“อีก ๑๐ ปี … ค่อยพบกัน”

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย Mdef, 17 สิงหาคม 2020.

  1. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    117675630_10220163411768692_4307233178594053911_o.jpg

    “อีก ๑๐ ปี … ค่อยพบกัน”
    คือคำที่หลวงปู่ดู่…ได้พูดทิ้งท้าย
    ไว้ให้กับลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง
    ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไม่นาน

    เรื่องราวต่อไปนี้เป็น “กรณีศึกษา”
    ที่มีคุณค่าไม่น้อยเลยทีเดียว
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ทันเห็นสังขารขันธ์ของหลวงปู่
    ก็จะพอทำให้เห็นภาพปฏิปทาท่านชัดเจนขึ้น

    ลูกศิษย์หลวงปู่คนนี้ได้มาพบหลวงปู่
    และเกิดศรัทธาท่าน นับแต่ครั้งแรกที่เพื่อนพามากราบท่านที่วัดสะแก
    ถ้าว่าทางโลกก็ต้องเรียกว่า “รักแรกพบ” กันเลยทีเดียว

    คำพูดหลวงปู่ ที่ก้องกังวานอยู่ในใจ
    เขาตลอดก็คือ “ภาวนาไป ๆ”
    ไม่ว่าจะมีปัญหาชีวิต หรือ ประสบอุปสรรคใด ๆ
    หลวงปู่ท่านก็ให้ “ภาวนา” ลูกเดียว
    ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ท่านจะบอกว่า
    ให้ไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม” อะไรเทือกนั้น

    เขาภาวนา…ที่บ้าน
    พอมาที่วัด หลวงปู่ก็มักให้เขา “รายงานผลการปฏิบัติ” ให้ท่านฟัง
    นัยว่า ให้เกิดความละอายใจ…
    หากขี้เกียจปฏิบัติ
    เพราะถ้าไม่ได้ปฏิบัติ ก็ย่อมไม่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติ
    ที่จะมาสนทนากับท่านนั่นเอง
    เขาปฏิบัติก้าวหน้ามาเป็นลำดับ
    กระทั่งหลวงปู่ละสังขาร…จากเขาไป

    เขา และ ครอบครัว…ไม่เคยคิดเลยว่า “
    จะมีวันที่เขาลืมหลวงปู่ไปถึง ๑๐ ปี”
    ตรงตามที่หลวงปู่ได้พูดทิ้งท้าย…ก่อนมรณภาพ

    นับแต่หลวงปู่ได้มรณภาพไป
    ชีวิตครอบครัวของเขาพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย การค้าการขายก็ย่ำแย่
    พอมีคนมาทักว่า ถูกคุณไสย์
    เขาก็พากันไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม”
    กลับมาดีขึ้นไม่ทันไร เดี๋ยวก็ฝันร้ายว่า
    มีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้อีก
    ก็ต้องไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม” กันอีก

    ไปสะเดาะเคราะห์บางแห่ง ต้องทำบุญเทียนต้นละ ๔-๕ หมื่นบาทก็มี
    เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไปแก้คุณไสย์บางแห่ง ก็ถูกคุณไสย์ของใหม่เข้าให้อีก
    เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสะเดาะเคราะห์แก้กรรมที่จังหวัดระยอง
    เทียวไปเทียวมาทุกสัปดาห์อยู่อย่างนี้ เป็นเวลาถึง ๑๐ ปีเต็ม

    “การปฏิบัติภาวนา” ไม่ต้องพูดถึง…
    เพราะ “ลืม” ไปสิ้น
    ในหัวสมองรู้แต่ว่า ต้องไป
    “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม”
    และแล้วเมื่อย่างเข้าปีที่ ๑๐ ที่เขา
    “ลืมหลวงปู่” ไป
    …เหมือนอย่างศิษย์ไร้ครูอาจารย์ หรือ เหมือนลูกไร้พ่อแม่

    ณ ที่สำนักทรงแห่งหนึ่ง
    แทนที่คนทรงจะทำการรักษาเขา
    เหมือนที่รักษาให้คนอื่น
    คนทรงคนนั้น กลับด่าเขาว่า…
    “มีครูอาจารย์ดีอยู่แล้ว
    ท่านคอยตามดูแลและเป็นห่วง กลับไม่สำนึก กลับลืมท่านไปได้
    ให้รีบกลับไปขอขมาท่านเสีย”

    ศิษย์หลวงปู่ เมื่อได้ฟังคำด่านั้นแล้ว พลันนึกถึงหลวงปู่ขึ้นมา
    โอหนอ…เวลา “เวรกรรม” มันจะให้ผล มันปิดบังสติปัญญาเสียสิ้น
    ทั้ง ๆ ที่หลวงปู่เตือนเขาไว้ว่า
    “อย่าทิ้งการปฏิบัติ
    อย่าทิ้งพุทธัง ธัมมัง สังฆัง
    ถ้าแกทิ้งพุทธัง ธัมมัง สังฆัง…ชีวิตแกจะลำบาก”
    ถึงขนาดนี้แล้ว…เขาก็ยังลืมไปได้
    นับแต่วันนั้น เขาได้เดินทางกลับมาวัดสะแกอีก และแม้บัดนี้ จะไม่ได้พบสังขารขันธ์ของหลวงปู่อีกแต่เขาก็เริ่ม “รื้อฟื้นการปฏิบัติธรรม” อีกครั้ง

    เขา “เพียรนั่งสมาธิภาวนา”
    …ทั้งที่บ้าน และ ที่วัด
    พอถึงวันพระ ก็รักษาศีลแปด
    ทำเช่นนี้ไม่นาน ฝันร้ายก็หายไป
    ธุรกิจของเขาก็กระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ
    กระทั่งกลับมามี “ความสุข” ดังเดิม…อีกครั้ง

    การกลับมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้ มันมีคุณค่าสำหรับชีวิตเขามาก
    และเขาเองก็เห็นคุณค่าแห่งการปฏิบัติ ด้วยประสบการณ์ผ่านชีวิตที่ลำเค็ญ
    เพราะ “ผลอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติ”…
    ดังที่หลวงปู่กล่าวเตือนไว้แล้ว

    เวลาประสบทุกข์ ประสบเคราะห์ใด ๆ
    คำหลวงปู่…จะก้องกังวานมาทันทีว่า…
    “ภาวนาไป ๆ”
    การปฏิบัตินี้แหล่ะ…ตัวสะเดาะเคราะห์
    แก้กรรมที่ได้ผลดีที่สุด

    และไม่ทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ไม่ว่าพระ หรือ ฆราวาส
    เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเที่ยวเดินทางไปสะเดาะเคราะห์แก้กรรม เป็นเวลาถึง ๑๐ ปีเต็ม
    เสียเงินไปร่วมล้าน และมันก็ไม่จบ
    ไม่สิ้นสักที กระทั่งหลวงปู่ไป “ดลใจคนทรง” ให้กล่าวเตือนสติเขา

    เขาจึงระลึกถึง “หลวงปู่” ขึ้นมาได้
    พร้อมกับคำสอนหลวงปู่…ที่ให้สะเดาะเคราะห์แก้กรรม ด้วยการ “ปฏิบัติสมาธิภาวนา”
    ทุกยุคทุกสมัย พิธีการสะเดาะเคราะห์แก้กรรม ย่อมลวงคนโง่ให้ตกเป็นเหยื่อ
    บัดนี้ หลวงปู่ไม่อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าศิษย์ชั้นหลังจะได้รับทราบหรือไม่ว่า…
    หลวงปู่ไม่เคยส่งเสริมพิธีสะเดาะเคราะห์ใด ๆ เลย มีแต่…”ภาวนาไป ๆ”

    หากใครกล่าวอ้างว่า
    หลวงปู่ส่งเสริมสิ่งเหล่านี้
    ก็ให้รู้ว่า…เขากล่าวตู่คำสอนหลวงปู่
    เขาขาดความเคารพในหลวงปู่
    และเขาอาจเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องการทรัพย์จาก “คนที่ยังไม่มีหลักใจ”
    ให้ต้องมาเสียเงินเสียทอง
    สะเดาะเคราะห์แก้กรรม
    อันไม่ใช่ทางของการปฏิบัติ
    เพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง
    ตามแนวทางที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    กล่าวสอนแต่อย่างใดเลย


    Cr:- บทความโดยคุณสิทธิ์

     

แชร์หน้านี้

Loading...