ไปฝึกตายก่อนตายจริงกันเถอะ ที่...วัดตะเคียน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 22 สิงหาคม 2008.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>


    พิธีสืบชะตา ต่ออายุ และสะเดาะเคราะห์ เป็นพิธีกรรมหนึ่งที่กระจายอยู่ในวัฒนธรรมแถบเอเชีย โดยเฉพาะในหมู่ชาวพุทธทุกนิกาย ทั้งชาวไทย จีน ไปจนถึงทิเบต รูปแบบประเพณี ก็ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของท้องถิ่น
    ในส่วนของชาวไทย มีความเชื่อเรื่องการต่อชะตา โดยการนอนในโลงศพ แล้วให้พระภิกษุสงฆ์ทำพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ ที่นิยมมากในภาคเหนือ ทั้งนี้จะนิยมจัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์
    ในขณะที่พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน เรียกพิธีสืบชะตาต่ออายุว่า "พิธีแซกี" คือ สุสานที่ฝังหลอก โดยที่เจ้าของหลุมยังไม่ตาย แต่ได้นำสิ่งของบางอย่างตามความเชื่อ เอาไปฝังไว้ในสุสานแทนตัว เพื่อใช้พลังของฮวงจุ้ยเข้าต่อชะตาเสริมบารมี โดยนิยมทำกันแทบทุกรุ่นของช่วงอายุ


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    คนส่วนใหญ่ หากมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง จะไม่ทำแซกี สาเหตที่ต้องทำแซกีมีดังนี้ ๑.เจ็บป่วยอย่างรุนแรง ๒.มีผู้สูงอายุในครอบครัว แม้จะไม่ได้เจ็บป่วย แต่ก็มักจะทำแซกี เพื่อเสริมบารมีให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และ ๓.กรณีดวงตกแบบสุดๆ
    ส่วนในภาคกลาง นิยมสะเดาะเคราะห์ด้วยการนอนโลงศพ โดยมีคติความเชื่อว่า การให้พระเถระสวดนพเคราะห์ เสริมดวงชะตา เปรียบเสมือน "ตายแล้วเกิดใหม่" เมื่อผ่านพิธีการนอนโลงศพแล้ว จะมีสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เสริมมงคลชีวิตให้บังเกิดโชคลาภเป็นทวีคูณ เสริมบุญบารมีให้สูงขึ้น ดีขึ้น เด่นขึ้น ศัตรูหมู่มารมลายหายสิ้น กลับเป็นมิตรที่ดีต่อกัน

    ในขณะที่หลายคนบอกว่า ทำพิธีไปแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างประหลาด และประสบโชคดี มีชัย กันทั่วหน้าด้วย รวมทั้งมีคนจำนวนไม่น้อย ที่เชื่อว่าการนอนโลงสะเดาะเคราะห์ เป็นการแก้เคล็ดต่ออายุ และช่วยให้พ้นเคราะห์ได้
    วัดที่มีการจัดพิธีการนอนโลงศพ ส่วนใหญ่จะเป็นวัดที่อยู่ต่างจังหวัด เช่น วัดป่าศรัทธาราม ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา วัดพราหมณี หรือวัดหลวงพ่อปากแดงหมู่ ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก

    ขณะที่วัดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการจัดพิธีนอนโลงศพเพื่อสะเดาะเคราะห์ จะจัดขึ้นเฉพาะบางโอกาสเท่านั้น
    แต่ก็มีอยู่วัดหนึ่ง ที่จัดพิธีดังกล่าวให้แก่ญาติโยมทุกวัน คือ วัดตะเคียน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งมี หลวงปู่แย้ม ปิยวัณโณ เป็นเจ้าอาวาส จุดประสงค์ของการจัดพิธีดังกล่าว ไม่ใช่เพียงเพื่อการสะเดาะเคราะห์อย่างเดียว แต่หากยังต้องการสื่อให้ทุกคนรู้ว่า ที่สุดแล้วทุกคนต้องตาย
    พิธีการนอนโลงศพสะเดาะเคราะห์ของวัดตะเคียน จะใช้เวลาแต่ละครั้งประมาณ ๕ นาที โดยพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจำนวน ๔ รูป จะสวดบังสุกุลตายให้ผู้ที่นอนในโลงศพ จะหันหัวไปทิศตะวันตก และกลับหัวมาทิศตะวันออก พระจะสวดบังสุกุลเป็น พร้อมให้ศีล ให้พร
    ทั้งนี้ทางวัดได้นำโลงศพใบเก่าไปทำพิธีฌาปนกิจตามประเพณี เพื่อให้สิ่งชั่วร้าย และสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง ให้มอดไหม้ไปกับกองไฟ จากนั้นเปลี่ยนโลงศพใบใหม่มาใช้ทำพิธีให้ญาติโยมตลอดปี

    อ.ธรรมจักร สิงห์ทอง อนุศาสนาจารย์กรมราชทัณฑ์ ได้พูดถึงพิธีกรรมการนอนโลงไว้อย่างน่าคิดว่า "วัตถุมงคลก็ดี พิธีกรรมก็ดี ที่สืบต่อจากโบราณมาถึงปัจจุบัน ยังอยู่ได้เพราะความเชื่อว่า สามารถช่วยเสริมสร้างพลังใจให้เกิดความกล้าหาญ พิธีกรรมการนอนโลงดูผิวเผินอาจจะเป็นเรื่องของการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในพิธีกรรมนี้ คือ เป็นการเตือนสติให้ระลึกว่า ในที่สุดแล้วทุกคนก็หนีไม่พ้นความตาย จะจนติดดิน หรือรวยล้นฟ้า ทุกคนต้องตายแน่ๆ การนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ถึงจะเรียกว่าคนมีสติ และสตินี่แหละเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิต"
    ผู้ที่สนใจอยากจะนอนโลงเพื่อฝึกตายก่อนตายจริง โดยทางวัดไม่ได้กำหนดราคาค่าทำพิธีใดๆ ขณะเดียวกันทางวัดได้จัดตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารฟรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่คนทั่วไป ในภาวะข้าวของแพงทุกวัน ติดต่อสอบถามได้ที่ วัดตะเคียน ถนนนครอินทร์ (พระราม ๕) ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โทร.๐-๒๕๙๕-๑๘๕๑, ๐๘-๑๙๒๑-๐๙๔๖

    ประโยชน์ของฝึกตาย
    "หัดตายเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย" ท่านอาจารย์พุทธทาสสอนให้ฝึกตายทุกวัน แล้วจิตใจจะดีขึ้น ชาวพุทธถือมรณานุสติ เป็นเรื่องสำคัญ คือการมีสติให้ระลึกนึกถึงความตาย จะมีความยับยั้ง ไม่ถลำเข้าไปสู่การแสวงหาสิ่งที่เกินความจำเป็น เช่น คนติดเชื้อเอดส์ ต้องเผชิญกับความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนเผชิญไปเผชิญมา หมดความกลัวตาย เมื่อไม่กลัวตายก็เป็นอิสระ มีความสงบ มีความสุข และสุขภาพดี
    การเผชิญความกลัวใดๆ เช่น กลัวผี โดยไม่หลบหนี ในที่สุดก็จะหายกลัว เพราะการหลบหนีไม่เคยทำให้ความกลัวหายไป
    ส่วนประโยชน์ของการฝึกตายทุกวันนั้น ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส บอกว่า ในทางพระพุทธศาสนา มีคำสอนให้มองเห็นตัวเอง ตายเป็นศพขึ้นอืด มีหนอนกินยั้วเยี้ย น้ำหนองไหล
    ต่อมาเนื้อผุพังไปหมด เหลือแต่กระดูก กระดูกก็หลุดออกจากกัน แตกออกเป็นชิ้นหยาบ ชิ้นละเอียด หายไป ไม่มีอะไรเหลือ เพื่อให้เห็นเป็นอนิจจังและอนัตตา จนกระทั่งคลายจากความยึดมั่นในตัวตน ไม่ได้เป็นแค่ปรัชญา แต่มีวิธีการปฏิบัติที่ปรากฏผลจริง ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณสูงสุดคือ เป็นอิสระจากกิเลสตัณหาโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นความแก่ ความเจ็บ ความตาย
    การฝึกตายทุกวัน ให้มีความรู้สึกว่า ตายทั้งที่ยังไม่ตาย ได้ทำให้เกิดปัญญาแล้ว ศาสนาพุทธยังสอนให้คนเราไปร่วมแสดงความเสียใจต่อบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ก็เพื่อทำให้ตัวเราเกิดเป็นมรณาให้นึกถึงความตาย ไม่เช่นนั้นคนเราก็จะมีแต่ความอยาก มีแต่กิเลสที่จะเข้ามาเผาผลาญจิตใจ ให้คนเราเห็นแก่ตัว ไม่สนใจสังคม แต่ถ้ารู้จักนึกถึงความตาย สิ่งเหล่านี้ที่เหมือนเราแบกเอาไว้หนัก ก็จะเบาบางลง
    "การมีสติอยู่กับกายใช้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กิน เดิน นั่ง นอน ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือการทำงาน ในการทำงานถ้าเจริญสติไปด้วยจะเพลิดเพลินอย่างยิ่ง และไม่เบื่อเลย เช่น กวาดบ้าน ล้างชามจาน ก็ทำให้จิตอยู่กับการเคลื่อนไหวของแขนและไม้กวาด หรือกับมือและชามจาน จะพบความสุขอันล้นเหลือในงานนั้นๆ ได้หลุดพ้นจากการบีบคั้นของกาละและเทศะ ไม่กลัวต่อการงานทุกชนิด เพราะการงานทุกชนิดกลายเป็นความสุขไปหมด ขณะเดียวกัน คนเราต้องเรียนรู้ตอนใกล้ตาย จะทำให้เกิดปัญญา ผมเห็นหลายคนที่ใกล้ตายแล้ว เขารอดจากความตายมาได้ วิถีชีวิตเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาขยันทำบุญแล้วก็หมั่นทำความดีต่อตนเองและผู้อื่น" ราษฎรอาวุโสกล่าวทิ้งท้าย


    "ไตรเทพ ไกรงู"




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    [​IMG]

    WOW..!!!!!

    น่าสน... deeja

    มรณานุสสติกรรมฐาน เป็น ๑ ในกรรมฐาน ๔๐
     
  3. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ใครไปมาแล้วบ้าง เล่าให้ฟังบ้างดิ...
     
  4. pop024

    pop024 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +529
    สิ่งที่แฝงอยู่ในพิธีกรรมนี้ คือ เป็นการเตือนสติให้ระลึกว่า ในที่สุดแล้วทุกคนก็หนีไม่พ้นความตาย จะจนติดดิน หรือรวยล้นฟ้า ทุกคนต้องตายแน่ๆ การนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ถึงจะเรียกว่าคนมีสติ และสตินี่แหละเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการดำเนินชีวิต"

    ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ไม่มีใครหนีความตายไปได้ สักวันหนึ่งเราจะต้องตาย เรามีความตายเป็นธรรมดา

    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  5. is am are

    is am are สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +4
    ผู้สำเร็จทางโลกมักจะตายอย่างทรมานมากมาก ตายยาก
    กำลังใกล้ตาย กำลังจะตาย อยากตายแต่ก็มักไม่ได้ตายดี ตายสงบ
    เพราะสมมุติที่สะสมไว้ ทำให้ลูกเมีย พี่น้อง ข้าทาสบริวาร บอกให้หมอเอานวัตกรรมทางโลก
    มาบังคับให้หายใจ เอาเคมีมากระตุ้น เอาสายมาระโยงระยางเต็มไปหมด

    เรียนมาก รู้มาก เก่งไปหมด ชนะมาแล้วทุกเรื่อง พิชิตมาหมดแล้วทุกปัญหา
    แต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ให้ลมสุดท้ายของชีวิตสงบได้ เฮ้อ!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2008
  6. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ..
    อนุโมทนาด้วยครับ สาธุ [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width=550 align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffdd99><TD vAlign=top width="50%" height=25>เย ปมตฺตา ยถา มตา </TD><TD vAlign=top height=25>ผู้ประมาท เหมือนคนตายแล้ว </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ


    ร่างกายเป็นของไม่เที่ยง สังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้ว เกิดแก่ตายไป
     
  8. GARU

    GARU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +1,283
    สาธุ สัตว์โลกเกิดมาเท่าไรตายหมดเท่านั้น พุทธ วจน

    "พระอรหันต์ไม่มีอะไร ยอมรับกฎแห่งกรรมเท่านั้นเอง"คำพูดพระเดชพระคุณ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
     
  9. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,212
    ค่าพลัง:
    +23,196

    ตามความคิดเห็นของผมแล้ว.....

    การฝึกตายแบบนี้เป็นเพียงแค่รูปแบบพิธีกรรม...เพื่อเสริมดวงชะตา
    หรือสะเดาะเคราะห์ หรือหวังโชคลาภจากพิธี...ที่ยังหลงงมงาย
    และเป็นเพียงแค่รูปลักษณ์กิริยา...ที่แสดงออกมาภายนอก
    จะมีสักกี่คนที่น้อมนำ เอามรณานุสติ...เข้ามาภายใน

    ซึ่งเป็นความเชื่อไม่ประกอบด้วยทางดำเนินแห่งองค์มรรค

    ศรัทธาในทางพระพุทธศาสนามี 4 อย่าง คือ

    กัมมสัทธา เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ เชื่อว่า เมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือ เป็นความชั่วความดีมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่า และเชื่อว่าผลที่ต้องการ จะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค เป็นต้น

    วิปากสัทธา เชื่อวิบาก เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วย่อมมีผล และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว

    กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของ จะต้องรับผิดชอบเสวยวิบาก เป็นไปตามกรรมของตน

    ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจในองค์พระตถาคต ว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดีก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุด บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้



    พระธรรมเทศนา โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width="10%"></TD><TD>[​IMG]</TD><TD>539 ฝึกตายก่อนตาย - 12 มิย 34.mp3 (7.73 MB, 73 views)</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  10. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,212
    ค่าพลัง:
    +23,196
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">พุทธวิธีเตรียมตัวก่อนตาย </TD></TR></TBODY></TABLE>หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

    ...ร่างกายของคนเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    ตั้งแต่เด็กเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เรียกว่าตายจริง
    ส่วนที่หมดลมหายใจนั้นเป็นการตายสมมติ
    จิตเคลื่อนย้ายออกจากร่าง มีบาป บุญติดตัวไป
    จิตเกิด ดับ ตลอดซับซ้อนเป็นกฎแห่งกรรม
    การเตรียมตัวก่อนตายต้องเตรียมตั้งแต่เดี๋ยวนี้
    เตรียมสอนลูกหลานให้เรียนหนังสือหาวิชาความรู้ใส่ตัว
    สอนลูกหลานให้มีคุณธรรมประจำจิต หมั่นเจริญกุศลภาวนา
    ฝึกสติปัฏฐาน ๔ สามารถรู้กฎแห่งกรรมของตนเอง
    จะได้แก้ไขปัญหาของชีวิตและพึ่งพาตนเองได้
    มองย้อนหลังไปดูพ่อแม่ และสนองคุณแก่ผู้มีพระคุณ
    เป็นการเตรียมตัวก่อนตายอย่างดีที่สุด....
    (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
    วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงหบุรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2008
  11. punyawat

    punyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +183
    อนุโมทนากับทุกท่านครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ
    ______________
    จงอย่าอยู่อย่างประมาท
     
  12. เเมคมวย

    เเมคมวย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +79
    -ขอก๊อบ ปี้ ....


    ส่งต่อให้เพื่อน ด้วย นะ
     
  13. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    อนุโมทนาสาธุค่ะ....ตอนนี้กำลังมีภาพยนต์โลงต่อตายด้วยค่ะ
     
  14. สวนะ

    สวนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +201
    ชีวิตของตนเคยเฉียดตายมาตั้งแต่เด็กๆ
    ตอนโตจนมีครอบครัว ก็เฉียดตายอีก
    พอฟื้นจากภาวะเฉียดตาย ก็พบดวงวิญญาณ
    ที่บุคคลที่เราเคารพมาหา และ
    กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกับเราว่า ..ปลอดภัยแล้ว
    เราก็ยิ้มรับ..แต่ภาวะนั้น ลืมไปว่าท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว
    จนท่านหายไปต่อหน้าต่อตา จึงระลึกได้..หายมึนงงไปเลย
    ..ตั้งแต่นั้นมา ก็มีมรณานุสสติอยู่เสมอ..
    และหันมาปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ..
    ดูแลบุพการีและคนใกล้ชิดมิให้บกพร่อง ตามกำลังที่มีอยู่
    เพราะมีจิตพร้อม ยังตนด้วยความไม่ประมาท
    เมื่อถึงวันนั้น จิตก็จะไม่เศร้าหมอง ไม่อาลัยในสังขาร
    และคนรอบข้างแล้วค่ะ
    ถึงแม้เราจะอายุไม่มาก..ก็มอบร่างกายไว้กับ รพ.ศิริราช มาได้ 8 ปีแล้วค่ะ

    มีสติ และยังตนด้วยความไม่ประมาทเสมอเถิด..สาธุ
     
  15. ภัทรลีญา

    ภัทรลีญา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    อยากทราบว่าพิธีกรรมนี้ ในสมัยพระพุทธเจ้ามีหรือเปล่าคะ
     
  16. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,212
    ค่าพลัง:
    +23,196

แชร์หน้านี้

Loading...