“ยอกยาการ์ตา” สีสันบนเกาะชวา

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 17 พฤษภาคม 2011.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    “ยอกยาการ์ตา” สีสันบนเกาะชวา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">16 พฤษภาคม 2554 17:04 น.</td></tr></tbody></table>

    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">บุโรพุทโธ มรดกโลก</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> หากพูดถึงเมืองยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) หรือ ยอกยา (Jogja) อาจจะไม่เป็นที่รู้จักเท่ากับกรุงจาร์กาตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็เป็นเมืองที่มีความสำคัญ เป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมชวา และยังเป็นที่ตั้งของบุโรพุทโธ ซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งสำคัญอีกด้วย

    นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจแล้ว วิถีชีวิตของชาวยอกยาการ์ตา ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีต่างๆ ยังดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาท่องเที่ยว ณ ดินแดนแห่งนี้ การท่องเที่ยวจึงถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของเมือง ดังจะเห็นได้จากการจัดงาน Jogja Travel Mart 2011 (JTM 2011) ซึ่งได้รับการสนับสนุนทั้งจากหน่วยงานการท่องเที่ยวของเมืองยอกยาการ์ตา สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหารต่าง รวมถึง สายการบินการูด้า อินโดนีเซีย (Garuda Indonesia)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภาพสลักหินนูนต่ำบนบุโรพุทโธ</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ความโดดเด่นทั้งด้านศิลปวัฒนธรรมบนแผ่นดินชวาแห่งนี้ เห็นได้ชัดจากสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแห่ง อาทิ บุโรพุทโธ (Borobudur- โบโรบูดูร์ หรือ บรมพุทโธ) หนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกไปตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 ตามประวัติสันนิษฐานว่าบุโรพุทโธน่าจะสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ.778 ถึง ค.ศ.850 โดยกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร์

    คำว่า “Borobudur” มาจากการผสมกันระหว่างคำว่า “Boro” และ “Budur” คำว่า “Boro” หมายถึงวัดหรือศาลเจ้า ที่มาจากคำว่า Byara ในภาษาสันสกฤต ส่วน “Budur” มาจากคำว่า Beduhur ในภาษาบาหลี ที่หมายถึงภูเขา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เจดีย์เล็กรายรอบเจดีย์องค์ใหญ่</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> บุโรพุทโธ เป็นพุทธสถานแบบฮินดูชวา ผสมผสานกับศิลปะแบบอินเดียและอินโดนีเซียเข้าด้วยกัน โดยสร้างจากหินภูเขาไฟ เป็นรูปทรงขั้นบันไดแบบปิรามิดบนฐานสี่เหลี่ยม องค์เจดีย์มีลักษณะเป็นรูปทรงดอกบัว ซึ่งสื่อถึงสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ตามหลักฐานในประวัติศาสตร์ สถานที่แห่งนี้และบริเวณโดยรอบเป็นที่ลุ่มและถูกล้อมรอบด้วยน้ำที่ท่วมมาจาก แม่น้ำโปรโก ทำให้บุโรพุทโธเปรียบเสมือนดอกบัวลอยอยู่ในน้ำ

    บุโรพุทโธแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลักๆ ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิตที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ กามาธาตุ รูปธาตุ และ อรูปธาตุ โดยในชั้นแรกนี้เปรียบเป็นส่วนฐานของเจดีย์ เป็นขั้นตอนที่มนุษย์ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับความสุขและความร่ำรวยทางโลก มีภาพสลักหินนูนต่ำกว่า 160 ภาพ โดยที่โดดเด่นในชั้นนี้ก็คือ ภาพวิถีชีวิตประจำวันของชาวชวา ภาพกฎแห่งกรรมต่างๆ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">พระราชวังสุลต่าน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ชั้นที่ 2 คือชั้นรูปธาตุ เปรียบเหมือนการหลุดพ้นจากกิเลสทางโลกเพียงบางส่วน ภาพสลักในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพพุทธประวัติที่ได้รับอิทธิพลศิลปะอินเดีย เน้นการสลักภาพบุคคลที่ค่อนข้างอวบอ้วนแฝงความสงบอยู่ในที ส่วนบนชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เปรียบเสมือนการหลุดพ้นของมนุษย์ จะมีฐานเป็นลานทรงกลม มีเจดีย์เล็กๆ 3 แถว 72 องค์ รายล้อมรอบเจดีย์องค์ใหญ่ ลักษณะเป็นเจดีย์ยอดตัด เจดีย์เล็กๆ จะเป็นเจดีย์โปร่ง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">เครื่องใช้ส่วนพระองค์ที่จัดแสดงภายใน</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานของเมืองยอกยาการ์ตา ทำให้มีสถานที่สำคัญๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะที่ พระราชวังสุลต่าน (Sultan Palace หรือ Kraton Ngayogyakarta) ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1756-1790 บนพื้นที่ 14 ตารางกิโลเมตร โดยสุลต่านฮาเมงกูบูโวโน ที่ 1 ตามคติแบบฮินดู โดยสมมติว่าพระราชวังเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล ภายในวังมีประตู 9 ชั้น หมายถึงทวารทั้ง 9 ของมนุษย์ในคติฮินดู

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภูเขาไฟเมราปี</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> พระราชวังแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบชวาผสมผสานกับดัชต์ ใช้เป็นสถานที่ประทับของสุลต่านยอกยาการ์ตาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (ในปัจจุบันนี้ไม่ได้ประทับอยู่ถาวรแล้ว) นอกจากจะได้ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สะท้อนถึงศิลปวัฒนธรรมชวาแล้ว ยังมีการจัดแบ่งห้องแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ สิ่งของล้ำค่า ของขวัญจากประเทศต่างๆ และเล่าถึงประวัติความเป็นมาของผู้ปกครองเมืองยอกยาการ์ตา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ซากที่ถูกเผาไหม้จากการระเบิดเมื่อปีที่แล้ว</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมแล้ว เมืองยอกยาการ์ตาก็ยังคงมีธรรมชาติที่งดงามเหลืออยู่ ภูเขาไฟเมราปี (Mount Merapi) เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ทั้งชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาตินิยมไปสัมผัส

    ภูเขาไฟเมราปี มีความสูงถึง 2,968 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาไฟ 1 ใน 129 ลูกของอินโดนีเซียที่ยังครุกรุ่นอยู่ แม้ว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2553 ภูเขาไฟเมราปีจะระเบิด พ่นเถ้าถ่านและลาวาออกมาทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันผู้คนมักจะเข้าไปดูร่องรอยความเสียหายบริเวณโดยรอบ ซึ่งก็จะเห็นซากบ้าน รถยนต์ ต้นไม้ ที่ถูกเผาไหม้จากความร้อน นอกจากนี้ ก็ยังเห็นร่องรอยของธารลาวาที่ไหลไปตามเส้นทางยาวลงไปสู่ด้านล่างอีกหลาย กิโลเมตร

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">บนถนนสายช้อปปิ้งมาลิโอโบโร่</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ในเมืองท่องเที่ยวก็มักจะมีย่านการค้าที่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยของ นักท่องเที่ยว ซึ่งในเมืองยอกยาการ์ตาก็มีย่านหนึ่งที่เป็นที่นิยม นั่นก็คือ มาลิโอโบโร่ (Malioboro) ถนนคนเดินและแหล่งช้อปปิ้งที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน สินค้าที่มีขายจะเน้นที่ของที่ระลึก ผ้าบาติก และอาหารการกินพื้นเมือง

    ตึกแถวริมถนนที่มาลิโอโบโร่จะเป็นตึกแบบชิโนโปรตุกีส คล้ายกับที่ภูเก็ต แต่ที่นี่บริเวณทางเดินหน้าร้านจะสามารถเดินทะลุกันได้ตลอดทั้งแนว และมีความกว้างพอที่จะเดินสวนกันไปมาได้ นอกจากจะมาซื้อสินค้าแล้ว บริเวณนี้ก็ยังมีรถม้า และรถลาก ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ให้มานั่งรถเล่นชมเมืองอีกด้วย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="450"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="450"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">กรรมวิธีผลิตบาติก</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ส่วนของที่ระลึกที่ขึ้นชื่อของเมืองยอกยาการ์ตาคงจะหนีไม่พ้น บาติก (Batik) ที่จะเห็นคนใส่กันทั่วทั้งเมือง และยังหาซื้อได้ทั่วไป คำว่า บาติก หรือ ปาเต๊ะ เดิมเป็นคำในภาษาชวาที่ใช้เรียกผ้าที่มีลวดลายเป็นจุด คำว่า ติก มีความหมายว่า เล็กน้อย หรือจุดเล็กๆ คำว่าบาติก จึงมีความหมายคือเป็นผ้าที่มีลวดลายเป็นจุดๆ ด่างๆ

    กรรมวิธีการผลิตผ้าบาติกนั้นมีหลากหลายวิธี หลายลวดลาย และหลากหลายสี ซึ่งได้มีการตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อปรับปรุงและพัฒนาอุตสาหกรรมผ้าบาติก เรียกว่า ศูนย์พัฒนาบาติกแห่งรัฐยอกยาการ์ตา ส่วนนักท่องเที่ยวที่สนใจชมวิธีการทำผ้าบาติก ก็สามารถชมได้ตามร้านขายผ้าบาติกขนาดใหญ่ โดยจะมีให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองผลิตเองด้วย

    ยอกยาการ์ตา นับเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีสีสันในด้านการท่องเที่ยว การไปเที่ยวที่นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่รู้ลืม</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000058504-



    .
     
  2. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    I've been there...beautiful place
     
  3. punyaphat

    punyaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +212
    ขอบคุณมากค่ะ ท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเสนอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...