เรื่องเด่น “ม้างกาย” วิชาของ หลวงปู่หลุย จันทสาโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 13 กันยายน 2018.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    “ม้างกาย” วิชาของ หลวงปู่หลุย จันทสาโร

    563214.jpg


    หลวงปู่หลุย จันทสาโร เป็นพระนักปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านชำนาญมากในการรู้วารจิตคนอื่น เคยแอบดูวารจิตหลวงปู่มั่นจนถูกท่านดุ ก่อนที่หลวงปู่หลุยจะได้รู้ว่าวารจิตคนอื่น ท่านฝึกสมาธิตามคำแนะนำของชีผู้ทรงอภิญญา

    ท่านเล่าว่า ตอนที่เป็นพระหนุ่ม ไปปฏิบัติสมาธิกับครูบาอาจารย์ ได้ทราบข่าวว่ามีแม่ชีได้อภิญญาสูง หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้วารจิตของคนอื่น แม่ชีท่านหนึ่งชื่อ “ชีจันทร์” ส่วนอีกท่านหนึ่งชื่อ “ชียอ” ล้วนได้อภิญญาทั้งคู่ โดยเฉพาะชียอตาบอดมองไม่เห็น แต่สมาธิสูงมาก รู้ไปหมดว่าพระองค์ไหนสำเร็จชั้นไหนและติดขัดอยู่ในธรรมขั้นใด

    วันหนึ่งท่านจึงเดินทางไปกับท่านอาจารย์อ่อน ญาณสิริ และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อพิสูจน์ให้รู้ความจริง

    พอไปถึง โยมที่นั่นนิมนต์ท่านอาจารย์อ่อนและอาจารย์ฝั้นขึ้นเทศน์ เทศน์จบลงธรรมาสน์ หลวงปู่หลุยเข้าไปถามแม่ชีเกี่ยวกับอาจารย์ทั้งสองรูป ท่านว่าแม่ชีรู้ไปหมดสมคำร่ำลือจริง ๆ ท่านจึงเกิดความอัศจรรย์ใจ เข้าไปถามแม่ชีถึงแนวปฏิบัติเพื่อให้ได้อย่างนั้น

    แม่ชีได้อธิบายแนวปฏิบัติให้ท่านอย่างละเอียดพิสดาร ไม่ปิดบังอำพราง เรียกเป็นภาษาอีสานโบราณว่า “ม้างกาย”

    “ม้าง” แปลว่า “ผ่า หรือแยกออกเป็นส่วน ๆ เป็นชิ้น ๆ” เหมือนการรื้อบ้าน หรือการถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ออกจากกันจนไม่เหลือความเป็นบ้านหรือคอมพิวเตอร์

    พอรู้อุบายการปฏิบัติเท่านั้น หลวงปู่หลุยก็ทุ่มเทให้การปฏิบัติอย่างจริงจัง สุดท้ายท่านก็สำเร็จ จิตรวมพรึบเป็นสมาธิขึ้นฌาน ได้ฌานหยั่งรู้เหมือนแม่ชี

    “ม้างกาย” หรือแยกกายออกเป็นส่วนต่าง ๆ จึงเป็นแนวปฏิบัติประการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากจะทำให้จิตสงบรวมเป็นหนึ่งแล้ว ยังทำให้เกิดความรู้ภายในมหัศจรรย์หลายอย่าง

    ผู้ที่ปฏิบัติตามแนวนี้ควรทำดังนี้

    1.ทำจิตให้สงบ ก่อนที่จะน้อมจิตเข้าผ่ากายตัวเอง ผู้ปฏิบัติควรทำจิตให้สงบนานหลายนาที จนรู้สึกว่าอารมณ์ต่าง ๆ ไม่เข้ามารบกวนจิตใจ แล้วน้อมจิตที่สงบนั้นเข้ามาที่กายตัวเอง เริ่มแยกกายออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ แต่หากจิตใจยังไม่สงบนิ่งพอ ไม่ควรน้อมเข้ามาแยกกาย จะเห็นไม่ชัดเจน เกิดความเหนื่อยอ่อน หมดกำลังเพราะกำลังจิตยังไม่แข็งพอที่จะนำเข้ามาผ่ากายได้

    2.แยกกายตัวเอง น้อมจิตที่สงบนิ่งเข้าแยกกายตัวเอง เริ่มจากส่วนใดของกายก็ได้ เช่น ศรีษะ หน้าอก และส่วนอื่น ๆ เมื่อเลือกส่วนไหนแล้ว ให้กำหนดแยกกายส่วนนั้นจนกระทั่งเห็นด้วยสมาธิจิตว่ากายส่วนนั้นถูกแยกออกจริง เหมือนเห็นภาพบนจอทีวี และเล่นกับภาพนั้นได้ เช่น ย่อได้ ขยายได้ ทำลายให้เหลือแต่ความว่างได้

    การแยกกายแต่ละครั้ง สติและปัญญาจะเข้าไปชำระล้างความโลภ ความโกรธ และความหลงที่ซ่อนอยู่ภายในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายไปจนถึงเซลล์ เมื่อกิเลสเหล่านี้ถูกชำระออกไปจนหมด กายก็จะบริสุทธิ์ แล้วจิตก็จะบริสุทธิ์ตามไปด้วย

    3.แยกกายคนอื่นและสิ่งอื่น น้อมจิตที่สงบไปแยกกายคนอื่นและสิ่งอื่น เมื่อแยกกายตัวเองจนชำนาญแล้ว ควรน้อมจิตไปแยกกายคนอื่นหรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัว เช่น ต้นไม้ หิน หรือสัตว์เลี้ยง จนมีความชำนาญเหมือนกับการแยกกายตัวเอง จิตจึงจะสงบได้ละเอียด

    ข้อระวังในการแยกกายคือ ก่อนถอนจิตออกจากสมาธิทุกครั้ง ควรกำหนดจิตให้อวัยวะต่าง ๆ ที่ถูกแยกออกไปกลับเข้าที่เดิม เหมือนถอดชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ออกแล้ว ควรนำกลับเข้าที่เดิม หากไม่ทำอย่างนี้ ผู้ปฏิบัติอาจจะเจ็บป่วยได้

    “ม้างกาย” จึงเป็นวิธีปฏิบัติอีกแนวที่ทำให้จิตสงบนิ่งแน่วแน่ เกิดความรู้มหัศจรรย์ภายในอย่างไม่จำกัด



    ที่มา : สมาธิ : กุญแจไขความสุข – ส. ชิโนรส สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ

    ภาพ : dhammajak.net



    ---------------
    ขอบคุณที่มา
    https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/113521.html
     
  2. Norawon

    Norawon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2018
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +208
    สาธุคับ
     
  3. DD2BB

    DD2BB สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2018
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...