ํธัมมานุปัสนนามหาสติปัฎฐานสี่ เป็นอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 2 เมษายน 2009.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    ก็ คงจะมีหลายคนที่เคยสงสัยใน ธรรมมหาสติ หมวดนี้
    เพราะว่า อะไร เพราะว่า กายานุปัสสนา เราก็เห็นได้ง่ายๆ และชัดเจน ก็กายเคลื่อนไปอย่างไร ละเอียดอย่างไรเรารู้ได้
    เวทนานุปัสสนา เราก็พอเห็นได้ คือ ใจกระทบกับสรรพสิ่ง ชอบ ไม่ชอบ เฉย เรารู้ได้
    จิตตานุปัสสนา เราก็ยังพอเห็นได้ คือ โมโห โกรธ กุศล อกุศลในใจ นิวรณ์ในใจ เห็นได้

    แต่ ปัญหาคือ ธัมมานุปัสสนา มหาสติปัฎฐานนี้ เป็นอย่างไร ใครๆ ก็บอกว่า รุ้ เช่น มีข้อธรรมเกิดขึ้น
    แต่ หากจะให้ละเอียดจริงๆ หมวดธัมมานุปัสสนา นี้เป็นตัววัดความไวแห่งสติเลยทีเดียว
    เพราะว่า น้อยคนที่จะสังเกตุได้เห็น ว่าธรรมเกิด ธรรมดับ เป็นอย่างไร

    ผมจะให้ เพื่อนๆ ระลึกว่า ธรรมนั้น หน้าตาอย่างไรก่อน เราจึงจะทราบได้ว่ามันเกิดเมื่อไร

    คำว่า ธรรมเกิด ไม่ใช่การที่เราระลึกได้ว่า อันนั้นอันนี้ คือ นิวรณ์บ้าง คือสติบ้าง คืออะไรต่อมิอะไรในพระไตรปิฎก

    แต่การที่ธรรมเกิด ก็คือ การที่เราได้เข้าใจ และ เห็นสภาพของ สิ่งที่เราได้สังเกตุอย่างชัดเจน จนจิตใจเรานี้ยอมรับธรรมนั้น อย่างประจักษ์ใจ ยกตัวอย่างเช่น การที่เราเคยเข้าใจว่า คนอกหักนั้นเศร้า แต่พอเราอกหักเองเราเข้าใจเองมันเกิดกับใจดวงนี้เอง นั่นแหละเราจึงรู้

    ทีนี้ ธรรมอะไรบ้างที่จะเกิด ธรรมที่จะเกิดก็มี หลายระดับ แต่ลักษณะแรกๆ คือ ญาณทั้งหมดใน โสฬสญาณ
    เมื่อ ญาณเกิดนั้นแหละ ธรรมเกิด เช่นเดิมทีเคยดูรูปดูนาม หยาบๆ แต่พอดูไปดูมา มันเห็นลักษณะ เกิดดับไปในทุกอย่าง ด้วยการมองเห็นขณะนั้นเลย นั่นแหละเรียกว่า ธรรมเกิด เมื่อมันเกิดเดี๋ยวนั้นมันก็ดับไปเดี๋ยวนั้น
    เราก็จะอัศจรรย์ว่า นี่ธรรมแบบนี้เราไม่เคยนึกมาก่อนไม่เคยเห็นมาก่อน นั้นแบบนั้น
    บางคน หลงไปว่า ธรรมเกิดแค่บางตัว ก็นึกว่า ตัวเองบรรลุธรรม ก็ตอบว่า มันยังไม่ใช่การบรรลุธรรม มันเป็นเพียงธรรมเกิด ทีนี้บางคนก็หยุดทำความดี คิดว่าตัวเองบรรลุ ก็อยากจะบอกว่า มันเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของ พระธรรมเท่านั้นเอง อย่าดีใจจนใจหลงไป ให้ตั้งสติว่า นี่ธรรมเกิดแล้วธรรมก็ดับ ดูธรรมให้มากขึ้นไปอีกละเอียดขึ้นไปอีก
    เรียกว่า ธรรมในธรรม

    ทุกอย่าง ทุกบรรพ เราจะเห็นธรรมในธรรมของทุกหมวดในมหาสติได้ เช่น ดูจิตอยู่ดีๆ ก็เห็นว่า จิตนี้มีอาการอะไรแปลกไป ไม่เหมือนที่เคยเห็น นี่จิตแบบนี้เกิด จิตแบบนี้ดับ ก็เกิดธรรมในใจเห็นจริงตามนั้น ก็เห็นอีกว่า ธรรมเกิด ธรรมดับ ก็เห็นธรรมอีก
    สุดท้ายแล้ว เมื่อเห็นธรรมดีพอ เราจะถอนการพิจารณาเพราะว่า สรรพสิ่งเป็นเหมือนกันหมด แล้วเราจะเห็นว่า วิมุตตินั้นเป็นอย่างไรเอง

    ก็ อยากจะให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง เพราะดูหนังสือมาหลายเล่มแล้ว เขียนอธิบายไม่ตรงสักเล่ม
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ก่อนใครจะอ่านทำความเข้าใจ ช่วยอ่านบรรทัดที่ทำสีแดงหน่อยว่า การ
    ประกาศแบบนี้ คือ การประกาศหักล้างพระไตรปิฏกหรือเปล่า

    แล้วบรรทัดหลังจากนั้น คือ การเพิ่มความเห็นตน สำนวนตนเข้าไปใหม่
    หรือไม่

    หากบุคคลผู้นี้ เป็นอริยะชั้นอรหันต์ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีคุณสมบัติทรงธรรม

    แต่หากไม่มีแล้ว ถึงเป็นเสขะบุคคลชั้นอื่น ก็คือว่าเป็นบุคคลที่มีกิเลสอยู่ สมควร
    หรือไม่ที่บุคคลคนนี้จะทำวาทะ หักล้างพระไตรปิฏก ทำสัทธรรมปฏิรูป

    ถึงแม้ว่าเขาจะอวดอ้างว่า เขาคือ อรหันต์ สมควรหรือไม่ที่จะมาทำวาทะ
    ที่ไร้ประโยชน์ในเว็บ หากสิ่งที่เขาพูกหักล้างพระไตรปิฏกเป็นเรื่องจริง ดีจริง
    ทำไมไม่ไปประกาสต่อหน้าเถระสมาคม ซึ่งจะมีประโยชน์เสียกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2009
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    บุคคลผู้นี้ ได้เป็นบุคคลที่ถึงแก่ความโลภ โมโทษัน หลงจมในความคิดของ
    ตนเองเป็นหลัก

    อาธิเช่น คุณขันธ์นี้ได้ใช้ความเข้าใจเพียงแต่ลำพังตนว่า พระอาจารย์ปราโมทย์
    เป็นศิษญ์ของหลวงพ่อเทียน แล้วก็ประกาศต่อว่าเป็นพวกที่เรียนมาทางเซ็น และ
    เซ็นทุกคนไม่มีผู้ใดเป็นอริยะ เพื่อให้คนอ่านเข้าใจว่า คนสายหลวงพ่อเทียน หลวง
    พอ่ปราโมทย์เป็น เซ็น ซึ่งมีนัยยะที่เขาต้องการชี้ว่า ไม่มีหนทางไปสู่ความเป็นอริยะ

    แม้เราได้แจ้งข้อเท็จจริงไปแล้วว่า พระอาจารย์ปราโมทย์เป็นศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์
    ประจักษ์หลักฐาน วัตถุพยาน ก็มีสำแดงอยู่มากมาย แต่เขาก็ไม่เคยรับฟังความจริง
    เหล่านี้ ยังยึดมั่นว่า ที่ตัวเองคิดว่าพระอาจารย์ปราโมทย์เป็นศิษย์หลวงพ่อเทียน
    นั้นถูกแล้ว และเรียนมาทางเซ็นไม่ใช่สายพระป่า ทำให้ไม่มีทางได้เรียนทางสู่มรรค
    ผลแท้จริง

    ยึดทิฏฐิตนเป็นที่ตั้ง ไม่เคยรับฟัง หรือ เปิดตา เปิดใจเลย คนที่มีทัศนะ และจรณะ
    ปิดเช่นนี้ ท่านทั้งหลายเล็งเห็นกันอย่างไร เขาควรทำวาทะชำระพระไตรปิฏก ขยาย
    ความพระไตรปิฏกได้หรือไม่ได้

    ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย พิจารณากันให้ดี แล้วค่อยเลือกว่าจะสดับธรรมะจากเขาต่อไปหรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2009
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ผม มีความเข้าใจว่า สติปัฏฐาน 4 เป็นดังนี้

    หมวด กายานุปัสนา เป็นเบื้องต้น จัดอยุ่ในหมวด ย่อย ของ เวทนานุปัสนา ว่าอีกอย่างตามความเข้าใจผม คือ กายานุปัสนาเป็นส่วนหยาบของ เวทนานุปัสนา เวทนานุปัสนาเป็นส่วนหยาบของจิตตานุปัสนา

    ทั้ง สามอย่างนี้ กายานุปัสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสนา รวมกันเรียก ธรรมมานุปัสนา ซึ่งหาก สติ สัมปชัญญะ ไปเกิด ที่ ทั้งสามหมวด คือ กายานุปัสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสนา หากเกิด ในหมวดใดหมวดหนึ่ง ก็ย่อมเรียกว่า ธรรมมานุปัสนา ได้

    แล้วเมื่อชำนาญในสติปัฏฐาน 4 ...สติ สัมปชัญญะ จะไปรู้สลับ ไปสลับมา
    กาย ก็เรียก ว่าธรรมอย่างนึง
    เวทนา ก้เรียกว่าธรรมอย่างนึง
    จิต ก้เรียกว่าธรรมอย่างนึง

    ทั้งสามหมวดนี้ ผมเข้าใจว่าก็ย่อมเรียกว่า ธรรม

    กายานุปัสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสนา นั้นเป็นข้อแยกย่อยของหมวด ธรรมมานุปัสนา
    เพราะคำว่าธรรมนั้นความหมายกว้างไกล
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ที่ท่านอื่นโพสมาถูกแล้ว คุณขันธ์ ธรรม ไม่ใช่สิ่งยากต้องทำความเห็นให้ถูกก่อน
    อย่างแรกเริ่มจากการสำรวจตัวเองก่อนว่ามีความรู้สึกเช่นไร ท่าสิ่งที่ทำอยุ่แล้วร้อนใจย่อมไม่ใช่สิ่งที่ถูกแน่ ทำแล้วสบายใจแต่ผู้อื่นทุข ย่อมมได้รับผลในภายหลังแน่ บุญเป็นสิ่งที่ชำระใจให้สอาด ตอนนี้คุณ ใจสอาดรึยัง ท่ายังสิ่งที่คุณทำอยู่เป็นบุญรึบาป ตรงนี้แยกแยะได้ง่ายๆด้วยใจของคุณเอง หากตอนคุณทำแล้วรู้สึกดีแต่ผลที่ได้รับตามมาทำให้คุณต้องเดือดร้อนแสดงว่ามันผิดทางแน่ ความโกรท ความอยาก เมื่อคุณเห็นแล้วไม่จำเป็นต้องฝืนต้องบังคับเพียงรู้และเข้าใจ การเห็นความเป็นไปของอารมบ่อยๆๆจะทำให้ไม่คล้อยตามไปแต่ไม่ใช่บังคับ มีสติ และความเข้าใจ การฟังด้วยดีทำให้เกิดปัญญา
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    นั่น ตรงไหนที่ว่า หักล้างพระไตรปิฎกครับ กรุณากล่าวให้ชัด

    ตัวหนังสือสีแดง หมายความว่า ไม่ใช่ว่าเราระลึกได้ แต่มันต้องเกิดจากการเห็นธรรม

    เช่นพระพุทธองค์ มีธรรมเกิดในใจท่านเอง

    เช่น หลวงตามหาบัว หรือ พระป่าทั้งหลาย มีธรรมเกิดในใจเอง


    เพราะคุณๆ ทั้งๆหลาย ยังไม่มีธรรมเกิดในใจ จึงไม่เข้าใจที่ผมพูด
    ข้อนี้ คนที่ไม่เข้าใจที่ผมพูด ก็ถามกันก่อน ไม่ใช่มาตำหนิ มันจะบาปติดตัวคุณเอง
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    แล้วคุณ ไม่พอใจอะไรหรือครับ เนื้อธรรมที่ผมยกมานั้น คุณไม่เข้าใจอะไรก็พูดให้เป็นเรื่องๆ
    แล้วผมจะชี้แจง แต่ไม่ใช่ มาถึงมาตำหนิส่งเดช นั่นไม่ใช่วิสัยของคนมีปัญญา

    คุณติดใจในเรื่องที่ผมตำหนิคุณครั้งก่อน เลยกลายเป็นอคติไปเลย อ่านให้ดีก่อนสิครับ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    นั่นแหละ ที่ผมบอกว่า ยังไม่มีคนเข้าใจ เพราะฉะนั้น คุณก็ไปอ่านที่ผมเขียน แล้วถามสิครับว่า หมายถึงอะไร

    คำว่า ธรรมที่เกิด ก็คือ ธรรมเกิดในใจเรานี้ เมื่อเกิดได้ก็ดับได้ การเกิดได้แสดงว่า สิ่งนั้นจะต้องเป็น ลักษณะอะไรสักอย่างที่จิตสัมผัสได้ ซึ่ง ไม่ใช่การระลึกในพระไตรปิฎก

    แต่จะต้องเป็น สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตนเอง จริงไหม
    ใจนี้แหละ แตกออกเป็น สี่หมื่นแปดพันพระธรรมขันธ์ ด้วยตัวเอง นั่นแหละ จึงเรียกว่า ธรรมเกิด


    คุณทำความเข้าใจก่อนครับ คุณวิษณุ อย่าไปตาม นายนิวรณ์
    อ่านของผมให้ดี ผมเอาธรรมมาพูด ไม่ใช่ เอากิเลสมาพูดแบบนายนิวรณ์
     
  9. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    จะดูธรรม มันก็ต้องเห็นนิวรณ์ก่อน ผ่านนิวรณ์ได้ จึงมีลุ้นเห็นปฎิจจสมุปบาท ^-^
     
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,075
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง ไม่ได้หาเรื่อง แต่เห็นว่าไม่รู้เรื่องเลย สื่ออะไร พยายามจะอธิบายอะไรก็ไม่รู้ ^-^
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    คนมันโลภ อยากได้ชื่อว่า ข้าสอนถูก เลยพูดเอาแต่ส่วน ผล เป็นหลัก
    เพื่อจะได้อวดว่า ส่วนผล ที่มันควรเกิด ข้ารู้จัก

    แต่เพราะใจอยากอวดว่า ข้ารู้จัก เลยไปย่ำเอาพระไตรปิฏกว่า การไปดู
    นิวรณ์บรรพ ขันธ์บรรพ อยาตนะบรรพ เป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับการเห็น คือ
    มันไม่ใช่ส่วนที่ได้เป็นผลลัพธ์ที่จะได้เห็น

    ทั้งนี้เพราะนายขันธ์มุ่งแต่จะพูดส่วนผล มุ่งจะอวดตน เลยลืมไปว่า
    ในแต่ละบรรพคือ วิธีปฏิบัติที่จะทำให้เข้ามาเห็น เป็นอุบายที่จะทำให้
    เข้ามาเห็น เป็นอุบายที่จะทำให้เกิดการตั้งมั่น แยกจำแนกจิตออกจาก
    สังขาร และเห็นการเกิดดับ จนจิตยอมรับถึงความสิ้นไปเป็นธรรมดา จน
    จิตละวางการแส่ส่าย ทำให้เห็นธรรม

    คำว่าเห็นธรรมที่นายขันธ์ใช้ ก็ไม่ตรงกับคำว่าเห็นธรรม เพราะหากเห็น
    ธรรมต้องแทงตลอดเข้าสู่มรรคผล แต่คำว่า ธรรมเกิดของนายขันธ์
    เป็นเพียงจิตที่ตั้งมั่นรู้เท่านั้น คนละอรรถ คนละรส คนละธรรม

    จึงสับสน ผู้วกวน ชวนให้เห็นวกวน

    หากเห็นธรรม ก็ต้องเกิดการแทงตลอด แต่ที่เห็นว่าต้องดูอีก
    ทั้งๆที่ ธรรมเกิด แล้วยังต้องทำให้เกิดอีก อันนั้นเขาเรียกว่า
    จิตไม่ตั้งมั่น เพราะอะไรถึงสับสน ก็เพราะดูถูกพระไตรปิฏกที่
    ให้อุบายแรกในการดูนิวรณ์ไว้ ตนจึงสับสน อธิบายมั่ว

    * * *

    หากสอนไม่เป็น ไม่เข้าใจวิธีการให้อุบายในการเห็น ก็อย่าสอนเลยครับ

    การกระทำแบบคุณ เรียกว่าอวดรู้ในส่วนผล ไม่ใช่การสอนให้เห็นธรรม
    โดยลำดับ เป็นเพียงการอวดว่า ข้าเห็นเท่านั้น จึงอธิบายอะไรไม่ได้
    ได้แต่กล่าวย้ำไปในจุดที่ว่า ข้าเห็นอะไรมาแบบวับๆแวมๆ แต่ยังมั่ว สับสน ก็เพราะ
    ยังไม่เห็นจริง ได้แต่เทียบเคียงด้วยการคิด เพราะถ้าสิ่งที่พูดนี้หาก
    ไม่เกิดจากการคิด ก็คงไม่เที่ยวพูดว่า ต้องทำสมาธิเข้าไปตัด เพราะ
    กระบวนการเห็นความสิ้นไปของสังขารในส่วนดูธรรม จะไม่มีการตัด
    ด้วยสมาธิเลย เพราะหากตัดจะเห็นทันทีว่ามีนิวรณ์ หรือใช้ขันธ์ หรือ
    แส่ส่ายไหลไปตามอยาตนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2009
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ผมไม่ได้ติแต่เพียงชี้ทาง พูดด้วยภาษาง่ายๆลองอ่านซักครั้ง ธรรมหมวดนี้ผมเข้าใจ และหลายๆท่านก้เข้าใจ เป็นสิ่งที่ดีที่คุณนำมาเสนอ อย่างน้อยที่สุดคนอ่านก้ได้หันมามอง ธรรมมานุปัสนา

    แต่ที่ผมโพสคือชี้ทางให้ ที่คุณไปโพสในกระทู้ผมนั้นผมไม่เคยโกรทหรือฝังจำ เพียงแต่การโพสต่างๆ เป็นสิ่งที่ดีทำให้ผู้ที่เห็นถูกได้พบเห็นเข้าได้มาบอกกล่าวกัน แต่การโพสของคุณโดยขาดสติครั้งนั้นทำให้ผมรู้สภาวะของคุณบ้างอาจจะไม่ใช่รู้ไปหมด

    ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องรู้จักคือตัวคุณว่าทำดีรึทำไม่ดี รึ ทำไม่ดีไม่ชั่ว รึอยู่ในวิมุติดูที่ใจเราเองจะบอกทุกอย่าง

    แล้วคุณก้อ่านดีๆ ผมเพียงชี้ไห้คุนเห็นไม่ใช่สั่งให้คุนทำ ความคิดเว่นไรออกมาจากตัวคุณไม่ใช่คนอื่น
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    อ่านไม่รู้เรื่องก็ ตามแต่สติปัญญาจะไขว่คว้าไปถึง ก็เข้าใจอย่างไร ก็เอาไปเท่านั้น
    ไม่มีอะไรต้องตำหนิ นี่ ในเมื่อมันเป็นธรรม

    แต่หากว่าจะตำหนิ กรรมนั้นก็ตกกับตัวเอง ก็เท่านั้นครับ
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846


    คำว่า ธรรมที่เกิด ก็คือ ธรรมเกิดในใจเรานี้ (ที่เกิดนี้คือเกิดอย่างไรครับ)เมื่อเกิดได้ก็ดับได้ การเกิดได้แสดงว่า สิ่งนั้นจะต้องเป็น ลักษณะอะไรสักอย่างที่จิตสัมผัสได้ (สิ่งที่สัมผัสได้มีอะไรบ้างครับ)ซึ่ง ไม่ใช่การระลึก(การระลึกเรียกว่าสัมผัสได้ไหมครับ)ในพระไตรปิฎก

    แต่จะต้องเป็น สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตนเอง จริงไหม (ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองมีอะไรบ้างครับ)
    ใจนี้แหละ แตกออกเป็น สี่หมื่นแปดพันพระธรรมขันธ์ ด้วยตัวเอง นั่นแหละ จึงเรียกว่า ธรรมเกิด ...
    คำว่าใจนี่แหล่ะแตกออกที่ท่านขันธ์ว่ามา กับ คำว่า การระลึกในพระไตรปิฏก ต่างกันไหมครับ


    คุณทำความเข้าใจก่อนครับ คุณวิษณุ อย่าไปตาม นายนิวรณ์ .... ตรงนี้ผมเองก็ไม่ได้ไปตามท่านนิวรณ์ ก็เห็นท่านนิวรณ์เล่ามาตามสภาวะธรรม ผมก็มีอาการแบบท่านนิวรณ์ที่ท่านนิวรณ์เล่ามาบ้าง ผมก้ปฏิบัติส่วนของผม เพียงแค่ผลมันออกมาคล้ายๆกับที่ท่านนิวรณ์เล่ามาบ้าง ก็เท่านั้นเองครับ ไม่ได้ไปตามท่านนิวรณ์
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    แสดงธรรมไม่เป็นนี่ไม่เท่าไหร่

    แต่ไม่รู้ตัวว่า ทำไมถึงแสดงธรรมไม่ได้ อันนี้ยังพอให้อภัย

    แต่แสดงธรรมโดยเอาทัศนะตัวเองตั้ง แล้วบอกว่า พระไตรปิฏกชี้ให้ดูผิด
    หลักการนี่มันตลก

    ยังอุตสาห์ไปสรุปลงท้ายว่า ไม่มีตำราเล่มไหนบรรยายได้ถูก นี่มันต้อง
    ตกใจ ไม่ใช่ดีใจ

    พระไตรปิฏกก็กล่าวชี้อุบายการปฏิบัติการเห็นไว้ผิด ไม่ถูกใจคุณขันธ์

    พระท่านอื่นอ่านจนหมด รจนาได้ไม่เหมือนคุณขันธ์เลย เลยบรรยาย
    ออกมา

    ถามหน่อยเถอะครับ ที่บรรยายออกมานั้นหนะ แค่นั้นใช่ไหมที่ว่าดีที่สุด

    สติ ตัวแท้ๆ ยังไม่รู้จักเลยครับ ดูแค่นี้ก็ออกแล้ว

    หาก สติ ตัวแท้ๆ เกิด จะไม่มีทางปฏิเสธหลักการดูธรรมที่รจนาในพระ
    ไตรปิฏกเด็ดขาด

    นี่เพราะตัวเองปฏิบัติผิดนั้นแหละ คนอื่นจึงผิดหมด มีแต่ตัวเองถูกคนเดียว
     
  16. hamm

    hamm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +13
    มานะ ทิฏฐิ คือ? อิอิ
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ผมหละตลกคุณขันธ์เหลือเกิน ที่ป่านนี้แล้ว ก็ยังทำทีเป็นไม่รู้ ไม่ชี้

    หลักฐานออกจะแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า พระอาจารย์ปราโมทย์เป็นศิษย์ใคร
    เรียนจากใครมาบ้าง แม้แต่หลวงตามหาบัวท่านก็เรียนมาโดยตรง แบบ
    ชนิดที่นวดขาเรียนกัน

    พระอาจารย์พระป่าท่านอื่น พอพระอาจารย์ปราโมทย์มาหา ท่านแทบ
    จะปิดวัดปิดกุดฏิเพื่อสอนพระอาจารย์ปราโมทย์ให้ได้

    พระที่มีอนาคตังสญาณตรวจดูเห็นพระอาจารย์ปราโมทย์เดินทางผ่านมา
    ก็รีบให้ศิษย์มาชักชวนไปหาให้ได้

    หลวงพ่อพุทธก็ทำนายเอาไว้ว่า ต่อไปการดูจิตจะรุ่งเรืองในเมือง วันนี้
    ก็ปรากฏแล้ว

    ก็มีแต่นายขันธ์นั้นแหละที่ยังอมความคิดความเห็นตัวเองไว้ในปากว่า
    หลวงพ่อปราโมทย์เรียนกับหลวงพ่อเทียน

    แจ้งให้ทราบก็แล้ว ก็คือว่า รับทราบ แต่ก็ยังออกมาป่าวประกาศตาม
    คามเห็นตนตามเดิม

    แจ้งให้ทราบย้ำอีกครั้ง ก็สงสัยทำสมาธิตัดกิเลสฉับ บอกว่าฉันไม่รู้
    พอเห็นว่าฉันไม่รู้ก็ตัดฉับ เอาสมาธิตัดไขสมอง แบบนี้แหละครับนาน
    วันเข้าจะสมองเสื่อม แล้วเที่ยวประกาศว่าหนทางนี่คือมรรคจิตผลจิต


    คุยๆไปกับเพื่อนสมาชิก ก็ชัก งง เบลอ เที่ยวไปจำว่า คนนั้นอวตารมาเป็น
    คนนี้ คนนี้มาอวตารเป็นคนนั้น

    คุยๆไป ก็ไม่รู้จะยกอะไรที่เป็นธรรมที่เด่น ก็หันไปเอารูป avatar มาเป็นประเด็น

    โดยลืมดูตัวเองไปว่า ตัวเองนั้นศรัทธาในหลวงตามหาบัวแทบจะไม่เหลืออยู่
    แล้ว จึงต้องเอารูปมาแปะเพื่อให้ระลึกได้ นี่ถ้าคนอื่นเขาไม่บอกว่าหลวงตา
    ท่านเป็นอริยะ ก็คงปิดวัดประท้วงที่พระท่านเคลื่อนไหวทางสังคมขัดแย้งกลุ่ม
    บุคคลที่ตนเองชื่นชมหลงไหล

    "ภาวนายังไง? กิเลสหนังไม่ถลอก"

    พระป่าที่มีจักษุธรรมอันวิเศษทุกท่านล้วนเล็งเห็นคุณธรรมอันพิเศษในหลวงพ่อปราโมทย์

    มีแต่นายขันธ์คนเดียวที่ยืนยันว่า หลวงพ่อปราโมทย์เป็นศิษย์หลวงพ่อเทียน ไม่ยอมกลืน
    คำเพราะว่า อยากคงความเป็นสัจจพจน์ สัจจนิรันดร์ในสิ่งที่ปากตัวเองถ่ายทอดออกมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2009
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,923
    ค่าพลัง:
    +9,200
    มีข้อกล่าวหาอะไรที่ ดีกว่านี้ไหม ท่านนิวรณ์

    ผมกล่าวธรรม ให้คนเข้าใจ ไม่ใช่ กล่าวธรรมให้คนนั่งรู้ดูเฉย นี่ก็ดีเท่าไรแล้ว

    ดีนะที่ผมยังไม่บอกให้ละเอียดว่า การแอบอ้าง ว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดูลย์ แต่ หลวงปู่ดูลย์ ไม่เคยสอนให้นั่งรู้ดูเฉยเลย
    เหมือนกับ เอาธรรมตนเอง คิดเองเออเอง แล้วยกเอาหลวงปู่ดูลย์มาอ้าง เพื่อสนับสนุนตนเอง
    นั่นแหละน่ารังเกียจกว่า

    นั่นแหละครับท่านนิวรณ์ ธรรมของผมมันน่าตำหนิ มันก็ยังเป็นธรรม ที่พูดเน้นไปที่ธรรมในใจ
    นี่มีคำเทสครูบาอาจารย์ สนับสนุนผมร้อยแปด ผมยังไม่เคยยกเอามาสนับสนุนตนเอง ให้เลิศเลย อยากดูเมื่อไรก็บอก ผมจะยกเอามาเทียบกับสิ่งที่ผมพูดตามหัวข้อให้ดู
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    กลับไปอ่านเลยครับ ที่คุณแสดงธรรมหนะ

    แสดงทางปฏิบัติที่คนสามารถน้อมเอาไปทำได้ มีอันไหน บรรทัดไหนปรากฏบ้าง

    อ่านดู ก็เห็นมีแต่คำบรรยาย ส่วนผล ฉันรู้อย่างนั้น ฉันเห็นอย่างนี้ ฉันยืนยันว่า
    พระท่านอื่นก็เห็นอย่างนี้

    แล้วไหนครับวิธี

    ไม่มีวิธี เพราะตัวเองไม่เข้าใจว่า พระไตรปิฏกกล่าวถึงอะไร สอนอะไร สอน
    ธรรมะอย่างไร

    สอนทางให้เดิน หรือ ชี้นกชมไม้

    กลับไปละเมอที่บ้านเถอะครับ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    แล้วเลิกใช้มุขนี้ได้แล้วครับ

    หากสงสัย ให้ถามเป็นข้อๆ เพราะกูมั่ว ก็ไม่สามาถตอบแบบ รวมๆได้ เดี๋ยวจะ
    ผิดตรงนั้น แย้งตรงนี้ ขัดคำพูดตัวเอง

    พอจะตั้งประเด็นอะไรขึ้นมา กลัวผิด ก็ทำทีเป็นเก่ง เป็นใจกว้าง เปิดโอกาสให้
    คนอื่นแสดงก่อน ทั้งๆที่ เขาก็เปิดประเด็นรายละเอียดถามไปแล้ว แต่ทะลึ่ง
    ไม่ทำตามที่พูด มาย้อนอีกว่า ให้คนที่มีความสงสัย(ในสายตานายขันธ์)แสดงก่อน

    เช่น มรรคจิตผลจิตคือการเอาสมาธิเข้าไปตัด เมื่อวานละเมอแบบนี้

    มาวันนี้ นึกขึ้นได้ เอ๊ะ มีธรรมานุสติปัฏฐาน ก็เลยยกขึ้นมา ทั้งๆที่เนื้อหาสาระ
    หลักของธรรมนุสติปัฏฐานคือการ ดูจนเห็นกิเลสมันดับ สิ้นไป เป็นธรรมดา ไม่
    ต้องทำลึ่งทำสมาธิตัด พอเห็นว่ากิเลสสิ้นไปเป็นธรรมดาแจ่มชัด จิตก็จะไม่ไป
    พะวงส่งในไปตามเกาะกิเลสอีก เกิดการสละคืนกิเลสประจักษ์ให้เห็น นี่แหละ
    ครับทางที่พระพุทธองค์ชี้ไว้ของจริง ในธรรมานุสติปัฏฐาน เมื่อพิจารณาหนทาง
    ที่ปฏิบัติจะเห็นชัดว่า พระพุทธองค์วางหลักการปฏิบัติไว้ละเอียดละออที่สุดแล้ว
    ไม่ได้ผิด ไม่ได้พลาด แต่อย่างใด

    ไม่ใช่ มรรคจิตผลจิตคือการทำสมาธิตัดไขสมองจนไร้ความรู้สึก คนละเรื่อง
    พอสมองเบลอๆ ไม่รู้ร้อน รู้หนาว สะดุ้งสังขาร ก็อุปโลคว่านั้นคือการตัดกิเลส


    คุณหนะไม่เคยตื่น บอกตรงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...