ไม่มีพุทธศาสนา..ถ้าไร้พระไตรปิฎก

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 14 ธันวาคม 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle colSpan=2>ไม่มีพุทธศาสนา ถ้าไร้พระไตรปิฎก


    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]



    พระไตรปิฎกคือคัมภีร์สูงสุดของพุทธศาสนา ที่ได้รวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาไว้เป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการศึกษาค้นคว้า เป็นคัมภีร์ที่บอกเราว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร และสอนว่าอย่างไร
    เมื่อใดก็ตามที่คนเรายังศึกษาเล่าเรียน อ่าน แปล ค้นคว้าพระไตรปิฎก และปฏิบัติตามหลักคำสอนในพระไตรปิฎกอยู่อย่างแพร่หลาย พุทธศาสนาก็จะยังดำรงอยู่สืบไป แต่หากวันใดไม่มีคนสนใจ คำสั่งสอนต่างๆ ของพระพุทธเจ้า รวมถึงของพระสาวกที่อยู่ในพระไตรปิฎกก็เปรียบเหมือนคัมภีร์เปล่า ที่ไร้คุณค่าและไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย และเมื่อนั้นเอง พุทธศาสนาก็คงถึงกาลอวสานไปจากโลก
    มีอะไรในพระไตรปิฎก
    หากเปรียบพระไตรปิฎกเหมือนภาชนะใส่ของ ก็คงประกอบด้วย ตะกร้า 3 ใบ (ปิฎก = ตะกร้า) ที่ใช้สำหรับใส่สิ่งของสำคัญและเป็นประโยชน์แก่ชาวโลก
    สิ่งสำคัญที่ว่าคือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแยกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ธรรม (คำสอน) และวินัย (คำสั่ง)
    ส่วนที่เป็นธรรมก็ยังแยกออกเป็น 2 ส่วน เนื่องเพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้มากมาย คือ พระสูตร หรือเรียกอีกอย่างว่า พระสุตตันตะ และพระอภิธรรม
    ธรรมะต่างจากวินัยที่ตรัสในวงจำกัด คำว่าแคบกว่าก็คือ เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติเป็นสิกขาบทสำหรับภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ เท่านั้น ไม่ใคร่จะเกี่ยวกับฆราวาส ทั้งนี้เพื่อให้ชุมชนทั้งสองคือภิกษุและภิกษุณีดำรงอยู่ด้วยดี เป็นระเบียบงดงาม และเป็นที่นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่มหาชน
    ธรรมหรือเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่บุคคลในโอกาสต่างๆ ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยการเสด็จไปโปรดคนโน้นคนนี้ เช่น พรานป่า ชาวนา กษัตริย์ ชาวบ้าน ภิกษุ เป็นต้น ด้วยการแสดงธรรม หรือตอบข้อซักถามของเขาเหล่านั้นจนหายสงสัย บางครั้งไม่ได้เสด็จไปไหนก็มีผู้มาทูลถามปัญหาก็มีมากมายหลายครั้ง เช่น เทวดามาถามปัญหาพระพุทธเจ้า ณ วัดเชตวัน พาวรีพราหมณ์อยากรู้คำสอนในพุทธศาสนาก็ส่งศิษย์ 16 คน มาถามปัญหา เป็นต้น
    ธรรมที่พระองค์แสดงหรือตรัสสนทนากับบุคคลในสถานการณ์และสถานที่ต่างๆ แต่ละเรื่องจบไปเรื่องหนึ่งๆ นี้ เรียกว่า สูตร เช่น ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ภิกษุชื่อเมฆิยะ ก็เรียกว่า เมฆิยสูตร
    เมฆิยสูตร เป็นเรื่องของพระเมฆิยะที่ทำความเพียรในป่ามะม่วง แต่ไม่อาจบรรลุธรรมได้ เนื่องจากถูกวิตก 3 ครอบงำ จึงทำให้จิตของท่านดิ้นรน กวัดแกว่ง ไม่มีสมาธิ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปแสดงธรรมให้ฟัง โดยแสดงเป็นอุปมาอุปไมยให้ท่านเข้าใจว่า ปลาที่ถูกซัดขึ้นบก เมื่อไม่ได้น้ำก็ย่อมดิ้นรนไปมา เหมือนกับจิตยินดีในกามคุณ 5 เมื่อภิกษุยกขึ้นจากที่อยู่คือ กามคุณ 5 แล้วซัดไป (มุ่งสู่) ในวิปัสสนากรรมฐาน เผาด้วยความเพียรทางกายและทางจิต ก็ย่อมดิ้นรน คือไม่อาจที่จะติดอยู่ในกามคุณ 5 นั้นได้ (เพราะถูกอำนาจวิปัสสนากวัดแกว่ง)
    ธรรมที่มาในรูปนี้มีมากมาย เรื่องหนึ่งๆ ก็มีสาระไปอย่างหนึ่ง ตามแต่พระองค์จะตรัสแก่บุคคลประเภทใด มีความรู้และมีสติปัญญาระดับไหน ซึ่งนอกจากเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังมีเทศนาของพระสาวกสำคัญบางรูป ทั้งพระเถระ พระเถรี ตลอดถึงภาษิตของเทวดาที่ทรงรับรองว่าเป็นสุภาษิตอีกจำนวนมาก เช่น สังคีติสูตร ก็เป็นสูตรที่ว่าด้วยการทำสังคายนา ที่พระสารีบุตรได้แสดงวิธีการทำสังคายนาไว้เป็นตัวอย่าง โดยท่านได้รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าแสดงไว้เป็นข้อธรรมต่างๆ มาแสดงตามลำดับหมวด ตั้งแต่หมวด 1 ไปจนถึงหมวด 10
    ธรรมประเภทนี้ เรียกว่า พระสูตร และเมื่อนำมาใส่ในปิฎก ก็เรียกว่า พระสุตตันตปิฎก
    ธรรมอีกประเภทหนึ่ง คือ ธรรมที่แสดงตามเนื้อหาของธรรมล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับบุคคลหรือสถานที่ ไม่คำนึงว่าใครจะฟังทั้งสิ้น เอาเนื้อหาเป็นหลัก ยกหัวข้อธรรมอะไรขึ้นมา ก็อธิบายเรื่องนั้นให้ชัดเจนไปเลย เช่น ยกจิตขึ้นมา ก็อธิบายไปเลยว่า จิตคืออะไร มีลักษณะอย่างไร มีทั้งหมดกี่ดวง ความเป็นไปแต่ละดวงเป็นอย่างไร จิตถูกกิเลสครอบงำจะเกิดอะไรขึ้น เป็นต้น
    ธรรมประเภทซึ่งเป็นวิชาการล้วนๆ นี้ เรียกว่า พระอภิธรรม และเมื่อนำมาใส่ในปิฎกก็เรียกว่า พระอภิธรรมปิฎก
    ส่วนที่เป็นคำสั่งคือวินัยนั้น เป็นส่วนที่ว่าด้วยสิกขาบทของภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์ ที่บอกว่าภิกษุ ภิกษุณี ทำอะไรได้-ไม่ได้บ้าง และการที่ทำไม่ได้หรือห้ามทำนั้น หากภิกษุ ภิกษุณี ละเมิดก็มีโทษปรับที่เรียกว่าอาบัติ ตั้งแต่สถานเบาไปถึงสถานหนัก สูงสุดคือขาดจากความเป็นภิกษุ ภิกษุณี
    นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงความเป็นมา ความเป็นอยู่ของสงฆ์ ตลอดถึงระเบียบวิธีปฏิบัติของสงฆ์ ที่เรียกว่าสังฆกรรมต่างๆ เช่น การบรรพชา อุปสมบท เรื่องอุโบสถ กฐิน การคว่ำบาตร การลงโทษภิกษุที่ประพฤติผิดธรรมผิดวินัย เป็นต้น เมื่อนำมาใส่ในปิฎก เรียกว่า พระวินัยปิฎก และเมื่อรวมแล้วจะครบ 3 ปิฎก เรียกว่าพระไตรปิฎก
    พระไตรปิฎก...สำคัญไฉน
    หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็มีพระไตรปิฎกนี่แหละที่รวบรวมพระธรรมวินัย ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นศาสดาแทนพระองค์ของชาวพุทธ ดังนั้น เราจึงถือกันมาเป็นหลักถึงทุกวันนี้ว่า เมื่อพระพุทธเจ้าจากไปแล้วสิ่งสำคัญคือจะต้องรักษาคำสั่งสอนนั้นไว้ให้ดำรง อยู่สืบไป โดยการศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติตามคำสอนในพระไตรปิฎกด้วยความนับถือจริงๆ
    พระไตรปิฎกจะเป็นเกณฑ์มาตรฐานในการตัดสินความเชื่อถือ และการประพฤติปฏิบัติตนของชาวพุทธว่า ความเชื่อและการปฏิบัตินั้นถูกต้องตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาหรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามคำสอนที่รวบรวมไว้ในพระไตรปิฎก หรือคลาดเคลื่อนผิดแปลกจากนั้นก็ไม่ใช่พุทธศาสนา ถ้าถูกต้องตามนั้นก็เป็นพระพุทธศาสนา
    เกี่ยวกับพุทธศาสนาที่เราเห็นในปัจจุบัน เช่น โบสถ์ วิหาร กุฏิ ศาลา การเที่ยวบิณฑบาต การใช้ไตรจีวรของภิกษุ สังฆกรรมต่างๆ เช่น การบวช การกรานกฐิน การลงอุโบสถ สวดปาติโมกข์ การลงโทษพระที่ประพฤติไม่ยำเกรงพระธรรมวินัย การแสดงอาบัติ เป็นต้น หรือการที่ชาวบ้านต้องการทำบุญทำทานอย่างใดอย่างหนึ่ง เรื่องทาน ศีล ภาวนา รวมทั้งหลักธรรมคำสอนต่างๆ ของพระพุทธเจ้า เช่น ขันติ โสรัจจะ รัตนะ ไตรลักษณ์ อริยสัจ อิทธิบาท พละ โพชงค์ มรรค ปฏิจจสมุปบาท พระนิพพาน เป็นต้น ล้วนมาจากพระไตรปิฎกทั้งสิ้น
    หากไม่มีพระไตรปิฎก เราชาวพุทธก็ไม่สามารถที่จะรู้จักถ้อยคำ เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนาที่กล่าวมาได้เลย แม้ภิกษุเองก็ไม่มีมาตรฐานที่จะวัดว่าที่ตนเองประพฤติปฏิบัตินั้น อย่างไรผิด อย่างไรถูก อะไรเป็นอาบัติ อะไรไม่เป็นอาบัติ อะไรเป็นอาบัติหนัก อะไรเป็นอาบัติเบา เป็นต้น ได้
    เห็นแล้วใช่มั้ย? ถ้าไม่มีพระไตรปิฎกเสียอย่างเดียว เป็นหมดกัน คือ หมดสิ้นพระพุทธศาสนา !! นั่นเอง



    ผู้เขียน:วรธาร ทัดแก้ว


    ที่มา:[​IMG]

    -----------------------


    http://www.dhamma.in.th/html/news.php?action=News Detail&sel_ID=238
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. หนึ่ง99999

    หนึ่ง99999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,369
    ค่าพลัง:
    +1,922
    จริงครับท่าไมมีพระไตรปิฎกคงไหมมีศาสนาพุทธครับจนถึงทุกวันนี้ครับ


    มาสนใจในพระพุทธศาสนาที่แท้จริงกันดีกว่าครับ
     
  3. neung48

    neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +457
    ไร้สาระ พุทธยังคงมีอยู่ไม่ว่าจะมีพระพุทธเจ้าค้าพบหรือไม่ มีพระธรรมปิฏกหรือไม่ มีพระอริยสงฆ์หรือไม่ มันก็ยังคงมีอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน
     
  4. palagost

    palagost สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    เอาที่ไหนมาพูดท่าน หมดสิ้นพระพุทธศาสนา?? คำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นของจริงอยู่อย่างนั้น จะไปยึดกับพระไตรปิฏกทีเดียวก็ไม่น่าจะถูกไปทีเดียวนะผมว่า
     
  5. แมวแหมว

    แมวแหมว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +49
    เข้าใจเปรียบเทียบพระไตรปิฏกของพระพุทธศาสนากับคัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริตส์ หรือคัมภีร์อัลกุราอ่านของศาสนาอิสลาม มันก็คล้ายคลึงกับการจดบันทึกประจำวันหรือการลงบัญชีรายรับรายจ่ายนั้นแหละ บันทึกไว้ จดเป็นเล่มเป็นเอกสารไว้ เพื่อกันอาการหลงลืมซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์เมื่อเริ่มสูงอายุ และการจดบันทึกก็เป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมประเพณี เพราะการท่องจำแต่เพียงอย่างเดียวอาจคลาดเคลื่อนได้ แต่ถ้าจดบันทึกไว้แล้วเอาแต่เชื่อในคัมภีร์ที่บันทึกนั้นเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้อีก จะต้องมีทั้งสองอย่างควบคู่กันไป คือทั้งจดบันทึกเป็นคัมภีร์และถ่ายทอดความทรงจำการปฏิบัติการกระทำเป็นตัวอย่างนั่นคือการท่องจำและส่งต่อจากผู้หนึ่งไปยังอีกผู้หนึ่ง หรือที่เรียกว่าคัมภีร์มีชีวิต เนื่องจากการจดบันทึกเป็นหนังสือก็มีข้อจำกัดในการถ่ายทอด การบันทึกการปฏิบัติด้วยวิถีชีวิตของผู้นับถือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะพระธรรมไม่มีกาล เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ เพียงแต่ใครจะสามารถเข้าถึงเข้าใจได้มากกว่ากันเท่านั้นเอง
     
  6. nicname

    nicname สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +10
    ไม่มีพุทธศาสนา... หากไร้ซึ่ง
    1. พระพุทธเจ้า
    2. พระธรรม
    3. พระสงฆ์
    4. พุทธบริษัททั้งหลาย
     
  7. ธาตุ 4

    ธาตุ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +110
    ก็เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าถูกบันทึกในพระไตรปิฏกไง จะไปคิดเอาใหม่เอาเองที่ใหนได้ละครับ
     
  8. ทิภาภรณ์

    ทิภาภรณ์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +1
    เห็นด้วยกับผู้เขียนบทความ ชาวพุทธควรศึกษาพระไตรปิฏก...และปฏิบัติตามคำสอน....และเป็นกัลยาณมิตรให้ชาวพุทธด้วยกัน......
     
  9. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    ในความเห็นส่วนตัว เห็นด้วยกับคุณ nicname ค่ะ ว่าทั้ง 4 ปัจจัยสำคัญเท่ากันหมดค่ะ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งเสียมิได้
     
  10. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง การจดบันทึกเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ การจัดรวบรวมเป็นหมวดหมู่สำหรับชาวพุทธที่สนใจย่อมศึกษาได้ง่าย หากไม่มีนะ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าศาสนาพุทธจะเป็นอย่างไร คงผสมปนเปกัน ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก่อให้เกิดแนวคิดที่แตกต่างกันไป ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นตามมา ผมนึกไปถึงศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง เลยนะ
     
  11. ธาตุ 4

    ธาตุ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +110
    ขนาดทุกวันนี้มีพระไตรปิฏกอ้างคำสอนของพระพุทธ มีธรรม และมีอริยสงฆ์ เป็นกรณีศึกษา ยังนับถือและปฏิบัติกันผิด ๆ เช่น ไม่มีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไปพึ่งวัตถุมงคล(หรือไม่มงคล) เป็นต้น ถ้าไม่มีพระไตรปิฏกจะผิดกันมากขนาดใหน
     
  12. lord_vishanu

    lord_vishanu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +15
    หากอ่านพระไตรปิฎกแล้วเจอว่า พระพุทธเจ้าใช้ถ้อยคำที่รุนแรงแสดงว่ามการเพิ่มทีหลัง เพราะ พระพุทธเจ้าไม่เคยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง
     
  13. dewvader

    dewvader Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +88
    ประโยชน์พึงจะได้แก่ผู้ปฏิบัติตาม เท่านั่นแหละครับ

    ถึงแม้จะมี พระไตรปิฎก จะดีเพียงใดแต่ถ้าไม่มีผู้ปฏิบัติตาม ก็...
     

แชร์หน้านี้

Loading...