๓. อย่าคบคนพาล

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 27 เมษายน 2018.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    บันไดขั้นแรกที่จะก้าวขึ้นไปสู่ความสุขนั้นจะต้องตั้งต้นกันที่ "การไม่คบคนพาล" ให้ได้เสียก่อน เพราะถ้าขั้นนี้ก้าวผิดหรือทำไม่ได้ แม้ว่าจะประกอบเหตุใด ๆ ที่จะให้ได้พบความสุข ก็จะพบได้ยาก หรือไม่อาจจะพบได้เลย การไม่คบคนพาลจึงเป็นด่านแรก ที่จะไขประตูไปสู่ความสุข

    คนพาล คือ คนชั่ว คนทุจริต คนหากินทางผิดกฎหมาย และผิดศีลธรรม ก่อให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายทั้งแก่ตนเอง ครอบครัวและสังคมส่วนรวม

    คนพาลมีหลักพอสังเกตได้ คือ มักคิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่วอยู่เนืองนิจ แม้ว่าเราจะไม่รู้ความคิดของคนพาล แต่เราก็ย่อมจะตัดสินความเป็นพาลของคนได้ ที่การแสดงออกมาทางกายหรือวาจา นอกจากนี้ เรายังสามารถดูลักษณะที่แสดงออกแห่งความเป็นคนพาล หรือคนชั่วอีกประการหนึ่ง คือการชอบคบแต่คนชั่วด้วยกัน

    การคบกับคนพาลมีทุกข์ โทษ และภัยมาก ในมงคล ๓๘ คือทางก้าวหน้าของชีวิตนั้น ท่านได้ระบุการไม่คบคนพาลไว้เป็นอันดับแรก เปรียบเสมือนบันไดขั้นแรกของชีวิต ถ้าก้าวขั้นนี้ผิดพลาด ขั้นอื่น ๆ ก็ย่อมจะต้องพลาดหรือผิดพลาดไป

    การคบกับคนพาลนั้น แม้ว่าเราจะไม่คบถึงสนิทสนมด้วย แต่ก็ย่อมจะเป็นที่ระแวง หรือรังเกียจของคนดี และการได้ใกล้ชิดกับคนพาลนั้นแม้ว่าในระยะแรก ๆ เราจะนึกรังเกียจเขา แต่เมื่อได้เข้าใกล้ชิดกันนานไปใจก็ย่อมจะยินดีในความเป็นพาลนั้นตามลำดับ ตรงกับสุภาษิต (๒๗/๔๐๘) ว่า "คบคนเช่นใด ก็ย่อมเป็นเช่นคนนั้น" และพุทธภาษิต (๒๐/๑๔๒) อีกแห่งหนึ่งว่า "ผู้คบคนเลว ย่อมพลอยเลวลง" เป็นต้น

    ดังนั้น สูตรแห่งความสุขข้อแรก และเป็นข้อที่มีความจำเป็นสุดยอด ที่จะต้องปฏิบัติให้ได้ คือต้องงดเว้นให้ห่างไหลกับคนพาลให้ได้ ต้องตัดสัมพันธ์ให้ขาด ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม อย่าได้ทอดไมตรีให้เลย เพราะจะนำแต่อัปมงคลมาให้ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

    ที่สำคัญสุดยอดที่ไม่ควรจะมองข้ามไปก็คือ อย่ามัวไปเพ่งมองความพาลที่คนอื่นฝ่ายเดียว ให้ระวังใจเราเอง มันจะไปเป็นพาลเสียเอง เมื่อจิตของเรามันเป็นพาลเสียเองแล้ว คนหมดทั้งโลกนี้ก็ไม่มีใครจะช่วยเราได้

    ฉะนั้น จงหมั่นตรวจสอบ หมั่นพิจารณาดูจิตของตนเองว่า มีเชื้อสัมมาทิฐิอยู่มากน้อยเพียงใด ? สังเกตได้จากความนิยมที่จิตมันแสดงออก คือถ้าจิตนิยมชมชอบในคนดี ในความดีหรือคนทำดี ก็แสดงว่าจิตมีเชื้อของสัมมาทิฐิควรจะหล่อเลี้ยงเอาไว้

    แต่ถ้าจิตเกิดนิยมชมชอบในความชั่วหรือคนชั่ว ก็ให้เร่งระวังว่าเชื่อมิจฉาทิฏฐิกำลังลุกลามเข้ามาสู่ใจแล้ว จงรีบกำจัดหรือชำระล้างเสียด้วยพระธรรมโดยเร็วเถิด ขืนปล่อยไว้จะเป็นมารทำลายความสุขเสียเอง โดยที่ไม่มีคนอื่นมาทำให้

    http://www.dhammajak.net/book/sukha/sukha03.php
     

แชร์หน้านี้

Loading...