ไม่ทำงาน ก็รวยได้ ตามพุทธพจน์ ??

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย รวยน้อยไป, 7 สิงหาคม 2012.

  1. รวยน้อยไป

    รวยน้อยไป สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +21
    <BIG>จาก อรรถกถา สิริชาดก</BIG>
    ว่าด้วย โภคะเกิดแก่ผู้มีบุญ


    "ผู้ไม่มีบุญ จะเป็นผู้มีศิลปะหรือไม่มีศิลปะก็ตาม
    ย่อมขวนขวายรวบรวมทรัพย์ใดไว้เป็นอันมาก
    ผู้มีบุญย่อมใช้สอยทรัพย์เหล่านั้น.

    โภคะเป็นอันมาก ย่อมล่วงเลยสัตว์เหล่าอื่นไปเสีย เกิดขึ้นในที่ทั้งปวงแก่ผู้มีบุญอันได้กระทำไว้แล้ว ใช่แต่เท่านั้น รัตนะทั้งหลายยังเกิดขึ้นแม้ในที่อันมิใช่บ่อเกิด."


    มีอธิบายต่อ ตอนหนึ่งว่า

    บทว่า "ลกฺขิกา ตานิ ภุญฺชเร" ความว่า บุรุษอื่นผู้มีบุญ เมื่อจะบริโภคผลบุญของตน แม้จะไม่ทำการงานอะไรๆ ก็ย่อมได้ใช้สอยทรัพย์ทั้งหลายที่เรียกว่าทรัพย์มากเหล่านั้น.





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2012
  2. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    หากเราได้เคยศึกษาประวัติของผู้มีบุญในกาลก่อนเช่น โชติกะเศรษฐี กาฬวิฬิยเศรษฐี เมณฑกเศรษฐี ปุณณเศรษฐี ชฎิลเศรษฐี ซึ่งล้วนสมบูรณ์พร้อมด้วยสมบัติตักไม่พร่อง

    หรือแม้แต่ มหาทุคตะ จูเฬกสาฎก ผู้ซึ่งเกิดมายากจนเข็ญใจ

    ทั้งหมดก็เป็นไปด้วยบุญบารมีที่ได้สั่งสมมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทาน ที่จะส่งผลเป็นโภคทรัพย์โดยตรง แม้พระเจ้ามันธาตุราชบรมจักรพรรดิในกาลก่อน ได้ครอบครองสมบัติทั้งโลก รวมถึงทวีปทั้ง4 สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชทั้งหมด และดาวดึงส์ครึ่งชั้น ก็ด้วยบุญที่สั่งสมไว้ดีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2012
  3. ตรีเพชร์

    ตรีเพชร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +528
    เป็นไปตามกฏแห่งกรรมครับ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ทำเสียเมื่อไหร่ แต่เขาทำบุญมาตั้งแต่ในอดีตชาติจนบุญส่งผลให้ไปเกิดในตระกูลร่ำรวย คือมีทรัพย์มาตั้งแต่เกิดโดยยังไม่ได้ประกอบกิจการงานน่ะครับ
     
  4. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    สาธุครับ

    นอกจากบุญเก่าจากชาติปางก่อนจะเป็นเหตุให้ได้ทรัพย์โดยไม่ต้องพยายามแล้ว ในอรรถกถายังมีพูดถึงเหตุในชาติปัจจุบันที่จะทำให้ได้ทรัพย์โดยไม่ต้องพยายามอีก ท่านว่าใครรักษาสาณียธรรมหก ติดต่อกันถึง 12 ปี โดยไม่ขาดคือไม่ทำความตระหนี่ในลาภของตนให้เกิดขึ้น เป็นต้น คนๆ นั้นจะได้ลาภที่ปราถนาทุกประการ

    จะจริงเท็จอย่างไร ก็ไปพิสูจน์เอาเองนะครับ ส่วนผมยังงกอยู่พอสมควรอาจทำไม่สำเร็จ 55

    -------------------------------------

    สาราณียธรรม ๖ ประการ

    การตั้งกายกรรมประกอบด้วยเมตตาต่อเพื่อนสพรหมจารี(ผู้ประพฤติดี ปฎิบัติชอบธรรม ผู้มีศีล ฯลฯ)ทั้งหลายทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ

    การตั้ง
    จีกรรมประกอบด้วยเมตตาต่อเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ

    การตั้งมโนกรรมประกอบด้วยเมตตาต่อเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ

    การไม่หวงลาภที่เกิดโดยธรรม ที่ตนหาได้โดยชอบธรรมเป็นผู้บริโภคร่วมกับเพื่อนสพรหมจารีผู้มีศีล (รู้จักแบ่งปันต่อคนดี ผู้มีศีล เป็นต้น)


    การตั้งอยู่ในศีล ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่างไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันกิเลสไม่จับต้อง เป็นไปเพื่อสมาธิทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับอยู่ (ศีล 5 เป็นต้น)

    การตั้งอยู่ในทิฏฐิอันประเสริฐ นำออกจากทุกข์นำไปเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ผู้ทำตามพร่ำสอนทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับอยู่(เห็นว่า บุญบาปมี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเป็นต้น)

    ธรรมเหล่านี้เป็นที่ตั้งแห่งความให้ระลึกถึงกัน ทำให้เป็นที่รัก ทำให้เป็นที่เคารพ เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กันเพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความพร้อมเพรียงกัน เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...