๑.จะหลุดพ้นได้ต้องเริ่มจากการเห็นโทษ ๒. กราบพระ แต่ไม่เห็นพระ ๓. เอาตนเองเป็นพยาน ...

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 17 ตุลาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    วันนี้เป็นวันดีก็จะขอเริ่มซีรี่ย์ธรรมะเรื่อง ความผิด ในความถูก โดยพระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
    ซึ่งคัดเฉพาะใจความสำคัญ โดยหลวงปู่ชาใช้การวิเคราะห์วิจารณ์อย่างน่าสนใจยิ่ง มาฝากครับ <!--MsgFile=0-->
    <center><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr></tbody></table></td><td rowspan="2" bgcolor="#000000" valign="top"><table bgcolor="#204080" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td width="10">[SIZE=-3] [/SIZE]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    [​IMG] ๑.จะหลุดพ้นได้ต้องเริ่มจากการเห็นโทษ [​IMG]

    ให้เอาจิตพิจารณากายนี้ให้รู้จัก เมื่อรู้จักแล้วมันก็เป็นสิ่งไม่แน่นอน เป็นของไม่เที่ยงทั้งนั้น เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตใจของเราก็จะเกิดความเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายในใจในกายนี้ว่าไม่แน่นอน ไม่คงเส้นคงวา ก็อยากจะหาทางออก หาทางพ้นทุกข์ เปรียบประหนึ่งนกที่อยู่ในกรง เห็นโทษว่าจะบินไปมาที่ไหนไม่ได้ ใจพะวักพะวนดิ้นรนจะออกจากกรงอันนั้น เบื่อกรงเบื่อที่อยู่ ถึงแม้ว่าจะให้อาหาร ให้มันกินอยู่ ใจมันก็ยังไม่สบาย
    เพราะมันเบื่อกรงที่ขังมันไว้ จิตใจเราก็เหมือนกัน เมื่อเห็นโทษ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในรูปในนามนี้แล้ว มันก็จะพยายามพิจารณาให้ออกจากวัฏสงสารอันนั้น

    [​IMG] ๒. กราบพระ แต่ไม่เห็นพระ [​IMG]

    คำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ทำ คน ให้หมด ทำ พระ ให้เกิดขึ้นมา ก็คือ ทำความผิดให้มันหมดไป ความถูกจึงจะเกิดขึ้นมา ทำความชั่วให้หมดไป ความดีก็จะเกิดขึ้นมา อย่างบ้านของเรามันสกปรกไม่สะอาด ถ้าเราเอาไม้กวาดมากวาดแล้วก็เช็ดสกปรกออกมันก็สะอาด เพราะสกปรกมันหายไป ถ้าความผิดยังไม่หมด ความถูกก็เกิดขึ้นไม่ได้ นี่ถ้าเราไม่ภาวนา เราก็ไม่รู้ความเป็นจริงของธรรมะของพระพุทธเจ้ามีอำนาจมาก ถ้าทำความเปลี่ยนจิตใจไม่ได้ก็ไม่ใช่ธรรมะที่มีอำนาจ แต่ธรรมะนี้ทำปุถุชนสามัญชนให้เป็นอริยชนได้ เพราะธรรมะให้คนที่มีความเห็นผิด เกิดความเห็นถูกขึ้นมาได้

    [​IMG] ๓. เอาตนเองเป็นพยาน [​IMG]

    ธรรมะนี้เปรียบเหมือนผลไม้ที่เราไปบ้านญาติบ้านเพื่อน แล้วเขาเอาผลไม้ฝากเรา เราหยิบผลไม้ไว้ในมือของเรา แต่เราก็ไม่รู้เปรี้ยว หวาน ฝาดอะไรต่างๆ คือจับผลไม้แล้วก็ยังไม่รู้รสผลไม้ จะรู้รสก็ต้องเอามาทานขบเคี้ยว จึงจะรู้ว่ามันเปรี้ยว มันหวาน มีรสชาติต่างๆ ตามสัญญาของเรา

    ธรรมะนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น ทุกอย่างท่านให้เอาตนเองเป็นพยาน ไม่ต้องเอาคนอื่น เรื่องของคนอื่นตัดสินได้ยากลำบาก เพราะเป็นเรื่องของคนอื่น ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้วมันง่ายที่สุด เพราะความจริงมันอยู่กับเรา มีเราเป็นพยาน ธรรมะนี้เมื่อฟังแล้วก็ต้องเอามาภาวนา ให้เป็นปริยัติศาสนา ปฏิบัติศาสนา ปฏิเวธศาสนา ปริยัติคือการเรียนรู้ รู้แล้วเอามาปฏิบัติตามก็เกิดความรู้ขึ้นมาตามความเป็นจริง ถ้าฟังเฉยๆ ก็รู้ด้วยสัญญา เอาไปพูดก็ตามสัญญา ไม่ได้พูดความจริงให้ฟัง นี่เราจึงยังไม่เข้าถึงธรรมะ ไม่สอดส่องธรรมะ ใจยังไม่เป็นธรรม ได้ทำเป็นธรรมได้ นี่เรียกว่ายังไม่สมบูรณ์แบบตามทางพุทธศาสนา

    [​IMG] ๔. บรรลุความจริงคือบรรลุธรรม [​IMG]

    การบรรลุธรรมะ การตรัสรู้ ถ้าเราคิดไปก็ดูเหมือนว่าเป็นของสูงเกินไป ไม่ควรจะเอามาพูดว่าเราบรรลุธรรม ความเป็นจริงก็คนเหมือนเรานี่แหละเสมอแล้วที่จะบรรลุธรรมได้ บรรลุธรรมก็คือ เข้าใจว่าอันนี้เป็นบาป คือมันผิด ไม่เกิดประโยชน์ตนและคนอื่นทั้งนั้น เข้าใจชัดเจนเช่นนี้เรียกว่าเราบรรลุธรรม ซึ่งเป็นทางที่ควรละ คือการรู้แจ้งธรรมะ เช่นเราเดินไปท่าน้ำ จะบรรลุท่าน้ำหรือท่าเรือก็เมื่อไปถึงท่าน้ำท่าเรือแล้วนั้นเอง ถ้าขึ้นมาถึงศาลาเราก็เรียกว่าเราบรรลุศาลาแล้ว ถ้าเรารู้จักความเป็นจริงที่ถูกต้อง ก็เรียกว่าเราบรรลุความจริง บรรลุธรรม เมื่อบรรลุธรรมะแล้ว กิเลสทั้งหลาย มันก็สร่างไป ลดไป เมื่อมีความเห็นชอบ ความเห็นผิดมันก็เลิกไปเป็นธรรมดา
    [​IMG] ๕. สำรวจที่ตนเอง[​IMG]

    ความอยากนั้นมันอยู่ที่จิต เหมือนชาวประมงออกไปทอดแห พอได้ปลาก็รีบตะครุบ ปลามันก็กลัว คนกลัวปลาจะออกจากแห เมื่อเป็นอย่างนั้น ใจมันสับสน บังคับมันมาก เดี๋ยวปลามันก็ออกจากแห

    โบราณจึงให้ค่อยๆ คลำมันไป ทำไปเรื่อยๆ ขี้เกียจก็ทำ ขยันก็ทำ ทำไปมากๆ ถูกทาง ความสงบมันก็ระงับ การปฏิบัติท่านให้ไปเรื่อยๆ อย่าหยุด ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ แต่ปฏิบัติเหมือนบุรุษสีไฟ เดี๋ยวหยุด เดี๋ยวทำ ใจร้อนมันก็ไม่สำเร็จเพราะใจมันร้อน

    การภาวนาการปฏิบัติไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้สำรวจที่ตนเอง ไม่ต้องไปสำรวจที่อื่น ถ้าเราเห็นตัวเรา เราก็เห็นคนอื่น เหมือนยาทันใจกับยาปวดหาย เพราะมันมีลักษณะโรคอันเดียวกันคือยาแก้ปวด คนที่ปฏิบัติกับคนเรียนนั้น ชอบโทษกัน เหมือนกับการที่เราหงาย-คว่ำฝ่ามือ ซึ่งมันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก มันอยู่ของมันตรงนั้นแหละ แต่เรามองไม่เห็น การเรียนแล้วไม่ปฏิบัติ เราก็จะไม่รู้ความเป็นจริง จะทำให้หลงไป
    ................................................................

    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4793888/Y4793888.html

    </center>
     
  2. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    อนุโมทนา การปฎิบัติตามคำสอน ไม่ใช่แค่ท่องบ่นจำมาอวดกัน แต่อยู่ลงมือทำ ชำระใจ ให้กิเลสบรรเทาไป กระทำจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ เอาตัวเป็นพยานให้กับพระพุทธองค์ได้ ดั่งเช่นที่พระองค์ย่อมรับก็บุคคลสี่คู่ แปดจำพวก
     

แชร์หน้านี้

Loading...