“ดูจิต ต้องมีฐาน ต้องมีสมถะ ต้องอยู่ข้างในจิต” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 24 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    [​IMG][​IMG]


    “ดูจิต ต้องมีฐาน ต้องมีสมถะ ต้องอยู่ข้างในจิต”


    พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต


    ช่วงถาม-ตอบ ธรรมะบนเขา วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557


    ถาม : “พระอาจารย์ตอนที่พระอาจารย์พูดว่า พระพุทธองค์แสดงธรรมให้พระปัญจวัคคีย์ ตอนนั้นทุกคนที่ฟังอยู่ไม่ต้องเดินจงกรม ไม่ต้องนั่งสมาธิ แต่ว่ามีจิตที่รับรู้ ?

    ตอบ : ก็จิตพิจารณาตามธรรมที่ได้ยินและดูธรรมที่มีอยู่ในใจของตน ดูทุกข์ที่มีอยู่ในใจ ดูสมุทัยที่มีอยู่ในใจ ดูมรรคที่เข้ามาสลายสมุทัย ละสมุทัย ดูนิโรธที่ปรากฎแจ้งขึ้นมาภายในจิตเลย”

    ถาม : แล้วก็จะรู้ธรรมอันนี้ ?

    ตอบ : “พอจิตนั้นอยู่ข้างในแล้ว จิตที่มีสมาธิแล้วนี้จะอยู่ข้างใน อริยสัจ 4 นี้ก็มีอยู่ข้างใน แต่ไม่มีใครชี้ให้มองอริยสัจ 4 ที่มีอยู่ข้างใน พอพระพุทธเจ้าชี้ให้เห็น ให้มองการทำงานของอริยสัจ 4 ที่มีอยู่ภายในใจ ก็สามารถจัดการกับสมุทัยที่เป็นตัวสร้างความวุ่ยวายให้กับใจได้ เหมือนกับเราอยู่ในบ้านแล้วเรา เจอหมาที่มันคอยมาขี้มาเยี่ยวอย่างนี้ เรารู้ว่าไอ้ตัวนี้มันทำให้บ้านเราสกปรก เราก็จับมันไว้หรือมัดมันไว้ผูกไว้แล้วก็ตีมันสอนมันเวลามันจะขี้จะเยี่ยวก็ ให้มันออกไปข้างนอก ต่อไปมันก็จะไม่ได้ขี้ได้เยี่ยวในบ้าน

    เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าทำไมบ้านเราเหม็นมีขี้ มีเยี่ยวอยู่ตลอดเวลา พอดีมาเห็นหมามันขี้มันเยี่ยวต่อหน้าชัดๆจึงเห็น อันนี้ เหมือนกันแต่ก่อนเราไม่รู้เราไม่สบายใจ ทำไมเราทุกข์ใจ เวลาหมอบอกเป็นไข้ เป็นมะเร็ง ทำไมเราต้องทุกข์ใจด้วย เวลาเราเห็นคนตาย เราไปงานศพคนตายทำไมเราไม่สบายใจ เราไม่รู้ เราไม่รู้เพราะว่าเราไม่อยากแก่ ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากตาย

    แต่ถ้าเราภาวนาสมถภาวนาทำใจให้สงบได้ ใจมันจะไม่ออกข้างนอก มันจะอยู่ข้างในเป็นส่วนใหญ่ แล้วเวลามีปัญหาเกิดขึ้นภายในใจ ถ้าไม่มีใครบอกก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พอมีคนมาบอกว่าเนี๊ย !! ความไม่สบายใจของคุณอยู่ที่ความอยากของคุณเอง คุณอยากไม่เเก่ใช่ไหม ? อยากไม่เจ็บใช่ไหม ? อยากไม่ตายใช่ไหม ? พอคุณเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย คุณก็ไม่สบายใจ งั้นคุณหยุดความอยากนี่เสียซิ อย่าไปอยากไม่แก่ อย่าไปอยากไม่เจ็บ อย่าไปอยากไม่ตาย เพราะคุณไปห้ามมันไม่ได้ มันต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย พอเข้ามามองที่ใจ ก็เออ !!จริงนะ นี่เราไปอยากมันเอง เราหยุดอยากเสีย มันจะแก่ จะเจ็บ จะตาย ก็ปล่อยมันแก่ มันเจ็บ มันตายไปซิ มันไม่ใช่ตัวเรา พอเห็นอย่างนี้มันก็หยุดได้

    หยุดแล้วมันก็ไม่ทุกข์ ต่อไปมันเห็นความแก่ ความเจ็บ ความตายของใครก็ตาม ของร่างกายของตนเองไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะไม่ต้องการจะทุกข์ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับจิตใจ แต่ความอยากไม่แก่ อยากไม่เจ็ย อยากไม่ตายต่างหากที่สร้างความทุกข์ให้กับใจ เราอยากดับความทุกข์ใจ เราก็ต้องดับความอยากไม่แก่ อยากไม่เจ็บ อยากไม่ตายให้ได้ งั้นเราต้องเข้าไปข้างในใจนี้ให้ได้ ตอนนี้ใจเราอยู่ข้างนอก อยู่กับรูปรสกลิ่นเสียงร่างกาย ไม่ได้อยู่ที่ใจ มันก็เลยคิดว่าร่างกายนี้เป็นใจ เวลาร่างกายนี้เป็นอะไรมันก็เครียดขึ้นมา มันก็ทุกข์ขึ้นมา แต่ถ้ามันเข้าไปข้างในแทนที่มันจะอยู่กับร่างกายไปอยู่กับใจ มันก็รู้แล้วว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมัน

    งั้นเราก็ต้องดึงใจเข้าไปข้างในให้ได้ วิธีดึงใจนี้ก็คือการเจริญสตินี่เอง บริกรรมพุทโธๆ ไปดึงใจ เข้าไปให้ได้ สวดมนต์ก็ได้ ให้ผูกติดกับการกระทำของร่างกายก็ได้ อย่าให้ไปคิดปรุงเเต่งเรื่องนั้นเรื่องนี้ มันก็จะได้สงบตัว สงบแล้วมันก็จะอยู่ข้างใน มันจะออกมาก็เฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่มันจะตั้งหลักอยู่ข้างใน เพราะอยู่ข้างในมันเย็นมันสบายมันสงบ มันมีความสุข พอมีคน ความสุข ความสงบของคุณนี้เสียไปเพราะเกิดความอยากของคุณเอง อย่างเวลาคุณไปหาหมอ หมอบอกเป็นมะเร็งนี้ ถ้าคุณอยากไม่เป็นนี้ คุณก็จะทุกขึ้นมาทันที แต่ถ้าคุณเฉยๆ มันเป็นก็เป็นซิ เราไปห้ามมันไม่ได้ เราจะไม่ทุกข์กับมัน

    ดังนั้น การจะเจริญวิปัสสนาได้นั้นก็ต้องมีสมถะก่อน จิตต้องเข้าไปถึงฐานเข้าไปที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุของอริยสัจ 4 อยู่ข้างในใจไม่ได้อยู่ที่อื่น ทุกข์ก็อยู่ในใจ สมุทัยก็อยู่ในใจ นิโรธก็อยู่ในใจ มรรคก็อยู่ในใจ ที่นี่มันถ้ามันไม่มีสมาธิมันก็ไม่มีมรรค พอมันมีสมาธิมันก็มีมรรคมีสติแล้ว แล้วพอมีปัญญา มีคำสอนของพระพุทธเจ้า มันก็ครบองค์มันก็จะเห็นชัด เห็นว่าตอนนี้เราไม่สบายใจเพราะเราอยาก อยากให้เขาเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ อยากให้เขาทำอย่างนั้นทำอย่างนี้พอเขาไม่ทำเราก็ทุกข์ใจ ที่นี้พอเราไม่อยากทุกข์ใจเราก็ปล่อยเขาไปเท่านั้นเอง เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขาก็หายทุกข์แล้ว ร่างกายมันจะเจ็บก็ปล่อยมันเจ็บไป ใจก็สบายหายทุกข์

    อันนี้ที่เรียกว่า ดูจิต ต้องดูแบบนี้ ต้องมีฐาน ต้องมีสมถะ ต้องอยู่ข้างในจิต ไม่ใช่มองจากข้างนอกจิตเข้ามา อย่างคนที่ไม่มีสมถะ เขาบอกเขาดูจิต แต่เขาดูแล้วเขาไม่สามารถจัดการกับสมุทัยได้ เวลาเกิดความโกรธก็คือ อย่างมากได้แค่ ระงับชั่วคราว พอมีสติความโกรธนั้นก็หายไป พอเผลอสติปั๊บมันก็กลับมาใหม่ เพราะไม่ได้ไปทำลายมัน เพราะอยู่ข้างนอก ตัวปัญหาอยู่ข้างในแต่ผู้ที่จะแก้ปัญหาอยู่ข้างนอก ผู้ที่จะแก้ปัญหาต้องเข้าไปข้างใน จิตต้องเข้าไปอยู่ข้างใน เข้าไปในสมาธินั้นแหล่ะ ถึงจะเรียกว่าเข้าไปข้างใน”


    คัดลอกจาก https://www.facebook.com/photo.php?...683.1073741832.253596241454483&type=1&theater
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2014
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  3. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    ไม่แน่เสมอไปหรอก....

    อาจารย์ ท่านนี้ ท่าน ชอบนั้งสมาธิ ท่านก็ ว่า แบบท่าน ดีแน่แท้...
    ก็ไม่เถียงว่าดี..แต่ ทางขึ้นเขามีหลายทาง

    ไม่จำเป็น ต้องเดินตามท่าน ว่ามาก็ ได้ บางคนเขาถนัด เดินอีกทาง

    การทำสมถะ แล้วเอาจิตมาที่สงบมาดู จิต มันก็ ดี..แบบแนวพระ เดิมที่ทำกันมานาน...
    เรียกว่า สมาธิ อบรม ปัญญา เหมาะแก่ ภิกษุ ในการ ทำ ความรู้แจ้งให้เกิด แก่ตน...

    เพราะ ในเบื้องต้น จะได้ สมาธิ ที่สงบลงก่อนเพราะ พระ มีเวลา เยอะ ในการปฎิบัติื...

    เรื่องการเข้าถึง วิมุตติ นี้ พระ อานนท์ ท่านเคยสรุปแล้วว่า..มี หลัก ใหญ่ 3 ทาง

    1.สมาธิอบรม ปัญญา...คือ การทำสมถะมากๆให้จิตสงบก่อนแล้วค่อยมา ดู จิต ที่เกิดดับ แบบที่ อาจารย์ที่ยกมา รูปนีรี้ท่านสอนไว้
    2. ปัญญาอบรมสมาธิ...คือ การ เดินวิถีการปฎิบัติ แบบ การตามรู้กาย ใจ ซึ่งมีสอนใน สติปัฎฐาน 4แล้ว.เช่นใน กายานุปัสสนา จะมี การ ตามรู้กายด้วย อิริยาบทบรรนพพะ สัมปชัญญะบรรพพะ..การ พิจารณา กระ ดุกใน นวสีบรรพพะ..3 วิธีนี้ พระพุทธองคื ไม่ได้บอกไว้เลยว่า ต้อง ทำ ฌาณ ให้เกิด ก่อน..แต่ท่านให้ ตามรู้ไปเลยเรื่อยๆ..แม้ แต่ การ ดูเวทนาใน เวทนานุปัสสนาก็ตาม..อ่านให้ แตก ในตำรา..จะมี แค่ให้ ตามรู้..ปัจจุบันเท่านั้นไม่เห็นต้องทำฌาณก่อนเลย
    3. การทำ ทั้งสมถะ และ การตามรู้กายใจไปพร้อมๆกัน..ในแต่ละวันของการปฏิบัติ....

    อาจารย์ ท่านนี้ เป็นศิษย์ หลวงตา บัว..ไปตั้งสำนัก แถวชลบุรี..
    ท่าน มาตามแนวสอน ของหลวงจา บัว ที่ให้ เพ่งๆ แต่ลมทั้งวัน จนจิตสงบ บางที จิตก็ ติดสงบ เกิด ฌาณ หลง ภพ กันไป..แต่หาก รู้จักระงับฌาณจิตให้ ลงมาดู ตัวจิตเอง

    จนเกิดเห็น ความเกิด ดับได้ ก็ เป็น กุศลแก่ ตน...

    เจริญในธรรมกันทุก คนนะครับ...
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  5. auychai 2812 qc

    auychai 2812 qc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอโทษนะคุณ bankbankbank ไปศึกษาประวัติของท่านให้ชัดเจนก่อนค่อยพูดออกมาและการแสดงออกของคุณดูจะเหมือนเป็นการปรามาสท่านด้วย..ระวังจะบาปมาก..ท่านเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดญานฯ และตำแหน่งท่านเป็นปลัดซ้ายของสมเด็จพระญานสังวรครับ..และยังมีอีกมากที่ผมเชื่อว่าคุณไม่รู้เรื่องท่านดีพอครับ..การปรามาสพระอริยสงฆ์มันเป็นบาปมหันต์ครับ
     
  6. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    อืมม..ผมไม่รู้ประวัติ ของ พระ สุชาติ จริงๆ ครับตามที่คุณว่าผม..ผม คิดเอาเองว่า พระ รูปนี้น่าจะเป็น ศิษย์ หลวงตาบัว..คือ ผมคิดเองเออ เอง ครับ

    พอคุณ ทักมา...ผม เลยต้องไปหหา ข้อมูลในกูเกิล..ก้ พบว่า


    ****พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ท่านเป็นพระอาวุโสจากวัดป่าบ้านตาด ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านเป็นพระกรรมฐานตามปฏิปทาครูบาอาจารย์มั่น ภูริทัตโตที่เก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆ เดิมจะเป็นที่รู้จักเฉพาะในกลุ่มศิษย์ใกล้ชิดวัดป่าบ้านตาดอยู่หลายปึ จนกระทั่งนามของท่านได้ถูกเอ่ยถึงในสื่อมวลชน ในฐานะครูบาอาจารย์อาวุโสที่จะเป็นที่พึ่งพิงให้แก่เหล่าพุทธบริษัท ภายหลังจากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวได้ละขันธ์ไปเมื่อต้นปี 2554 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโตยังมีข้อเด่นในฐานะครูอาจารย์ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเจ้าของภาษาทั้งพูดและเขียน ท่านมีผลงานในการแปลคำเทศน์หรือหนังสือธรรมะขององค์พระหลวงตา
    *********************************

    ไปเจอในเวป นครชุม แต่มีอีกเวป ชืิ่อ เวป วัดป่า..
    หลวงตา บัว บอกว่า พระ สุชาติ เดิม เป็น คน พัทยา..ไปบวชที่วัดป่าบ้านตาด
    อยู่ ปฎิบัติหลายปี...มาตอนหลังนี่ มา อยู่ วัดญาณ ที่ชลบุรี...

    ผม ไม่เคย สนใจ เลย..ว่าท่านเป็นใครมาจากไหน..เก่งกล้าสามารถ แค่ไหน
    แต่ หาก มี คำสอนออกมาจาก ปากท่านแล้ว..มันไม่ตรงสภาวะ ธรรมแท้ๆ..ผม จะท้วงทันที ผ่าน หน่้าเวบ ที่ท่านออกมาสอน นั้นแหละ

    ผม ไม่เก่งครับ...และ ไม่มี ชื่อเสียงเท่า พระ สุชาติ...
    ผม/ไม่ชอบสร้างภาพ ให้น่าเกรงขาม ว่าเป็นพระ ดี แบบท่าน...
    ผม ไม่ แอ๊ก อ๊าด แบบพระ หลายๆรูป แบบ มิตซูโอะ อีก คน..
    ก่อน สึก..ดังทะลุ ฟ้าเมืองไทย..สุดท้าย แพ้ ผู้หญิงสวย.เพราะ อะไรล่ะ...

    คุณ เข้าใจ มะ...

    พระ สุชาติ..เอง ก็เถอะ...ทำ แต่สมถะ..ทำมากๆ แล้วก็หลงคิดไปว่า วิธีการแบบอื่นๆ ผิด หมด..หลงตน ว่าเดินถูกทาง..ตามแบบฉบับ หลวงตา บัว ที่ พร่ำสอนให้ นั่งบริกรรม อย่างเดียว ให้ จิต ลงในฌาณ มากๆ แล้ว ค่อยมาคิด ปลง ขันธ์ 5 ด้วยการ คิดๆเอา...

    การ ที่ คุณ ว่าผม ว่าปรามาส พระนั้นผม ไม่กลัวครับ...
    ผม ก็ เป็น พระ..หาก พระ ที่ ออกมาสอนธรรมคนทั่วไป แล้ว สอน แบบแคบๆ อาจจะ ถุกต้องบ้าง แต่ ไม่ทั้งหมด..ผม ต้อง แย้งย้อน..

    เป็นธรรมดาครับ...พ่อ ผม คือ พระพุทธเจ้า..แม่ผม คือ พระ ธรรม..พี่ผม คือ พระสงฆ์ ผู้ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ..ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2014
  7. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    ครับ..ผม ไม่ได้อยากรู้ อะไร ของ พระ สุชาติ มากมายหรอกครับ
    ผม ทุกวันนี้ รู้เรื่องตัวเอง ยังไม่อิ่มเลย.ที่เข้ามา ในเวบ พลังจิต.นี่

    กิเลสมันลากมาครับ..คอม มันตั้งตรงหน้า อยากจะทิ้งมัน ก้ ยังเสียดาย
    เดี๋ยว ใจจะว่างเกินไป ไม่มีอะไร ให้ ใจ เสพ..วันไหน ผม เบื่อ จริงๆ แบบนิพพิทาผม คงโยนมันทื้งไป จริงๆ...ผมหายไปจาก เวบพลังจิต นานพอควร

    คุณ เอง ก็ เถอะ..อย่างมงายอะไรง่ายๆนัก...กาลามสูตร 10 ประการ หา เรียนรู้มากๆ..ฟังธรรมจากใครแล้ว ให้ลองนำไป หัด ดูมากๆ.เห็นผล อะไร ยังไง..ใจคุณ นั่นแหละ จะบอกเองว่า พระ รูป นั้นๆ สอนถูก หรือผิด

    จะบอกให้นะ..หาก นับถือ พุทธ จริงๆ อย่าไป ติด ครูบาอาจารย์ให้มากนัก..
    ไป ละเมอ เพ้อพก กับท่าน เห็นท่าน เทศน์ ดี เห็น ท่าน งาม เห็นท่านสวย อยากไป เฝ้าใกล้ๆ..ตัวเอง ไฟ ลามหัวเผาใจทุกวัน ไม่ได้ รู้ตัวเลย

    ตอนนี้ ยังแข็งแรง ดี อะไรๆ ก็ ดีหมด..ตด ที เดินหนี ก้หายเหม็น แต่ พอแก่ ตัวมา เรี่ยวแรงไม่มี นั่งก็ เมื่อย...ยืน ก็เมื่อย จะเดินที ก้าวขา ก็ ลำบาก
    ตด แต่ละ ที ต้องนั่ง แช่ ยืนแช่ ดม ตด ตัวเอง เพราะ ขยับตัวหนีไม่ทัน

    ใจ ก็ ไม่ได้ เรียนรุ้การ ตัดภพชาติ ใจไม่ได้เรียนรู้ การ เกิดสติ เมื่อ เวลาคับขัน ก่อนตาย

    ใจ ไม่มี สัมมาสติ พอก่อนตาย จะ ลืมตัวหมด หาก กำลัง โกรธ ก้ลงนรก ทันที พอ กำลัง ชื่นชม หมา แมว..เกิดตายกะทันหัน ก้ ไป เกิด เป็น หมาแมว ทันที

    นั่ง สมถะ มากๆ...อัตตา ก็ ชัดเจน มีตัวออกมา ตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม..มัน ติด ที่ จิต
    จิต มัน ยึดติด..มันถอนยาก...

    คนเรามันตายได้ ทุก เวลา อุบัติเหตุ ในการเดินทางบ้าง
    หรือ อาจโดน ลูกหลง ตายแบบไม่รู้ตัว..หาก เป็นคนเคย ฝึกสติบ่อยๆ
    จิตจะ ไว ไม่หลง อบาย...ไม่หลง ตาย ไม่ตาย แบบงมงาย

    เอา แค่นี้พอ.ผม มันพระ กระจอก บอกไร ไป คุณคงไม่เชื่อ เหมือนสินค้าแบกะดิน..แต่ช่างเถอะ..ผม กล่าว สัจจะ..ใคร รับได้เป็นกุศล ใครรับไม่ ได้ แสดงว่า ไร้ กุศลร่วมกันมา

    เจริญพร....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2014
  8. comxeoo

    comxeoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +214

    หลวงพ่อท่านก็สอนถูกแล้วนี่ครับ ให้จิตมีที่อยู่ก่อน จนจิตตั้งมั่น พอจิตตั้งมั่นก็มีที่เทียบ จะได้รู้ว่าขันธ์5 มันเป็นของเกิด ดับ เป็นสภาพทุกข์ ถ้าปฏิบัติให้ถูกทาง ยังไงก็เดินตามลำดับจิตอย่างนี้อยู่แล้ว คือ
    -จิตตั้งมั่น
    -เห็นขันธ์เกิด ดับ
    -เข้าใจธรรมชาติของขันธ์5 อยู่ในกฏไตรลักษณ์
    -วางตัณหา ที่มันไปยึดในขันธ์

    ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นก็ไม่เห็นสิ่งทั้งหลาย ในขันธ์หรอกครับ ลองดูทั้ง3แบบที่คุณยก หรือของหลวงพ่อท่านก็เหมือนกันนี่ครับ อย่าไปติดวิธีการมากเลยครับ ถ้าเข้าใจแกน ก็เห็นเองว่ามันเหมือนกัน จะได้ไม่ไปปรามาสหลวงพ่อ หลวงตาด้วย จะกลายเป็นอยู่ดีไม่ว่าดีซะ เตือนด้วยความหวังดีครับ
     
  9. auychai 2812 qc

    auychai 2812 qc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +29
    ไม่เป็นไรครับ..ที่ผมติงเพราะผมเห็นว่าท่านมีแนวความเห็นกับหลวงพ่อสุชาติแบบผิดๆเพราะท่านไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับหลวงพ่อสุชาติท่าน..ตัวผมเองได้เห็นท่านที่วัดญาณตั้งแต่ผมอายุประมาณ17 18 จนตอนนี้ผมอายุ50แล้ว..ผมถึงบอกไงว่ามีอีกมากที่ท่านไม่รู้..เอาแค่ว่าท่านนะเป็นถึงเจ้าคุณและเป็นที่ไว้วางใจจากองค์สมเด็จพระสังฆราชมากแต่ดูในรูปประกอบจะเห็นว่าที่ท่านนั่งรับแขกเป็นปกติทุกวันนี้บนเขาที่ท่านจำวัดอยู่มีสภาพเป็นศาลาเก่าๆเอง..ท่านไม่ต้องการปรุงแต่งอะไรอีกแล้วครับ..นี่เป็นเพียงข้อสังเกตเพียงเล็กน้อยของผมและยังมีอีกมากในการปฎิบัติของท่านที่ทำให้ผมมีเหตุผลพอที่จะศรัทธาในพระศาสนาโดยมีหลวงพ่อสุชาติเป็นตัวอย่างอีกองค์หนึ่งของผม
     
  10. auychai 2812 qc

    auychai 2812 qc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +29
    ขอเพิ่มเติมอีกครับ..ผมน่ะเป็นแค่อุบาสกในพระศาสนาคนหนึ่งตัวเองก็ยังเอาไม่รอดผมถึงต้องหาที่พึ่งที่ดีและชัดเจนเพื่อนำทางในการข้ามวัฏสงสารนี้..หลวงพ่อสุชาติท่านจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกาในตอนที่ท่านจะบวชท่านก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานดีเป็นปกติแต่เมื่อถึงกาลเวลาที่บารมีท่านถึงพร้อมแล้ว..ท่านเกิดความเบื่อหน่ายก็คิดจะบวชแต่ด้วยความที่ท่านยังไม่แน่ใจในตัวเองว่าจะบวชได้นานแค่ไหนเกรงว่าเมื่อบวชไปแล้วจะมาสึกภายหลังท่านก็เลยทดลองใจตนเองโดยไปเช่าห้องอยู่ตัวคนเดียวและกินอยู่อย่างสมถะพร้อมกับศึกษาพระไตรปิฎกภาษาอังกฤษเองเป็นเวลาประมาณ1ปีจนท่านแน่ใจแล้วว่าเป็นความศรัทธาที่มั่นคงแน่นอนจึงออกบวช..เอาหล่ะที่ผมเพิ่มเติมมาซะมากมายก็ไม่ได้มีเจตนามาเชียร์ท่านว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้..ทุกวันนี้ข้าวปลาอาหารที่วัดญาณสมบูรณ์มากแต่ท่านฉันเพียงมื้อเดียวแล้วมื้อเดียวของท่านผมว่าเท่ากับแมวดม..เป็นไปเพื่อให้สังขารคงอยู่เท่านั้นครับ..แล้วอีกอย่างที่จะให้ท่านรู้ไว้ผมหน่ะมันสายพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าน..ผมถือว่าท่านเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของผมดังนั้นสายการปฎิบัติของหลวงพ่อสุชาติจึงเป็นอีกแนวหนึ่งต่างจากจริตของผม..ก็เหมือนที่ท่านบอกนะแหละว่าหนทางไปสู่ยอดเขามันมีหลายทางแล้วหลวงพ่อสุชาติท่านก็ไม่ได้บอกว่าต้องมาทำตามท่านหรือของท่านถูกซึ่งโดยเนื้อแท้ไม่ว่าจะเป็นของพระอริยะองค์ใดสอนก็มีที่มาจากพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพระพุทธเจ้าทั้งนั้นครับ..พอแล้วนะครับถ้ามีคำพูดใดของผมที่จะทำให้เป็นเวรกรรมต่อกันผมขอขมาและขออโหสิกรรมต่อกันครับ..สาธุ..สาธุ..สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...