลย ตรงบริเวณทางเดินที่คนสัญจรไปมา

    และแม่ชีแนะนำการเข้าสมาธิในแบบของแม่ชี คือการเพ่งกสิน
    แต่ไม่ใช่เพ่งไปยังวัตถุแผ่นกลมๆ เป็นสีๆ เหมือนกสินทั่วไป
    แต่ให้เพ่งไปที่ตาที่สาม แล้วให้มองตรงไปข้างหน้า
    ซึ่งวิธีนี้แม่ชีบอกว่าเป็นการฝึกสมาธิที่ได้ผลเร็วที่สุด

    แล้วแม่ชีก็ให้ผมหลับตาแล้วปฎิบัติไป ซึ่งผมก็ทำตาม
    แต่ด้วยผมยังมีคำถามอยากถามแม่ชี จึงได้ลืมตาแล้วถามแม่ชี
    ซึ่งได้นั่งอยู่ข้างผมในทำนองขอให้แม่ชีตรวจดูกรรมให้ผมหน่อย
    แม่ชีฟังดังนั้นก็หันมาดุผม บอกว่าให้ผมนั่งสมาธิ
    จัดระเบียบจิตให้จิตนิ่งแล้วจะได้ดูให้ ผมก็นั่งสมาธิต่อไป

    พอไปสักพักผมก็ลืมตาหันมาถามแม่ชีอีก
    คราวนี้แม่ชีดุผมด้วยเสียงดังอีกว่า

    " จะลืมตาทำไม บอกให้นั่งฝึกไปก่อน พอจิตมันนิ่ง ตาทิพย์เปิด
    แล้วก็จะเห็นเอง"

    คราวนี้ผมจ๋อยเลย คือความตั้งใจของผมแต่แรกอยากให้แม่ชีดูกรรมให้
    แต่ความตั้งใจของแม่ชีคืออยากให้ผมได้ดูกรรมด้วยตัวเอง
    จากการฝึกกรรมฐานแนวนี้
    แต่ใจหนึ่งผมยังไม่มั่นใจตัวเองว่าจะเปิดตาทิพย์ได้
    เพราะไม่เคยฝึแนวนี้มาก่อน

    หลักการฝึกกรรมฐานเพื่อเปิดตาทิพย์ของแม่ชีพิมพา
    คือให้ผู้ปฎิบัตินั่งสมาธิ
    เพ่งไปตาที่สามให้ครบ 3 รอบ รอบละ 30 นาที แล้วหยุดพัก 10 นาที
    แล้วนั่งเพ่งใหม่อีก 30 นาที เมื่อครบแล้วตาที่ จะเริ่มเปิด
    แล้วหากใครมีบุญเก่ามา หรือเคยฝึกทางนี้มาจะเห็น นรก สรรค์ได้เลย
    หากบุญยังไม่ถึงต้องฝึกเพิ่มไปอีกหน่อย

    ตอนแรกผมคิดในใจว่าต้องนั่งถึง 1 ชั่วโมงครึ่งเลยหรือ กว่าจะครบ 3 รอบ
    แต่ไหนๆก็ไหนๆ ลองดูสักตั้งนึง

    ขณะที่ผมนั่งสมาธิไปนั้น แม่ชีก็ได้บอกธรรมต่างๆไปด้วยกับผู้คนในที่นั้น
    ว่านรก สวรรค์นั้นมีจริง สามารถมาลองฝึกพิสูจน์ดูได้
    ทำให้ผู้คนที่เดินไปมานั้น
    เกิดความสนใจและได้มานั่งฝึกกัน โดยมีคนมานั่งเป็นวงล้อมข้างๆ
    ผมและมีเด็กชายอายุ ประมาณ 9 ขวบมากับ น้าของเขาก็ลองมาฝึกด้วย

    เมื่อครบรอบแรก ครึ่งชั่วโมงผ่านไป แม่ชีก็บอกให้ผมพัก 10 นาที
    ขณะพักผมก็ได้ถามแม่ชีต่างๆนานา ได้ความว่า

    การเปิดตาทิพย์ได้สามารถจะเห็น นรกสวรรค์ได้ สามารถเห็น
    และสามารถไปนรก ขุมต่างๆได้ สามารถไปสัมภาษณ์กับ
    สัตว์นรก หรือเปรตว่าได้ทำกรรมอะไรมาจึงได้มารับโทษอย่างนี้
    แล้วจะได้เห็นญาติพี่น้องที่ตายไป ได้ไปเกิดเป็นอะไรด้วย

    ซึ่งผู้ปฎิบัติตามแนวทางของแม่ชีนี้ สามารถจะเปิดตาทิพย์ได้ทุกคน
    เพียงแต่การฝึกนั้นขึ้นอยู่กับกำลังบารมีที่สั่งสมมาด้วย
    และเมือ่เปิดตาทิพย์ได้แล้ว หากไปท่องนรก และสวรรค์ได้ครบ
    อย่างละ 5 รอบ
    ตาทิพย์นั้นจะอยู่กับเราถาวรเลยตลอดชีวิต สามารถเห็น
    ภพภูมิต่างๆได้เมื่อลืมตา สามารถเห็นเทวดาตาที่ต่างๆได้
    และเห็นวิญญาณตามท้องถนนได้

    แม่ชีบอกว่าเมื่อวันก่อนได้ไปสอนเปิดตาทิพย์ให้กับนักโทษเรือน
    จำบางขวางปรากฎว่า นักโทษร้อยกว่าคนสามารถเปิดตาทิพย์ได้
    และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็สามารถเปิดได้ด้วย

    ผมเข้าใจว่าแม่ชีอยากจะโปรดเหล่านักโทษที่ทำผิด และต้องรับกรรมในนรกหลัง
    จากตายไปแล้ว แต่อยากให้โอกาสพวกเขาได้
    สำนึกผิดบาปได้ทันเผื่อจะหลีกนรกได้ประมาณนั้น

    และนอกจากนี้ยังมีพวกชาวต่างชาติที่อยากรู้อยากลองตามความ
    เชื่อแบบวิทยาศาสตร์ก็มาลองฝึกกัน ก็เปิดตาทิพย์กันได้เยอะแยะ

    และเมื่อฝึกกสินสมาธิได้แล้ว สามารถจะเผาบัญชีกรรมบางส่วน
    ที่จดไว้ในบัญชีในนรกได้
    เพราะอำนาจกรรมฐานซึ่งเป็น มหัคคตกุศล
    ในหลักอธิธรรมนั้น ได้จำแนก กูศล เป็นระดับขั้น
    คือระดับเบื้องต้น เรียกว่า มหากุศล คือ การให้ทาน รักษาศีล
    ส่วนระดับสูงขึ้นไป เรียกว่า มห้คคตกุศลซึ่งได้จากการเจริญ
    สมถกรรมฐานทั้ง 40 วิธี
    และสูงที่สุดคือวิปัสสนาญาณ

    ซึ่งการเปิดตาทิพย์นี้ แม่ชีบอกว่ายังเป็นโลกียะณาณ
    ยังไม่ใช่การหลุดพ้น
    เพียงแต่เป็นการศึกษาชีวิตให้รู้จักภพภูมิต่างๆ
    และกฎแห่งกรรมเพื่อจะได้ละช้วกลัวบาปจากการเห็นนรก สวรรค์มีจริง
    และเจริญธรรมสูงๆขึ้นไปได้

    นอกจากนี้แล้วหากใครได้ตาทิพย์ สามารถไปสวรรค์เพื่อเรียนศิลปะต่างๆ
    ทั้งที่ไม่เคยเรียนมาก่อนในโลก แต่สามารถนำศิลปะเหล่านั้นมา
    ใช้สร้างสรรค์ผลงานในโลกได้ เช่น เป็นนักเขียน นักร้อง นักประดิษฐ์

    แล้วในตัวเราแต่ละคนจะมีรหัสบันทึกเอาไว้ตรงหน้าผากบ้าง
    ตรงหัวไหล่ หรือแผ่นหลังซึ่งคล้ายรหัส
    บาร์โค๊ด ซึ่งจะตรงกับข้อมูลในบัญชีกรรมในนรก
    เช่น คนนี้เคยทำกรรมอะไรมาบ้าง

    และแม่ชียังบอกว่า คนเราทำดี ทำชั่ว จะถูกจดบันทึกไว้หมด
    เราทุกคนมีเทวดาประจำตัว ไว้คอยจดบันทึกกรรมของเรา
    ซึ่งจะบันทึกเหมือนภาพถ่ายไว้เลย ซึ่งเป็นหลักฐานตอนที่ตายไป
    จะถูกนำไปสอบสวน และหลักฐานนี้เป็นตัวมัดไม่ให้เราโด้แย้งได้

    ผมฟังแล้วก็ยิ่งสนใจเพราะอยากเห็นนรก สวรรค์ด้วยตัวเองมานานแล้ว
    แล้วถามแม่ชีหลายๆอย่างเกี่ยวกับ
    นรก สวรรค์ แม่ชีบอกว่า ถ้าอยากรู้พอเปิดตาทิพย์ได้
    ก็ให้ไปถามยมบาลเอาเอง

    แม่ชีบอกว่ามีคนอยากรู้อยากเห็น พอเปิดตาทิพย์ได้ก็ไป
    สัมภาษณ์ท่านยมบาลแล้วกลับมาเขียนเรื่องนรกเป็นอย่างไร

    จุดประสงค์ที่ให้คนมาฝึกเปิดตาทิพย์เพื่อให้ได้พิสูจน์
    คำสอนของพระพุทธองค์ที่สอนเรื่องนรก สวรรค์มีจริง กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง
    และให้เข้าถึงคำสอนด้วย ปัจจัตตัง คือการรู้เห็นได้ด้วยตนเองจากการปฎิบัติ
    เหมือนรสชาติอาหารเราต้องกินเองจึงจะรู้ ไม่ใช่ฟังเขาเล่ามาว่ารสชาติเป็นอย่างไร

    หลังจากนั้นเมื่อครบ 10 นาทีแม่ชีก็ให้ผมนั่งฝึกต่อ
    คราวนี้ผมมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย เมื่อครบ 3 รอบแล้ว
    คราวนี้แม่ชีได้มาสอบกรรมฐาน คือมาตรวจดูว่าเห็นนิมิตอะไรบ้าง
    ซึ่งแม่ชีได้ไล่สอบเป็นรายคนไป

    ส่วนผมนั้นได้เห็นเป็นแสงสลัวๆ แล้วบอกแม่ชีไป แม่ชีแนะว่าให้เพ่งต่อไป
    เพราะคนที่เห็นแสงสลัวนั้น คือเป็น อากาศกสิน

    ส่วนคนอื่นที่ฝึก ได้บอกแม่ชีว่าเห็นเป็นภาพมืดๆ แม่ชีบอกว่า เห็นยังงั้น
    ยังมีวิบากกรรมกั้นไว้ ยังเปิดตาทิพย์ไม่ได้
    ส่วนคนที่เห็นเป็นสีเหลือง ก็เป็นกสินดิน ก็ให้เพ่งต่อไป
    บางคนก็เห็นเป็นสีฟ้า

    เมื่อผมเพ่งไปเรื่อยๆ จากแสงสลัวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหมอกควัน
    แม่ชีได้วนกลับมาถามว่า เห็นอะไร ผมบอกว่าเห็นป็นหมอกควัน

    แม่ชีบอกถ้าเห็นหมอกควัน ให้ก้มหน้าลงพื้น เพราะจะได้เห็น นรกแล้ว
    หมอกควันนั้นเป็น ควันจากนรก
    แล้วผมก็ก้มหน้าลงพื้น ยังหลับตาเพ่ง
    แม่ชีบอกว่า หากเห็นเป็นรูดำๆ หรือหลุมดำๆ หรือเป็นเกลียวกลมๆ
    นั้นแหละเป็นประตูทางเข้านรกแล้ว

    ตอนนั้นผู้คนที่ยืนมุงดูที่ผมมากขึ้น เมื่อผมเพ่งไปอีกก็เห็นเป็น
    หมอกอยุ่อย่างงั้น
    ไม่เห็นหลุมดำๆสักที แม่ชีก็บอกให้ผมพักก่อน มาถูกทางแล้ว
    แล้วค่อยฝึกต่อไป เพราะต้องค่อยเป็นค่อยไป

    เมื่อผมลืมตาพักสักครู่ ก็มีเสียงอื้ออึงจากผู้คนไทยมุงดังขึ้น
    เพราะว่าเด็กชาย 9 ขวบที่มาร่วมฝึกด้วยนั้น สามารถเห็นนรกได้แล้ว

    ลูกศิษย์ของแม่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสอบกรรมฐานกับเด็กคนนั้น
    ปรากฎว่าเด็กชายบอกว่า เห็นเปรต เห็นสัตว์นก และเห็นท่านยมบาล
    พี่ผู้ชายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ได้ให้เด็กลืมตา แล้วชี้ไปที่ท้องฟ้าแล้วถามเด็กชายนั้นว่าเห็น
    วิมาน เห็นสวรรค์ไหม เห็นเทวดาบนท้องฟ้าไหม

    เด็กชายแหงนหน้ามองฟ้าไปตามมือที่ชี้ให้ดู

    แล้วเด็กพยักหน้าบอกว่าเห็น !!!

    ตอนนั้นเหล่าไทยมุงแถวสนามหลวงนั้น ต่างก็อื้ออึงกันใหญ่เลย
    รวมทั้งผมด้วย แล้วพี่ผู้ชายชี้ไปที่ตัวพี่เขาเองแล้วถามเด็กว่า
    เห็นงูที่คอไหม คือพี่คนนั้นเขาแต่งตัวปรกติ เสื้อโปโล แต่ไม่มีงูที่คอหาก
    มองด้วยตาเนื้อ
    แต่ที่พูดนั้นคงหมายถึง งูที่เป็นกายทิพย์
    ผมคิดว่าพี่คนนั้นคงมีร่างพระศิวะ

    แล้วเด็กคนนั้นก็พยักหน้าบอกว่าเห็นอีก

    แสดงว่าเด็กคนนั้นสามารถเปิดตาทิพย์ในเบื้องต้นได้แล้ว

    คราวนี้พี่ผู้ชายให้เด็กคนนั้นไปหาแม่ชีพิมพาที่กำลัง
    นั่งสนทนากับผู้คนอยู่

    แล้วแม่ชีก็ให้เด็กคนนั้นนั่งบนเก้าอี้ แล้วหันหน้าสนทนากัน
    และผมก็นั่งเกาะสถานการณ์ติดกับแม่ชีเลยเพื่อจะได้ฟังเรื่องราว
    อย่างชัดเจน

    แม่ชีก็ให้เด็กนั้นหลับตาก้มหน้ามองพื้น แล้วถามว่าเห็นหลุมดำๆไหม
    เด็กบอกว่าเห็น

    แล้วแม่ชีให้เด็กเพ่งขยายหลุมให้ใหญ่ขึ้น แล้วถามว่าเห็นพื้นดินไหม
    เด็กตอบว่าเห็น

    แม่ชีบอกว่านั่นแหละเป็นพื้นนรกแล้ว คราวนี้แม่ชีบอกเด็ก
    ให้อธิษฐานจิตให้ตัวเองปรากฎในนรกนั่น
    แล้วถามเด็กว่า เห็นตัวเองแล้วยังในนั้น
    เด็กตอบว่าเห็นแล้ว

    คือแม่ชีท่านจะเห็นด้วยตาทิพย์พร้อมกับเด็กนั้นด้วย
    เหมือนแม่ชีและเด็กนั้นอยู่ในที่นั้นด้วยกันเลย

    แล้วแม่ชีบอกว่า มีญาติของเด็กนั้นกำลังชดใช้กรรม
    โดนทรมานในนรกอยู่หลายคน
    ในนรก แม่ชีบอกว่า จะมีการทรมานถึง 40 แบบด้วยกันตาม
    กรรมของแต่ละคน

    นรกบางขุมมีหนอนมาไชลูกตา
    หรือมีผู้คุมเอาหอกมากระซวกไส้ให้ไหลออกมา
    น่ากลัวมาก

    แม่ชีหันกลับไปถามน้าสาวของเด็กชายคนนั้นซึงนั่งอยู่ข้างๆว่า
    เมื่อปีก่อนมีญาติของหนูเสียชีวิตไหม

    น้าสาวเด็กคนนั้นตอบว่ามี

    แม่ชีถามว่าเป็นลุงเขยของเด็กชายคนนี้ใช่ไหม

    น้าสาวทำหน้าตกใจแล้วตอบว่าใช่

    แม่ชีก็บอกกับเด็กนั้นว่า

    "ลุงเขยของหนูกำลังถูกทรมานอยู่ โดนจับมัดแล้วเขาเอามีด
    เสียบปากแล้วเลือดทะลักออกมาจากปาก หนูเห็นไหม"

    เด็กก็ตอบว่าเห็นครับ

    แล้วแม่ชีก็ก้มลงพื้นแล้วตะโกนบอกไปยังพื้นข้างล่างว่า

    "หยุดทรมานผู้ชายคนนั้นก่อน แล้วเอาตัวมาเขาสัมภาษณ์ตรงนี้"

    ผมเข้าใจว่าแม่ชีกำลังพูดไปยังผู้คุมในนรก
    เหล่าไทยมุงอึ้งกันใหญ่เลย รวมทั้งผมด้วย

    แม่ชีให้เด็กถามลุงเขยของแกว่า ทำกรรมอะไรจึงมารับโทษอย่างนี้
    แล้วเด็กก็ตอบกลับมาว่า ลุงบอกว่าเขากินเหล้า

    แม่ชีบอกว่าลุงยังตอบไม่หมดให้ถามเขาใหม่ ไม่ใช่กินเหล้าอย่างเดียว
    แต่กินเหล้าแล้วเมาอาละวาดไปทำร้ายคนอื่น และครอบครวตัวเอง ใช่ไหม

    เด็กนิ่งไป เหมือนได้ไปถามลุงเขยของเขา
    แล้วเด็กก็ตอบว่า ใช่

    แม่ชีก็บอกกับเหล่าไปไทยมุงตรงนั้นว่า การกินเหล้าเมาแล้ว
    ไปทำร้ายคนอื่นต้องรับโทษอย่างนี้ หากกินเหล้าแล้วหลับไปก็ไม่เป็นไร

    แล้วแม่ชีก็ก้มลงพื้นแล้วตะโกนไปถามยมบาลว่า
    จะช่วยลุงของเด็กคนนี้ได้ไหม แล้วแม่ชีก็ตอบกลับมาเหมือน
    ได้รับคำตอบจากท่านยมบาลว่า ช่วยไม่ได้ เพราะลุงคนนี้ไม่ใช่ญาติโดย
    สายเลือดกับเด็ก เป็นแค่ลุงเขย คือเป็นสามีของป้าของเด็กคนนี้
    แต่หากว่าเป็นญาติกับเอง ก็จะช่วยได้

    แม่ชีบอกว่าคนที่ได้ตาทิพย์เมื่อเห็นญาติฝ่ายพ่อหรือฝ่ายแม่ของ
    เราต้องตกนรก สามารถจะช่วยเหลือเขาได้ แม่ชีบอกว่าหากมีใครมีญาติ
    ที่เสียชีวิตไปและตกนรกทรมาน แล้วอยากช่วยเหลือให้ไปหาแม่ชีได้

    แล้วแม่ชีก็บ่นว่าไม่รู้จะช่วยยังไง แล้วให้เด็กให้ มาม่า ลุงเขยไปแทน
    โดยให้เด็กเพ่งจิตนึกถึง มาม่า หมูสับ 1 ลัง
    เด็กก็ตอบว่าได้ให้ไปตามแม่ชีบอก

    แล้วแม่ชีก็ก้มมองพื้นแล้ว ตะโกนไปว่า

    "ฉันช่วยเธอไม่ได้นะ เพราะเธอไม่ใช่ญาติโดยตรงของเจ้าหนูคนนี้
    เอามาม่า หมูสับ 1 ลัง ไปกินแทนละกัน หากมีเวลา
    พักจากการโดนทรมานก็เอาไปกิน"

    ในใจผมรู้สึกขำนิดๆ อะไรกัน ให้มาม่า หมูสับในนรกได้ด้วย
    แถมให้เป็นลังด้วย แล้วจะกินยังไง

    จากนั้นแม่ชีก็บอกเด็กว่า เห็นเพื่อนสมัยเรียนของหนูไหม
    เขามาหาหนูแล้ว เขาตกนรก เพราะเป็นเด็กเกเร เด็กคนนั้นก็บอกว่า
    เพื่อนคนนี้ตอนเรียนเป็นเด็กเกเรมากเลย

    จากนั่แมชีก็ให้ไปภพภูมิของเปรต แล้วแม่ชีก็ก้มลงพื้น ตะโกนบอกให้
    เรียกพวกเปรต 4 ตัวมาสัมภาษณ์

    แม่ชีถามเด็กว่า เห็นเปรตมีกี่ขา เด็กตอบว่ามีหลายขา
    บางตัว มี 3 ขา บางตัวก็มี 4 ขา
    แม่ชีเรียกเปรตที่มี 3 ขา เข้ามาแล้วบอกเด็กให้ถามเปรตว่า
    ทำกรรมอะไรมาจึง มี 3 ขา เด็กก็ตอบไม่ถูกเพราะยังไม่รู้
    อะไรทางโลกมากนัก
    แม่ชีก็ตอบให้ฟังว่า เปรต 3 ขา ตัวนี้
    ชาติก่อนเป็นผู้ชายแล้วไปเที่ยวโสเภณี
    แล้วก็ชอบร่วมเพศแบบพิศดาร ผลกรรมจึงมาเกิดเป็นเปรต 3 ขา

    แม่ชีบอกให้เด็กเพ่งจิตเดินไปทางขวา แล้วถามว่า
    เห็นยักษ์ตัวใหญ่ๆ มีเขี้ยวไหม
    เด็กตอบว่า เห็น
    แม่ชีบอกว่า นั่นแหละคือ

    "ท้าวเวสสุวรรณ"

    ซึ่งแม่ชีเล่าว่า
    ท่านท้าวเวสสุสรรณ เป็นลูกของพระแม่อุมากับยักษ์อสูร

    พวกยักษ์ ชอบไปจับเอานางฟ้าบนสวรรค์เป็นภรรยา

    แล้วแม่ชีบอกให้เด็กขอพรให้ท้าวเวสสุวรรณคุ้มครองเขาด้วย

    จากนั้นแม่ชีบอกให้เด็กคนนั้นไปดูสวรรค์บ้าง
    โดยบอกให้เด็กกระโดดสปริงตัวลอยขึ้นไปในอากาศ
    แม่ชีถามว่า เห็นอะไรมั่ง
    เด็กตอบว่าเห็นก้อนเมฆ แม่ชีให้เด็กอธิษฐานจิตขอเห็นวิมานในสวรรค์
    และเหล่าเทวดา นางฟั นางอัปสร
    แล้วถามเด็กว่า เห็นไหม
    เด็กตอบว่าเห็นแล้ว เห็นเทวดาผู้ชายกำลังดีดพิณ

    แม่ชีถามว่า เห็นเทวดาผู้ชาย หรือผู้หญิงมากกว่ากัน
    เด็กตอบว่าเห็นผู้หญิงมากกว่า

    แม่ชีก็บอกกับคนในที่นั้นว่า บนสวรรค์เทวดาผู้ชายมีน้อย
    เพราะส่วนใหญ่ผู้ชายมักตกนรกกันเยอะเพราะผิดศีลมาก
    เช่น ฆ่าสัตว์ ผิดลูกเมียเขา กินเหล้า ส่วนผู้หญิงมักทำบุญ
    ฟังธรรมกันเยอกว่า ะเลยได้ไปกิดนบนสวรรค์กันมาก

    แต่ในทางโลก ผู้หญิงก็มีชีวิตลำบาก มีภัยรอบตัวเยอะ
    แม่ชีแนะนำว่าผู้หญิงคนไหนอยากเกิดเป็นผู้ชายในชาติหน้า
    ให้เป็นเจ้าภาพบวชพระอย่างน้อย 5 รูป แล้วจะได้เกิดเป็นผู้ชาย

    แล้วแม่ชีก็บอกว่าได้เห็นเทวดาองค์หนึ่ง กำลังร้องเพลง
    ซึ่งอดีตชาติของเขาคือ นักร้องชื่อดัง สุรพล สมบัติเจริญ
    แล้วแม่ชีก็บอกเทวดาคนนั้น โดยแม่ชีพูดเป็นภาษาแปลกๆ
    เข้าใจว่าเป็นภาษาเทวดา แล้วแม่ก็แปลให้คนในที่นั้น
    ฟังว่า กำลังให้สรุพลร้องเพลง 16 ปีแห่งความหลังให้เด็กชายคนนั้นฟัง

    จากนั้นแม่ชีให้เด็กชายลืมตาออกจากกรรมฐานเพื่อมาพัก
    แล้วเด็กชายคนนั้นกับน้าของเขาก็ลากลับพร้อมกับกราบขอบ
    คุณแม่ชีที่ช่วย
    ชี้แนะกรรมฐานให้ แล้วจะพาเด็กกลับใมฝึกให้ครบ 5 รอบ
    เพราะตอนนี้ฝึกไป 2 รอบ

    อย่างที่เคยบอกครับหากเปิดตาที่ 3 ไปนรก สวรรค์ครบ
    5 รอบจะได้ตาที่ 3 ถาวร
    ตอนนั้นคนที่มามุงดูเยอะไปหมด ทั้งตำรวจในที่นั้นก็มาดูด้วย

    จากนั้นแม่ชีก็บอกว่า พระพรหมซึ่งอยู่บนพรหมชั้น ที่ 5 จะมา
    บอกพระพุทธวัจนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ทรงตรัสโอวาท
    ในครั้งที่ยังพระชนม์อยู่ ให้กับผู้คนในที่นั้นได้ฟัง

    ทำเอาคนในที่นั้นอึ้งกันอีกแล้ว

    และแม่ชีจะพูดตามคำของพระพรหมนั้น โดยให้ลูกศิษย์ของแม่ชี
    ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่ได้เปิดตาที่ 3 ถววรได้แล้ว บางคนสามารถฟังภาษาเทพ
    ภาษาพรหมได้

    และลูกศิษย์ของแม่ชีก็ล้วนแต่มีหน้ามีตาในสังคม
    บางคนเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ๋
    ซึ่งมาทำหน้าที่ช่วยเหลือคุมกรรมฐานให้ผู้ที่มาฝึก

    แม่ชีจึงเรียกลูกษิญืที่ฟังภาษาพรหมได้ 2 คนให้มาช่วยแปลให้คน
    ในนั้นฟัง
    แล้วแม่ชีก็พูดเป็นภาษาเทพออกมา ซึ่งฟังแปลกแต่ก็ไพเราะมาก
    และแม่ชีได้ พูดออกมา 3 ท่อน เมื่อพูดจบแต่ละท่อน
    ก็ให้ลุกศิษย์แปลเป็นไทย

    แต่ผมจำเนื้อหาไมได้ทั้งหมด แต่พอสรุปใจความได้ว่า

    ท่อนที่หนึ่ง แปลได้ว่า

    พระพุทธองค์ได้เดินป่า ข้ามน้ำ ด้วยความยากลำบาก
    เพื่อตามหาสัจธรรมในแห่งชีวิตเพื่อการหลุดพ้น จากการเวียนว่ายตายเกิด
    ที่ไม่มีมันจบสิ้น ธรรมนั้นคือ อริยสัจจ์สี่
    แม้พระพุทธเจ้าองค์ก่อนหน้านี้ หรือ พระพุทธเจ้าองค์ถัดๆไปก็ค้นพบ
    ธรรมเช่นนี้ ขอให้คนทั้งหลายจงเดินทางสู่ธรรมสายเอกนี้เถิด

    ท่อนที่สอง แปลได้ว่า
    บุรุษก็ดี สตรีก็ดี ต่างพึงพอใจในรูปกายของตนเอง
    บุรุษมักหลงใหลในรูปกายของสตรี สตรีก็หลงในรูปกายของตนเอง
    เอาเครื่องประดับมาตกแต่งตัวให้ดูงดงามและหลงใหลไปในรูปกายนี้
    แต่รูปกายนี้ ล้วนไมเที่ยง เป็นสิ่งไม่งาม และต้องเสื่อมไปตามกาล
    ขอให้เธอทั้งหลายจงพิจารณาในรูปกายนี้ด้วยความเป็นจริงโดยเจริญ
    อสุภกรรมฐานเพื่อออกจากความหลงใหลในรูปกายนี้เถิด

    ท่อนที่สาม แปลได้ว่า
    บัดนี้เวลาของพวกเธอทั้งหลาย มีน้อยนัก ชีวิตนี้ไม่จีรังกาล
    อย่าได้เดินหลงไปในทางกิเลสอีกเลย ขอให้เพวกเธอทั้งหลาย
    หมั่นปฎิบัติธรรมเพื่อการหลุดพ้นโดยเร็วเถิด

    หลังจากนั้น แม่ชีบอกว่าได้เวลาแม่ชีจะกลับแล้ว

    ผมก็เดินตามไปส่งแม่ชี ขึ้นรถที่ลูกศิษย์มารอรับ
    แล้วผมก็แถมแม่ชีเกี่ยวกับ อดีตชาติ และกรรมต่างๆของผม
    แม่ชีก็ได้บอกให้ผมได้รู้สมใจอยากเลย

    นี่คือเรื่องราวประสบาการณ์ที่ได้พบแม่ชี พิมพาผู้มีญาณทิพย์อีกท่านหนึ่ง

    .............................

    udate ข้อมูล ครับ

    ผมได้นำแผ่น MP3 ที่บันทึกประสบการณ์ต่างๆของผู้ที่เปิดตาทิพย์กับแม่ชีพิมพา
    ได้ตาทิพย์ มาให้ฟังครับ
    มีหลายคนเลย
    แต่ผมขอเลือกของเด็กผู้หฺญิง สามารถเปิดตาทิพย์เห็นสวรรค์
    ลองฟังกันดูนะครับ

    Free File Hosting Made Simple - MediaFire
    กดลิงค์นี้เข้าไป แล้วเลือก ไฟล์ชื่อ 014.mp 3
    แล้วกด start download ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2009
  2. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผู้ที่อ่านกระทู้นี้แล้ว สนใจอยากจะไปฝึกเปิดตาทิพย์ ก็สามารถไปได้นะครับ
    ที่สนามหลวง ที่ชมรมพุทธธรรมกรรมฐาน
    ชมรมของแม่ชี จะเปิดถึงวันศุกร์นี้ เป็นวันสุดท้าย
    และจะเปิดจนถึงดึกเลยครับ ตี 2 ตี 3
    และมีเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของแม่ชีพิมพา คอยเป็นพี่เลี้ยง
    ช่วยคุมและตรวจสอบกรรมฐานให้

    หรืออยากให้แม่ชี พิมพาช่วยเปิดตาที่สามก็ได้ครับ
    หากแม่ชีไม่ติดธุระที่ไหนก็จะอยู่ที่ซุ้มนั้น

    และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆด้วย และไม่มีเรี่ยไรบุญด้วย

    หากใครไปฝึกมาแล้ว ช่วยมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยนะครับ
     
  3. namprighom

    namprighom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +373
    จะลองไปฝึกไห้ได้ครับ สงสัยหลายอย่างมานานแล้ว

    จะอัดเอาไห้เต็มที่ ได้ไม่ได้แล้วแต่วาสนาเนอะ...

    เพ่งตรงกลางหน้าผากนี่ เพ่งเป็นมานานแล้วครับ ได้มีคนชี้แนะ คงไปได้ดี
     
  4. มหา

    มหา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +973
    "ท้าวเวสสุวรรณ"

    ซึ่งแม่ชีเล่าว่า
    ท่านท้าวเวสสุสรรณ เป็นลูกของพระแม่อุมากับยักษ์อสูร
    ...................................................................= ชักไม่มั่นใจ ก็อีตรงนี้หละ ว่าจะจริง ...................
     
  5. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    ไสยศาตร์ครับ
     
  6. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->รักไร้พ่าย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2079637", true); </SCRIPT>
    อยากให้คุณไปที่สำนักของแม่ชีพิมพาหลายๆครั้ง
    และใช้สติและปัญญาพิจารณาด้วยความรอบคอบ
    ใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า
    โดยไม่มีอคติต่อใครหรือเชื่อใครโดยหมดใจ
    แล้ววันหนึ่ง..คุณจะรู้ความจริง...
    อย่าเชื่อผม...ให้ไปพิสูจน์หลายๆครั้ง
    หลักการสอนที่ถูกต้อง..ต้องไม่ขัดหลักธรรมและวินัย
    ที่สำคัญ..ไม่ขัดต่อหลักกฏแห่งกรรม
    ถ้าลบล้างกรรมได้..จะเก่งเกินพระพุทธเจ้า
    ขนาดพระโมคคัลลาน์ท่านยังต้องชดใช้กรรมเก่า...
    ชำระกรรม..ให้เบาบางได้..โดยเร่งภาวนาและทำความดี
    เปรียบกรรมดีเสมือนน้ำในตุ่มที่เป็นน้ำจืด
    กรรมชั่วเป็นน้ำเค็มเพียง 1 ช้อนชา
    ถึงจะปนน้ำเค็ม 1 ช้อนชาในตุ่มที่เป็นน้ำจืด
    รสชาติแห่งน้ำในตุ่มที่เป็นน้ำจืดก็คงยังไม่เปลี่ยน
    แต่...เราปฏิเสธไม่ได้ว่า..มีน้ำเค็ม 1 ช้อนชาผสมอยู่ในตุ่ม
    ดังน้นกรรมชั่วลบล้างไม่ได้..แต่เราทำกรรมดีเพื่อหนีกรรมชั่วได้
    ขึ้นอยู่กับกำลังกรรมดีหรือกรรมชั่วอย่างไหนจะมากกว่ากัน

    ธรรมะสวัสดี
     
  7. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
  8. murano

    murano Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +57
    งี่เง่า...
     
  9. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64
    เห็นแต่คนไทย??

    สงสัยมีแต่คนไทยล่ะมั้งที่ตกนรกกัน

    ฝรั่ง แขก จีน เขาขึ้นสวรรค์กันหมด
     
  10. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ผมมีศีล5ข้อ ท่านแม่มีศีลมากกว่าผม ผมเคารพ

    เป็นการแสดงธรรมที่หวือหวามากมาย

    ถ้าได้เห็นโดยอยากเห็น เป็นมิจฉาสมาธิ นิมิตเกิดจากจิตหลอก
    หรือสะกดจิตแล้วสร้างภาพเข้าไปในหัวซะเลย ก็อยากจะเห็นกันนักนี่นะ

    ที่ถูกต้องคือได้เห็น ทั้งที่ไม่อยากเห็น อะไรแว่บมาปัดทิ้งหมด ต้องไม่จินตนาการ
    เค้าใช้คำถามชี้นำคุณเห็นก็เห็น ไม่เห็นก็บอกไม่เห็น

    แต่ทิ้งท้ายผมว่าสรุปแล้วก็ยังเป็นกุศลนะ จริตคนธรรมดาชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
    ไม่ทุกข์ก็ไม่เข้าหาธรรม เข้าทำนองไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา..
     
  11. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    งง
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    คือ สอนธรรมะธรรมดา คนก็ไม่ตื่นเต้น สนใจ เวียนเทียนจบก็จบกัน
    เอางี้ดีกว่า เอาให้กลัวบาปจะได้มุ่งทำแต่ความดี ความเพียร อยู่ในศีล
     
  13. คนรู้จริง

    คนรู้จริง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +43
    เราเข้าไปอ่านมาแล้ว ขอออกความเห็นนิดนึงนะ

    เรื่องตาทิพย์นั้น เวลาจิตเข้าสู่ อุปจาระสมาธิ (เกือบถึง ฌาณ) เวลานั้นจิตมันเข้าภวังค์คือ คล้ายๆกึ่งหลับกึ่งตื่น ถ้าใจน้อมไปถึงเรื่องอะไร จิตมันจะสร้างภาพนั้นขึ้นมาได้เอง (คล้ายๆฝัน หรือ อุปทานขึ้นมาเอง) นักปฏิบัติมือใหม่ เป็นกันทุกคนอ่ะ บางคนเห็นเป็นแสง สี แล้วก็เข้าใจว่าตัวเองบรรลุชั้นนั้นชั้นนี้ มีเยอะไป ไม่ใช่ตาทิพย์อะไรหรอก

    แม่ชีบอกว่า ถ้าฝึกกสินตาทิพย์ จะทำให้ลบกรรมออกบางส่วน อันนี้ไม่เป็นความจริงนะ เพราะบาปก็ส่วนบาป บุญก็ส่วนบุญ มันคนละส่วนกัน เมื่อเสวยบุญใน "สวรรค์" จนหมด จิตก็จะไปปฏิสนธิิใน "อบายภูมิ" อยู่ดี บาปไม่ได้หายไปไหนเลย ไม่มีใครไปลบบาปได้ เพราะบุญ-บาป ถูก บันทึกไว้ที่ ชวนจิต อย่าคิดเอาเองเลยนะ การทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เป็นบาปมหันต์แก่ผู้นั้น

    จะทำบุญไปล้างบาปไม่มีในพระพุทธศานานะ อย่าเก่งเกินพระพุทธเจ้าเลยนะ เค้าเรียกว่า อุตริมนุษย์ธรรม และผู้ที่อวดก็ไม่พ้น นรก แน่ๆ เราว่าให้ยึดพระไตรปิฏก เป็นหลักดีกว่า

    บอกให้แม่ชีไปอ่าน พระไตรปิฏก ให้ดีซะก่อน ก่อนจะไปสอนใคร ถามตัวเองดูก่อนว่าตัวเองพ้น นรก รึยัง

    --------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2009
  14. นาย เอ

    นาย เอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +535
    ได้อ่านกระทู้ทุกท่าน แล้วพิจารณาแล้ว เข้าใจทุกท่าน ว่าท่านต้องการมุ่งสู่สิ่งเดียวกัน แต่เข้าโค้งคนละรูปแบบ ผมผู้ศึกษาเส้นทางก็เลยอาศัยเก็บเกี่ยวจากท่านๆ ขออนุโมทนากับทุกท่านที่บอกประสบการณ์การเดินทางด้วยครับ อ้อ แล้วตอนนี้ท่านๆเดินทางไปถึงไหนกันแล้วครับใกล้ถึงปลายทางหรือยังครับ และพอทราบไหมว่าอีกฝั่งหนึ่งของเส้นทาง ท่านมอง เห็นไหมครับว่าเขาไปถึงไหนแล้ว... อนุโมทนา ครับ


    ผมยังไม่รู้เลยว่าน้ำในแก้วจะเติมได้มากเท่าไร มันจะพอเราดื่มระหว่างเดินทางไหม ท่านละครับคิดยังไง 5+5+5
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2009
  15. namprighom

    namprighom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +373
    ยังไงก็ต้องลอง..555+

    อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะโดนสะกดจิตรึเปล่า

    ผมอาจจะบ้าไปเลย

    แต่ถึงอย่างนั้น ก็ถือว่าเดินตามพระธรรมคำสอนว่าให้ทดลองเอง
    ประสบการณ์ที่เกิดกับตัว จะเป็นความรู้ติดตัวไปจนวันตาย

    แต่เอ....ถึงวันศุกร์เองเหรอ .........
     
  16. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
    visutto

    สาธุครับ

    ไม่งั้นคงได้ลงนรกกันแน่เลย
     
  17. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ระวังเรื่องอุปทานนะครับ...
     
  18. Tequila

    Tequila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,733
    ทำไมมีแด่เด็กเห็นล่ะ ผู้ใหญ่คนอื่นมีใครเห็นอีกรึเปล่าคะ
     
  19. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    ใชครับกระทู้แนวนี้
    ควรจะต้องมีคนมาให้ความกระจ่างบ้าง ให้มองที่ความจริง
    ไม่งั้นคนหลงไปตาม ก็จบ

    ผมได้เห็นแล้วว่า คนส่วนใหญ๋ในนี้เข้าใจหลักศาสนาได้ถูกต้อง
    แม้กระทั้งใน ส่วนห้อง พลังจิตเอง

    ขออนุโมทนาทุกท่านครับ ช่วยกันโพส ช่วยกันตอบ ในสิ่งที่ จรรโลงศาสนาและปกป้องพุทธศาสตร์ แยกออกจาก ไสยศาตร์ หรือ ความหลงผิด
     
  20. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เมื่อกี๊เดินผ่านบูทมาแล้ว ฝั่งธรรมศาสตร์ 8โมงกว่า ทางผ่านมาทำงาน
    ยังไม่ได้พบท่านแม่ชี แต่เลิกงาน6โมงแหนะ ถ้าไปไหวเด๊วผมจะไปฝึกด้วยครับ
    กสิณเพ่งสวรรค์-นรก คนมานั่งสมาธิรอกันแต่เช้า

    เดินผ่านบูทโซนข้างหลังขนลุก วาบสบายตัว งานใหญ่และดี น่าจะมากันนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...