๑๐๐ ปีทิพย์นี่เที่ยบกับปีมุนษย์ยังไงครับ ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 14 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=15 background=images/left.gif></TD><TD width="100%" background=images/glass.gif bgColor=#fefefe><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=3 width=680 align=center border=0><TBODY><TR><TD> ถาม : แล้ว ๑๐๐ ปีทิพย์นี่เที่ยบกับปีมุนษย์ยังไงครับ ?
    ตอบ : แต่ละชั้นละเอียดประณีตต่างกัน อย่างจาตุมหาราชนี่วันหนึ่งของเขาเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ แล้วก็คูณไปเป็นเดือน เป็นปี ของชั้นดาวดึงส์วันหนึ่งเท่ากับ ๑๐๐ ปีมนุษย์ ก็ใช้เวลาวัน เดือน ปีคูณไปเหมือนกันนะ ของชั้นยามาก็ ๒๐๐ ปีมนุษย์ ชั้นดุสิต ๔๐๐ ปีมนุษย์ อย่างนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวไปเรื่อย ทำไมมันนานแท้ ...ความจริงแป๊บเดียว มันหนึ่ง ๑๐๐ ปีมนุษย์ใช่ไหม ?
    ส่วนนรกนี้สัญชีพนรกที่ถือว่าเป็นขุมที่ตื้นที่สุด ๑ วันนี่ ๙ ล้านปีมนุษย์ ที่ทนทุกข์ทรมานก็เลยทำให้รู้สึกว่าระยะเวลามันนาน ตอนเราทุกข์มาก ๆ เวลามันไม่ผ่านไปสักทีใช่ไหม ? แต่ขณะเดียวกัน ตอนที่เรามีความสุข .. แหม...แป๊บเดียวเอง มันก็ลักษณะเดียวกัน ที่ ๆ มีความสุขอายุก็เลยสั้นกว่า ทั้ง ๆ มีความทุกข์รู้สึกว่าอายุมันยาวเหลือเกิน
    ถาม : ตอนเช้านี่เราใส่บาตรให้กับพระสงฆ์ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในอารมณ์ แต่เราเป็นคนใส่บาตรแล้วตั้งอารมณ์อยู่ในวิปัสสนานุสสติกรรมฐาน อย่างนี้ พระภิกษุสงฆ์รูปนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : จะเป็นอะไร เขาก็เป็นพระเหมือนเดิม (หัวเราะ) อันนี้พูดเล่นนะ พระที่จะออกบิณฑบาตจริง ๆ แล้วถ้าตามแบบหลวงพ่อนี่ตอนเช้าท่านให้ทำกรรมฐานให้เต็มที่สูงสุดเท่าที่ตัวเองทำได้ แล้วออกบิณฑบาต
    โดยเฉพาะตอนอยู่วัดท่าซุง วันไหนพออารมณ์ใจรักษาไม่ดีแทบไม่อยากจะออกบิณฑบาตเลย เนื่องจากว่าบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่ใส่บาตรบางทีท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มีเยอะ เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี เป็นพระอนาคามี อย่างนี้ถ้าเราตั้งอารมณ์ไม่ดีนี่ไม่อยากจะไปรับบาตร ... อายโยมเขา! เพราะฉะนั้นถ้าทำตามแบบหลวงพ่อก็คือต้องตั้งอารมณ์ให้สูงสุดเท่าที่ตัวเองทำได้
    แต่ถ้าในลักษณะที่ว่าเราตั้งอารมณ์ของเราสูงสุดเอาไว้แล้วพระองค์นั้นท่านไม่ได้ตั้งใจอะไรมาเลย ตั้งท่าจะมากินจริง ๆ คือจะมารับบาตรจากเราอย่างเดียวจริง ๆ นี่ สิ่งที่จะเป็นโทษกับท่านก็คือตรงที่ว่าของที่เราตั้งใจเจตนาไว้บริสุทธิ์ วัตถุทานที่ได้มาบริสุทธิ์ ตัวเราเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วผู้รับไม่บริสุทธิ์ นั่นแหละโทษจะเกิดขึ้นกับท่าน ขณะเดียวกันบุญของเราก็พร่องไปส่วนหนึ่ง เพราะว่ามันต้องครบทั้ง ๔ ส่วนถึงจะได้บุญ ๑๐๐ % เต็ม
    คราวนี้บุญของเราพร่องไปส่วนหนึ่งของท่านเองก็เกิดโทษขึ้น ที่หลวงพ่อท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่ากินก้อนเหล็กแดง ๆ ซะยังดีกว่า กลืนลงไปแล้วมันร้อนมันก็ตายไปเลย มันหมดเรื่องหมดทุกข์แป๊บเดียว แต่ที่ทำตัวประเภทนั้นน่ะลงอเวจีมหานรกท่านบอกว่ามันต้องทนทรมานนานเหลือเกิน ท่านถึงได้สอนพระไว้ว่ากินก้อนเหล็กเเดงซะยังดีกว่าไปกินข้าวของโยมทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังใจไม่ไดี ตอนนั้นท่านยังคงไม่เป็นอะไรหรอก มันต้องรอตอนตายก่อนนะ
    ถาม : หลวงพ่อฤๅษี ท่านเล่าว่ามีนักปฎิบัติท่านหนึ่งมาปฎิบัติไม่กี่ครั้งแล้วก็มีครอบครัวแล้วมีบุตรแล้ว ท่านบอกว่าอารมณ์ของท่านไม่มีอารมณ์ห่วงสามีและลูก และหลวงพ่อท่านก็บอกอารมณ์เฉยตรงนี้เลยสังขารุเปกขาญาณมาแล้ว อยากถามว่าอารมณ์นี้อยู่ในขั้นไหนครับ ?
    ตอบ : บอกไม่ถูกถ้องถามคนปฎิบัติเอง นี่เขายังไม่ตายมั้งมีใครได้ข่าวบ้างมั้ย ? พี่รัชนีเจอครั้งสุดท้าย ๑๐ กว่าปีมาแล้ว พี่เขายังไม่ตายหรอกต้องถามเขาเอง (หัวเราะ) เรื่องของการปฎิบัตินี่เราพยากรณ์ไม่ได้ โดยมารยาทแล้วเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าองค์เดียวหลวงพ่อเตือนนักเตือนหนา ฉะนั้นเรื่องของอารมณ์ปฎิบัติอันนี้บอกไม่ถูก ถ้าหลวงพ่อไม่บอกก็แปลว่าไม้ต้องรู้ต่อไป
    ถาม : แล้วมีเรื่องเล่าว่ามีคนหนึ่งครับ ไปติดอยู่ในเกาะแห่งหนึ่งแล้วได้พบกับผู้หญิงทุกคืน แล้วก็ได้เสพสมกันทุกคืนแล้วตอนเช้าก็หายไป จนวันหนึ่งชายคนนั้นก็ได้พบว่าตอนกลางวันหลังเขาลูกนั้นผู้หญิงคนนั้นได้กลายร่างและถูกสุนัขกัดกินเนื้อและเป็นอย่างนี้ทุกวัน อยากถามว่าผู้หญิงคนนั้นได้ทำกรรมอะไรจึงต้องเป็นอย่างนี้ครับ ?
    ตอบ : กรรมอย่างนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านทำอะไรไว้นะ แต่ว่าตัวท่านเองนะเป็นเปรตเรียก เวมานิกเปรต เวมานิกเปรตนี่มันจะมีเวลาหนึ่งที่ตัวของตัวเองจะอยู่ในลักษณะเหมือนกับเทวดาแต่ขณะเดียวพออีกช่วงหนึ่งก็ต้องได้รับการทุกข์ทรมานกันตามสภาพของเปรตเขา คน ๆ นั้น บังเอิญเขาได้ทำความแต่ว่าเขาทำโดยไม่เจตนาไม่ได้เต็มใจ จิตใจที่ตั้งอยู่ในบุญของเขาก็ไม่มี
    แต่เนื่องจากความดีที่เขาทำมามันมีอยู่ก็เลยทำให้เขาได้ไปลักษณะที่ว่ามีเมียเป็นเวนิกเปรต คืออย่างน้อย ๆ ก็คือในสภาพความเป็นทิพย์ในความเป็นเทวดาเป็นอะไรของเขานี่มันก็จะดีกว่าเป็นมนุษย์ปกติอยู่แล้ว แต่ว่ามันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งคืออย่างที่ว่ากลางคืนจะมา แต่ว่ากลางวันต้องกลับไปกลายเป็นเปรตโดนลงโทษอยู่ในลักษณะเดิมของเขา
    อันนั้นจะเป็นพวกที่อยู่ในเปติวิสัยภูมิจำพวกหนึ่งเขาเรียกเวมานิกเปรต เปรตพวกนี้ถ้าหากว่าสร้างบารมีไว้ดี ๆ นะอย่างเช่นว่าเลี้ยงสัตว์อะไร แต่ว่าต้องไปกักขังเขา ถึงจะประกอบไปด้วยความเมตตาก็จริงท่านทั้งหลายเหล่านี้สวยเหมือนเทวดาเลย มีวิมานทองมีอะไรอยู่ แต่ออกจากวิมานไม่ได้ เพราะว่าโทษที่ไปกักขังเขาไว้ถึงจะทำด้วยความเมตตาก็เหอะ
    แต่ว่าถ้าหากว่าเคยทำบุญอื่นไว้ไอ้ผลบุญจากการที่เมตตาสงเคราะห์สัตว์นี่ก็จะส่งผลให้เขาได้รับบุญของเขาไปเลย แต่ถ้าไม่เคยทำบุญอื่นไว้เลยนอกจากการเลี้ยงสัตว์โดยการกักขังอย่างเดียวจะเกิดเป็นเวมานิกเปรต จะเป็นจำพวกเดียวกับเวมานิกเปรตบางพวกก็ลงโทษตัวเองอย่างเช่นว่ามีสภาพร่างกายสวยงามอย่างกับเทวดาแต่ท่านใช้คำว่ายังไง.... ตามที่บรรยายไว้มีเล็บเหมือนกับเคียวอันแหลมคมเกี่ยวเนื้อตัวเองกินลักษณะนั้นเหมือนกัน อันนี้เขาเป็นเปรต ถ้าหากว่าถามว่าทำบาปอะไรบอกไม่รู้เหมือนกัน ต้องถามคนทำเขา
    สมัยหนึ่งที่พระโมคคัลลาน์ในวิมานวัตถุ ท่านไปเจอเปรตไปเจอเทวดาท่านจะถามเขาที่ละคน ๆ ไปเลยว่าไปทำอะไรมา ดูก่อนเทพธิดาเธอมีรัศมีกายอันงามโสภายิ่งนัก ประกอบไปด้วยวิมานแก้วสามประการ ห้าประการ เจ็ดประการ ก่อนหน้านี้ที่เธอเป็นมนุษย์เธอได้ทำบุญอะไรไว้ ? เขาถึงจะบรรยายให้ฟังทีละอย่าง ๆ ฉะนั้นพวกนี้ต้องไปเจอเองแล้วต้องถามเอง
    มีรายหนึ่งเป็นต้องใช้คำว่าเป็นเปรตเกิดจากความขี้เหนียวหวงที่ พระธุดงค์ไปเจอ พระธุดงค์หลงป่าอยู่ตั้ง ๓-๔ วันไปเจอเข้า เจอชายคนนั้นไถนาอยู่ ไถไปไถมาก็แปลกใจ เอ้! อยู่ในป่าลึกขนาดนี้มีคนมาทำนาหรือ... ก็ถามเขาว่าทำไมถึงมาไถนาอยู่ที่นี่ เขาบอกเขาไม่ได้อยากทำอยากทำหรอกเขาโดนบังคับ เพราะว่าเขาเป็นเปรต ในเมื่อเขาเป็นเปรตแล้วเขาหวงที่เขาไปไหนไม่ได้เขาเลยต้องเดินวนไถนาอยู่อย่างนั้น แล้วพระท่านก็ถามว่าแล้วจะออกไปทางไหนทางของท่าน ๆ หลง เขาก็อุตสาห์ชี้ทางให้คงจะได้บุญส่วนนั้นช่วยไปสักหน่อยละมั้ง ต้องถามเขาเองเลย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/right.gif> </TD></TR><TR><TD width=15 background=images/left.gif> </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.palungjit.org/board/showpost.php?p=106825&postcount=15
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...