ไม่มาเกิดไม่มาตายเรียกว่าชาติสุดท้าย "หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย aprin, 11 มิถุนายน 2011.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ไม่มาเกิดไม่มาตายเรียกว่าชาติสุดท้าย "หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม" ศาสดาเอกของโลก

    หมายเหตุ - ในโอกาสวันถวายเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะศิษย์วัดภูสังโฆ ได้จัดทำหนังสือ ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า “ชาติสุดท้าย” แจกเป็นที่ระลึก ก่อนหน้านี้คณะผู้จัดทำได้เคยจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้แล้วนำถวายหลวงตามหาบัวครั้งยังดำรงขันธ์อยู่มาก่อนแล้ว เนื่องจากการพิมพ์ครั้งล่าสุดนี้หนังสือมีจำนวนจำกัด

    ทางกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์จึงได้ขออนุญาต พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต เจ้าอาวาสวัดภูสังโฆ นำรายละเอียดของหนังสือมาเผยแผ่ซึ่งท่านได้แจ้งว่า ให้พิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ ทางกองบรรณาธิการจึงจะนำเสนอต้นฉบับตามเดิม โดยเพิ่มเนื้อหาที่เป็นเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์แต่ละรูปเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง แล้วนำเสนอต่อเนื่องไปคราวละสัปดาห์จนกว่าจะสิ้นความหลักในหนังสือ มีรายละเอียดดังนี้

    ******************************

    มนุสโส วา เอตัง พุทธสาสนนฺติ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี้ก็เป็นมนุษย์ เมื่อท่านเป็นมนุษย์นั้น ทานบารมีอยู่ในทานการถวายของปรารถนาอยากเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า ศีลบารมีตั้งอยู่ในการรักษาศีล 5 ศีล 8 ปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า เนกขัมมะบารมีใจคิดออกบวช ปัญญาบารมีความรู้ดีรู้ชอบในศีลในฌานแต่เป็นโลกิยะศีล โลกิยะฌาน น้ำใจปรารถนาอยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิริยะบารมีมีความเพียรให้ทานหรือความเพียรทำการทำงานต่างๆ แต่น้ำใจปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า ขันติบารมีมีความอดทน ไม่มีเวรเป็นกรรมแก่ใคร แต่น้ำใจอยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมตตาบารมีมีจิตเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์เพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา ไม่เป็นเวรแก่มนุษย์ ใจอยากเป็นพระพุทธเจ้าอุเบกขาบารมี กระทำจิตเป็นกลางวางจิตเฉย สังสาเร สังสารันติ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายไม่มีที่สิ้นสุด นับบารมีถึงสี่อสงไขยแสนมหากัปป์ ชาติที่สุดก็ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์นั่นแหละ

    [​IMG]

    พุทธะกับเปนะ มนุสเสนะ ศาสนาพระเจ้ากัสสปะสูญไปแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าไม่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ธรรมชาติมนุษย์ผู้ถือพุทธก็มี ถือพราหมณ์ก็มี ถือไปตามอาการของมนุษย์ เทพยดาเจ้าจึงได้ปรึกษากันว่ามนุษย์จะได้เป็นพระพุทธเจ้ามีหรือไม่ เทพยดาเจ้าทั้งสี่สิงกุฏอมาตย์ สัจจะเทวบุตร อาการีเทวบุตร เป็นต้น จึงกล่าวว่า เอสะ ธัมโม เอกะญาโณ มีพระยาธรรมเจ้าองค์หนึ่งเวสสันตะระท่านตายจากมนุษย์นี้และจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทพเจ้าจึงขึ้นไปอาราธนาถึงชั้นจาตุมหาราชิกา จึงกล่าวบทคาถาบาลีมคธว่า กะโรยัต เตมหาวีโร อาราธนังกะโร ข้าพเจ้าทั้งหลายขอโอกาสราธนาหน่อพุทธังกูรผู้มีบุญตนประเสริฐจงลงไปเกิดเถิดพระเจ้าข้า อุปมาดอกบัวสองดอก ดอกหนึ่ง ได้แก่ พระเจ้าสุทโธทนะ ดอกที่สองได้แก่พระนางเจ้าสิริมหามายาดังนั้น พระโพธิสัตว์รับนิมนต์แล้วลงมาจากสวรรค์ ในสวรรค์พรหมก็เป็นสวรรค์เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเป็นชั้นๆ

    พระเจ้าสุทโธทนะลงมาจากพรหมชั้นพรหมปริสัสา พระนางเจ้าสิริมหามายาลงมาจากพรหมปโรหิตตา ตัวพระโพธิสัตว์มหาพรหมมานี้แหละลงมาจากพรหมปฏิสนธิธาตุเข้าท้องยายวันพุธ ยายฝันเห็นช้างเผือกได้อุ้มช้างเผือกว่าลูกยายจะเป็นผู้ชาย สิบเดือนคลอดเสร็จเจ็ดก้าวตีนโลกิยะฌานของท่าน ทานบารมีเป็นฌานที่หนึ่ง ศีลบารมีเป็นฌานที่สอง เนกขัมมะบารมีเป็นฌานที่สาม ปัญญาบารมีเป็นฌานที่สี่ วิริยะบารมีเป็นฌานที่ห้า ขันติบารมีเป็นฌานที่หก สัจจะบารมีเป็นฌานที่เจ็ดเสด็จเจ็ดก้าวตีน นางสาวสนมได้เห็นด้วยจักขุคือตา กล่าวคาถาว่า ธมฺมสฺสวนกาโลอยมฺภทนฺตา ลูกยายบินได้ลูกตาบินได้นี่น่าอัศจรรย์
    พระเจ้าสุทโธทนะรับเอาแม่กับลูกไปไว้ ได้เจ็ดวันพระมารดา ทิวงคต (ตาย) ทิ้งลูกเป็นกำพร้า พระแม่น้าเลี้ยงไว้ ฤษีมาทำนายจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระอาจารย์ฤษี 3 องค์เข้ามาเฝ้า พระเจ้าสุทโธ|ทนะจึงอุ้มเอาพระราชบุตรไปกราบฤษี พระฤษีมองเห็นแล้วด้วยฌานจึงกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ มหาปุริสลกฺขณานุภาเวน อสีตยานุพยญชนานุภาเวน นวโลกุตฺรธมฺมานุภาเวน สมยวิมุตฺโตอสยวิมุตฺโต

    อธิบายเป็นภาษาไทยถวายพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระราชบุตรพระองค์เจ้าออกบวชเป็นฤษีพุทฺเธรตนํได้เป็นพระพุทธเจ้าหนึ่งไม่มีสองอักฏกสุริโยพระอาทิตย์ดวงเดียว ชายคนนี้แหละจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะแสดงพระปรมัตถ์ พุทธบัญญัติ อิทมฺปิ สังเฆรัตนัง อสีสิติพุทธสาวก 80 องค์ องค์มีฤทธิ์ศักดานุภาพมหาปุริสลักขณานุภาเวนะ ฝ่าตีนเป็นกงจักรฝ่ามือเป็นดอกบัว อสีตยานุพยัญชนานุภาเวนะ

    เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะเทศนาพระปรมัตถ์ได้ชื่อว่า พุทธบัญญัตินวโลกุตรธมฺมานุภาเวนะ แสดงธรรมเก้าประการเกิดจากวิญญาณหัวใจพระโพธิสัตว์ สมยะวิมุตโต...

    ... โยมทั้งหลายเกิดมาในพุทธศาสนาเป็นผู้ใกล้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใกล้อย่างนั้นอย่างไรจึงจะเป็นผู้ใกล้ นั่งใกล้ก็ไม่ใช่ นอนใกล้ก็ไม่ใช่ และยืนใกล้ก็ไม่ใช่

    ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ที่ใกล้

    โยมผู้หญิง ผู้ชายทั้งหลาย ทานบารมีตั้งอยู่ในทาน การถวายทานของตามที่จัดหามาได้ มีมากก็ทานมาก มีน้อยก็ทานน้อย ทานตามมีตามเกิด ศีลบารมีตั้งอยู่ในศีล 5 ศีล 8 ธรรมบารมีตั้งอยู่ในธรรมคำสั่งสอนของเราแล้ว ศาสนาธรรมคำสั่งสอนของเราก็เจริญเต็มไปด้วยพระโสดาไม่เลือกผู้หญิงผู้ชาย เต็มไปด้วยพระสกทาคาได้ทั้งหญิงทั้งชาย เต็มไปด้วยพระอานาคา เต็มไปด้วย พระอรหันต์ จิตวิญญาณเท่ากันทั้งนั้นแม้โยมทั้งหลาย ทานบารมีก็ไม่ทำเลย ศีลบารมีศีลห้าศีลแปดก็ไม่เอา ธรรมคำสั่งสอนของเราก็สูญหมด หายหมดไม่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์

    ธัมโม จะวินะโย จะพระธรรม อยู่ที่ไหนเดิมทีอยู่ที่กายพระพุทธเจ้า ที่ใจพระพุทธเจ้าน้อมเข้ามาในกายของเราก็เป็นตัวเดียวนั่นแหละ

    พระธรรมที่ใจของเรา วินัยก็ที่ใจของเรา ธรรมนั้นคืออะไร รูปก็พระธรรมเวทนาก็พระธรรม สัญญาก็พระธรรม สังขารก็พระธรรม วิญญาณก็พระธรรม ตาก็พระธรรม หูก็พระธรรม จมูกก็พระธรรม ปากก็พระธรรม กายก็คือพระธรรมนั่นแหละ
    ใจที่เราทำบาป บาปก็เกิดจากหัวใจนี่แหละ

    สมมติถ้าเราทำนาก็ได้ข้าวกิน เอาผัวเอาเมียก็ได้ลูกสาวลูกชายตามความปรารถนา ถ้าเราไม่เอาลูกเอาผัวก็ไม่ได้ลูกสาวลูกชายธรรมทั้งหลายก็อยู่ที่หัวใจของเรา กายของเรา วินะโย จงรักษาวินัย ศีล 227 ก็พุทธะ วินัยศีลห้าเป็นเค้า ศีล 8 เป็นปลาย ศีล 10 ศีล 227 ก็เป็นปลาย ศีลทั้งหลายมีศีล 5 เป็นเค้า ศีล 5 เปรียบเหมือนแผ่นดิน ศีล 8 เหมือนต้นกล้วย ต้นอ้อย ศีล 227 เหมือนต้นข้าว เปรียบเหมือนนายเศรษฐีจะทำนาก็ดี จะปลูกต้นกล้วยก็ดี ต้นอ้อย ต้นข้าวทั้งหลายนี้ปลูกลงในแผ่นดิน ไม่มีดินกล้วยอ้อยทั้งหลายก็ตาย นี่แหละศีลทั้งหลายมีศีล 5 เป็นเค้า

    เมื่อได้ศีล 5 แล้ว ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ก็ได้เค้า ศีล 5 ก็เค้า (ต้น) ขาของเราทุกคนเค้า (ต้น) แขนของเราทุกคนหัวศีล 5 ก็หัวใจของเรานี่แหละ หัวใจนั้นคืออะไร การที่เราเกิดมานี้เรียกว่าผู้หญิงผู้ชายนี้เป็นเพียงแต่ขันธ์เท่านั้น ส่วนใจนั้นทำให้เป็นพระอรหันต์ได้ เหตุนั้นธรรมอรหันต์ก็คือใจนั่นแหละ เวรมณีไม่ฆ่าสัตว์เป็นธรรมที่ 1 เวรมณีไม่ลักทรัพย์เป็นธรรมที่ 2 เวรมณีไม่ประพฤติผิดในกามเป็นธรรมที่ 3 เวรมณีไม่กล่าวมุสาวาทเป็นธรรมที่ 4 เวรมณีไม่กินเหล้าเมาสุราเป็นธรรมที่ 5

    นี่แหละธรรมะอยู่ที่นี่ จึงจะแปลเวรมณีออกเป็นภาษาไทย กายานุปัสสนาสติปัฏฐานังรูปขันธ์เป็นกายที่ 1 เวทนาขันธ์เป็นกายที่ 2 สัญญาขันธ์เป็นกายที่ 3 สังขารขันธ์เป็นกายที่ 4 วิญญาณขันธ์เป็นกายที่ 5 นี้แหละเรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐานัง กายานุปัสสนาเรามีกายพากายไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา

    กายก็กลายเป็นพระพุทธเจ้า ใจก็เป็นพระพุทธเจ้า กายเราใจเราทุกคนนี้แหละ

    1.แปลงมาที่กายของเรา ใจของเรา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมาใจเป็นโสดาผลหนึ่งพุทธโธคือใจของเรา
    2.รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา ใจนั้นเป็นโสดาผล
    3.รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ออกบวชไม่มีผัวมีเมีย ใจนั้นเป็นโสดาผล
    4.รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็น|โสดามรรค ไม่ขี้ปด ใจเรานั้นเป็นโสดาผล
    5.กายานุปัสสนาเรามีกาย ไม่พากายไปกินเหล้ากายกับใจก็เป็นโสดาผล

    อริยบุคคลเกิดจากพุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ อรหํ สมฺมา สมฺพุทฺโธ
    ฆ่าสัตว์ก็ละแล้วยังแต่พระพุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ คือใจของเราทุกคน
    ลักทรัพย์ก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ คือใจของเราทุกคน
    เสพกามก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธมฺโม สังโฆ คือ ใจของเราทุกคน
    ดื่มสุราก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธฺมโม สงฺโฆ คือใจของเราทุกคน

    พุทโธอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรา พุทธภายใน พุทธภายนอก
    พุทธภายในได้แก่ใจที่บริสุทธิ์ ใจที่บริสุทธิ์ใจที่ไม่เป็นใบ้ ใจดีใจงามใจซื่อสัตย์ ใจมีศีลธรรม
    พุทโธ เกิดจากใจของเราทุกคน
    ธมฺโม ก็ใจ
    สงฺโฆก็ใจ ใจเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้านี้เรียกว่าพุทธภายใน

    พุทธภายนอกได้แก่ตาของเรา ถ้าตาบอด ตาเสีย ตาไม่มีพุทธ ตาไม้สัก ไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ไม้ไร่ ไม้บง ตาอย่างนั้นไม่ใช่ตามีพุทธ ตามนุษย์เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนา

    พุทธภายในได้แก่ ใจของเราทุกคน พุทธภายนอก ได้แก่ ตาอันนี้เป็นองค์ที่หนึ่ง และองค์ที่สองพุทธภายใน คือ ใจที่บริสุทธิ์ คือใจมีทาน ใจมีศีล ใจมีธรรม พุทโธ เกิดจากใจของเราทุกคน ธมฺโม สังโฆ ก็เหมือนกัน
    ใจเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันนี้แหละเรียกว่า พุทธภายใน

    พุทธภายนอก พุทโธก็หูของเราทุกคน ธมฺโม สังโฆ ก็เหมือนกัน
    หูเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หูหนวกเสีย หูไม่มีพุทธ ได้แก่หูกระเช้า หูกระช้า หูกระทะ หูกระบุง หูอย่างนั้นไม่มีพุทธ หูมีพุทธได้แก่หูมนุษย์ เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนาพุทธภายในก็คือใจของเราท่าน ทุกคน
    พุทธภายนอกก็คือหูอันเป็นองค์ธรรมที่สอง พุทธภายนอกในใจอัน
    บริสุทธิ์ ใจมีเมตตา พรหมวิหาร ฐานที่อยู่ของใจ ได้แก่ อุเบกขาพรหมวิหารฐานที่อยู่ของใจเมตตาพรหมวิหารแก่เพื่อนมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา อย่าได้เป็นเวรแก่มนุษย์ กรุณาเจโตกรุณาแก่เพื่อนมนุษย์เพื่อนเกิดมาร่วมสุขร่วมทุกข์ อัพยาปัชฌาโหนฺตุ อย่าพยาบาทกันอาฆาตผูกเวรกัน มุทิตา เจโต มรจิตอ่อนหวาน ผู้เกิดก่อนเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ผู้เกิดมาทีหลังเป็น ลูก หลาน เหลน ฐานที่อยู่ของจิต อุเบกขา พรหมวิหารกระทำจิตเป็นกลางวางจิตเฉยๆ

    พุทโธ ตั้งใจของเราให้มีพระพุทโธ ธัมโม สังโฆ ตั้งใจของเราให้มีพระธรรม พระสงฆ์ ชาวพุทธโธให้ขาวลงที่ใจของยาย

    ธัมโม สังโฆ ให้ขาวพระพุทธโธ ธัมโม สังโฆ ก็ให้เหลืองลงที่ใจของเราทุกพระองค์กันเถิด นี้แหละพระพุทธศาสนานี้แหละพุทธใน

    พุทธนอกได้แก่ปากของเรา ธัมโม สังโฆ ได้แก่ ปาก ปากเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปากไม่มีพุทธ ได้แก่ปากน้ำบ่อ ปากน้ำบวย (กะบวย) ปากน้ำคนโท ปากหม้อ ปากไห ปากอย่างนี้ปากไม่มีพุทธ ปากมีพุทธได้แก่ปากมนุษย์ทั้งหลาย หูไม่มีพุทธ ได้แก่หูกระเช้า หูกระช้า หูกระทะ หูกระบุง หูมีพุทธได้แก่หูมนุษย์ ตาไม่มีพุทธ ได้แก่ตาไม้สัก ไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ตาไม้ไร่ ตาไม้บง ตามีพุทธ ได้แก่ตามนุษย์เราท่านทั้งหลายทุกคน

    พุทธในก็คือใจของเรา พุทธนอกได้แก่ตาของเรา ปากไม่มีพุทธได้แก่ปากน้ำบ่อ ปากน้ำกระบวย ปากหม้อ ปากไห ปากมีพุทธ ได้แก่ปากมนุษย์เรา พุทธในก็ใจ พุทธนอกได้แก่ปากของเรา ท่านทั้งหลาย ขอนักกัมมัฏฐานทั้งหลาย ผู้มีพุทโธแล้วสวรรค์ 6 พรหม 16 พระนิพพานก็จะเป็นของท่าน ถ้าหากนักธรรมนักกัมมัฏฐานและพุทโธ ธัมโม สังโฆแล้วมันไกลพุทธศาสนาตั้งหมื่นวาแสนวาจะนั่งภาวนาเอาสวรรค์ 6 พรหม 16 พระนิพพานจนกระดูกหักก็ไม่ได้สวรรค์นิพพานหรอก ถ้ามีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นผู้รู้สวรรค์ รู้นิพพาน ปรารถนาสวรรค์ ปรารถนานิพพานก็จักได้นิพพานสมตามความปรารถนา

    ขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งพุทโธเถิด

    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม
     

แชร์หน้านี้

Loading...