เรื่องเด่น “นิมิตฝัน” อัศจรรย์จากการสวดมนต์

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 8 เมษายน 2019.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    dreamm.jpg

    อัศจรรย์จากการสวดมนต์
    เรื่องเล่าจากผู้ศรัทธาในเรื่องบุญ กรรม และการสวดมนต์


    อัศจรรย์จากการสวดมนต์ เป็นเรื่องเล่าจากผู้ศรัทธาในเรื่องบุญ กรรม และการสวดมนต์ ท่านหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

    ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่สวดมนต์ไหว้พระอย่างสม่ำเสมอ ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง นิมิตฝัน

    ดิฉันเริ่มสวดมนต์เป็นเรื่องเป็นราวเมื่อวันที่ 1 เดือน 9 ปี พ.ศ. 2545 ก่อนหน้านั้นสามี (ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน) เคยเตือนว่าเรากินบุญเก่าอยู่ ถ้าไม่สวดมนต์บ้าง เมื่อหมดบุญเก่าจะลำบาก ตอนนั้นยังไม่เชื่อนักเพราะคิดเสมอว่าตนเองเกิดมาเป็นแต่ผู้ให้จะลำบากได้อย่างไร แต่เหมือนฟ้าลิขิตให้ได้ฟังบทสวดมหากรุณาธารณีสูตร ซึ่งเป็นพระ-คาถาที่บังเกิดจากความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ จึงเริ่มสวดพระคาถานี้ ต่อมามีโอกาสไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดเขาอิติสุคโตจำได้ว่านั่งสมาธิครั้งแรกรู้สึกเหมือนพระแก้ว-มรกตที่อยู่ตรงหน้าส่งพลังจากพระเนตรเป็นลำแสงมาที่ดวงตา ดิฉันจึงอธิษฐานจิตว่า

    “หากลูกต้องทำหน้าที่รับใช้พระศาสนาไม่ว่าทางใดก็ตาม ขอโปรดมารับสั่งลูกทางนิมิตฝันด้วยเทอญ”

    หลังจากนั้นดิฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาสวด-มนต์ภาวนาและนั่งสมาธิ ไม่นานนักก็สามารถจำบทสวดได้โดยอัตโนมัติ ปรากฏว่าช่วงใกล้รุ่งสางมักเกิดนิมิตฝันเรื่องราวต่างๆ มากมายทั้งเรื่องให้ทำหน้าที่หรือให้ป้องกันเหตุร้ายเมื่อเล่าให้คนในครอบครัวฟัง  บางคนก็บอกว่าดิฉันเพ้อเจ้อ บางคนก็บอกว่ากินมากก็ฝันมาก ดิฉันมิได้ติดใจอะไร จนวันหนึ่งน้องชายคนสุดท้องพูดขึ้นว่า

    “ฝันเยอะๆ แบบนี้ ก็บันทึกเอาไว้สิ”

    ดิฉันจึงเริ่มเขียนบันทึกความฝันของตนเองตั้งแต่นั้นมา ซึ่งต้องขอบคุณน้องชายคนนี้ เพราะบันทึกนี้กลายเป็นหลักฐานยืนยันว่าสิ่งที่ดิฉันฝันไม่ใช่เรื่องงมงาย แม้ว่าอาจเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก แต่ดิฉันเชื่อมั่นว่านิมิตฝันที่เกิดขึ้นเป็นความจริงและเกิดจากพลังของการสวดมนต์ภาวนา

    ดิฉันเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จึงรักและเทิดทูนบูชาสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีในพระบาท-สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เหมือนลูกพระนางทุกคน แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์ว่าพระองค์ท่านมักเสด็จมาในนิมิตฝันของดิฉัน เพื่อมาประทานพรและสื่อสารอยู่เป็นประจำ พระองค์ท่านทรงงดงามตามแบบฉบับหญิงไทยสูงศักดิ์

    วันหนึ่งดิฉันฝันเห็นหุ่นสีขาวที่พอมองออกว่าเป็นเด็กผู้หญิง และมีเสียงบอกว่า

    “แม่ หนูยังไม่ได้มาเกิดเลย” ดิฉันตอบว่า

    “ไปเกิดกับคนอื่นได้ไหม แล้วแม่จะนำหนูมาเลี้ยงเอง”

    หุ่นสีขาวนั้นตาโตขึ้นมาทันทีแล้วมีน้ำตาไหลเป็นทาง  ส่วนดิฉันสะดุ้งตื่นทั้งน้ำตา

    MOL-079-300x199.jpg
    ครอบครัวผลชีวิน ประกอบด้วยโค้ชหรั่ง - ชาญวิทย์  ผลชีวิน, สุชาภา ผลชีวิน และลูกๆ ทั้งสี่ คือ อมลกานต์, อุรุรัตน์, ท่าน และเวลา ผลชีวิน
    เวลานั้นดิฉันมีลูกสาว 2 คน กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่อเมริกาทั้งคู่ พอฝันเห็นเด็กผู้หญิงก็ยิ่งสวดมนต์ทุกเช้าค่ำ เพื่อให้หาเขาเจอ แต่ยังไม่ทันได้พบก็ฝันอีกว่า  เด็กผู้ชายอีกคนรออยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ดิฉันรีบตามไปที่วัดนั้นทันที เมื่อมาถึงก็พบผู้หญิงคนหนึ่งที่มาบวชชีพราหมณ์ เธอกำลังตั้งครรภ์ ดิฉันจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า  ถ้าเด็กในท้องคือลูกขอให้เขาดิ้นเมื่อมือเราสัมผัสไปที่ท้องของผู้หญิงคนนั้น  ปรากฏว่าเด็กดิ้นตอบรับทันทีที่น่าแปลกใจมากกว่านั้นคือ ผู้หญิงคนนั้นบอกยกลูกในท้องให้ ทั้งๆที่ไม่ได้เอ่ยปากขอแต่อย่างใด

    เมื่อใกล้กำหนดคลอด ดิฉันพาเธอมาดูแลอย่างใกล้ชิดและช่วยจัดการเรื่องการคลอดให้ทุกอย่าง จนได้ลูกชายมีลักยิ้มแก้มขวามาเป็นบุตรบุญธรรมโดยสมบูรณ์  “พี่แชมป์” ลูกสาวคนรองเป็นคนตั้งชื่อเล่นว่า “น้องทีม”

    หลังจากตามหาน้องทีมจนเจอแล้วดิฉันไม่เคยลืมลูกสาวที่ให้สัญญาไว้กับเขาแต่การสื่อสารกับลูกสาวหายไป จนกระทั่งน้องทีมอายุได้ 4 - 5 ขวบ ก็ฝันว่าลูกสาวไปเกิดอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี และเป็นญาติกับน้องคนหนึ่งที่สนิทและนับถือกัน  เธอเรียกดิฉันว่าแม่ ดิฉันจึงชวนสามีและลูกสาวที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาไปบ้านของน้องคนนี้ อาจเป็นเพราะบุญหรือธรรมะจัดสรรมีผู้หญิงตั้งครรภ์มาบ้านน้องคนนี้พอดี ตอนนั้นไม่มีใครทราบเลยว่าเธอตั้งครรภ์ แต่ดิฉันถามเธอว่า “หนูท้องได้ 4 เดือนแล้วใช่ไหม” เธอตกใจ เพราะญาติๆ ที่มาพร้อมกันในวันนั้น

    ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน พอเธอพยักหน้าดิฉันก็บอกว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง เธอเถียงว่าเป็นผู้ชาย ดิฉันได้แต่ยิ้มๆ และบอกให้ดูแลลูกในท้องให้ดี จากนั้นดิฉันส่งเงินไปให้เธอตามสมควร จนใกล้คลอด เธอไปบวชชีพราหมณ์และไปบวงสรวงวันประสูติสมเด็จ-พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯที่ตลาดน้ำ 4 ภาค เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 วันนี้เองที่เธอยกลูกสาวในครรภ์ให้โดยที่ดิฉันไม่ได้ขอ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างยิ่งหลังคลอด ดิฉันรับลูกคนนี้มาดูแลในฐานะลูกบุญธรรม ลูกสาวคนนี้มีลักยิ้มข้างขวาเหมือนน้องทีม คราวนี้พี่โค้ชตั้งชื่อจริงให้เขาว่า “เด็กหญิงเวลา” ส่วนพี่แชมป์ตั้งชื่อเล่นว่า “น้องไทม์”

    ลูกทั้งสองมาเติมเต็มความสุขให้แก่พวกเราทุกคน โดยเฉพาะพี่โค้ช พี่แชมป์ลูกสาวสองคนรักและดูแลน้องๆ เหมือนน้องในไส้ ส่วนดิฉันมีความสุขที่ได้ลูกๆ กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในภพชาตินี้

    เรื่องราวที่เกิดขึ้น ดิฉันเชื่อว่าเกิดจากการปฏิบัติ ผลบุญจากการสวดมนต์ทำให้พบเจอเรื่องอัศจรรย์ ได้เจอลูกในอดีตชาติที่มีสัญญาต่อกัน ธรรมะทำให้ดิฉันศรัทธาเชื่อในเรื่องผลบุญ ผลกรรม และเชื่อในเรื่องของภพชาติ

    ดังนั้นดิฉันจะตั้งใจทำบุญให้ทานสวดมนต์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ 

    ขอบคุณที่มา
    https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/7518.html
     

แชร์หน้านี้

Loading...