‘โลกุตระ มหาวิหาร’ สถานอบรมสงฆ์แห่งแรกในอินเดีย มุ่งฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ดินแดนมาตุภูมิ

ที่มา หน้าประชาชื่น มติชรายวัน
ผู้เขียน อันนา สุขสุกรี
เผยแพร่ วันที่ 13 ธันวาคม 2562

“พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ” เสียงปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ดังกึกก้องไปทั่วเมืองออรังคบัด รัฐมหาราษฎร์ ประเทศอินเดีย

คือวาจาของชาวพุทธอินเดียนับแสน ที่รวมตัวกันภายในงาน Global Buddhist Congregation2019 หรือ งานชุมนุมชาวพุทธโลก ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ณ ลานสเตเดียม ในวิทยาลัยมิลินท์ เมืองออลังคบัด รัฐมหาราษฎร์ ประเทศอินเดีย

เสียงที่ยังคงก้องกังวานจากอดีตมาถึงปัจจุบัน แสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงกำลังศรัทธาของชาวพุทธอินเดียที่ยังคงยึดมั่นต่อพระรัตนตรัยไม่เสื่อมคลาย

งาน “ชุมนุมชาวพุทธโลก” ที่เกิดขึ้นมีพระมหาเถระจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน พร้อมมีการปาฐกถาเรื่อง “ความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน” จากวิทยากรทั่วโลก ในการนี้ พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล ร่วมเป็นประธานการชุมนุมชาวพุทธ และขึ้นกล่าวความตอนหนึ่งว่า



“นับเป็นวันมงคลที่มหาบัณฑิตมาประชุมกันเพื่อปรารภธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเจริญ อันเป็นแนวทางห่างไกลจากความเสื่อม การมาสัมมนาเป็นการเสวนาธรรมเพื่อเปิดทางเดินให้โลกปลอดภัยจากภัยอันตราย ธรรมที่เรียกว่ามีอยู่ทุกที่ จะสร้างสันติสุขยืนเคียงคู่กับมนุษย์ได้อย่างถาวร ท่านพระมหาเถระทั้งหลาย ท่านมหาบัณฑิตทุกท่าน เราคงต้องยืนยันว่าโลกเราเดือดร้อน จากกิจกรรมต่างๆ ปฏิบัติในปัจจุบันนี้ทำให้โลกวุ่นวาย ความร้อน ความทุกข์จากเหตุอย่างปรากฏในพรหมชลสูตร และธรรมที่ทรงโปรดในวิถีทางดับทุกข์ให้แก่ชาวโลกกับความปลอดภัย อันปรากฏในธัมมจักกัปปวัตตนสูตรที่เป็นหลักของพระพุทธศาสนาที่ให้ความสัมพันธ์กับโลกที่เปิดทางแห่งความสุขให้สรรพสัตว์เดินทางปฏิบัติในมรรค การเปิดมิตร ปิดศัตรู ที่ได้อย่างแท้จริง และทราบว่าที่นี่เป็นเป้าหมายของมหาชนผู้มีปัญญาแท้และยั่งยืน นำแสงสว่างมาให้ชาวโลกให้มีความสุขอยู่เสมอ เมื่อสรรพทุกชีวิตฟังธรรมจากศรัทธา ในหนทางของมรรค เช่น สัมมาทิฐิ จะได้ความเบิกบานเปิดใจในงานนี้”

ในคราเดียวกันยังมีการเปิดตัว โลกุตระ ภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ (Lokuttara Mahavihara Training Center) สถานที่เพื่อการอบรมพระสงฆ์อินเดียให้แตกฉานในพระไตรปิฎก เริ่มจากการฝึกวินัยของสงฆ์ เปิดให้พระสงฆ์อินเดียเข้ารับการศึกษาทั้งปริยัติ และปฏิบัติ พร้อมด้วยสถานที่เอื้ออำนวยความสะดวก ทั้งพระวิหารเพื่อฝึกอบรมวิปัสสนา อาคารเพื่อการศึกษา ที่พักสงฆ์ หอฉัน ตลอดจนคณาจารย์ วิทยากร ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ผู้ทรงความรู้และเชี่ยวชาญพุทธศาสนาด้านต่างๆ จากทั่วมุมโลก มาเป็นผู้ถวายความรู้



Lokuttara Mahavihara Training Center จึงนับเป็นศาสนสถานแห่งแรก เป็นศูนย์กลางในการถวายความรู้ และฝึกพระวินัยให้แก่พระสงฆ์อินเดีย อันจะเป็นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมามั่นคงอีกครั้งในดินแดนมาตุภูมิ

ดร.ฮาร์ชดิฟ แคมเบิ้ล และ รจนา วานิช สองสามีภรรยาผู้ก่อตั้ง “โลกุตระ ภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” ประธานการจัดงานในครั้งนี้ เผยความรู้สึก “ไม่ได้ต้องการให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่มุ่งหวังที่จะประกาศพระพุทธศาสนาให้ฟื้นฟูและกลับมารุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง”

เมื่อการจัดงานสิ้นสุดลง จะนับเป็นการเริ่มต้นของประชาชนในการน้อมนำหลักธรรมของพระพุทธเจ้าไปฝึกและปฏิบัติ ใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองและสังคมได้

รจนากล่าวว่า การจัดงานชุมนุมชาวพุทธโลกในครั้งนี้ เกิดขึ้นในคราเดียวกันกับการจัดงานเปิด “โลกุตระ ภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” ด้วยที่ประเทศอินเดียมีวัดนานาชาติตั้งอยู่มากมาย มีพระสงฆ์หลากหลายประเทศมาอยู่จำพรรษาเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแดนพุทธภูมิ หากแต่พระสงฆ์ของประเทศอินเดียเองยังมีอยู่จำนวนน้อย และพระสงฆ์ชาวอินเดียส่วนหนึ่งยังขาดซึ่งความรู้และความเข้าใจในพระไตรปิฎก อาจเป็นเพราะที่อินเดียยังไม่มีวัดเป็นของตนเอง จึงไม่มีสถานที่อบรมถวายความรู้อย่างจริงจัง ที่โลกุตระ ภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จึงจะเป็นศาสนสถานแห่งแรกที่จะเป็นศูนย์กลางในการถวายความรู้และฝึกพระวินัยให้แก่พระสงฆ์อินเดีย อันจะเป็นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมามั่นคงอีกครั้งในดินแดนมาตุภูมิ โดยชาวพุทธอินเดียเอง

“ไม่มียาเม็ดไหนดีที่สุดในโลก แต่ละเม็ดล้วนถูกกับโรค อาตมาไม่เคยพูดว่าพุทธศาสนาดีที่สุดในโลกทุกศาสนาล้วนมีความดีในตัวเอง เปรียบยาที่รักษาได้เฉพาะโรคเท่านั้น ขอให้ยึดหลักความเสมอภาค ความสามัคคีธรรม ให้มีความเมตตากรุณามีอหิงสา คือไม่เบียดเบียนกัน อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข” คือ โอวาทธรรมอันทรงคุณค่าแก่ชาวพุทธทั่วทั้งอินเดีย โดย องค์ทะไล ลามะที่ 14 (พระฉายา เทนซิน เกียตโซ) ที่กรุณาเสด็จมาเป็นประธานในโอกาสนี้

องค์ทะไล ลามะที่ 14 ยังทรงให้แนวทางที่จะช่วยสร้างความสงบสุข และสันติภาพให้เกิดขึ้นได้ภายในจิตใจ ด้วยว่า จุดประสงค์ของการใช้ชีวิตคือการมีความสุข, จุดประสงค์ของความเป็นมนุษย์คือการช่วยเหลือผู้อื่น, การฝึกความอดทนทางจิตใจ “ศัตรูของคุณคือครูที่ดีที่สุด”, จงอ้าแขนรับต่อการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าได้ทิ้งคุณค่าที่มีอยู่ในตัวของคุณ, จงมีความรักและความเมตตาต่อกัน, การมีเมตตาจิต, การมีทัศนคติที่ดีจะก่อเกิดความสุขทั้งในระยะสั้น ระยะยาว ต่อตัวเองและผู้อื่น, ความสุขสร้างขึ้นจากตัวเรา, ทุกศาสนามีพื้นฐานคำสอนคล้ายกันคือ ความรัก ความมีเมตตา และการให้อภัย 3 สิ่งนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน

และข้อสุดท้าย “จงสร้างความสงบสุขภายในจิตใจ”

ขอขอบคุณที่มา
https://www.matichon.co.th/prachachuen/prachachuen-scoop/news_1811587