“วิจิกิจฉา”

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 20 กรกฎาคม 2013.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    “คำว่า “วิจิกิจฉา” คือ ความสงสัย ที่หลวงพ่อบอกว่าไม่มีความสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ถ้าเราสงสัยในพระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติไม่ค่อยดี อย่างนี้จะเป็นวิจิกิจฉาหรือเปล่าคะ...?”

    ท่านเลว เราก็ไม่สงสัย เพราะเรารู้ว่าท่านเลว ท่านดี เราก็ไม่สงสัย เพราะเรารู้ว่าท่านดี แต่ถ้าพระสงฆ์ก็ต้องเป็นสุปฏิปันโน คือเป็นพระที่มีความเคารพในพระธรรมวินัย มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาพร้อม จึงเรียกว่าสมบูรณ์แบบของพระสงฆ์นะ
    ถ้ายังขาดศีล สมาธิ ปัญญา หรือศีลบกพร่อง สมาธิไม่เอาถ่าน ปัญญาไม่เอาไหน อย่างนี้เขาไม่เรียกพระสงฆ์หรอก เขาเรียกว่าเถน เถน แปลว่า ขโมย คือ ขโมยเพศพระมาครอง

    ที่ว่าสงสัยว่า ไม่ใช่พระนี่ถูก เพราะแกขโมย คือ พระจริงๆ ที่เข้ามาบวช ต้องปฏิบัติในเหตุ ๓ ประการให้ได้ จะได้แค่ไหนไม่เป็นไร จะไม่บรรลุอะไรเลยก็ใช้ได้ แต่ขอให้ทำ

    “พระส่วนมากสมัยนี้ทั่วประเทศไทยก็ไม่ค่อยมีอย่างนี้”

    อันนี้จะบอกว่าไม่มีก็ไม่ได้ เวลานี้มีเยอะ แต่ว่าโยมอาจจะดูผิดไปก็ได้
    อย่างกับพระสารีบุตร ถ้าท่านมาเวลานี้ก็ไม่มีใครไหว้แน่ ท่านเป็นอรหันต์องค์สำคัญนะ ท่านก็เป็นคนคบเด็กไปไหนก็มีเด็กจูงสบง จูงแขน ขี่คอบ้าง นี่ท่านสงเคราะห์เด็ก พระที่บวชเป็นอรหันต์จากเด็กๆ ส่วนมากมาจากพระสารีบุตรนะ

    นี่เห็นไหม อันนี้เราดูกันไม่ได้เลย ต้องดูกันในด้านปฏิบัติ คือ การตัดโลภะ ความโลภ ราคะ ความรัก โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลง เราดูกันในด้านจริยาไม่ได้

    พระอรหันต์ไม่เหมือนกับผู้ฝึกฌานโลกีย์ พวกฝึกฌานโลกีย์นี่ต้องเก็บอารมณ์ ท่าทางสงบเสงี่ยมกว่า พระอรหันต์ก็เหมือนกับคนที่รวยแล้ว ไม่ต้องการอะไร ใช้ไม่หมด

    “ถ้ามีคนเขาบอกว่าหลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ หลวงพ่อเป็นพระปฏิสัมภิทาญาณ อย่างนี้คนพูดจะบาปไหมครับ...?”
    จะบาปยังไงล่ะ เป็นเรื่องของเขา เขาคิดในแง่ดีไม่บาป เขาจะเข้าใจว่าเป็น สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต ไม่ใช่ของชั่วนี่ อารมณ์จิตเป็นกุศลต่างหาก
    ถ้ามาถามฉัน ฉันบอกเป็นพระหลวงตา เอาที่ไหนมาเป็นพระอรหันต์ หน้าก็ย่น ตาก็สั้น ไม่เป็นเรื่อง ถ้าหันซ้าย หันขวาล่ะก็ได้

    อย่าไปคิดยังงั้นเลยนะ ถ้านึกอย่างนั้นถ้าผิดเข้าลำบาก ที่ว่าลำบากน่ะ ไม่ใช่ตกนรกนะ เรานึกว่าเราพบพระสงฆ์เพื่อต้องการธรรมะดีกว่า คือว่าเราศึกษานี่ เราศึกษาธรรมะตรงต่อพระพุทธเจ้าไม่ใช่อาตมาเป็นพระพุทธเจ้านะ คิดว่าธรรมะที่เราได้รับนี้เป็นของพระพุทธเจ้า ในเมื่อเรานึกถึงธรรมะเมื่อใด ก็ได้ชื่อว่าเรานึกถึงพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ในวันปรินิพพาน ตอนที่พระอานนท์ไปยืนร้องไห้เสียใจว่า พระพุทธเจ้าจะนิพพานวันนี้ และเราเองก็ยังเป็น เสขะบุคคล คือ พระโสดาบัน เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานแล้ว ใครจะสอนเรา
    พระพุทธเจ้าทรงทราบก็เรียกมาบอกว่า
    “อานนท์ จะเสียใจไปทำไม เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว คำสอนหรือพระธรรมวินัยนี่แหละจะเป็นศาสดาสอนเธอ”
    ก็เป็นอันว่าพระธรรมวินัยนี้ก็คือพระพุทธเจ้าจริงๆ พระพุทธเจ้าจริงๆ ไม่ใช่ร่างกายของท่าน ถ้าร่างกายของท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าตั้งแต่ออกจากท้องแม่ใช่ไหม จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ต่อเมื่อบรรลุอภิเษกสัมมาโพธิญาณ คือเป็นอรหันต์แล้ว ที่นี้ถ้าคนใดถ้าเคารพธรรมะเมื่อใด ก็ได้ชื่อว่าถึงพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น

    “แต่ส่วนใหญ่คนเขาไม่คิดอย่างนี้ซิครับ เขาอยากจะพบพระพุทธเจ้า อยากจะฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จะได้บรรลุไปนิพพานเร็วๆ”
    ก็ไม่แน่อีกนั่นแหละ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในตอนหนึ่งกับพระอานนท์ว่า
    “อานันทะ ดูก่อน อานนท์ บุคคลใดเกิดทันเมื่อตถาคตมีชีวิตอยู่ แต่คนนั้นไม่เคยเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน แม้บุคคลนั้นจะเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่ ก็ถือว่าบุคคลนั้นไม่เห็นตถาคตเลย”

    และอีกตอนหนึ่งท่านกล่าวไว้ว่า
    “บุคคลใดเกิดมาในสมัยที่ตถาคตมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือว่าตถาคตนิพพานไปแล้วก็ดี ถ้าคนนั้นเขาเจริญพุทธานุสสติกรรมฐานอยู่เป็นปกติ คนนั้นตถาคตถือว่าเขาเกาะชายสังฆาฏิ”


    https://www.facebook.com/photo.php?...52612888866.1073741847.122262554617872&type=1
     
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...