“หลวงปู่พิศดู”ละสังขารวันสงกรานต์

​

​

“หลวงปู่พิศดู” เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองจันทบุรี ถือฤกษ์วันสงกรานต์ละสังขาร เป็นทายาทธรรมสายพระป่า “พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต”

วันนี้(13เม.ย.)ที่ รพ.วิชัยยุทธ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี เจ้าอาวาสวัดเทพธารทอง อ.เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี ได้มรณภาพด้วยวัย 89 พรรษา สาเหตุจากโรคชรา ทั้งนี้ นายวิโรจน์ สมพรไพลิน หนึ่งในศิษย์หลวงปู่พิศดูกล่าวว่า หลวงปู่เข้ารับการรักษาโรคชราที่ รพ.วิชัยยุทธ มาเป็นเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ศิษยานุศิษย์จะนำร่างของหลวงปู่ตั้งไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี เป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่จะเคลื่อนร่างไปไว้ที่วัดเทพธารทองเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป โดยลูกศิษย์จะเคลื่อนย้ายร่างของหลวงปู่พิศดูไปไว้ที่วัดตั้งแต่คืนนี้เลย ซึ่งหลังจากที่มีข่าวการมรณภาพของหลวงปู่พิศดูแพร่ออกไป ก็มีลูกศิษย์เดินทางมากราบร่างหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้ายเป็นจำนวนมาก

สำหรับ หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี เกิดที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อเดือน ก.พ. 2466 อุปสมบทที่วัดจันทนาราม ก่อนจะไปจำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง จากนั้นไปจำพรรษาที่วัดเทพธารทอง หมู่ 6 บ้านคลองตะเคียน ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งได้เป็น เจ้าอาวาสวัดเทพธารทอง เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2552 หลวงปู่พิศดู จัดเป็นทายาทธรรมสายพระป่าโดยแท้ ท่านเป็นลูกศิษย์ของท่านพ่อลี ธัมมธโร แห่งวัดอโศการาม อดีตพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและอดีตพระเกจิชื่อดัง ตลอดชั่วอายุขัยท่านได้ยึดแนวปฏิบัติสายพระป่าของพระอาจารย์ใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และท่านพ่อลี ธัมมธโร ผู้เป็นพระอาจารย์จวบจนละสังขาร.

Daily News Online > หน้าสังคม > “หลวงปู่พิศดู”ละสังขารวันสงกรานต์

 

อะจีรัง วะตะ ยังกาโย ปฐวิง อธิเสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิง คะรัง
.... สาธุ สาธุ สาธุ .... กายของพระอาจารย์แสดงธรรม เป็นครั้งสุดท้าย.... กราบอนุโมทนา และกราบนมัสการ ด้วยเศียรด้วยเกล้า....

 

กราบนมัสการหลวงปู่ผู้เป็น สุปฏิปนฺโน สาวกสงฺโฆ

 

กราบส่งหลวงปู่สู่นิพพาน

 

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับทุกท่านครับขออนุญาติชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ..ขอชี้แจงบางเรื่องให้ทุกท่านได้ทราบเพิ่มเติมครับ เนื่องจากองค์หลวงปู่พิศดูท่านได้ละสังขารแล้ว คณะศิษย์ได้ลงมติกันว่า จะไม่ทำการฉีดฟอร์มาลิน กับพระสรีระของท่าน เนื่องจากคณะศิษยานุศิษย์ทั้งหลายมีความเชื่อตรงกันว่า สรีระของพระอริยะสงฆ์นั้นท่านจะต่างกับสรีระของคนธรรมดา เพราะด้วยความเป็นผู้มีจิตอันบริสุทธิ์เป็นกำลัง จะสามารถฟอกธาตุ ฟอกขันธ์ ให้บริสุทธิ์เหนือกว่าคนธรรมดาได้ และตั้งแต่หลวงปู่พิศดูท่านละสังขารเข้าสู่นิพพาน ในวันพุธที่ 13 เมษายน 2554 เวลา 13.00 น. และได้เคลื่อนพระสรีระมายังพระอุโบสถวัดป่าคลองกุ้ง เพื่อทำการสรงน้ำพระสรีระในคืนเดียวกันนั้นเลย จนล่วงถึงวันที่ 14 เมษายน 2554 ในเวลา 16.00 น. ได้ทำการบรรจุพระสรีระลงหีบทอง ท่ามกลางศิษยานุศิษย์และผู้คนที่เคารพศรัทธาอย่างเนืองแน่น และทุกท่านที่ได้มีโอกาสสรงน้ำพระสรีระต่างแปลกใจ และบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พระสรีระขององค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารีนั้นแทบมิได้เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงสภาพคล้ายคนนอนหลับอยู่เป็นปกติ จะมีเปลี่ยนบ้างก็คือ องค์ท่านยุบลงไปบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งผิดจากธรรมชาติสรีระร่างของบุคคลธรรมดาทั่วไปซึ่งจะต้องพองอืด มีน้ำเหลืองน้ำหนองไหลออกมา และส่งกลิ่นเหม็น แต่สรีระร่างขององค์หลวงปู่กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ อันเป็นที่ประจักรได้ถึงคุณธรรมสมบัติเบื้องสูงขององค์หลวงปู่อย่างยอดยิ่ง ....สาธุ สาธุ สาธุ ทางวัดป่าคลองกุ้งกำหนดการ อาจตั้งพระสรีระเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเภณี ไปเรื่อยๆก่อน จนกว่าพระจิตกาธาน ที่กำลังสร้างที่วัดเทพธารทองจะแล้วเสร็จ จึงค่อยเคลื่อนพระสรีระมายังวัดเทพธารทองขององค์หลวงปู่ เพื่อทำตามพิธีทางศาสนา และถวายประชุมเพลิงต่อไป .

 

กราบองค์หลวงปู่ครับและอนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆท่านครับ