“การจากลา..ที่ทำให้เรารู้จักกันดีขึ้น”Jacksons: American Dream

ในห้อง 'Music & Karaoke' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 25 กรกฎาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>Jacksons: American Dream - การจากลา...ที่ทำให้เรารู้จักกันดีขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย Co-Op</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 กรกฎาคม 2552 22:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=459 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=459>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> โดย อดิศร Hungry For More

    สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบเกี่ยวกับการดูคอนเสิร์ตของ "ไมเคิล แจ็กสัน" ก็คือการกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของแฟนเพลง

    ในสมัยผมเด็กๆ ทุกครั้งที่ดูวีดีโอคอนเสิร์ตของเขา เราจะได้เห็นภาพของแฟนเพลงที่ตีอกชกตัวเหมือนคนเสียสติ บ้างก็กอดคอกันร้องไห้กลางสนาม บ้างก็ตะโกนบอกรักไปยังผู้ชายที่ทำการแสดงอยู่บนเวทีโดยไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า

    สำหรับผมในตอนนั้นรู้สึกว่าการเสียเงินไปร้องไห้ให้กับนักร้องบนเวทีอย่างนั้นเป็นอะไรที่ "ติงต๊องสิ้นดี"

    แต่เมื่อถึงวันที่ผมต้องไปดูคอนเสิร์ตของไมเคิลแบบตัวเป็นๆ ที่เมืองไทยเมื่อปี 1993 ก็ต้องยอมรับว่าทั้งหมดนั้นเป็นพฤติกรรมที่ "อดไม่ได้จริงๆ"

    การได้เห็นไมเคิลอยู่บนเวทีแบบสดๆ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนกับ "ความรู้สึกประทับใจท้วมท้นอย่างฉับพลัน" ที่คนที่ไม่ใช่แฟนเพลงหรือไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นอาจไม่เข้าใจ แต่เป็นสิ่งที่ดูเหมือนแฟนเพลงทุกชาติทุกภาษาที่ไปดูการแสดงของเขาจะรู้สึกอย่างนี้แบบเดียวกันหมด

    ซึ่งตัวผมเองนอกจากจะกลายเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบในคอนเสิร์ตของไมเคิลไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ในบรรดาคำโห่ร้องที่ไม่ได้ศัพท์ทั้งหมดที่พูดออกไปในวันนั้น มีอยู่ประโยคหนึ่งที่พุดขึ้นมาในใจ และต้องตะโกนออกไปโดยไม่สนว่าใครจะเข้าใจหรือไม่ก็คือ "ซื้อเครื่องดนตรีวันนี้ แล้วเราจะซื้ออะไรก็ได้ในวันพรุ่งนี้"

    ประโยคดังกล่าวมาจากมินิซีรีส์เรื่อง The Jacksons: An American Dream ที่เคยออกฉายทางช่องเคเบิลบ้านเราไม่นานก่อนที่ไมเคิลจะมาเปิดการแสดงในเมืองไทย ซึ่งเป็นประโยคที่พูดโดย โจเซฟ แจ็กสัน เพื่อเป็นคำอธิบายเหตุผลที่เขานำเงินที่หามาเลือดตาแทบกระเด็นสำหรับครอบครัวเพื่อไปซื้อเครื่องดนตรีครบวงเข้าบ้าน จนทำให้ แคเธอรีน แจ็กสัน ภรรยาแม่ลูก 8 ของเขาต้องหัวเสียแทบลมจับ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=566 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=566>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ซึ่งประโยคดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นของ โจเซฟ หนุ่มที่ทิ้งความฝันในการเป็นนักดนตรีและนักมวยในแคลิฟอร์เนีย เพื่อมารับหน้าที่พ่อบ้าน 10 ชีวิตด้วยอาชีพคนงานในเมืองเล็กๆ อย่าง แกรี อินเดียนา ก่อนที่ความหวังของเขากลับมาอีกครั้งจากความสามารถทางดนตรีที่มีอยู่ในตัวลูกๆ ของเขาเอง ซึ่งเขาไม่รอให้ความยากจนมาพรากโอกาสในการเติบโตทางดนตรีของลูกๆ ของเขาเหมือนที่เกิดกับตัวเองอีก นำมาซึ่งการลงทุนที่ดูเหมือนจะเกินตัวไปซักหน่อยสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ แต่ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าความแน่วแน่ของเขาเป็นจุดหักเหของความรุ่งโรจน์สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวแจ็กสันในเวลาต่อมา

    ซีรีส์เรื่องนี้อยู่แต่ในความทรงจำของผมมานาน จนกระทั่งท่านผู้อ่านความเห็นที่ 54 ในบทความที่แล้วได้ช่วยย้อนความทรงจำให้กลับไปหามาดูใหม่อีกครั้ง และทำให้เรารู้ว่ายังมีเบื้องหลังอีกมากมายที่เรายังไม่เคยรู้เกี่ยวกับตัวของไมเคิล แจ็กสัน และครอบครัวของเขา โดยเฉพาะต้นกำเนิดในการก้าวเข้ามาสู่การเป็นนักร้องดังตั้งแต่อายุยังน้อย

    ถ้าจะพูดกันถึงความถูกต้องของซีรีส์ปี 1992 เรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่าหายห่วง เพราะมันสร้างมาจากหนังสืออัตชีวประวัติ My Family ผลงานของ แคเธอรีน แจ็กสัน แม่ของเหล่าแจ็กสัน ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1990 นั่นเอง

    เรื่องราวย้อนไปตั้งแต่ช่วงที่แคเธอรีนเจอกับโจเซฟครั้งแรก ที่ทำให้เราเห็นว่าทำไมผู้หญิงที่ออกจะเรียบร้อยอย่างเธอถึงได้ตกหลุมรักหนุ่มแสนเจ้าชู้อย่างโจเซฟได้ ก่อนที่เขาเองจะแสดงความรับผิดชอบในฐานะความเป็นพ่อคนเป็นครั้งแรก เมื่อรู้ว่าแคเธอรีนแฟนสาวที่คบไม่นานกำลังตั้งท้อง เขาจึงยอมทิ้งความฝันทุกอย่างแล้วออกมาหางานทำเพื่อสร้างครอบครัวใหม่ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กับเธอ

    ผู้ที่รับบทเป็นแคเธอรีนได้แก่ แองเจลา แบสเซตต์ นักแสดงสาวดีกรีมหาบัณฑิตจากเยล ที่ตีบทแม่ลูก 8 ในเรื่องได้อย่างกระจุยกระจาย สีหน้าท่าทางการแสดงอารมณ์ของเธอช่วยยกระดับมินิซีรีส์เรื่องนี้ให้ดูไม่ต่างจากหนังบนเวทีออสการ์แม้แต่น้อย ไม่น่าแปลกใจที่ปีต่อมาเธอจะได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์และคว้าลูกโลกทองคำไปครองจากการสวมบทเป็น ทีนา เทอร์เนอร์ ในเรื่อง What's Love Got to Do with It

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=569 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=569>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ตัวละครที่ถือเป็นตัวเอกในช่วงต้นของซีรีส์ความยาว 4 ชั่วโมงนี้ก็คือตัวของ โจเซฟ แจ็กสัน นั่นเอง จากภาพที่แฟนไมเคิลหลายคนวาดเอาไว้ว่าเป็นบุคคลที่ป่าเถื่อนต่อไมเคิลทั้งร่างกาย เช่น เคยจับไมเคิลลอยกลับหัวหลับหางแล้วฟาดเพราะดื้อ และทางจิตใจอย่างการแอบไปหลอกให้ตกใจที่หน้าต่างห้องนอนเวลาที่ไมเคิลลืมปิดหน้าต่างจนทำให้เขาเกือบสติแตกเวลานอนอยู่หลายปี ซึ่งในเรื่องนี้เราจะได้เห็นเขาในมุมที่ต่างออกไป แน่นอนว่าการเป็นคนอารมณ์ร้อนและชอบใช้กำลังยังคงอยู่เช่นเดิม (ที่ไม่เว้นว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว) แต่เรายังได้เห็นเขาในฐานะบุคคลที่มีความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว เป็นเสาหลักและที่พึ่งของทุกๆ คนในบ้านยามที่มีเรื่องเดือดร้อน และเหนืออื่นใดถ้าไม่มีเขา เราคงไม่มีทั้ง Jacksons 5 หรือแม้แต่ไมเคิล แจ็กสันอย่างในทุกวันนี้

    แต่ความมุ่งมั่นทุ่มเทดังกล่าว กลับเป็นผลเสียต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ยากเกินกว่าจะเยียวยาสำหรับโจเซฟและไมเคิล เด็กหนุ่มที่อ่อนวัยและอ่อนไหวที่สุดของสมาชิกในวง Jacksons 5 แต่เขาต้องแบกรับหน้าที่หนักที่สุดในวงทั้งการเป็นนักร้องและนักเต้น แม้พรสวรรค์ที่มาตั้งแต่เกิดจะทำให้เขาเรียนรู้สิ่งที่จะทำให้เขาโดดเด่นบนเวทีได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อทั้งหมดได้นำเขามาสู่เส้นทางอาชีพนักร้องตั้งแต่วัย 11 ขวบ มันจึงไม่เหลือที่ว่างให้กับเวลาสนุกสนานแบบเด็กๆ ตามที่เขาปรารถนา เช่นเดียวกับการงอแงตามประสาเด็กทก็ไม่มีใครเหลียวแล จนกลายเป็นปมด้อยที่ติดตัวเขามาจนโตเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เราๆ ทราบกันดี (แต่อีกมุมหนึ่งในเรื่องนี้เราก็ได้เห็นความเป็นเด็กหัวแข็งและจอมแก่นของเขาไม่น้อยเช่นกัน)

    ในครึ่งหลังของเรื่อง หัวใจสำคัญของซีรีส์มาโฟกัสที่ตัวไมเคิลเป็นหลัก ตั้งแต่ความทะเยอทะยานในการก้าวไปสู่ความเป็นนักร้องระดับตำนานตั้งแต่วันแรกที่ก้าวมาสู่อาณาจักรโมทาวน์ จนถึงการจับมือกับพี่น้องในการสละเรือจากโมทาวน์เพื่อไปหาทางออกทางดนตรีที่สดใหม่กว่า และแรงปรารถนาอันแรงกล้าในการแสดงตัวตนที่แท้จริงผ่านทางเสียงเพลงของเขาเอง ทำให้เขาทิ้งวงของพี่น้องเอาไว้เบื้องหลังและก้าวไปสู่เส้นทางนักร้องเดี่ยวที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าใครในตอนนั้นจะคาดคิด (ฉากที่น่าประทับใจที่สุดคือตอนที่ แบร์รี กอร์ดี เจ้าพ่อโมทาวน์ไปขอร้องไมเคิลช่วยมาออกรายการทีวีครบรอบ 25 ปีโมทาวน์ด้วยตัวเอง โดยระหว่างที่กอร์ดีเดินไปหาไมเคิลที่ทำงานอยู่ในห้องอัดเสียง ไมเคิลกำลังเปิดอินโทรของเพลง Beat It อยู่ ซึ่งเป็นซาวน์ที่แตกต่างจากสิ่งที่กอร์ดีทำเอาไว้กับโมทาวน์อย่างสิ้นเชิง และแสดงให้เห็นว่าลูกศิษย์ผู้ที่ฝันอยากเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขาคนนี้เติบโตซักเพียงไหน)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=578 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=578>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อีกมุมหนึ่งที่เราได้เห็นจากเรื่องนี้ก็คือความอ่อนไหวในตัวของไมเคิล กับสิ่งที่เขาได้รับจากการเป็นคนที่มีชื่อเสียง ที่เราจะได้เห็นความกังวลในภาพลักษณ์ของตัวเขาเองต่อสายตาคนภายนอก จากการพูดคุยเรื่องสิวที่เริ่มขึ้นบนหน้าของเขากับผู้เป็นแม่ แสดงให้เห็นว่าเขามีความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงรูปโฉมตัวเองเพราะความกังวลจากสายตาของแฟนเพลงมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว ซึ่งผู้เป็นแม่ก็จะคอยเดือนสติของเขาเสมอ ด้วยประโยคในหนังที่แสนกินใจว่า

    "ลูกไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่เพื่อสนองจินตนาการของแฟนเพลงทุกๆ คนได้ ลูกต้องเป็นตัวของตัวเอง และลูกสวยงาม ลูกเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอตั้งแต่ลูกเกิดมา โอ้ ไมเคิล บางสิ่งในดวงตาของลูกสัมผัสหัวใจของทุกๆ คน"

    สำหรับแฟนเพลงของไมเคิลแล้ว มินิซีรีส์เรื่องนี้สามารถจำลองภาพเหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำของไมเคิลให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ทั้งฉากการแสดงความสามารถในการร้องเพลงในงานโรงเรียนจนได้มาเป็นนักร้องนำในวง Jacksons 5, ฉากไปออดิชั่นกับโมทาวน์, ฉากไปเปิดตัวท่ามูนวอร์คในงาน 25 ปีโมทาวน์, การกลับมาร่วมแสดงกับพี่น้องอีกครั้ง และอุบัติเหตุตอนถ่ายโฆษณาน้ำอัดลม (ซึ่งล่าสุดมีของจริงออกมาให้ชมกันแล้ว)

    ในเรื่องน่าเสียใจสำหรับการจากไปก่อนเวลาอันควรของไมเคิล ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีอยู่เช่นกัน เพราะในขณะที่ศิลปินอย่างเขาไม่ได้มีผลงานออกมาให้ผู้คนได้กล่าวถึงมาเกือบทศวรรษ ซึ่งยุคที่ผ่านมาเรื่องที่ดูจะอยู่ในกระแสของเขามีแต่ชีวิตส่วนตัวที่ถูกนำมาตีแผ่เพียงอย่างเดียว แต่พอเขาจากไป ผู้คนมากมายเหลือเกินที่ออกมาไว้อาลัยแก่เขา ซึ่งทั้งหมดผมเชื่อว่าไม่ได้เป็นแฟนที่เคยเกาะติดเรื่องการทำศัลยกรรมและโรคภัยประจำวันของเขา แต่เป็นผู้ที่ยังคงระลึกถึงสิ่งที่เขาเคยสร้างเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ในวงการเพลงเมื่อ 20-30 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งจำนวนของแฟนเพลงอันเหลือล้นที่กลับมาแสดงการไว้อาลัยต่อไมเคิลเป็นสิ่งที่แสดงถึงความผูกพันที่แฟนเพลงเคยได้รับจากช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเขานั่นเอง (โดยเฉพาะในบ้านเราที่เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีแฟนของไมเคิล แจ็กสันในเมืองไทยมากมายแค่ไหน ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะตามกันมาตั้งแต่ชุด Bad หรือ Dangerous และน่าคิดว่ามีอยู่จำนวนเท่าไหร่ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ตามเขามาหลังจาก History และ Invincible กันบ้าง)

    แม้ตำนานของเขาจะจบลงในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด แต่อย่างน้อยมินิซีรีส์เรื่องนี้ก็เปิดโอกาสให้เรากลับไปเห็นช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถือกำเนิดขึ้น ได้เห็นการต่อสู้เพื่อความฝันของพี่น้อง ช่วงเวลาที่ครอบครัวแจ็กสันอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง กับจุดเริ่มต้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและสวยงามของนักร้องที่เคยมอบความรักให้ตั้งแต่หนูตัวเล็กๆ จนถึงคนทั้งโลก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=582 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=582>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>-------------------
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...