ไบโพลา สมาธินำ ผมมองอย่างนี้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 7 มีนาคม 2019.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เมื่อสมาธินำ ชอบความสงบ นั่งหลับตาหาความสงบจากความนิ่ง
    เข้าสมาธิเพื่อ หนีผัสสะของกายใจ เพื่อเข้าถึงสภาวะจิตดวงเดียว
    มันจะชอบความสงบ แต่จะขาดการ เรียนรู้ความจริงของผัสสะกายและใจ
    ทำให้ ขาดปัญญา รู้รอบในพระไตรลักษณ์ที่ตนเองมีอยู่จริง

    จะมาอ้างว่า สมาธิคือ สมถะ นั้น..ไม่ควรอ้าง..เพราะสมถะหมายถึง
    การกินง่ายอยู่ง่ายไม่มีภาระ ไม่สะสมสิ่งของมากมาย เมื่อไม่มีสิ่งของมากมาย
    ห่วง หวง นิวรณ์ก็น้อยลง นี่จึงเป็นสมถะ

    ส่วนวิปัสสนาคือ การรับรู้ตามจริงของผัสสะกายใจ รู้เห็นการทำงานของผัสสะกายใจตามจริง ด้วยสติปัฏฐานสี่ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม
    ไม่ไช่นั่งหลับตา ไปหาจิตดวงเดียว หรือไปดูสวรรค์นิพพาน ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วยกิเลสตัณหาในจิต แต่ปัญญารู้อริยสัจสี่ ไม่เกิด..นี่คือ ไบโพลา
    คือวิปัสสนูกิเลส คือวิปัสสนึก นั่นเอง

    พอมาเห็นวงจรปกิจจ ก็วิปัสสนึกเอา...ได้เท่าที่จะนึกได้
    แต่ก็ไม่เข้าใจถ่องแท้ นั่นเพราะขาดการ วิปัสสนา เห็นการทำงานของผัสสะกายใจตามจริง จึงไม่รู้ว่า ความจริงของธรรมชาติ ที่มันเกืด ตั้งอยู่ ดับไป..เป็นเช่นไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2019
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ส่วนการวิปัสสนา ด้วยสติปัฏฐานสี่ ถ้าทำได้จริง ทำเป็นจริงๆ
    จะต้องมีสติรู้ทั่วกาย (ทุกผัสสะของกายใจ) แบบรักษาสภาวะให้ต่อเนื่อง
    ตั้งแต่ตื่นลืมตา ไปทุกวินาที จนหลับ เอาจนหลับก็ยังรู้ตัว ฝึกแบบนี้
    ถ้าต่อเนื่องได้จริง..รับรอง 7 วันเห็นผล นี่จึงเรียกสติปัฏฐานสี่ที่ถูกต้อง

    เมื่อสติมันรู้ความจริงของผัสสะ ตามขั้นตอน จากหยาบจะไปละเอียดเอง
    โดยปัญญา รู้จริง เข้าใจ ละ ได้ตามจริง เริ่มจาก กาย เวทนา ไปจิต..แบบนี้
    จะเกิดปัญญาตามจริง
    โดย ไม่ข้ามไปหาจิต แบบนั่งสมาธิ แล้วปัญญาไม่เกิด..แต่กิเลสตัณหาพาไปมะโนมะยุกยิก ไปดูสวรรค์นิพพานโน่น..แล้วไหนล่ะธรรมความจริง.?
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้าเกิดปัญญาเห็นธรรมคือ เห็นความจริง ของพระไตรลักษณ์จริง
    ก็จะเข้าใจความจริงของกายใจ ของโลก ของจักรวาล เพราะเป็นธรรมชาติอันเดียวกันหมด
    เมื่อมาดู วงจรปกิจจ ก็จะเข้าใจทั้งหมด โดยไม่ต้องมานั่งเดา มาวิปัสสนึก
    ไม่ต้องมาสอนให้ หยุดผัสสะ หยุดเวทนา งี่เง่า กันหรอก เพราะ ธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ จะไม่มีการเข้าไปแทรกแซง ด้วยเจตนาหรืออัตตาตัวตนใดๆ
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ดังนั้น การฝึกสติปัฏฐานสี่ เห็นการทำงานของผัสสะกายใจตามจริง
    เข้าใจธรรมของไตรลักษณ์ จากการเกิด ผัสสะ เวทนา ความคิด จิต(ที่หยาบๆคือ รูป)
    แล้วเมื่อมาถึงฐานจิต อรูป(คือ ขันธ์ทั้งห้า) ที่ประกอบตัวตนเป็นวิญญาณ
    มันถึงจะเข้าใจในเรื่องขันธ์ห้า ว่ามันทำงานร่วมกันมาเกิดได้อย่างไร
    เพราะมีต้นทุนปัญญาเห็นธรรม มาจากการเห็นความจริง ของผัสสะกายใจมาแล้วนั่นเอง จึงจะมาถึงขั้นอรูป พร้อมอาวุธคือปัญญา ที่พร้อมรบ..ไม่ไช่ ไบโพลา ที่พร้อมจะหลง
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ไบโพลา คือ พวกวิปัสสนึก ที่ วิปัสสนาไม่เป็น ฝึกสติปัฏฐานสี่ไม่ถูก
    ทำเป็นแต่ สติปัฏฐานแตก..
    พอถูกว่า ก็ ไม่พอใจ หาว่า ผมหาเรื่อง...
    พอถามอะไรก็ตอบไม่ได้..ก็ว่าผมถามหาเรื่อง

    นี่แหล่ะพาลปุถุชน..ไบโพลา
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ที่พากันสอนกัน ให้ดูจิตเลย โดยไม่ดูกายใจ อันนี้ผิด
    เพราะสติปัฏฐานสี่ มันต้องดูทั้งหมด คือกายตยคติ ที่แท้จริง
    จะบอกว่า การดูจิต ดูความคิด ว่าดูมันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป คือดูไตรลักษณ์ อันนี้ผิดถนัด เป็นการสอนที่ไม่รู้จริง..เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป..คือหายไป หายไปไหนก็ไม่สน มันเกิดจากอะไรยังไง ก็ไม่สน นี่พวกนี้ ปัญญาไม่เกิด

    เกิดขึ้น..อะไรคือสมุทัย เหตุแห่งการเกิด อวิชชาต้องรู้
    ตั้งอยู่...ทุกข์ตั้งอยู่ เหตุแห่งการตั้งอยู่ ต้องรู้
    ดับไป..นิโรธ..ดับเพราะอะไร ความไม่เที่ยงดับไปเพราะอะไรต้องรู้ตามจริง

    นี่จึงเป็นการรู้พระไตรลักษณ์...ที่แท้จริง
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อานาปาณสติ....ก็คือ กายตยคติ คือ สติปัฏฐานสี่..อันเดียวกัน
    มันอยู่ที่ว่า ใคร ทำถูกต้อง ทำเป็น หรือเปล่า

    อยู่แบบ สมถะ อยู่ง่ายกินง่ายเลี้ยงง่าย ห่วงน้อย นิวรณ์น้อย
    สมถะมันก็คือฐานของการวิปัสสนา ที่เป็นสัมมาทิฐิ..
    เริ่มฝึกโดยมีแค่ กายใจเป็นหลัก โน่นเรือนว่าง โน่นโคนไม้
    นี่แหล่ะ สมถะ วิปัสสนา ที่ถูกต้อง..
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จะนอนกลางวัน มันจะได้ อายคนอื่นมั่ง เมื่อเขามาเห็นสภาพ
    ไม่ไช่อยู่ในตึก ห้องแอร์ ทรัพย์สมบัติเพียบ จะทำอะไรก็ไม่มีใครเห็น
    ไม่มีความละอาย อะไรเลย เพราะ ปิดประตูแล้ว...แล้วแต่จะสุมหัวกันให้กิเลสมันพาไป...
    ออกบิณฑบาตรก็จะได้ไม่ละอายใจตนเอง
    เดี๋ยวนี้ บางคนหัวหมอ ไม่ออกบิณฑบาตร เพราะมีโรงครัว มีแม่ครัว
    เอาเงินซื้อ อาหารกักตุนเอาไว้เพียบ..จะได้ไม่ละอายว่า นั่งกินนอนกิน
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    กั๊กๆๆๆๆ

    ทิฏฐิอุทเฉท อะฮับ

    สังเกตเบย ไม่มี กรรมใหม่
    ที่แจ๋วๆ กระดิก

    ฮะเออ....จรสับ งง เต็ก

    การออกบิณฑ์ เปนเรื่อง โปรดสัตว์
    ดับความร้อน ของ โลกฮับ ก้าวแรก
    ที่ออกจากวัด แม้นพระทุสีล ก้ให้
    ความ เย็ลลลลลล กว่า ฆราวาสมีธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2019
  10. ใครบรรลุธรรม

    ใครบรรลุธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2018
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +268
    ..สภาวะจิตใจ ที่เปรอะเปื้อน-สกปรก..
    จิต จะรับรู้ สิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ได้แผล็บๆ แต่ไม่ยอมจดจำ แบบจิตมีสมาธิ- จิตจะนำเข้าสุตตะ ข้อมูลที่ดี ก็จะโดนสกัดกั้น จากข้อมูลที่จิตเคยชินรับอยู่ประจำ ของพื้นฐานจิตสกปรกก่อน..สัมมาทิฏฐิ กับ การดิริห์ชอบ-ในมรรคมีองค์8-นั่นจึงควรตั้งเป็นพื้นฐาน จิต ไว้ทุกวินาที..ของชีวิตเท่าที่ทำได้ ละนันทิ..ละนันทิ..
    จิต สกปรก ลามก จะรับข้อมูลได้ยังไง ถ้าไม่ไล่สิ่งสกปรกออกจากจิตใจ ให้มัน เป็นปกติก่อน แค่ดำริห์ กุศล ยังทำไม่ได้เลย จะไม่คิดชั่วได้ยังไง..
    "สมถะ" จะทำให้จิตเจริญ..เจริญ..ไม่ใช่การอยู่แบบพอเพียงเป็นหลัก จิตจะวิเวกไม่มีเครื่องสอง เข้าใจไหม..จิตละนิวรณ์5ได้นั่นเอง- เมื่อจิตเจริญ จิตจะมีกำลังมหาศาลพร้อมที่รับรู้ ตามความจริงของธรรมชาติ ในชีวิตประจำวันได้ตามจริง จะสงบระงับขึ้น ทิ้งความคิด หรืออดีต ที่คอยทำร้ายเราแบบวนไปเวียนมาทุกวันได้ ..ได้จริงๆๆๆ ทีละนิด-จนหมด-ไป-ไม่เป็นไบโพลาอีก..

    -นี่ด้านตรงข้ามของวิปัสสนู-ไบโพลา ครับ รู้แบบหยาบๆแล้วยังมาต่อต้านสิ่งที่ถูกจะไร้สาระทั้งชีวิต..หรือ..
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อยู่ท่ามกลางความไม่เที่ยงทั้งหลาย
    คนก็ล้วนแต่ อวิชชากิเลสตัณหา ไบโพลาอย่างท่านก็เยอะแยะมากมาย
    จิตใจมันย่อม เหมือนอยู่ในบ่อโคลนเดียวกัน..จะหนีไปไหนได้ล่ะครับ
    ถ้าทำได้เลือกได้...ผมก็จะเก็บเอาไว้แต่คนดีดีเท่านั้นแหล่ะ
    แล้วมันเลือกได้เหรอ..บอกแล้วไงว่าอย่าคิดมาก อย่าสิปัสสนึก
     
  12. Sweta

    Sweta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +30
    คุณ จขกท ทราบได้อย่างไรคะ ว่าการสอนดูจิต ไม่ได้ดูกายใจ ได้ลองฝึกแบบเห็นผลหรือยังคะ

    และการวิปัสสนาเพื่อให้จิตเห็นไตรลักษณ์ ของแนวทางนี้ผิด จะไม่เกิดปัญญา คุณ จขกท เคยสัมผัสผลของวิปัสสนาญาณบ้างหรือยังคะ ว่าสภาวะธรรมของญานนั้นต่างจากฌานยังไง

    แล้วจิตที่เกิดดับรวดเร็วชั่วขณะหนึ่งอารมณ์จิต คุณ จขกท สามารถตามวิเคราะห์ นี่คือเหตุการเกิด การตั้ง การดับ ได้ทันหรือคะ ทริกของการปฎิบัติเพื่อทันความรวดเร็วขนาดนั้น คืออะไรคะ
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อ้อ งั้นก็นิมนต์ท่านจานพระศรีเล่าปัง เป็นหลวงพ่อตลอดชาติเทอญ..สาธุ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เท่าที่เคยฟังเขาสอนกันมา ก็สอนเน้นกันที่ดูจิต ไม่เน้นดูกายไปด้วย
    และจิตมันเกิดรวดเร็ว มาก จะตามดู เลย มันทำไม่ได้ถ้าไม่มีทริค
    เท่าที่เคยฟังเทศมาเรื่องวิปัสสนาญาณมีแต่คนเทศไม่ชัดเจน สอนไม่ชัดเจน
    ผมมีทริคในการดูจิตดูกายไปด้วย โดยดูเพียง 1ความคิดเท่านั้น
    ผมอ่าน ฟัง เรื่องสติปัฏฐานของที่สอนกันมา ผมว่ามันไม่ไช่ฐานสี่พร้อม
    แต่เป็นฝึกทีละฐาน มันเลยถือว่าไม่ครบสี่ฐานพร้อมกัน
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จิตมันคิดเร็วมาก เพราะ ผัสสะกาย มีตั้ง 6 ผัสสะแต่ แค่กายอย่างเดียว มากี่ขุมขน หู 2หู มากี่เสียง ตา 2 ตา ภาพเคลื่อนไหวมากี่อย่าง จมูกมากี่กลิ่น
    ลิ้น มากี่รส....พอมาที่ใจ..ใจมันปรุงหมด..แล้วจิตที่มีอวิชชา มันจะอุปทานได้แค่ไหนล่ะ มากมายเลย ..เรามีทริค ..

    ใจมันคิดมันปรุงไปทุกอย่าง จิตมันก็อุปทานไปได้ตลอด..เราควบคุมมันไม่ได้
    แต่เราจะควบคุมมันด้วยการฝึก...เรามีทริค
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ท่านฝึกถึงไหนอย่างไร ต้องบอกมาก่อน
    เมื่อท่านถาม ผมจึงจะตอบถูก และคุยกันรู้เรื่องครับ
    ถ้าจะถามเอาภาพรวม เผื่อคนอื่น มันไม่เกิดประโยชน์หรอกครับ
     
  17. Sweta

    Sweta Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +30
    มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ ดูจิตไม่มีดูกายใจ แสดงว่าคุณ จขกท ไม่เคยเข้าสัมผัสแนวทางนี้ ถ้าดูจิตไม่ตรงกับฐานทั้ง 4 ไม่ครบ 4 ฐาน ตามแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วอิริยาบทย่อยที่เขาให้กำหนดกันจากหลายๆ สำนัก ต่างจากแนวทางการดูจิตยังไงคะ ก็ควรมีแต่ดูอิริยาบทใหญ่อย่างเดียวไม่ดีกว่าหรือคะ เพราะเห็นฐานทั้ง 4 ง่ายกว่า ถ้าดิฉันจำไม่ผิด พระอานนท์บรรลุธรรมตอนเอนตัว ครบ 4 ฐานไหมคะ หรือถ้าฝึกจนชำนาญ กำหนดฐานสุดท้ายฐานเดียว คือธรรมยังได้เลยใช่ไหมคะ

    ทริคในการปฎิบัติคือเอาปัจจุบันตอนนั้นเท่านั้นหรือเปล่าคะ ที่คุณ จขกท หมายถึง ถึงจะทันจิตที่รวดเร็วบางดวง ในฐานะปุถุชนที่อยู่ระหว่างปฎิบัติ เพื่อเข้าเส้นทางอริยะ
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ที่ผมฝึกมา วิธีการฝึกมันง่ายมาก ถ้าเข้าใจที่แนะนำ
    แต่มันจะยาก ก็ตรง การรักษาสภาวะ ให้มันเป็นสติปัฏฐานสี่
    แบบต่อเนื่อง นี่แหล่ะ ...
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมรู้ว่าคุณเข้าใจนะ แค่ถามเอาฮากับผม (แต่ไม่เป็นไรผมจะเล่นด้วย)
    สติปัฏฐานสี่ ก็ส่วนสติปัฏฐานสี่ คนละส่วนกับการบรรลุ
    สติปัฏฐานสี่เพื่อ เข้าใจพระไตรลักษณ์..นี่ได้ปัญญาญาณตรงนี้ก่อน รู้อริยสัจสี่ก่อน
    ส่วนการบรรลุ ของพระอานนท์ท่าน เป็นส่วนของวิปัสสนาญาณจิต ที่มันจะดำเนินการเองตามที่พระพุทธองค์ได้เทศนาชี้เอาไว้ คือที่เคยฟังธรรมมานั่นแหล่ะทั้งหลายทั้งปวง
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    พระอานนท์
    ฝึกดูอิริยาบทใหญ่อย่างเดียว ครบ 4มาแล้ว เข้าใจพระไตรลักษณ์มาแล้ว
    เมื่อเข้าใจ กาย ใจ จิต จนเข้าใจพระไตรลักษณ์แล้ว ..จิตที่มีมันจะอยู่ในญาณ เดินญาณอยู่ตลอด เหมือน วิปัสสนาญาณอยู่ตลอดอยู่แล้ว ทุก อิริยาบท
    มันเลย รอแค่...เวลาที่ดอกบัวจะบานพ้นน้ำ เท่านั้นไง
     

แชร์หน้านี้

Loading...