ได้ยินว่าตอนนี้พระศรีอารย์ได้อุบัติบนโลกแล้ว ตอนนี้บวชเป็นเณรอยู่

ณ เวลานี้พวกเราที่ศรัทธาในพระพุทธศานามาจงเร่งหมั่นเพียรภาวนาตามคำสั่งสอนของพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าของพวกเราเถอะ เพื่อรักษาอายุพระศาสนาให้ดำรงครบ 5000 ปี เมื่อเรามาเกิดในยุคนี้แล้วก็อย่าให้ภพนี้ชาตินี้ต้องถูกกิเลสครอบงำเราต่อไปอีกเลย เราต้องสู้กับกิเลสด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้าให้ขาดสะบั้นให้จงได้โดยเร็วที่สุด อย่าได้รอให้เนิ่นนานเกินไปเลย
สุดท้ายข้าพเจ้าจะขอเกิดและตายในพระพุทธศานาไปทุกภพทุกชาติ อย่าได้ขาดการศึกษาธรรมะ ในชาติใดๆเลย จนกว่าจะถึงที่สุดของปลายทางไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เช่นนี้อีก

 

ณ เวลานี้พวกเราที่ศรัทธาในพระพุทธศานามาจงเร่งหมั่นเพียรภาวนาตามคำสั่งสอนของพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าของพวกเราเถอะ เพื่อรักษาอายุพระศาสนาให้ดำรงครบ 5000 ปี เมื่อเรามาเกิดในยุคนี้แล้วก็อย่าให้ภพนี้ชาตินี้ต้องถูกกิเลสครอบงำเราต่อไปอีกเลย เราต้องสู้กับกิเลสด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้าให้ขาดสะบั้นให้จงได้โดยเร็วที่สุด อย่าได้รอให้เนิ่นนานเกินไปเลย
สุดท้ายข้าพเจ้าจะขอเกิดและตายในพระพุทธศานาไปทุกภพทุกชาติ อย่าได้ขาดการศึกษาธรรมะ ในชาติใดๆเลย จนกว่าจะถึงที่สุดของปลายทางไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เช่นนี้อีก

 

มุ่งมั่นปฎิบัติตามคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า เราโชคดีแล้วที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา จงเร่งเพียรดูจิตเพื่อดับภพดับชาติเถิด ถ้าเราปฎิบัติชอบแล้วผลย่อมนำมาซึ่งสิ่งดีงาม อย่ากังวลเลยครับ พยายามอยู่กับปัจจุบันนะครับ คำตรัสของพระพุทธองค์

 

*** คนๆ หนึ่ง กับ ยุคพระศรีอารย์ ****

ผู้ที่มาสานต่อพระพุทธศาสนาที่หักกลาง...คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด....คือ พระไตรปิฎก ที่ปรากฏบนโลก...มีร่างกายมนุษย์....เรียกว่า "โลกุตตระ"
โลกุตตระ ...จัดสรรให้ ....ผู้ที่ทำหน้าที่สานต่อพุทธศาสนาหลังกึ่งพุทธกาล...อุบัติขึ้นมา
เมื่อถึงเวลา....พ.ศ.๒๕๔๑ ...ผู้ที่จะทำหน้าที่สำคัญ...ได้พบกับ "โลกุตตระ"....จึงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จาก โลกุตตระ หรือ พระไตรปิฎกที่แท้จริง ...รวมทั้งหนทางหลุดพ้นสู่นิพพาน
ผู้ที่ทำหน้าที่...จะไม่รู้ตัว ว่าตนเองเป็นใครในชาติก่อนๆ...รู้เพียงว่า สิ่งที่รู้เห็นมีความสำคัญมากต่อมวลมนุษย์โลก...จึงรู้สึกว่า จะต้องช่วยเผยแพร่ให้มวลมนุษย์โลก ได้รู้จัก "หลักสัจจะธรรม หลักโลกุตตระรรม และการปฏิบัติสัจจะ"
ครั้งหนึ่ง ก่อน...ผู้ที่ทำหน้าที่....เดินทางไปธุระ ณ ดินแดนสองลำ เพื่อไปหา หญิงมีอายุคนหนึ่งเป็นครั้งแรก ...หญิงคนนี้ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน...แต่กลับฝันว่า ชายคนนี้ เป็นหนุ่มผมยาวขี่ม้าสีขาวๆเทาๆ มาหน้าบ้าน...ยายที่ล่วงลับไปนานแล้ว ได้มาต้อนรับ จูงม้าของเขาเข้าบ้านของเธอ

ต่อไป....มนุษย์จะใช้สมองซีกขวาสูการหยั่งรู้ ได้ด้วยปัญญาญาณง่ายขึ้น ...เพราะ มนุษย์ จะปฏิบัติ "สัจจะ" กันทั่วโลก....จึงเกิด "สมาธิพิจารณา" ที่จะสร้างสรรสิ่งต่างๆ มากมาย
ประเทศไทยจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก...เพราะ ทรัยากรธรรมชาติ จะอุดมสมบูณณ์...เหมือนสวรรค์
ประเทศไทยจะสร้างยานท่องจักรวาล ได้เป็นชาติเดียวในโลก....เพราะ ภูเขาทั้งลูก กลับกลายเป็นวัสดุที่จะใช้เป็นยานอวกาศ...และมีที่เดียวในโลก...คือ ประเทศไทย
พ.ศ.๒๕๔๓...เป็นช่วงเวลาของ ผู้ที่ทำหน้าที่ กำลังสนใจมุ่งมั่นศึกษา "หลักสัจจะธรรม" และ "หลักธรรมของโลกุตตระ" ...ได้เรียนรู้ความจริงจากชีวิตของตนเอง...เสมือนเณรน้อยเริ่มต้นศึกษาธรรม
พ.ศ.๒๕๔๙...ประเทศไทยเริ่มแตกแยกความสามัคคีอย่างรุนแรง...ผู้ที่ทำหน้าที่ รู้ถึงกรรมใหญ่หลวงที่กำลังจะปรากฏ ... จึงพยายามหาหนทางช่วยไม่ให้ประชาชนหลวมตัว หลงกลตกเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง...ให้รู้จัก "สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด"...แล้วจึงพบว่า การเผยแพร่ที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบัน คือ Internet และ Website...จากนั้น คำสอนจากโลกุตตระ และพระไตรปิฎก จึงเริ่มบันทึกลงเป็นหลักฐานบนโลก
โอ้...มนุษย์ ยุคหลังกึ่งพุทธกาลท่านโคดม....มองหาพระศรีอารย์ แต่ภายนอกที่สวยงดงาม....หาได้มองที่ "การกระทำ" ไม่...แล้วเมื่อไหร่ หนอ....เขาและเธอ จะได้พบหลักสัจจะรรม หนทางหลุดพ้น...คงเป็นกรรมของเขาจริงที่ "เห็นแล้วมองข้ามไป" ....คนมองข้าม "หลักสัจจะรรม" กันไปหมด...มีน้อยนิดที่จะเชื่อและนำไปปฏิบัติจริง....
กลางปี พ.ศ.๒๕๔๙....การกระทำ ดั่ง พระศรีอารย์...ปรากฏแล้ว ....โลก กำลังเข้ายุคพระศรีอารย์....
ก่อนสิ้นปี พ.ศ.๒๕๕๐... ผู้ที่ทำหน้าที่ จึงขอรับ ธรรมจากโลกุตตระมาปฏิบัติเป็นสัจจะ เช่นเดียวกับพระในยุคพุทธกาล
ต่อไป...มนุษย์จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม ...เพราะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้จัดสรร น้ำจากทางช้างเผือกมายังโลก ตามกระแสลมจักรวาล ...เพื่อปรับให้โลกสมบูรณ์ขึ้น พันธุ์กรรมของมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ หิน เหล็ก ทองแดง และทุกสิ่งจะสมบูรณ์...จึงเป็นยุคที่เหมือนดั่งสวรรค์

มนุษย์ คนใด...ที่รู้ว่า "นอสตราดามุส" กล่าวถึงผู้ใด ...และบอกได้ว่า "หลักสัจจะธรรม" เกี่ยวข้องกับ "การกระทำ" ได้อย่างไร...การกระทำของคนๆ นั้น คือ .......

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เรื่องนี้ผมไม่รู้นะครับ ว่าท่านจะมาเกิดเป็นเณรหรือไม่ ผมไม่สนใจหรอกครับ เพราะว่าท่านก็ไม่เี่กี่ยวกะผม สิ่งที่ผมสนใจคือ ศีลที่พระุพุทธเจ้าที่ท่านกำหนดไว้นะ ครบหรือเปล่า จิตเราทำเป็นไงมัง คิดชั่วมั่งหรือเปล่า

 

*** เวลาปลอดภัย...เหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ****

รีบ...เดินตาม "หลักสัจจะธรรม"
รีบ...กำหนด "สัจจะปฏิบัติ" ให้เกิดการกระทำใหม่...เพื่อเป็นที่พึ่งต่อไป
อย่า...มัวรอ พระศรีอารย์ มาปรากฏกาย....จะไม่ทัน !!!
คำสอน...ปรากฏ แล้ว...สัจจะ ผู้ใดเชื่อและปฏิบัติ...จะเข้ายุคพระศรีอารย์ ได้อย่างปฏิหาริย์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** พูดจริง ทำจริง ****

วันนี้...ตั้งใจ ถือศีลข้อ ไม่ฆ่าสัตว์
แต่...ไม่ฆ่า ไม่ทำลายชีวิตผู้อื่นเลย คงเป็นไปไม่ได้....เพราะ เราต้องกิน ต้องเคลื่อนไหว...เราไม่ได้หยุดนิ่งเหมือน "หิน"

ศีล...จะปรากฏที่ตัวตนผู้ใดได้อย่าปกติ....
ผู้นั้น ต้องเริ่มกระทำด้วย "สัจจะ" ในข้อนั้นให้ได้จริง ในช่วงเวลาที่กำหนด

ทำบ้าง...ไม่ทำบ้าง....เรียกว่า "ทำตามใจ"
ปฏิบัติตนด้วย "สัจจะ"....เรียกว่า "เป็นคนมีสัจจะ"....อยู่บน "หลักตนพึ่งตน" ...คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
คือ พึ่งการกระทำของตนเอง

"เดินสายกลาง".... คือ ทำในสิ่งที่พอเอื้อม ไม่เหนือบ่าฝ่าแรงเกินตัว
สัจจะปฏิบัติ...เป็นการเดินสายกลาง...ตั้งใจทำในสิ่งที่พอเอื้อมถึง พอทำได้จริง
ไม่ใช่ ...เหวี่ยงแห่....พูดกล่าวไว้ แล้วทำไม่ได้จริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

จะรู้ไปทำไมหรอครับ แต่กระผมคิดว่าการที่จะถึงการเปลี่ยนกาลจะต้องมีความตกต่ำของอารยธรรมที่มีอยู่เนื่องจากว่าจะมีศาสดาที่จะขึ้นที่สูงส่งที่สุดได้ต้องมีวิกฤติที่น่ากลัวยิ่งเพราะพระองคสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ประสูติตอนที่จิตใจคนเสื่อมอารยธรรมเสื่อมไป และพระศรีอารฯกระผมเชื่อว่าพระองค์ต้องมาเป็นมนุษย์ก่อนแน่ๆเพราะต้องมีร่างกายอย่างมนูษย์ถึงจะกลับสู่ความเป็นนิรันต์ที่แท้จริงกระผมเชื่อว่าพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วละทิ้งสังขารจากที่นี้เพื่อไปรับเนื้อหนังกระดูกและเลือดในแดนนิพพานเพื่อรอคอยแดนดอกบัวบาลของพระศรีอารฯ

 

ผมเห็นด้วยกับข้อความข้างต้นครับ แต่มีอีกอย่างนึงที่เคยได้ยินมานะครับ คือเมื่อศาสนาพุทธ หมดไปใน ปีที่ 5000 แล้ว พระธาตุของพระพุทธเจ้าจะรวมตัวกันแล้วแสดงพระธรรมเทศนาครั้งสุดท้าย ครับ ถ้าหากเราได้อยู่บนสวรรค์ก็ยังมีโอกาสบรรลุธรรมได้นะครับ

 

แล้วก็ต้องไปลอกมา(ของใครหนอคุ้นเหลือเกิน) ไอ้ท่านบ๊องนี่ เวรกรรมจริงๆๆ
ว่าแต่ที่ลอกมานี้คุ้นเหลือเกินนะไอ้ท่านฟาย

 

พระเจ้าสุริยวงศาธรรมมิกราช

พระเจ้าสุริยวงศาธรรมมิกราช(พ.ศ. 2181- พ.ศ. 2238) เป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองอีกยุคหนึ่ง เนื่องด้วยพระองค์มีวิธีการปกครองบ้านเมืองหลักแหลมและเป็นธรรม ทำให้ล้านช้างมีความมั่นคงและสงบร่มเย็นกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งความรุ่งเรื่องทางสถาปัตยกรรม อักษรศาสตร์ ศิลปะแขนงต่างๆ ตลอดจนการค้าขายกับต่างขาติ
พระองค์ทรงเป็นผุ้ที่มีความยุติธรรม จากรณีที่พระราชโอรสของพระองค์ได้กระทำความผิดลักลอบเป็นชู้กับภริยาของขุนนางผู้หนึ่ง พระองค์ก็ลงโทษตามอาญาถึงขั้นประหารชีวิตโดยมิได้ใส่ใจว่าเป็นพระโอรส ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงอยู่ในสภาพที่ไร้รัชทายาท และเมื่อพระองค์สวรรคตโดยไร้รัชทายาท ประชาชนจึงได้อัญเชิญพระยาเมืองจันซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ก็ครองราชย์อยู่ได้หกปี เจ้านันทราชแห่งเมืองน่านก็ยกทัพเข้ามาชิงเมืองเวียงจันทน์ไว้ได้ เจ้านันทราชจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างใน พ.ศ. 2238

 

พวกเราเกิดในยุค ช่วง พศ 0000- 2550
เป็นยุคของ องค์พระพุทธโคดม
เราจึงชินและเห็น รูปแบบของ ชาวพุทธ ที่ มีการ แต่งจีวรเหลือง
มีการถือศีลห้า ศีล แปด ศีล 227 ของพระ
เราจึงคิดและติดอยู่อย่างนั้น

มีใครบ้างที่รูว่า ก่อนหน้านั้น พระพุทธองค์ ตั้งแต่
องค์กกุสันโท ลงมาก่อนถึง พระพุทธโคดม
นั้นรูปแบบเป็นเช่นใด
ใส่จีวรเหลือง รึ???
ศีล 5 ศีล 8 ศีล 227 รึ????

จะเห็นว่า ในยุคหิน เมื่อล้านปี ความคิดของมนุษย์เป็นเช่นใด
จะเห็นว่า ในยุคโรมัน ความคิดมนุษย์เป็นเช่นใด
และในปัจจุบันเป็นเช่นใด
จะเปลี่ยนพัฒนาการตามเวลาปริวัฒน์

เมื่อ เวลาพูดถึงการมาขององค์ อริยเมตไตร
เราก็ ติดแบบเดิม..ผิดทั้งนั้น

พระอง์จะมาแบบให้ทันยุค ทันสมัย ล้ำสมัย
ถูกต้องพระองค์ต้องมาในรูปแบบของ มนุษย์ เพื่อให้เข้าได้กับมนุษย์
กฏเกณฑ์ การครองชีพ การทำที่เรียกว่า ศีล จะเปลี่ยนไป
เมื่อมาใหม่ ก็ต้องเป็นรูปแบบใหม่
เหมือนการผลัดแผ่นดิน

แน่นอน พระองค์ ไม่จำเป็นต้องมาในรูป แบบพระ หรือเณร
แต่ที่แน่ๆๆ คือ การทรงศีลในรูปแบบที่แปลกออกไป
การตั้งหลัก ปฏิบัติ ของ พระองค์ จะล่วงหน้าเผื่อการออกสู่อวกาศ
เพราะพระองค์ มาในรูปแบบ ยุคอวกาศ การท่องจักรวาล

ศีลของพระองค์ ที่จะให้มนุษย์ถือ จะกว้าง เพื่อ อวกาศ
และ มนุษย์โลกอื่น นั่นคือ ศีลของ มหาจักวาล
นี่คือแนวคิดของ ผม

 

อืม...ถ้าจะนึกภาพออกต้องดูสตาวอร์...อาจจะประมาณนั้น...การสู้กันระหว่างจักวรรดิ์ชั่วร้ายและเหล่าอัศวินเจได...(verygood) (f)

 

ผมเคยได้ยินว่าอีกหน่อย.....อาจจะนานครับคนที่บวชจะไม่ได้ไส่ชุดจีวรอย่างที่เห็นแต่จะมีเพียงใส่เพียงกำไลหรือเครื่องสวมใส่บางอย่างที่แสดงว่าบวชครับ
และผมว่ายุกนี้ก็น่าจะเป็นยุค มิกสัญญี แล้วมีตัวอย่างให้เห็นไม่ต้องรอเวลาแล้วครับ

 

จากกระทู้ 35 พ่อมดโลจิ
ตั้งแต่ พศ 2550-พศ 5000
นั่นคือ อีกนับเกือบ 2450 ปีจากนี้ไป
ถ้าเป็นยุค ของ พระศรีอาริย์ ก็จะเป็นยุคที่มนุษย์ออกไปเพ่นพ่านในอวกาศ
เอาแค่ อีก 7 ปีข้างหน้า นาซ่า กำหนดส่งคนไปลง ดาวอังคารแล้ว
เมื่อ เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา มนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วเช่นกัน

พระศรีอาริย์ ก็ต้องมีรูปแบบใหม่
ไม่ใช่นุ่งจีวรเหลือง แบบที่เราเห็น
พระองค์ท่าน เมื่อมาในยุคที่กำลังพูดถึง
เชื่อว่า พระองค์ ต้องเดินทางในอวกาศด้วย

ลองคาดดูว่า พระองค์จะแต่งตัวอย่างใด
ศีลจะเป็นอย่างใด

อย่างน้อย ต้องมีข้อหนึ่งในทำนองว่า

จงทำดี ต่อเพื่อน มนุษย์ที่อยู่ต่างโลก อย่าได้มีกรรมต่อกันเลย

กรรมใดที่จะเกิด ขอให้เกิดในโลกนั้น อย่าได้ข้ามโลก

 

ตอนนี้ กระผมแค่รักษา ศีล5 ให้ครบยังมีหลงหลุดบ้างเลยอ่ะครับ(ส่วนเรื่องอื่น เอ่อ อ่า อืมม จินตนาการไม่ออกคับ แหะ แหะ แหะ)

 

สุดเเท้หยั่งถึง....คงต้องรอวันนั้น จะไม่เชื่อ จนกว่าจะจะบังเกิดรับรู้ได้ด้วยตัวเอง มี ไม่มี ก็เเล้วเเต่ ถ้ารู้จักคิดให้เป็น จักไม่คิดตาม ถ้ามีเเล้วผู้คนต้องล้มตายอย่ามีดีกว่า ถึงรอดจิตใจคงเเย่ ไม่อยากยืนบนผืนดิน ที่อาบชโลมด้วยเลือดเกรอะกรัง ..สุดท้ายเเล้วก้อคงเเล้วเเต่....เเล้วเเต่....เเล้วเเต่ ...คิดไปก้อปวดกบาล

 

จิตจักรวาล หนึ่งเดียว คือ ความดี ที่มีต่อ ทุกชีวิต ทุกสรรพสิ่ง ทุกสากลจักรวาล นั้นน่าจะถูกต้องที่สุด เพราะ หน่วยย่อยเล็กที่สุด ของสรรพสิ่ง คือ สิ่งเดียวกัน นั่นเอง
อ.ปริญญา ตันสกุล

 

คนไหนที่ยังงง ไปอ่านของ คุณเกษม หลาย ๆ รอบแล้ว
ศาสนาของ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน มีอายุ 5000 ปี
หลังจาก 5000 ปี จิตใจมนุษย์ก็เสื่อมลงเรือย ๆ จนเกิด เป็นยุค มิกสัญญี หรือตอนที่มนุษย์ มีอายุน้อย แค่ 10 ปี(ถ้าจำไม่ผิด) และยุคนั้นคนที่รอดคือคนที่หนีเข้าป่า บำเบ็ญภาวนา จน อายุคน เพิ่มขี้นเรื่อย ๆ จนคนมีอายุเป็น พันๆปี หรือหมื่นปี (จำไม่ได้) แต่มีอายุนานมากแล้วจะเข้ายุกต์ ของพระศรีอารยเมตตรัย (ตรงนี้ไม่ต้องไปคิดเพราะอนาคต)
มาคิดปัจจุบัน คือ พุทธพยากรณ์ที่ทรงตรัสว่า " ก่อนถึงกึ่งพุทธกาล(คือ ก่อน พ.ศ. 2500) จะมีคนล้มตายมาก แต่ยังไม่มากเท่าหลังกึ่งพุทธกาล (คือ หลัง 2500 เป็นต้นไป)
ที่นี้ถามว่า หลังกึ่งพุทธกาลคนที่จะตายมากกว่าตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2(ก่อนกึ่งพุทธกาล) ตายเพราะอะไร (หาอ่าน พยากรณ์ ของหลวงพ่อฤษีลิงดำ กันเอาเอง) ท่านพยากรณ์ถูกมาแล้วเรื่อง จะเกิดกลียุคใน 3 จ.ภาคใต้ (ก็คือปัจจุบัน)

 

กึ่งพุทธกาล 2500
ศตวรรษ นับช่วง 100 ปี
ช่วงกึ่งพุทธกาล น่าจะหมายถึง
2500+-50 เท่ากับ
ปีพ.ศ. 2450-2550
ซึ่งมี สงครามโลก ครั้งที่ 1-2
มี สึนามิ คนเดินลงทะเล
วัตถุนิยมสุดโต่ง ศีลธรรมสุดเสื่อม
ขายชีวิต ศักดิ์ศรี ได้ เพียงเพื่อ เงิน วัตถุ
เยาวชนขายตัว เมามัวในกาม อย่างง่ายๆ
คริสต์ อิสลาม รบกัน เพื่อ น้ำมัน เงิน เศรษฐกิจ
เอา เศรษฐกิจ วัตถุ เงินทอง เทคโนโลยี เป็นเป้าหมาย ชีวิต
GDP เป็นเป้าหมาย การพัฒนาประเทศ หาใช่ ความดี มีคุณธรรม ไม่
โลกจึงไร้ ความสงบสุข ความเมตตา เอื้ออาทร ให้กันและกัน...เอย
แนวทางแก้ไข
เป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ GDH ดัชนีความสุขมวลรวม ให้ปชช.เข้าใจเป้าหมายชีวิต ที่แท้จริง
พัฒนา คุณภาพคน ให้รู้คุณค่าตัวเอง ให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ที่รู้จักความพอเพียง และแบ่งปัน คือทานนั่นเอง