ไม่รู้จักกัน

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อนัตตา, 4 มกราคม 2019.

  1. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ครูบาอาจารย์ท่านสอน ท่านฝึก ให้ทรมานกาย ทรมานใจ เพราะอะไร...เพราะต้องการให้รู้จักทุกข์ เห็นทุกข์ของกาย ทุกข์ของใจ

    เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องทุกข์ ถ้าผู้เรียนไม่รู้จักทุกข์ ไม่เห็นทุกข์ แล้วจะฝึกเพื่อความพ้นทุกข์ได้อย่างไร....

    ก็เลยฝึกด้วยความหลง ไม่ใช่ด้วยความรู้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    นำมาฝากค่ะ:D

    พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต
    วัดบุญญาวาส ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
    คัดมาจากหนังสือ"ประตูสู่ มรรค ผล นิพพาน ๒"
    เรื่อง"นี่คือหนทาง"

    สติปัญญาซึ่งไม่ละเอียดพอ ก็หลงอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้จะวางอารมณ์ในอดีต อารมณ์ในอนาคต แต่ก็ยังมาหลงอยู่ในปัจจุบันธรรม ยึดอยู่ในปัจจุบันธรรมว่าเป็นตัวจิต บางทีก็หาตัวผู้ร้ายไม่เจอ หากิเลสไม่เจอ เพราะจิตมีความสงบเยือกเย็นมาก อาการอย่างความทุกข์แม้น้อยนิดมันก็ปรากฏได้ยาก เพราะเป็นอารมณ์ส่วนละเอียด

    สติปัญญาต้องเข้าไปพิจารณาแยกแยะส่วนละเอียดอาการของจิตอีก คือเวทนาของจิต ความสุข ความทุกข์ ซึ่งจะไม่ค่อยมี หรือความเฉยของจิต ต้องใช้ปัญญาเห็นความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตน พิจารณาเพื่อที่จะปล่อยวาง ออกไปในเวทนาของจิต หรือในความจำ ซึ่งจิตหมายมั่นว่าเป็นตัวจิต ความจำได้หมายรู้ในสิ่งต่าง ๆ เราก็เข้าใจว่าอันนั้นคือใจของเรา เห็นความจำของเรา หรือเห็นจิตของเรา
     
  3. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สติปัญญาที่ละเอียดก็จะเข้าไปพิจารณา โดยธรรมชาติให้เห็นความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตนของความจำอันนั้นว่ามันไม่ใช่ตัวจิต มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เห็นอยู่เสมอ ๆ เห็นชัดขึ้น มันก็ค่อยปล่อยวางออกไป หรือความนึกคิดปรุงแต่ง

    สติปัญญาก็เข้าไปเห็นว่า เราเคยนึกคิดปรุงแต่งในเรื่องที่ดี ที่เป็นกุศล ปรุงแต่งไปในเรื่องต่าง ๆ เห็นก็เป็นเพียงอาการของจิต

    สติปัญญาก็เข้าไปพิจารณา เห็นชัดขึ้น เห็นความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตนของสังขาร หรือวิญญาณความรับรู้ต่าง ๆ

    สติปัญญาก็จะเริ่มเห็นชัดขึ้น การรับรู้ความสุข ความทุกข์ รู้ในสิ่งต่าง ๆ ความรู้อันนั้นยังคงเป็นความรู้ซึ่งมีตัวตนอยู่ ในการรับรู้ต่าง ๆ จึงเป็นผู้รู้ซึ่งมีกิเลสอยู่
     
  4. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สติปัญญาต้องเข้าไปพิจารณาส่วนละเอียดในวิญญาณนั้นให้เห็นอนิจจัง อนัตตา รวมลงแล้วพิจารณาทั้งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เห็นเป็นไตรลักษณ์ พิจารณาจนละเอียดไป สุดท้ายแล้วย้อนมาที่ใจเจ้าของ ใจที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นจิต หรือว่าเป็นผู้รู้ เพราะท่านให้พิจารณาทำลายผู้รู้ตัวนั้น เพราะผู้รู้ตัวนั้นก็ยังเป็นกิเลส เป็นอวิชชา มีกิเลสกำกับอยู่ หรือเป็นความหลงซึ่งยึดมั่นถือมั่นให้จิตหลงในตัวจิตว่านั่นเป็นจิต

    เพราะฉะนั้นท่านจึงย้อนให้มีสติปัญญาพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ฅวามไม่ใช่ตัวตนของสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายทั้งปวงให้ออกไปจากจิต คือความนึกคิดปรุงแต่งต่าง ๆ ซึ่งจิตจะหลงว่าเป็นจิต
    หลงยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ที่เกิดทุกอย่างว่าเป็นจิต

    สติปัญญาจึงย้อนมาพิจารณาทำลายตัวนั้น ให้เห็นความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตน จนปล่อยวางออกไป จึงเป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ขึ้นมา

    _/|\_ _/|\_ _/|\_
    .
     
  5. paprica

    paprica Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +57
    พยายามทำความรู้จัก แต่เธอทำตัวลึกลับปิดบังทุกอย่าง มาคิดดูอีกที เราไม่รู้จักกันนี้หว่า
     
  6. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    สวัสดีค่ะคุณปาปริก้า ต่อว่าเราหรอ:D
     
  7. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ร่างกายวันนี้ไม่พัง ก็ต้องพังในวันหนึ่งอยู่ดี เพราะมันเป็นของชั่วคราว ดูความเสื่อมของมันไป เสื่อมไปทีละอย่างๆ ทีละส่วนๆ จนครบทั้งหมดก็พังทลาย

    เมื่อเจริญเต็มที่แล้วก็เสื่อมลงไปเป็นธรรมดา เพราะร่างกายเป็นของเสื่อม หากใครรู้ความลับนี้แล้ว จะไม่เป็นทุกข์กับความเสื่อมเลย

    ธรรมลึกลับมีมากมาย

    บุญแล้วที่มีร่างกายไว้พิจารณาหาทางออกจากทุกข์

    รูปร่างกายเกิดขึ้นด้วยหลายองค์ประกอบ จิตเป็นผู้สร้าง กิเลส ตัณหา อุปาทาน ก็เกิดจากจิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. paprica

    paprica Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +57
    ไม่ได้ว่าคุณอนัตตาจ้า แค่พูดถึงบางคนที่เคยรู้จักเค้าเป็นแบบนี้
     
  9. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ค่อยยังชั่ว:D
     
  10. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    การทำบุญให้ทาน ทำให้สม่ำเสมอ ทำเป็นประจำ เป็นการสั่งสมจาคะบารมี ทานบารมี ทำตามกำลัง มีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย ทำเพราะต้องการสงเคราะห์เกื้อกูล สละออกเพื่อลดความยึดมั่นถือมั่น เป็นบุญทานบริสุทธิ์ เป็นฉันทะ

    อย่าไปทำแบบเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง อย่างนั้นเป็นการเบียดเบียนตน:D
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    อย่ามัวเสียเวลากับการสะสมอารมณ์ที่เกิดจากอกุศล เจริญสตินะ สัตว์โลกล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง กระทบแล้วรู้ รู้แล้ววาง อย่าไปเก็บเอามาเป็นของตน
     
  12. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    เมื่อรู้จักโลก รู้จักอารมณ์โลกแล้ว ก็ให้เข้าใจด้วยว่าโลกก็เป็นเช่นนั้นเอง เราไม่ใช่โลก โลกไม่ใช่เรา
     
  13. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ที่พูดถึงจริตนิสัยของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ผู้นั้นเป็นอย่างนั้น หรือครูบาอาจารย์ท่านแสดงอย่างนั้น
    ผู้นั้นจิตรวมอย่างนั้น จิตรู้อย่างนั้น ๆ ให้เราเพียงฟังไว้เฉย ๆ หากจริตนิสัยของเราเป็นไปในทางใดแล้ว เรื่องที่ท่านกล่าวนั้นจะมาสัมผัสเราเอง เรารู้ในแง่ใด แง่ที่ท่านแสดงแล้วจะเข้ามาสัมผัส จะโผล่ขึ้นมารับกันทันที ๆ ถ้านิสัยของเราไม่มีก็เป็นเพียงแต่ฟังไป ๆ อย่าไปยึดเอาข้อนั้นมาเป็นอารมณ์ จนกระทั่งเกิดความร้อนใจ ในเมื่อจิตของเราไม่เป็นไปตามที่เรามุ่งหวังอย่างที่ท่านสอน อันนี้ก็เป็นความคิดอันหนึ่งของเรา ต้องระมัดระวัง
    .
    .
    ความสงบของใจ ที่เป็นความถูกต้องดีงาม หรือเป็นที่ยอมรับกัน ก็คือความสงบ ไม่ฟุ้งซ่านวุ่นวายไปกับอะไร มีแต่ความเย็นใจ ถึงจะคิดในหน้าที่การงานต่าง ๆ ก็คิดไปได้อย่างธรรมดา แต่ไม่กวนใจเจ้าของเหมือนอย่างแต่ก่อน ที่ยังไม่เคยอบรมภาวนา นี่ท่านเรียกว่า “จิตสงบ” ถ้ามากกว่านั้นก็เป็นฐานมั่นคงอยู่ภายในใจ แม้จะคิดเรื่องอะไรก็คิดไป แต่พอย้อนเข้ามาสู่จุดแห่งความรู้ ก็เป็นจุดความรู้ที่เด่นชัด ผ่องใส และเบา ให้เห็นอย่างชัดเจนภายใน นี่เป็นที่ยอมรับว่า “จิตสงบ” และมีฐานสมาธิประจำใจ และเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า “จิตเป็นสมาธิ” ถ้าจิตเป็นอย่างนี้ !
    .
    .
    เพราะฉะนั้น การที่จะไปยึดเอาเรื่องของคนนั้นคนนี้มาเป็นเรื่องของตัว หรือพยายามจะทำจิตของตนให้เป็นอย่างนั้น เป็นการขัดต่อจริตนิสัยของเรา จะเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา เพราะการสร้างความกังวลหม่นหมองให้เกิดขึ้นแก่ตน ด้วยเหตุนี้จึงควรทำความเข้าใจไว้ในข้อนี้
    .
    .
    คัดมาจากพระธรรมเทศนาเรื่อง
    "พิจารณาทุกขเวทนาในวาระสุดท้าย"
    ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๑๙
    พระธรรมวิสุทธิมงคล
    (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ท่านพ่อลี สอนว่า ....

    "ผู้ใดมีอริยทรัพย์ ท่านเรียกผู้นั้นเป็น อริยชน อริยชนก็คือคนที่มองเห็น อริยสัจ ผู้ใดมองเห็นอริยสัจ ผู้นั้นก็มองเห็นพระ

    พระท่านก็ชอบอยู่กับคนผู้นั้น เมื่อพระอยู่กับผู้ใด ผู้นั้นก็ย่อมมีมงคลไม่ตกต่ำ มีแต่จะบ่ายหน้าไปในทางสูงอย่างเดียว

    เหตุนั้นเราท่านทั้งหลายจึงควรพากันสร้างพระไว้ให้อยู่กับตัวของเราเป็นประจำทุกๆ คน โดยการบำเพ็ญสมาธิภาวนาทุกโอกาสที่จะทำได้ หรือที่เรียกว่า สมถกัมมัฏฐาน คือให้หมั่นพิจารณาในตัวของเราเสมอเป็นนิจ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    โลภะ โทสะ โมหะ เกิดจากกาม หมดกามก็หมดกรรม...ตัดบัวไม่เหลือใย ใครทำได้ใจต้องเด็ด

    ธรรมชาติของจิตที่ไม่เคยฝึกฝน เมื่อถูกกระทบมักจะไหลตามกองกิเลส

    ร่างกายหนึ่งกายแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ซ้ายกับขวา ทั้งสองส่วนยังมีขนาดไม่เท่ากันเลย
    แขนขา ซ้ายขวา ใหญ่ไม่เท่ากัน
    เส้นผมบนหนังศีรษะสองด้านมีความหนาบางไม่เท่ากัน
    ดวงตาซ้ายขวา ก็ไม่เท่ากัน
    คิ้วสองข้างก็ไม่เท่ากัน ฯลฯ
    ยกตัวอย่าง...เป็นต้น เคยสังเกตร่างกายตนไหม

    อวัยวะที่รวมอยู่ด้วยกันก็ทำกิจต่างกัน
    เช่น มือ ประกอบไปด้วบ ฝ่ามือ นิ้วมือ เล็บ
    ฝ่ามือใช้ประคอง
    นิ้วใช้หยิบ จับ
    เล็บใช้แคะ ขุ้ย เขี่ย...เป็นต้น

    เมื่อร่างกายตนยังหาความเท่ากันไม่ได้เลย
    อย่าไปเสียเวลาที่จะไปทำให้คนอื่นมีความเท่ากัน
    อกุศลวิบาก กุศลวิบาก แสดงตนตั้งแต่มีรูปร่างกายเกิดขึ้นมา
    แสดงให้เห็นตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกไปจนถึงอวัยวะภายใน
    ........................จบ อารมณ์ธรรมดับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ... ถึงแม้จิตจะยังอาศัยอยู่ในกาย แต่จิตไม่หลงรักว่า เป็นอันเดียวกับจิต

    อย่าเอาจิตไปนึกว่ามันมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปล่อยไปเพียงแต่ผ่านมาผ่านไปเท่านั้น

    ถ้าทรงอารมณ์อยู่ จิตไม่สนใจขันธ์ ๕ ของใคร วางเฉยไม่ทุกข์ร้อน ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่ อารมณ์เฉยเป็นเอกัคตารมณ์

    เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีสำหรับเรา เราไม่มีสำหรับกาย จิตจะสะอาดเบิกบาน ผ่องใสพ้นจากความยึดมั่นในของปลอม ของทุกข์ของร้อนพระท่าน เรียกว่า ..“จิตของพระอรหันต์”

    วิธีทำจิตให้ว่างจากกายเรากายเขาแบบนี้ เป็นวิธีลัดแบบง่าย มีแต่พรหมวิหาร ๔ ไม่ยึดถืออารมณ์ใดๆมาไว้ในจิต

    มีความจำได้หมายรู้ก็เหมือนไม่มีความจำ เพราะ .. ความจำอยู่ได้ไม่นานไม่ช้าก็ลืม ประสาทสมองลืมง่าย ความคิดความจำ ความฟุ้งซ่าน วิตกกังวลเป็นเรื่องของกาย ให้สลัดทิ้ง

    ... ให้จิตเต็มไปด้วยพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จิตจะเบาบริสุทธิ์สะอาด จิตอันนี้เราจะตามรอยพระพุทธบาท

    เมื่อกายพังแตกสลาย ผู้เพียรทำจิตให้ว่างจากร่างกาย หรืออารมณ์ต่างๆแบบนี้เป็นแบบของพระอริยเจ้า

    เป็นสมาธิเป็นวิปัสสนาญาณอยู่ด้วยกัน ทำได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ทำได้ทั้งที่อยู่คนเดียวและอยู่แบบหมู่คณะ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างแน่นอน

    เป็นทางลัดตรงไปสู่จุดหมายปลายทาง คือ .. “พระนิพพาน”

    ... หลวงพ่อดาบส สุมโน ...

     (.. ขอขอบคุณรูปภาพประกอบธรรมค่ะ ..)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    คำอธิษฐานถอนคำสาปแช่งต่อปัจจุบันชาติ-อดีตชาติ

    ตั้งนะโม๓จบ

    "อิมัง มิจฉา อะธิฎฐานัง ปัจจุทธะรามิ
    ทุติยัมปิ อิมัง มิจฉา อะธิฎฐานัง ปัจจุทธะรามิ
    ตะติยัมปิ อิมัง มิจฉา อะธิฎฐานัง ปัจจุธะรามิ"

    ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐาน ถอนคำสาป ถอนคำแช่ง ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งขึ้นถึงพร้อมแล้ว ด้วยกิเลส ด้วยตัณหา ด้วยอุปทาน ด้วยราคะ ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ ด้วยมานะ ด้วยมิจฉาทิฐิ เป็นไปเพื่อความพยาบาทเบียดเบียน สร้างเวรสร้างกรรม ไม่ประกอบด้วยธรรม ไม่ประกอบด้วยวินัย ไม่ประกอบด้วยกุศล ไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ประกอบด้วยบารมี ที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานไว้ สาปไว้ แช่งไว้ ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    ข้าพเจ้าขออ้างเอาพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย และเทวดาทั้งหลายทั้งปวง มาเป็นพยาน ว่าข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐานเหล่านั้น ถอนคำสาปเหล่านั้น ถอนคำแช่งเหล่านั้นร้อยหน พันหน หมื่นหน แสนหน ล้านหน โกฎิหน ณ กาลบัดนี้เทอญ

    "นะถอน โมถอน พุทถอน ธาถอน ยะถอน
    นะคลอน โมคลอน พุทคลอน ธาคลอน ยะคลอน
    ถอนด้วย นะโม พุทธายะ"

    ข้าพเจ้าขอยกโทษ อโหสิกรรม และให้อภัยในความบกพร่อง ผิดพลาดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง ทุกชีวิต ทุกจิตวิญญาณ ในทุกที่สถาน ในกาลทุกเมื่อเทอญ

    หากผู้ใดที่ได้เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติก็ดี และคนรักชอบข้าพเจ้าก็ดี หากมีผู้หนึ่งผู้ใดได้คิดร้ายกับข้าพเจ้า และสาปแช่งข้าพเจ้าไว้ทั้งทางลับทางแจ้ง ขอให้สิ่งนั้นอย่าเป็นโทษ เป็นกรรมแก่กันและกันเลย

    หากมีสิ่งใดไม่ดีอยู่ในตัวข้าพเจ้า สังขารข้าพเจ้า ขอให้ออกไป ด้วยอานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย สาธุ สาธุ สาธุ และขอให้กุศลที่ข้าพเจ้าถอนคำสาป คำแช่งนี้

    ขอให้สิ่งเหล่านี้เป็นกุศลกลับมาให้ชีวิตข้าพเจ้ามีความสงบ ความสว่าง ความสุขและเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ สมความปรารถนาทุกประการ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2020
  18. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    #กายานุปัสนาสติปัฏฐาน

    "ผู้ที่จะเข้าสู่สงครามคือกิเลส ต้องพิจารณากายานุปัสนาสติปัฏฐานเป็นต้นก่อน เพราะคนเราที่เกิดกามราคะเป็นต้นขึ้น ก็เกิดขึ้นที่กาย เพราะตาแลไปเห็นกายทำให้ใจกำเริบ

    เหตุนั้นจึงได้ความว่า กายเป็นเครื่องก่อเหตุ จึงต้องพิจารณาที่กายนี้ก่อน จะได้เป็นเครื่องดับนิวรณ์ทำใจให้สงบได้ ณ ที่นี้พึงทำให้มาก เจริญให้มาก คือพิจารณาไม่ต้องถอยเลยที่เดียว

    ในเมื่ออุคคหนิมิตปรากฏ จะปรากฏกายส่วนไหนก็ตาม ให้พึงถือเอากายส่วนที่ได้เห็นนั้น พิจารณาให้เป็นหลักไว้ ไม่ต้องย้ายไปพิจารณาที่อื่น จะคิดว่าที่เราเห็นแล้ว ที่อื่นยังไม่เห็น ก็ต้องพิจารณาที่อื่นซิ เช่นนี้หาควรไม่ ถึงแม้จะพิจารณาจนแยกกายออกมาเป็นส่วนๆ ทุกๆ อาการอันเป็นธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ได้อย่างละเอียดที่เรียกว่าปฏิภาคก็ตาม ก็ต้องพิจารณากายที่เราเห็นที่แรกด้วยอุคคหนิมิตนั้นจนชำนาญ ที่จะชำนาญได้ก็ต้องพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก ณ ที่เดียวนั้นเอง เหมือนสวดมนต์ฉะนั้น... "

    #หลวงปู่มั่น_ภูริทตฺโต [มุตโตทัย]
    ********************************
    _/|\_ _/|\_ _/|\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2020
  19. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    ฉันทะราคะ เป็นอนุสัยกิเลส เป็นกิเลสสังโยชน์เบื้องสูง

    เราก็ยังเรียนรู้กิเลสอยู่ ลักษณะอย่างนี้ กิริยาอย่างนี้ อาการอย่างนี้ เกิดจากกิเลสนี้ แล้วก็สาวทวนกลับไปดูถึงต้นทางก่อนเกิด

    ทุกวันๆ ทุกขณะๆ คือ การเรียนรู้

    การคิดอย่างนี้ การพูดอย่างนี้ การทำอย่างนี้ มีกิเลสอะไรเป็นเหตุ ตัวโลภะ โทสะ โมหะ หน้าตามันเป็นอย่างนี้ๆ พอรู้แล้วก็อ๋อ รู้จักแล้ว คราวหน้าก็ดักทางมันถูก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. อนัตตา

    อนัตตา เล่นกับเงา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2015
    โพสต์:
    1,833
    ค่าพลัง:
    +1,822
    การบ้านต่างๆ ล้วนเป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยในการฝึกฝนให้เกิดความเชี่ยวชาญ ทุกเหตุการณ์ ทุกเรื่องราว ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเปรียบเสมือนการบ้านที่ครูให้ทำส่ง เป็นการทบทวนวิธีทำ วิธีพูด วิธีคิด เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ถูกต้อง ทำผิดก็ทำใหม่ ทำถูกก็มีการบ้านใหม่ให้ทำอีก ทำการบ้านไปทุกวัน จนกว่าจะสอบวัดผล และเรียนจบ.....คือ...นิพพาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...