“ย้อนรอยสถานที่ละสังขารหลวงปู่ทวด ณ แดนเสือเหลือง”

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 23 กุมภาพันธ์ 2010.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,172
    “ย้อนรอยสถานที่ละสังขารหลวงปู่ทวด ณ แดนเสือเหลือง”

    <!-- retweet button --><SCRIPT type=text/javascript> tweetcount_url = 'http://www.komchadluek.net/detail/20100221/49213/.html'; //tweetcount_url = 'http://www.komchadluek.net/detail/20100221/49213/49213.html'; tweetcount_title = ' “ย้อนรอยสถานที่ละสังขารหลวงปู่ทวด ณ แดนเสือเหลือง”'; //tweetcount_src = 'RT @BackType:'; tweetcount_via = false; tweetcount_links = true; tweetcount_size = 'small'; tweetcount_background = 'FFFFFF'; tweetcount_border = 'CCCCCC'; tweetcount_api_key = '5c3bba3f5d77a46a13453091e36dc1cde4335e9299a1edeeaa3c31d193b33fda';</SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://widgets.backtype.com/tweetcount.js"></SCRIPT><IFRAME height=18 src="http://widgets.backtype.com/tweetcount?url=http%3A//www.komchadluek.net/detail/20100221/49213/.html&cnt=false&via=false&links=true&title=%20%E2%80%9C%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%94%20%E0%B8%93%20%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E2%80%9D&size=small&api_key=5c3bba3f5d77a46a13453091e36dc1cde4335e9299a1edeeaa3c31d193b33fda&background=FFFFFF&border=CCCCCC" frameBorder=0 width=120 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>
    <!-- facebook button -->Share <SCRIPT type=text/javascript src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share"></SCRIPT>
    <!-- addthis button -->Share

    <SCRIPT type=text/javascript src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4b6806b250a1123b"></SCRIPT>

    [​IMG]



    [​IMG]



    <SCRIPT type=text/javascript>var id='49213';function addCommas(nStr){ nStr += ''; x = nStr.split('.'); x1 = x[0]; x2 = x.length > 1 ? '.' + x[1] : ''; var rgx = /(\d+)(\d{***)/; while (rgx.test(x1)) { x1 = x1.replace(rgx, '$1' + ',' + '$2'); } return x1 + x2;}function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('คนอ่าน '+addCommas(counter_)+' คน'); } });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก : ณ ใจกลางเมืองเบตง อำเภอที่ถือว่า คือ ใต้สุดของแดนสยาม ผมกับมิตรจากแดนไกล บล็อกเกอร์ปราณชลี, บล็อกเกอร์หนุมานชาญสมร บล็อกเกอร์ turtlerun และบล็อกเกอร์ก้อนหินรำพัน ภายใต้นาม "สำนักหัวใจเดียวกัน" รวมห้าชีวิต ได้เดินทางตามรอยไปเสาะหาสถานที่ละสังขารของ "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ซึ่งอยู่ตรงฝั่งประเทศมาเลเซีย ที่รัฐเปรัค ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย เพียง 70 กิโลเมตร
    <SCRIPT type=text/javascript>google_ad_channel = '9989085094'; //slot numbergoogle_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads//google_image_size = '300X250';//google_skip = '3';var ads_ID = 'adsense_inside'; // set ID for main Element divvar displayBorderTop = false; // default = false;//var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type imagevar position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail</SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://www.komchadluek.net/AdsenseJS.js"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT language=JavaScript1.1 src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&output=js&lmt=1266887966&num_ads=3&channel=9989085094&ad_type=text&adtest=off&ea=0&feedback_link=on&flash=10.0.22.87&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20100221%2F49213%2F%E2%80%9C%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%93%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E2%80%9D.html&dt=1266887966937&correlator=1266887966984&dblk=1&frm=0&ga_vid=2090928179.1266786363&ga_sid=1266886250&ga_hid=1273515502&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=1&u_java=1&u_h=800&u_w=1280&u_ah=770&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=771&bih=404&ref=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2F&fu=0&ifi=1&dtd=109"></SCRIPT>โฆษณาโดย Google
    Call From Your ComputerFree PC VOIP Program Call In Malaysia Or Internationalwww.vbuzzer.com



    เรามาถึงด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อข้ามเขตแดนระหว่างประเทศ เข้าเขตกิ่งอำเภอโกร๊ะห์รัฐเคดาห์หรือไทรบุรีของรัฐสยามในอดีต แวะเติมน้ำมันเบนซิน 95 ราคาถูก เพราะมาเลเซียอุดหนุนกองทุนน้ำมันเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    ประมาณ 40 นาที เราก็ถึง อำเภอกริ๊ก ซึ่งจุดหมายต่อไปคือ “ขับรถตรงต่อไปประมาณ 5 หรือ 30 กิโลเมตรก็จะถึงกำปงซาวา ให้สังเกตด้านขวาจะมีป้ายบอกชัดเจน !” นั่นคือคำบอกกล่าวของเพื่อนชาวเบตง
    ขับรถไปได้ 20-30 นาที ก็เริ่มลังเล เพราะไม่เห็นมีวี่แววของ กำปงซาวา หรือป้ายหลวงปู่ทวดด้านขวาสักที ผมขับไปเรื่อยๆ จนเห็นว่าน่าจะหลง บล็อกเกอร์ปราณชลีก็หลุดปากขึ้นมาว่า “พวกเราควรหยุดเพื่อทบทวนใหม่ดีกว่า” ก็เลยจอดเทียบข้างทางทันที ปาฏิหาริย์มีจริง ห่างไปข้างหน้าเพียง 20 เมตร ก็คือป้ายกำปงซาวานั่นเอง
    พวกเราช่วยกันส่งเสียงเฮเล็กน้อย ผมเลี้ยวขวาทันที ขับเข้าไปตามทางถนนลาดยาง 500 เมตร เราก็พบ สำนักสงฆ์ตั้งอยู่ด้านขวา ผมเทียบรถข้างทาง ทุกคนชักกล้องเตรียมบันทึกภาพ ผองเพื่อนบล็อกเกอร์เข้าไปเสวนากับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่จำพรรษาอยู่ที่นี่ ทราบว่าท่านมาจากจังหวัดพะเยา ท่านบ่นพึมพำว่า "เดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยมาแล้ว สมัยก่อนนี้จอดยาวไปถึงถนนใหญ่กว่าครึ่งกิโลเมตร"
    สังเกตโดยรอบบริเวณ ด้านหน้าของสำนักสงฆ์จะมี องค์จตุคามใหญ่ตั้งตระหง่าน มีพระประทานหลวงปู่ทวดอยู่ด้านใน ถัดไปด้านซ้ายมีท่อบล็อกครอบบ่อน้ำอยู่ข้างๆ เข้าใจว่าแสดงถึงบ่อศักดิ์สิทธิ์ ใช้เวลา 15 นาที เราก็ออกเดินทางต่อไปข้างหน้า เพราะพระท่านบอกว่าสถานที่ละสังขารของหลวงปู่ทวดอยู่ริมฝั่งน้ำสุไหงเกอร์ และสุไหงเกอร์นาริง ต้องข้างหน้าอีก
    ผมขับรถออกไปอีกเพียง 200 เมตร ก็เจอป้ายไม้อัด เขียนด้วยมือหยาบๆ เป็นภาษาจีน แทรกด้วยภาษาไทย เนื้อหาบอกว่า บ่อน้ำหลวงปู่ทวดของแท้ โดยมีฤษีตนหนึ่งดูแลอยู่ พวกเราก็ลงไปดู และถ่ายรูป ไม่พบเจ้าของสำนักเจอแต่สิ่งของเครื่องใช้ รูปสักการะ บ่อน้ำร้าง เห็นรูปประทานพระนารายณ์องค์หนึ่ง พวกเราเริ่มมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย สงสัยงานนี้เจอของดีแหงๆ...
    เราเดินทางออกจากสำนักฤษีมาอีกเพียง 500 เมตร เราก็พบอีกสำนักสงฆ์อีกแห่งหนึ่ง แต่แห่งนี้เป็นสำนักที่ดูใหญ่โต ดูน่าเชื่อถือมากกว่า คงจะเป็นสถานที่ที่เขาร่ำลือกัน ถึงสถานที่ที่พากันมาสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดหลายรุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    แต่ภาพที่เห็น ดูเงียบเหงา มีพระสองรูปจำพรรษาอยู่ที่นี่ องค์หนึ่งที่ชราภาพกว่ามาจากอีสาน จากการสังเกตสถานที่นี้คงจะผ่านช่วงรุ่งเรืองขีดสุดมาแล้ว เหตุใดวันนี้จึงไร้ผู้คนเดินทางมาเยือน ร้านค้าขายของที่ระลึก ธูปเทียน และอาหารหน้าสำนักสงฆ์ มีอยู่ 3-4 ร้าน
    หลังจากบันทึกภาพจนหนำใจ ปราณชลีและทีมงานจึงแวะไปกราบลาพระสงฆ์ทั้งสองรูป พร้อมๆ กับคำชี้แนะถึงสถานที่ละสังขารที่แท้จริง ว่าอยู่ริมฝั่งน้ำสุไหงเกอร์ตรงฝั่งถนนด้านโน้นนี่เอง
    เรารีบออกเดินทางตามคำบอก แต่เข้าผิดหมู่บ้านไปโผล่ฟิชชิ่งปาร์ค ริมแม่น้ำหนึ่งรอบ วกวนไปมา สุดท้ายเราตัดสินใจย้อนกลับไปถามคนที่ร้านค้าหน้าสำนักสงฆ์ คราวนี้ ปราณชลีเราได้แผนที่ขนาดย่อมๆ ที่เขียนด้วยมือมาหนึ่งฉบับ แต่เราก็ยังหลงวนไปมาเหมือนเดิม
    สุดท้ายพวกเรามาหยุดตั้งหลักที่ปากทางเข้าหมู่บ้านชาวมลายู ที่ตั้งอยู่ริมถนนหลักที่มีรถบัสโรงเรียนจอดอยู่ตามแผนที่ ซึ่งอยู่ห่างซาวาเพีาหมู่บ้านริมถนนหลัก ตามที่แม่ค้าคนจีนได้เขียนแผนที่ไว้ให้ จากกำปงซาวา 1,500 เมตร โชคดีที่มีหญิงสาวชาวมาเลย์เดินเล่นกับลูกๆ อยู่แถวนั้น บล็อกเกอร์ปราณชลีจึงลงไปสอบถาม จึงได้ความว่า สถานที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดที่เราอยู่เพียง 200 เมตร จากนั้นเด็กชาวมาเลย์อายุประมาณ 10 ขวบ ก็อาสานำพาไปถึงที่ แต่มีอากัปกิริยาลักษณะสงสัยว่า จะดูไปทำไม?
    พวกเราเดินเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง เพียงพริบตาพวกเราก็เห็นสถานที่ละสังขารของหลวงปู่ทวดตั้งอยู่ตรงหน้า สถานที่ที่มิตรจากแดนไกลบุกบั่นมุ่งมั่นจะมาให้ถึง ด้วยปรารถนาที่จะมีโอกาสสักครั้งในชีวิต ที่จะเดินทางมาสัมผัสสถานที่ละสังขารของหลวงปู่ทวดสักครั้งในชีวิต
    ภาพตรงหน้าที่เราเห็นนั้น คือ อาคารทรงโปร่งขนาด 4 คูณ 8 เมตร ภายใต้ชายคานั้นก็มีสถูปอยู่ 2 สถูป สภาพเก่าหนึ่งสถูปและใหม่หนึ่งสถูป บริเวณด้านข้าง ด้านหนึ่งเป็นกอไผ่ ด้านหนึ่งมีดินโคลนร่องรอยเหมือนทางน้ำยามฝนไหลบ่า แซมด้วยเศษขยะจากชุมชนที่กองอยู่ข้างอาคาร
    ปราณชลีหันไปเสวนาภาษามลายูกับสองหนุ่มที่กำลังตกปลาอยู่ริมคลองข้างๆ สถานที่ดังกล่าว ก็ทราบว่า ปัจจุบันสถานที่นี้ไม่มีคนดูแล และไม่ค่อยมีใครสนใจมาเยือนเหมือนเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งหมู่บ้านนี้เป็นมลายูล้วนๆ จึงตกสภาพอย่างที่เห็น พวกเราก็ใช้เวลา ประมาณ 10 นาที ก็เดินกลับออกมา
    ขณะนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. พวกเรามุ่งหน้ากลับเบตงด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจ แม้จะกลับเส้นทางเดิม แต่อารมณ์ความรู้สึกในขากลับช่างแตกต่างกันลิบลับกับตอนขามา พวกเราพร่ำบ่น และรู้สึกระอาต่อระบบพุทธพาณิชย์ที่หากินกับความศรัทธาของมนุษย์ โดยไม่เคยแยกแยะต่อความถูกผิด ดีชั่ว
    แม้ผมจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ กับสถานที่ประวัติศาสตร์กว่า 300 ปี ถูกทิ้งร้างโดยไม่รับการเหลียวแล จากผู้ที่ได้ชื่อว่า “พุทธบริษัท”
    เพื่ออรรถรสในการอ่านควรอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจาก
    "ย้อนรอย มรณสถานหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"
    http://www.thaisouthtoday.com/index.php?file=story&p=pt&obj=forum(586)
    http://www.oknation.net/blog/localbetong




     

แชร์หน้านี้

Loading...