“พระพุทธเจ้าน้อย” ..มีจริงหรือแค่วัตถุนิยมชิ้นใหม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 24 เมษายน 2013.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [​IMG]

    เป็นกระแสที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อยู่ขณะนี้ ถึงกรณีหล่อองค์ “พระพุทธเจ้าน้อย” และได้มีการจัดพิธีสมโภช และพุทธาภิเษกพระพุทธเจ้าน้อยทำจากทองสำริด ขนาด 3.55 เมตรที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 8-10 มี.ค ที่ผ่านมา โดยหัวเรือใหญ่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตเจ้าแม่ กทม. พรรคไทยรักไทย

    ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล และเป็นสิ่งที่กำลังถูกตั้งคำถามถึงการใช้ชื่อ และมุ่งสร้างวัตถุชิ้นใหม่เพื่อบิดเบือนหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า นั่นก็คือ การไม่ยึดติด

    พระพุทธเจ้าน้อย..ชื่อนี้มีคำถาม

    เมื่อได้ยินชื่อนี้ เชื่อว่าหลายคนไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน แม้แต่ในตำราเรียนวิชาพระพุทธศาสนาก็ไม่เคยระบุไว้ เพิ่งมาได้ยินก็คราวนี้ รวมไปถึงลักษณะการปั้นเป็นรูปเด็กตุ้ยนุ้ย เปลือยท่อนบน ยืนชี้นิ้วขึ้นฟ้า ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่อง รู้ความเกิดความสงสัย และมีคำถามตามมามากมาย

    “คำว่าพระพุทธเจ้าเป็นสภาวะ ภายหลังการตรัสรู้แล้ว มิใช่ชื่อบุคคล เจ้าชายสิทธัตถะในวัยแรกเกิด จึงมิใช่ พระพุทธเจ้า โลกนี้จึงไม่มี พระพุทธเจ้าน้อย รูปที่สร้างขึ้นนี้ เป็นเพียงรูปในจินตนาการถึง สิทธัตถะกุมาร ผู้ที่ยังมิได้รู้แจ้งในความจริงของชีวิต จึงมิอาจเรียกว่า พระพุทธเจ้า เป็นเพียงรูปวัยเด็กของผู้ที่กาลต่อมา ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น”

    “เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แล้วจะมีพระพุทธเจ้าน้อยได้อย่างไร เขาเรียกผู้ที่ยังมิได้ตรัสรู้ ว่าพระโพธิสัตว์ ตราบจนถึงวันตรัสรู้ จึงเป็นพระพุทธเจ้า การสร้างพระพุทธเจ้าน้อย อาจทำด้วยจิตใจเป็นกุศล แต่ผลที่ได้ หรืออานิสงส์ที่ได้ อาจตรงกันข้าม”

    “เห็นรูปแล้วคิดว่าเป็นกุมารทอง หรือรัก-ยม อะไรสักอย่างที่เคยเห็นประกาศหล่อพระทางหน้าหนังสือพิมพ์”

    “ใช้คำนี้ผิดแน่นอนครับ เพราะพระพุทธเจ้าน้อยที่มีรูปออกมาแบบนี้ยังเป็นปุถุชนอยู่ การใช้คำว่าพระพุทธเจ้านั้นต้องเป็นผู้หมดกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่สมควรอย่างยิ่งที่ใช้คำนี้ (เจตนาดีครับ แต่ไม่เข้าใจความเป็นจริง)”

    ขณะที่คอลัมน์ “เปลวสีเงิน” ฉบับตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 11 มีนาคม 2556 ก็ได้เขียนเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าน้อยไว้ด้วย โดยทีมข่าว Live ขอหยิบยกมานำเสนอบางตอนว่า

    “..ผมทะแม่งหู ขัดตา-ขัดใจ ยอมรับไม่ได้จริงๆ กับคำว่าพระพุทธเจ้าน้อยมันจะแผลงและพิเรนทร์นอกกรอบจนเกินงามไปหรือเปล่า ผมก็เรียนพุทธประวัติมาพอสมควร พบแต่ใช้คำว่าพระพุทธเจ้าเฉพาะกับสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกพระองค์ ไม่เคยพบตรงไหนเลยทั้งในพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ว่ามีการใช้คำว่าพระพุทธเจ้าน้อยเรียกขานสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ว่าพระองค์ไหนทั้งสิ้น..”

    “ในพระพุทธศาสนา ไม่มีหรอกครับ และไม่มีใครสอน ให้ยก-ให้ยึดเอาสิทธัตถะราชกุมารขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้าน้อย ในเมื่อมีพระพุทธเจ้า คือสมณโคดมทั้งพระองค์ ในความหมายว่า มีของแท้อยู่แล้วทั้งองค์ แล้วจำเป็นอะไรต้องดัดจริตไปปั่นกระแสเอาสิทธัตถะขึ้นมาเทียบเป็นพระพุทธเจ้า..”

    นี่คือทัศนะบางส่วนของคนในโลกออนไลน์ และคอลัมนิสต์ชื่อดังที่มีต่อเรื่องพระพุทธเจ้าน้อย

    ด้านนักวิชาการด้านศาสนาอย่าง คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความเห็นผ่านทีมข่าว Liveว่า การหล่อองค์พระพุทธเจ้าน้อยมีมาก่อนหน้านี้ 2-3 ปีแล้ว และในครั้งนั้นก็มีการเรียกว่า พระพุทธเจ้าน้อย ซึ่งแปลมาจากคำภาษาอังกฤษว่า “เบบี้ บุดด้า” และเรียกตามกันมาโดยขาดความเข้าใจ แต่ชื่อที่เหมาะสมน่าจะใช้ว่า “พระพุทธรูปปางประสูติ” มากกว่า ส่วนลักษณะการสร้าง ครั้งนี้อาจจะดูสมัยใหม่มากเกินไป แต่ก็ไม่ผิดแบบตามคติมหายานมากนัก

    ทั้งนี้ หากค้นให้ลึกลงไป ประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์ปางประสูติ หรือที่คนนิยมเรียกกันว่า “พระพุทธเจ้าน้อย” นั้น ในเฟซบุ๊กของ ลักษณ์ เรขานิเทศ โหรฟันธงชื่อดังระดับประเทศ ได้ระบุว่า

    “เป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้นในพระพุทธศาสนา โดยได้รับแนวคิดมาจากพระพุทธศาสนาแบบมหายาน ในจีน ทิเบต เนปาล และญี่ปุ่น ลักษณะพุทธปฏิมาเป็นรูปบุคคล ยืนบนดอกบัว ปลายพระหัตถ์ขวาชี้ขึ้นเบื้องบน ปลายพระหัตถ์ซ้ายชี้ลงเบื้องล่าง สร้างขึ้นตามพุทธประวัติ ซึ่งปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายมหายานและเถรวาท เช่น คัมภีร์พุทธจริต ลลิตวิศตระ ฝ่ายมหายาน และคัมภีร์ปฐมสมโพธิกถา ฝ่ายเถรวาท”

    “สำหรับในประเทศไทย เคยมีการกล่าวถึงการค้นพบพระพุทธรูปปางประสูตินี้ที่วัดมหาธาตุ กรุงสุโขทัย แต่ปัจจุบันได้หายสาบสูญไปเสียแล้วจนมีการถูกค้นพบภายในกรุเจดีย์ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งตรวจสอบแล้วโดยกรมศิลปากร ส่วนในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะพบในประเทศที่มีการนับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายานเป็นสำคัญ อาทิเช่น จีน ทิเบต เนปาล เกาหลี และ ญี่ปุ่น”

    แต่ที่น่าสังเกตก็คือ พระพุทธรูปน้อย หรือพระพุทธเจ้าน้อยที่ใครหลายคนนิยมเรียกกัน องค์ที่ถูกค้นพบภายในกรุเจดีย์ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยกลับไม่ใช่รูปเด็กชายตุ้ยนุ้ย เปลือยท่อนบน ยืนยกมือชี้นิ้วขึ้นฟ้าเหมือนในครั้งนี้ หรือนี่อาจจะเป็นพระพุทธเจ้าน้อยยุค 2013 กันแน่!

    แก่นแท้..หรือแค่วัตถุชิ้นใหม่กันแน่?

    กรณี “พระพุทธเจ้าน้อย” อีกประเด็นที่ถูกตั้งคำถามขึ้นมาก็คือ ความเป็นแก่นแท้ หรือแค่วัตถุที่สร้างความงมงายเพิ่มขึ้นอีกชิ้นหนึ่งกันแน่ เนื่องจากหลาย ๆ ความเห็นมองว่า เป็นการมุ่งเน้นสร้างวัตถุชิ้นใหม่เพื่อบิดเบือนหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ขณะที่คนจำนวนไม่น้อยมีความเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นสิ่งมงคลสำหรับผู้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ผู้ที่ได้บูชาพระพุทธรูปปางประสูติ จะเป็นผู้ได้เริ่มต้นชีวิตอันเจริญรุ่งเรือง เฉกเช่นเดียวกับอากัปกิริยาแรกเริ่มของพระพุทธองค์

    เรื่องนี้ กิตติศักดิ์ โถวสมบัติ สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ศิษยานุศิษย์ พุทธทาส ภิกขุ หนึ่งในเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา ยอมรับผ่านทีมข่าว Live ว่า เมื่อมีโอกาสได้ยินข่าว “พระพุทธเจ้าน้อย” ความงวยงงก็ได้ตรงเข้าครอบงำในทันที

    “พ.ศ. 2525 พุทธทาสภิกขุ และพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งร่วมกันตั้งกฎบัตรของพุทธบริษัทขึ้นมา หนึ่งในกฏบัตรดังกล่าวระบุว่า ถ้าพระพุทธองค์เสด็จมาเห็นพระพุทธรูปอันมากมายมหาศาลแห่งยุคนี้ พระองค์คงจะตรัสว่า จงใช้มันให้ถูกต้องนะโว้ย! และผมก็เชื่อว่า หากพระพุทธองค์ทรงมีโอกาสได้มาเห็นพระพุทธเจ้าน้อย พระองค์คงจะแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยแล้วตรัสว่า จงใช้มันให้ถูกต้องนะโว้ย!” กิตติศักดิ์เผย พร้อมกับให้ความเห็นต่อไปว่า

    “หลายครั้งที่พิธีกรรมและวัตถุมงคลถูกใช้เพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ หลายต่อหลายครั้งที่พุทธพาณิชย์เข้ามาเบียดบังไม่ให้ศาสนิกชนเข้าถึงพุทธธรรม ส่วนตัวมองว่า มันไม่ผิดที่เราจะมีวัตถุมงคล เช่น พระพุทธรูป พระเครื่อง ของขลังต่างๆ เอาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่เราต้องไม่ลืมว่า อะไรก็ตามที่สามารถสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้แก่เราได้ เราก็มักจะฉวย และคว้าเอามันมาเป็นที่พึ่ง วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ทั้งหลายจึงเกิดขึ้น เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นวัตถุแห่งการรองรับ สภาวะอันสั่นคลอนทางจิตใจของเรา แต่นี่ไม่ใช่มรรคาแห่งความรู้แจ้ง ไม่ใช่วิถีแห่งชาวพุทธ-ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” เขาว่า

    ไม่ผิดที่จะกราบ-ห้อยพระ แต่ต้องใช้ให้เป็น!

    กระนั้น คงจะปฏิเสธได้ว่า การกราบไหว้บูชา หรือห้อยพระเครื่อง เป็นสิ่งที่ชาวพุทธให้ความเคารพ และศรัทธามาตลอด แต่ในทัศนะส่วนตัวของ “กิตติศักดิ์” เขามองว่า ไม่ผิดที่จะกราบพระ ไม่ผิดที่จะห้อยพระเครื่อง เพียงแต่ต้องรู้จักใช้ ต้องใช้ให้เป็น

    “ผมนึกถึงคำที่ท่านพุทธทาสบอกว่า จงใช้มันให้ถูกนะโว้ย! ซึ่งท่านพุทธทาสได้ให้ข้อคิดเอาไว้ว่า พุทธศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งคนตื่น คู่ปรับกับไสยศาสตร์ ศาสตร์แห่งคนหลับเป็นสิ่งที่จำต้องมีไว้สำหรับคนปัญญาอ่อน หรือเรายังอยากเป็นคนปัญญาอ่อน”

    นี่จึงเป็นที่มาของสิ่งที่เขากำลังสะท้อนต่อไปว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่า อะไรคือหัวใจของพุทธศาสนา

    “คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถตอบได้ว่าอะไรคือหัวใจของพุทธศาสนา บ้างก็ตอบอย่างมั่นใจว่าเรื่องบาป เรื่องบุญ เรื่องกรรม บ้างก็บอกว่าเรื่องชาตินี้ ชาติหน้า ตายแล้วเกิดใหม่ และที่น่าอนาถใจ คนไทยจำนวนนี้เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธ ส่วนตัวคิดว่า หากเรากล้าเรียกประเทศไทยว่าเมืองพุทธ และหากเรากล้าพอที่จะเรียกตัวเองว่าชาวพุทธแล้ว สิ่งสำคัญอย่างยิ่งประการแรกที่เราควรทำคือการรู้ว่า อะไรคือแก่นของพุทธศาสนา อะไรคือเนื้อ และอะไรคือเปลือก”

    ”ปวัตนาการทางศาสนาในบ้านเราทุกวันนี้ ไม่เอื้อให้การตระหนักรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายนัก ของผสมทางความเชื่อจึงอากูลพูนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เปลือกและเนื้อปนเปกันจนยากจะแยก และที่น่าเศร้า ทุกวันนี้ เราหลายๆ คนกำลังกินเปลือก โดยหลงคิดว่าเป็นเนื้อ มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่มีความเปราะบางทางจิตใจสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ เราต้องการที่พึ่งทางใจ แทบจะตลอดเวลา เราต้องการอะไรมายึดเหนี่ยวให้เรารู้สึกผ่อนคลายสบายใจ ให้รู้สึกปลอดภัย ชาวพุทธหลายต่อหลายคนกราบพระพุทธรูปพร้อมร้องขอสิ่งที่ตนต้องการจากพระพุทธรูป ชาวพุทธจำนวนมากแขวนพระเครื่องด้วยความเชื่อว่า พระเครื่องจะคุ้มครองตนจากภยันตราย”

    ดังนั้น การบูชาวัตถุทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ควรระลึกไว้ด้วยก็คือ “สติ” รวมไปถึงการปล่อยวางการสร้างวัตถุแล้วหันมาสร้างปัญญากันเสียที ดังที่พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย เคยให้คมธรรมในวันมาฆบูชา ซึ่งพอจะนำมาสรุปทิ้งท้ายได้เป็นอย่างดีว่า “การบูชาด้วยวัตถุหรืออามิส ชีวิตยังไม่เปลี่ยน ต่อเมื่อนำพุทธธรรมมาปฏิบัติในชีวิตจริง จึงจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ปฏิบัติบูชาดียิ่งกว่าการบูชาด้วยวัตถุอามิส”

    /////////////////////

    พระพุทธเจ้าน้อย สร้างแล้วไปไหน

    องค์พระพุทธเจ้าน้อยที่สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ หล่อด้วยแผ่นทองสัมฤทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศร่วมบริจาคจำนวนทั้งสิ้น 840,000 แผ่น น้ำหนักรวม 3 ตัน โดยมีความสูง 3 เมตร 55 เซนติเมตร เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ทางเข้าสู่มหาวิหารมายาเทวี จุดที่พระพุทธเจ้าประสูติ ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ในวันที่ 31 มีนาคม 2556 ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของการบูรณะครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดจากพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย

    ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE
     
  2. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    นานาจิตตังค์ครับพี่ คิดได้หลายอย่างทั้งแง่ลบและบวกครับ อยู่ที่เราคิด คนที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้กับสิ่งที่เป็นมุมมองของตนนั้น ภูมิธรรมตั้งหรือความคิดเห็นนั้นสูงประมาณไหน เหมือนคนที่บอกว่าศึกษามาเยอะกับปฏิบัติมาเยอะก็แล้วแต่ว่าคนจะเชื่อสิ่งไหนมากกว่ากัน
    ทุกสิ่งทุกอย่างมีขั้นตอนของมันเอง มันเป็นยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เราต้องรู้จักกาลเวลาที่มันมีการเปลี่ยนแปลงวางใจเป็นกลางยอมรับมัน เพราะสมัยนี้ทุกคนก็ยังยึดติดกับเรื่องมหัศจรรย์ปาฏิหารย์อยู่ สิ่งไหนที่เป็นของแปลกใหม่ก็แห่กันไปกราบไหว้บูชา สิ่งนี้ก็เหมือนกันมันอาจจะดูแปลกใหม่ไปบ้าง แต่ก็เป็นกุศลบายอย่างหนึ่งที่ไห้คนหันเข้ามาหาพุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น ประเด็นสำคัญจริงของศาสนาอยู่ที่คำสอนครับ ทุกคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้วสำหรับท่านที่ศึกษามานานแล้ว ถ้าจะพูดกันจริงเรื่องถูกหรือไม่ถูก ควรหรือไม่ควร มันก็น่าจะเป็นมาตั้งแต่เริ่มสร้างองค์มาตั้งแต่ยุคสมัยแรกแล้วน่ะครับ และก็เคยเป็นประเด็นมานานแล้ว ว่าไม่ต้องให้ไปกราบไหว้บูชาบ้างหล่ะ เพราะพุทธองค์ทรงตรัสว่าแล้วว่าส่วนสำคัญอยู่ที่พระรัตนตรัย ไม่ใช่ รูปของพระพุทธองค์ ถ้ามุมมองของผม ผมว่ามันเหมือนกับเด็กอนุบาล กับ ผู้ใหญ่ปริญญาตรี มุมมองแตกต่างกัน แต่ยังเห็นความสำคัญของสิ่งสิ่งนั้นอยู่ มันต่างกันที่เวลาและประสบการณ์ เช่น ให้ผู้ใหญ่ปริญญาตรี มานั่งเรียนเขียนหรือท่อง ก.ไก้ถึง ฮ.นกฮูกนั้น มันก็คงมีความขัดแย้งอยู่นิดนึง เพราะเขาได้พ้นความข้อนี้ไปนานแล้ว แต่เขาก็ไม่ทิ้งพื้นฐานนี้ไปคือยังมีอยู่แต่โดยเวลาและประสบการณ์เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาทำส่วนนี้อยู่ เพราะส่วนที่เหลือของเขาคือ นำไปปฏิบัติ เพราะคนสมัยนี้ส่วนมากมีความรู้ แต่ขาดประสบการณ์หรือนำไปปฏิบัติ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ ผิดถูกอย่างไรไม่ว่ากันน่ะครับ ช่วยกันแชร์แสดงความคิดเห็นกันน่ะครับ ส่วนผมในความหมายคือการปล่อยวางและยอมรับความเปลี่ยนแปลงในยุคสมัยนี้ครับ มันต้องเสื่อมเป็นไปตามกาลเวลา สิ่งที่จะทำได้ในตอนนี้คือช่วยกันดำรงค์หรือเผยแพร่คำสั่งสอนที่เป็นหรือมีอยู่ให้ผู้คนหันเข้ามาให้ความสำคัญของแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา หรือให้หันเข้ามาศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา เมื่อบุคคลเหล่านั้นได้รู้ธรรม ถึงเวลาหนึ่งเมื่อภูมิธรรมเขาสูงขึ้นหรือเลื่อนขั้นขึ้นระดับหนึ่งเขาจะมีความเห็นจริงชอบว่า ส่วนไหนมีสาระสำคัญหรือไม่ เพราะคำว่าคิดดี กระทำดี มีใจโปร่งใส ในบางครั้งมันอาจจะดูแปลกแปลกบ้าง ก็ยังขึ้นชื่อว่า กระทำดี อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่ไม่กระทำอันใดที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งหลายเลย
     
  3. 9TRONG

    9TRONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +514
    ตามประวัติศาสตร์ แต่ไหนแต่ไร
    ความเชื่อทางศาสนาที่ห้ามบูชารูปเคารพก็มีอยู่ สาวกที่เที่ยวทำลายรูปวัตถุก็มีอยู่
    แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะเป็นทางบริสุทธิ์หลุดพ้น ลดความยึดมั่นถือมั่นลงได้สักกี่มากน้อย


    หรือถ้ามองให้ดีตามธรรมชาติแล้ว
    ประโยชน์ของเปลือกนั้นก็ยังมีอยู่มากมาย

    คนฉลาดถ้าอยากได้เนื้อในต้องรู้จักวิธีแกะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2013
  4. อิ๋วจ้า

    อิ๋วจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +215
    แล้วแต่ปัญญาของมนุษย์...
     
  5. นฤพานนท์

    นฤพานนท์ นฤพานนท์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +193
    หลายๆครั้งรู้สึกได้อย่างนี้ว่า เราพยายามจะทำอะไรกัน? พยายามตีความว่าสิ่งนี้ถูกหรือผิด?
    เราพยายามตั้งคำถามร้อยพันเพื่อพิสูจน์อะไร?

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า " ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมนั่นแหละ วักกลิ จึงจะชื่อว่าเห็นเรา "

    เมื่อกระผมมองไปที่ " พระพุทธเจ้าน้อย " ผมมองเห็นมหาบุรุษ ผมอยากฟังธรรมจากพระองค์ ผมอยากได้พบกับพระองค์สักครั้ง...

    แล้วคุณ มองเห็นอะไร?
     
  6. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    จุดขายไว้หาตังค์
     
  7. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    คิดว่าคุณสุดารัตน์คงก้าวข้ามพ้นกับดักของประเทศ
    ไปแล้ว คืิอ มีแนวคิดอินเตอร์ (สากลนิยม) ไม่ติดว่า
    จะต้องทำในประเทศไทยเท่านั้น แต่ก็ทำในมุมธรรม
    อาจจะเพราะไม่อยากยุ่งเรื่องทางโลกและการเมือง
    แต่ก็หาสิ่งที่มีประโยชน์มากขึ้น ในมุมกว้างมากขึ้น


    บางครั้ง อาจมีผิดพลาดกันได้ในรายละเอียด ถ้าได้
    ที่ปรึกษาที่ดี ก็จะทำงานได้ละเอียดขึ้นอ่ะนะ ก็จริง
    ที่ว่าพระพุทธเจ้าน้อย ไม่มี ฝรั่งเขามีคำว่า Little
    buddha เป็นหนังมาฉายด้วยมั้ง เลยอาจเข้าใจ
    ผิดตามๆ กันไปได้


    แต่ผมว่าผิดไม่เยอะหรอก เพราะไม่ถึงขั้นไปยุ่งกับ
    เนื้อหาธรรมะอะไร เอาแค่พื้นๆ กุศโลบายชวนคนสู่
    ธรรมะเบื้องต้น ก็นับว่า ไม่ถึงกับทำเกินขอบเขตนะ
     
  8. ไทรย้อย

    ไทรย้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +540
    ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวประมาณว่า
    ถ้าคุณเห็นรูปคุณพ่อของคุณตอนเด็ก คุณจะคิดว่ายังเป็นคุณพ่อของคุณไหม
     
  9. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ถูกต้องครับ ผมเสริมนิดนึงครับ ไม่ได้เป็นการกระทำที่หมิ่นพระบรมเดชาน่ะครับ เพราะก่อนนอนผมระลึกกราบไหว้อยู่ทุกวัน เพราะผมมองว่าท่านคือพระบรมโพธิสัตว์องค์หนึ่งครับ
    มีคนอยู่หนึ่งแสนหรือหนึ่งล้านคน แล้วเดินถือพระบรมฉายาลักษณ์ตอนพระองค์ยังเยาว์วัยให้ผู้คนเหล่านั้นดู แล้วถาม คนเหล่านั้นคุณคิดว่าเขาจะตอบอย่างไร
    ความเห็นและความคิดที่แตกต่างแต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ
     
  10. BadmanThailand

    BadmanThailand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +143
    “ในพระพุทธศาสนา ไม่มีหรอกครับ และไม่มีใครสอน ให้ยก-ให้ยึดเอาสิทธัตถะราชกุมารขึ้นมาเป็นพระพุทธเจ้าน้อย ในเมื่อมีพระพุทธเจ้า คือสมณโคดมทั้งพระองค์ ในความหมายว่า มีของแท้อยู่แล้วทั้งองค์ แล้วจำเป็นอะไรต้องดัดจริตไปปั่นกระแสเอาสิทธัตถะขึ้นมาเทียบเป็นพระพุทธเจ้า..”
     
  11. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    รู้ละ คุณยิ่งลักษณ์เหนือกว่าคุณสุดารัตน์ ก็ตรงนี้


    เวลามีคนทักว่าผิด คุณยิ่งลักษณ์จะแก้ไขทันที ไม่รอช้า
    ไม่ว่าคนทักจะมาจากสีเสื้อไหน ขั้วข้างใด เขาก็ฟังทั้งหมด


    คุณ T ทำผิด แล้วพาพรรคพวกทำผิดตามๆ กัน เลยโดนกัน
    ทั้งขโยงมาครั้งหนึ่งแล้ว คนที่มีชนักปักหลัง ถ้าทำให้เพื่อน
    พ้องมีชนักปักหลังด้วย ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตน อย่างไรหรือ?
    สมมุติ ผมติดคดี แล้วเืพื่อนผมก็ติดด้วย แหม คุยกันง่าย หัวอก
    เดียวกัน แต่ถ้่าผมติดคดี แล้วเพื่อนผมไม่ติดด้วย โธ่ มันก็เอา
    ตัวรอดไปได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจผมสิ ใช่ไหมครับ ดังนั้น มัน
    ก็มีหลายครั้งที่คุณ Y เกือบตกหลุมพราง เช่น หลอกล่อให้ออก
    พระราชกำหนด ไม่ผ่านสภา เรียกว่า ถ้าผิดพลาดไป สภาไม่มี
    ส่วนผิด คนออก พรก. โดยเต็มๆ นี่คือ "ล่อให้ติดกับ" จะได้มี
    ชนักปักหลังเหมือนตน ก็จะได้ช่วยเหลือตน ไม่ทอดทิ้งกันไป


    คุณ S โดนไปครั้งหนึ่งแต่ยังไม่เข็ด ยังคงเดินตามคำสั่งเช่นเดิม
    แต่คุณ Y เท่าทันรู้จักปรับเปลี่ยนแก้ไขได้เร็วกว่า สรุป Y > S
     
  12. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมว่ายุติเรื่องนี้ได้แล้วครับ จะอย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของผู้จัดทำคืออะไร ? ความปรารถนาของผู้จัดทำคืออะไร? ต่างหากที่จะต้องทำความเข้าใจ ถ้ามีเจตนาดีก็หมดห่วงไป

    อีกประการหนึ่ง ถ้าเราคิดว่า ไม่น่าจะทำเพราะเหตุใดก็ตาม (ในความคิดผมถือว่าปกติ ไม่ใช่ปัญหาอะไรในการสถาปนาพระพุทธเจ้าน้อยหรือพระมหาโพธิสัตว์องค์นี้) แล้วทำไมไม่นำคัมภีร์โบราณทางพระพุทธศาสนาที่ถูกค้นพบในเขตพุทธเดิมที่รุ่งโรจน์มาก่อน มาจัดทำเพื่อเป็นที่ระลึก เคารพ ศรัทธา และพิธีกรรมบ้างละครับ
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า
    "สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระบัญญัติตามที่ทรงบัญญัติแล้ว สมาทานประพฤติในสิกขาบททั้งหลายตามที่ทรงบัญญัติแล้ว"

    ถ้าพุทธบริษัทยึดหลักพระธรรมและวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ยึดหลักนี้ไว้ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปศาสนาไม่มีวันเปลี่ยน
     
  14. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218

    รู้ได้ไงพระพุทธเจ้าตรัสไว้ ?
     
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เดินไปวัดข้างบ้าน ตรงไปที่ตู้พระไตรปิฏก บางวัดท่านจะใส่กุญแจไว้ให้ไปขออนุญาตเจ้าอาวาส
    บางวัดท่านบอกว่าอย่าไปเปิดอ่าน อ่านพระไตรปิฏกจะทำให้ไม่ได้บวช นั่นไม่ใช่วัดของพระพุทธเจ้า
    ท่านไปผิดวัดแล้วให้เดินออกมาไปหาวัดใหม่ อ่านพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ เล่มที่ ๗
    หรือถ้าอ่านภาษาบาลีออกหยิบพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ เล่มที่ ๗ จะอ่านหมดทั้งตู้เลยก็ได้ครับ
    ไม่เสียประโยชน์เพราะนั่นคือหลักธรรมและวินัย หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงตรัสไว้ดีแล้วครับ
     
  16. อริยะบุคคล

    อริยะบุคคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +476
    ว่าแล้วมันทะแม่งๆยังไงไม่รู้งานนี้ง่ะ
     
  17. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +898
    ยังไปไม่ถึงไหน ก็มีแววแตกต่าง นี่ถ้าอีกสัก ร้อยปี พันปี ก็คงเพี้ยนไปใหญ่
    คนทำ ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง แต่ทิ้งความกังขาให้ผู้รู้ ตอนทำก็ใช่ว่าจะไม่มีแบล์ค พระมีระดับด้วย
    แต่ท่านคงมีเมตตามากไม่คิดอะไร ญาติโยมศรัทธา ก็ไม่ว่ากัน อะไรก็ได้ หารู้ไม่ว่า
    สร้างปัญหาเล็กๆขึ้น พระพทธเจ้าไม่ใช่บุคคลธรรมดา มีขั้นมีตอนในการบรรลุธรรม
    ก็เหมือนพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ คนทั่วไปก็มีขั้นการบรรลุธรรมเช่นกัน โสดา สกทาคา อนาคา
    ถ้าจะเรียกก็ต้องเรียกให้ถูก เพราะเป็นตัวอย่างของบุคคลพิเศษ ต้องมีขั้นตอน
    เรียกเพี้ยนๆ อนาคตก็คงเพี้ยนกันใหญ่ ถ้ารูปพ่อเราตอนเด็กๆ บอกว่าพ่อก็ใช่พ่อ
    แต่นี่พ่อของคนค่อนโลก คนที่คอยขวาง คอยทำลาย คอยทำให้ผิดเพี้ยนยังมีอยู่ รวมทั้งกาลเวลาด้วย
    เราชาวพุทธเองแท้ๆ ยังมาใช้ความไม่รู้ ตั้งชื่อปางแบบเก๋ๆ ทำนิ่ม ทำเนียน ทำเพี้ยน ไปอีก
    อนาถแท้
    เพื่อนสมาชิกอย่างขุ่นเคืองซึ่งกันและกันนะครับ
    ไปแล้วครับ ไปแล้ว .. เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วครับ ในเว็บเราเอง แต่ละกระทู้ของเรื่องนี้
    มีคนติติงเป็นส่วนใหญ่ แต่ทั้งคนทำ คนตั้งชื่อไม่สะทกสะท้าน ไม่รู้หรอกครับ ว่าทิ้งอะไรไว้
    ยิ้มหน้าบาน อนิจจัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2013
  18. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218
    เอ่อ... คือว่า ขอถามอีกนิดนึง ?
    พระไตรปิฏก เคยผ่านการ สังคายนา แปลเป็นภาษาชาวบ้านว่า แก้ไข
    แสดงว่า มีการดัดแปลงพระไตรปิฏก ใช่ไหม???
    แล้วมั่นใจได้ไงว่าไม่มีการเพิ่มเติม แล้วเพิ่มเติมอะไร?
     
  19. rayrockzaa

    rayrockzaa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +36
    ผมก็เคยทำบุญสร้างพระพุทธเจ้าน้อย เหมือนกันครับ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นแผ่นทอง นะครับ แผนละ 100 หรือ 200 นี้แหล่ะ ผมจำได้ว่าผมทำไป 3 แผ่น คือ เขาโฆษณาว่า เขาจะไปประมาณว่า บำรุง รักษา ที่ประสูตร ของพระพุทธเจ้า ครับ ความรู้สึกผมตรงนั้นก็เหมือนกับว่า ผมได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้า ให้ที่ประสูติของท่าน เป็นที่สักการะ ผมก็ยินดีครับ เขาบอกว่า จะนำเงินไปที่อินเดีย แล้วแผ่นทองนี้ เขียนชื่อด้วยนะครับ แล้วเอาไปฝังไว้ใต้รูปปั้น แล้วก็ได้ซีดี พระพุทธเจ้าน้อยมาดู ผมก็ ok ครับ

    คือ ถ้าเขาทำตามที่เขาโฆษณา ผมก็ยินดีครับ แต่ถ้าไม่ใช่นี้ ผมว่า โคตรจะเป็นเวรเป็นกรรมเลย เพราะว่า เขา fix ราคาแผ่นทองครับ ไม่ใช่ ตามกำลังศรัทธาครับ
     
  20. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ก็ทำไงได้ คนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นมงคล หรือได้บุญได้อานิสงฆ์แหละครับ ก็เลยสรรหาคิดดิ้นพล่านกันสร้างกันไม่จบไม่สิ้นไม่แตกต่างจากที่มีที่สร้างกันเกลื่อนทั่วๆไป

    ถึงแม้จะด้วยวัตถุประสงค์เจตนาดีหรือมีแอบแฝงก็คงไม่ต่างกันซักเท่าไร แหมแต่ก็เอาเหอะ ดูไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นที่สร้างกันทั่วไป ตั้งแต่พวกเทพเจ้าตามลัทธิความเชื่อต่างๆ ไปถึงปางนี้ปางนั้น ยังไม่พอ ยังมีองค์ปฐม พระศรี (องค์ปัจจุบันยังไม่พอ ยังจะสรรหามาสร้างอีก) รวมไปถึงสาวกต่างๆสมัยก่อน หลวงพ่อนั่นหลวงพ่อนี้ หลวงปู่โน้น อีกโอ้ย

    แต่ก็เอาเหอะนะ เผลอๆถ้ามีสร้างเป็นรูปสัตว์ประหลาดต่างๆ มนุดต่างดาว แล้วก็เขียนบอกว่าจะได้บุญได้อานิสงฆ์มากมายมหาศาลกว่าสร้างรูปปั้นทั่วๆไป เป็นบุญใหญ่ สร้างเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว อะไรทำนองนี้
    แล้วก็เล่าความเป็นมาประมาณว่าผู้วิเศษบุคคลพิเศษมา มาช่วยยืนยันบอกกล่าว ว่าให้สร้างหรือบอกว่าจะได้บุญมากอานิสงฆ์มาก
    แล้วก็เชิญและอัญเชิญบุคคลต่างๆที่จะมาร่วมสร้าง ให้ดูแบบเป็นระดับเมพๆ(ทั้งที่เป็นทิพย์+มนุด) มานั่งงึมงำๆๆพรำๆทั้งปลุกทั้งเสกแบบฟังไม่รู้เรื่อง
    คนคงแห่กันถวายเงินร่วมสร้างซะให้เยอะ

    ท้ายที่สุดก็เป็นไปเพื่อให้คน งมงาย ยึดติดแบบผิดๆซะส่วนมาก และเกรงกลัวยำเกรง (ขึ้นอยู่แต่ละคนว่าจะงมงายในระดับไหน หรือใครจะเถียงจะแถ ? )
     

แชร์หน้านี้

Loading...