“ชุมนุมชาวพุทธโลก” ในอินเดีย “พระธรรมทูตไทย” สานสัมพันธ์

ซึ่งจะทำให้ไม่จำเป็นต้องไปมัวพะวักพะวนกับเหตุการณ์ต่างๆเพราะนั่นเท่ากับเป็นการโฆษณาให้อีกฝ่ายไปโดยปริยาย จากการคิดการทำที่ไม่รอบคอบ


ศูนย์ “โลกุตระภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” เมืองออรังคบัด รัฐมหาราษฎร์ ประเทศอินเดีย ที่สร้างเป็นศูนย์กลางในการถวายความรู้และฝึกพระวินัยให้แก่ พระสงฆ์อินเดีย อันจะเป็นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมารุ่งเรืองมั่นคงอีกครั้งในดินแดนพุทธภูมิ.

มองไปยัง ประเทศอินเดีย-เนปาล แผ่นดินแห่งการเกิดของพระพุทธศาสนา ปรากฏให้เห็นว่ามีความเคลื่อนไหวในรูปแบบของการ “แก้ที่ตัวเอง” มาอย่างต่อเนื่อง

จวบจนปัจจุบันจากการเดินหน้า “แก้ที่ตัวเอง” ทั้งของ พระธรรมทูตไทยและ ชาวพุทธนานาประเทศ ส่งผลให้การยอมรับจาก ชาวอินเดีย-เนปาล เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมาย

ล่าสุดบนพื้นที่กว่าสิบไร่ริมถนนสายหลักเส้นทางไป ถ้ำอชันต้ามรดกโลกทางพระพุทธศาสนา แห่งเมืองออรังคบัด รัฐมหาราษฎร์ ของประเทศอินเดีย


องค์ทะไลลามะที่ 14 (เทนซิน เกียตโซ) เสด็จเป็นประธานเปิด “โลกุตระภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์”และร่วมการจัด “ชุมนุมชาวพุทธโลก” ครั้งแรกในประเทศอินเดีย มี สมเด็จพระสังฆราชจากศรีลังกา พร้อมพระสงฆ์และชาวพุทธจากทั่วโลกมาร่วมประชุม.

กลายเป็นที่ตั้งของ “โลกุตระภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” จากการริเริ่มของ ดร.ฮาร์ชดีฟ แคมเบิ้ล และ นางรจนา วานิช สองสามีภรรยาที่มุ่งหวังให้เป็นศาสนสถานเพื่อการอบรม พระสงฆ์อินเดีย ให้แตกฉานใน พระไตรปิฎก

โดยเริ่มจากการฝึกวินัยของสงฆ์ให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ดีงามตามหลักพระพุทธศาสนาสายเถรวาท ด้วยการเปิดให้ พระสงฆ์อินเดีย เข้ารับการศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติ โดยมีทุกอย่างพร้อมเอื้ออำนวยความสะดวกให้

บนพื้นที่แห่งนี้จึงมีทั้งพระวิหารเพื่อฝึกอบรมวิปัสสนา อาคารเพื่อการศึกษา ที่พักสงฆ์ หอฉัน ตลอดจนมีคณาจารย์ วิทยากร ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสผู้ทรงความรู้เชี่ยวชาญทุกด้านในพระพุทธศาสนาจากทั่วโลกเป็นผู้ถวายความรู้

นางรจนา วานิช หนึ่งในผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า ที่ประเทศอินเดียมีวัดพุทธนานาชาติตั้งอยู่มากมาย มีพระสงฆ์หลากหลายประเทศมาอยู่จำพรรษาเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแดนพุทธภูมิ


องค์ทะไลลามะที่ 14 ประทานโอกาสให้ พระธรรมโพธิวงศ์(วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร อินเดีย และหัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล เข้านมัสการ ในการเข้าร่วมชุมนุมชาวพุทธโลก.

แต่ พระสงฆ์ของอินเดีย เองยังมีอยู่จำนวนน้อย รวมทั้งส่วนหนึ่งยังขาดซึ่งความรู้และความเข้าใจในพระไตรปิฎก อาจเป็นเพราะชาวพุทธอินเดียยังไม่มีวัดเป็นของตนเอง จึงไม่มีสถานที่อบรมถวายความรู้อย่างจริงจัง

ดังนั้น สถานที่แห่งนี้จะเป็น ศาสนสถานแห่งแรก ที่เป็น ศูนย์กลางในการถวายความรู้ และ ฝึกพระวินัย ให้แก่ พระสงฆ์อินเดีย อันจะเป็นการฟื้นฟู พระพุทธศาสนา ให้กลับมามั่นคงอีกครั้งในดินแดนมาตุภูมิ โดยชาวพุทธอินเดีย เอง

ศูนย์ฯแห่งนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยได้รับพระเมตตาจาก องค์ทะไลลามะที่ 14 (พระฉายา เทนซิน เกียตโซ) เสด็จมาเป็นประธานพร้อมกล่าวสัมโมทนียกถา ความว่า…

“ศูนย์โลกุตระภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ แห่งนี้จะช่วยเผยแผ่พระธรรมคำสอน ช่วยให้พระสงฆ์อินเดียได้เรียนรู้ ที่สำคัญคือหลักการปฏิบัติในวิปัสสนากรรมฐาน ที่จะสามารถฝึกฝนพัฒนาความคิด ความมีเมตตา มุ่งไปสู่ปัญญา” องค์ทะไล-ลามะที่ 14 ตรัสชื่นชม


องค์ทะไลลามะที่ 14 เสด็จไปศูนย์ “โลกุตระภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” เมืองออรังคบัด ที่จะเป็นสถานที่เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน ให้พระสงฆ์อินเดียได้เรียนรู้หลักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและพัฒนาความคิด.

พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา และหัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล เป็นประธานการชุมนุมชาวพุทธโลก.

ขณะเดียวกัน สองผู้ก่อตั้งยังได้จัดงาน “ชุมนุมชาวพุทธโลก” ขึ้น ณ ลานสเตเดียม ใน วิทยาลัยมิลินท์ เมืองออรังคบัด ไปในคราเดียวกันด้วย

งานนี้มีพระมหาเถระจากทั่วโลก อาทิ สมเด็จพระสังฆราชจากศรีลังกา และ ชาวพุทธอินเดียหลายหมื่นคนเข้าร่วมงาน เพื่อรับฟังการปาฐกถาเรื่อง “ความสัมพันธ์ของพระพุทธศาสนากับโลกปัจจุบัน” จากวิทยากรทั่วโลก

ทั้งนี้ ดร.ฮาร์ชดีฟ แคมเบิ้ล กล่าวว่า“การจัดงานชุมนุมชาวพุทธโลกครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของอินเดียที่ตนไม่ได้ต้องการให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ แต่มุ่งหวังที่จะประกาศฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมารุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง เมื่อการจัดงานสิ้นสุดลง นับเป็นการเริ่มต้นที่จะนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิต”


พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายประเทศอินเดีย-เนปาล และ พระครูอุดมโพธิวิเทศ (ณรงค์ อุตฺตมวงฺโส) นำคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวไทยเข้าร่วมชุมนุมชาวพุทธโลก.

ดร.ฮาร์ชดีฟ แคมเบิ้ล และ นางรจนา วานิช สองสามีภรรยาที่สร้างศูนย์ “โลกุตระภิกขุ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์” มุ่งหวังให้เป็นศาสนสถานเพื่ออบรมพระสงฆ์อินเดียให้แตกฉานในพระไตรปิฎก และฟื้นฟูพุทธศาสนากลับสู่พุทธภูมิ.

ด้าน “พระธรรมโพธิวงศ์” เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหารประเทศอินเดีย และ หัวหน้าพระธรรมทูตไทย สายอินเดีย-เนปาล ที่ไปร่วมเป็นประธานการชุมนุมชาวพุทธโลกครั้งนี้ด้วย ได้กล่าวสัมโมทนียกถาสรุปความว่า

“วันนี้นับว่าเป็นวันมงคลที่มหาบัณฑิตมาประชุมกันเพื่อปรารภธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเจริญ อันเป็นแนวทางห่างไกลจากความเสื่อม การมาสัมมนาเป็นการเสวนาธรรมเพื่อเปิดทางเดินให้โลกปลอดภัยจากภัยอันตราย

เป็นที่ที่เปิดทางแห่งความสุขให้สรรพสัตว์เดินทางปฏิบัติในมรรค เป็นการเปิดมิตร ปิดศัตรูได้อย่างแท้จริง และที่นี่จะเป็นเป้าหมายของมหาชนผู้มีปัญญาแท้และยั่งยืน นำแสงสว่างมาสู่ชาวโลกให้มีความสุขอยู่เสมอ”


พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลกพร้อมด้วยชาวอินเดีย เข้าร่วมชุมนุมชาวพุทธโลกครั้งแรกในประเทศอินเดีย ณ ลานสเตเดียม ในวิทยาลัยมิลินท์ เมืองออรังคบัด.

ส่วนโอวาทธรรมอันทรงคุณค่ายิ่งจาก องค์ทะไลลามะที่ 14ที่ได้กล่าวไว้ในงานชุมนุมชาวพุทธโลกครั้งนี้ได้แก่…

“อาตมาไม่เคยพูดว่าพระพุทธศาสนาดีที่สุดในโลก เพราะทุกศาสนาล้วนมีความดีในตัวเอง เปรียบเสมือนยาที่สามารถรักษาได้เฉพาะโรคเท่านั้น ไม่มียาเม็ดไหนดีที่สุดในโลก ดังนั้นขอให้ยึดหลักความเสมอภาค ความสามัคคีธรรม มีความเมตตากรุณา อหิงสา ไม่เบียดเบียนกันและอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”


บริเวณลานสเตเดียมภายใน วิทยาลัยมิลินท์ เมืองออรังคบัด ประเทศอินเดียที่จัดการ ชุมนุมชาวพุทธโลก ครั้งแรกในประเทศอินเดีย เนืองแน่นเต็มพื้นที่.

น.ส.อันนา สุขสุกรี นำทีมงานถ่ายทำสารคดีจากประเทศไทย ไปร่วมบันทึกประวัติศาสตร์วงการพุทธศาสนาโลกในการชุมนุมชาวพุทธโลกด้วย.

ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/society/1721148