๑๕๐ปีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า..พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 16 ธันวาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>150 ปี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ชมงานศิลป์ในรั้ววัดราชบพิธ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 ธันวาคม 2552 18:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เครื่องบูชาแบบจีนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พจนานุกรมบาลี-ไทยเล่มแรก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 16 ธ.ค.2552 ถือเป็นวันอันเป็นมงคลอีกหนึ่งวัน เนื่องจากเป็นวันครบรอบ 150 ปี วันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระองค์ประสูติเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2402 มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุช เป็นพระโอรสองค์ใหญ่ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ และหม่อมหลวงปุ่น ชมพูนุท ณ อยุธยา ณ วังกรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

    ทรงผนวชเป็นพระภิกษุและทรงดำรงในสมณเพศจนตลอดพระชนมชีพ ทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยุคที่ 2 และได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจนานัปประการ เช่น เป็นพระราชกรรมวาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 6 และที่ 7 เมื่อครั้งทรงผนวช

    ทั้งยังทรงมีผลงานพระนิพนธ์มากมาย เช่น พระคัมภีร์อภิธานนัปปทีปิกา(พจนานุกรมบาลี-ไทยเล่มแรก),มหานิบาตชาดก และมีพระปรีชาสามารถด้านร้อยกรอง ดังจะเห็นได้จากพระนิพนธ์โคลงเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งจารึกอยู่บนพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นอกจากนี้ยังทรงเป็นประธานในการจัดทำพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ และทรงเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัยอีกด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>กระทั่งในรัชกาลที่ 6 ทรงได้รับพระราชทานสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า” พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระจริยวัตรของพระองค์เป็นที่กล่าวขวัญในบรรดาศิษยานุศิษย์ว่า ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นพระอาการกริ้วโกรธหรือพระกิริยาอัชฌาศัยที่ไม่ต้องด้วยพระธรรมวินัยและสมณสารูปเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนเป็นที่สรรเสริญกันว่าทรงเป็น “พระแท้” ที่ควรกราบไหว้อย่างสนิทใจ

    วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ จึงได้จัดงานเฉลิมพระเกียรติมาตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2552 ที่ผ่านมาและจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 17 ธ.ค.2552 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับงานนี้ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์

    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ระลึกและเปิดงานเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2552 เวลา 13.30 น.ที่ผ่านมาและวันนี้(วันที่ 16 ธ.ค. 2552 ) เวลา10.00 น.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

    พระธรรมวรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กล่าวว่า นอกจากนิทรรศการพระประวัติ,การจัดแสดงศิลปวัตถุล้ำค่าที่หาชมได้ยากของวัดและของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ซึ่งที่ผ่านมาจะนำออกมาจัดแสดงในวาระสำคัญเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เครื่องถ้วยลายครามและเครื่องบูชาแบบจีนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่พระวิมาดาเธอ พระองศ์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎ ปิยมหาราชปดิวรัดา ถวายแด่พระองค์ฯ สิ่งพิเศษในงานเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ก็คือ

    “ภายในงานจะแจกหนังสือพระประวัติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าให้แก่ผู้ร่วมงานฟรี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านการศึกษา ค้นคว้าข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเรียนรู้เรื่องราวต่างๆของวัดราชบพิธฯและสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นี้”


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ข้างนอกเป็นไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ทั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสดีที่เราทุกคนจะได้เข้าไปชื่นชมกับความงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมต่างๆในรั้ววัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม (“ราชบพิธ” หมายถึง พระอารามที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง “สถิตมหาสีมาราม” หมายถึง พระอารามซึ่งมีมหาเสมาหรือเสมาใหญ่) อย่างใส่ใจในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะวัดแห่งนี้ซึ่งเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมื่อปี พ.ศ.2412 เพื่อเป็นพระอารามหลวงประจำรัชกาล และเวลานี้มีอายุ 140 ปี แล้ว

    ก่อสร้างตามแบบของวัดแต่โบราณ คือ สถาปนาพระมหาเจดีย์เป็นหลักสำคัญของวัด แล้วล้อมด้วยพระระเบียง พระอุโบสถ พระวิหาร และวิหารทิศ มีกำแพงกั้นระหว่างเขตพุทธาวาสและสังฆาวาส

    พระมหาเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงระฆัง ตั้งอยู่บนฐานทักษิณที่สูงในระดับแนวหลังคาพระระเบียง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบเบญจรงค์ และมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ และพระรูปหล่อของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราช รวม 14 ซุ้ม

    บริเวณชานเดินประทักษิณและกลางองค์พระเจดีย์มีชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะลพบุรี สลักจากหินทราย 2 องค์ และพระพุทธรูปอื่นอีกหลายองค์ และตามผนังด้านในองค์พระเจดีย์ มีช่องสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปอีก 6 ช่อง ส่วนบนยอดพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    ทางด้านใต้ของพระเจดีย์นั้นคือ พระวิหาร ที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ และทางด้านทิศตะวันตกของวัด รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างสุสานหลวงและสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อบรรจุพระสรีรังคารของพระบรมวงศานุวงศ์

    พระอุโบสถ เป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขเด็จด้านหน้า หลังคาลด 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเบญจรงค์ ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับปูนปั้นรูปช้างเจ็ดเศียร เทิดพานรองรับพระเกี้ยว ขนาบสองข้างด้วยฉัตร ประคองด้วยราชสีห์ และคชสีห์ หน้าบันมุขเด็จเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑ ที่ผนังระหว่างช่องหน้าต่างพระอุโบสถมีรูปอุณาโลม และอักษร “จ” สลับกัน เหนือซุ้มประตูกลางเป็นตราแผ่นดินในรัชกาลที่ 5


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ข้างในเป็นฝรั่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ประตูและหน้าต่างด้านในประดับมุกลายรดน้ำพุ่มข้าวบิณฑ์ ด้านนอกประดับมุก เป็นลายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 5 ดวงเรียงกันตามลำดับ คือ นพรัตน์ราชวราภรณ์ มหาจักรีบรมราชวงศ์ ปฐมจุลจอมเกล้า ประถมาภรณ์ช้างเผือก และประถมาภรณ์มงกุฎไทย

    ภายในพระอุโบสถเป็นศิลปะตะวันตกแบบโกธิค จึงทำให้ตลอดมางานศิลปะและสถาปัตยกรรมของวัดราชบพิธโดยเฉพาะพระอุโบสถ เป็นที่จดจำในแง่ “ข้างนอกเป็นไทย ข้างในเป็นฝรั่ง” เพราะภายนอกมีการตกแต่งแบบศิลปะไทย ส่วนภายในมีการตกแต่งแบบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเพดานก็ดี ผนังก็ดี เป็นแบบยุโรป

    “ส่วนหนึ่งนั้นลอกเลียนแบบมาจากพระราชวังแวซายส์ ประเทศฝรั่งเศส และหินอ่อนที่ใช้ปูพื้นในยุคนั้นต่างสั่งซื้อมาจากประเทศอิตาลีทั้งสิ้น”

    พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถคือ พระพุทธนิรันตรายและพระประธาน คือ พระพุทธอังคีรส เป็นพระพุทธรูปกะไหล่ทองคำ ปางมารวิชัย เนื้อทองคำหนัก 180 บาท เป็นทองคำที่รัชกาลที่ 5 ทรงใช้เมื่อยังทรงพระเยาว์ ภายใต้ฐานพระประธานเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 1 - 5 และใต้ฐานทองเหลืองลงไปบรรจุพระราชสรีรังคารของรัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบรรจุไว้ที่ใต้ฐาน

    “ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การเข้าไปภายในพระอุโบสถวัดราชบพิธ จึงเสมือนหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์หลายพระองค์”
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ------------
    Metro Life - Manager Online
     

แชร์หน้านี้

Loading...