“อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

“อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

********************************************************************************************
“บวชเป็นพระ ชื่อเสียงเงินทองต่างเป็นของนอกกาย คนเข้าใจผิด ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร "


หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่ง ท้อง พ่อแม่บังคับให้ลูกบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก หญิงสาวทนพ่อแม่บีบคั้นไม่ได้ จึงบอกว่า พ่อของเด็กเป็นพระอวุโสรูปหนึ่งในวัดใกล้บ้าน เมื่อเด็กคลอดออกมา คนที่บ้านก็เอาเด็กไปหาพระอาวุโสรูปนี้
:: พระอาวุโสรูปนั้นบอกเพียงว่า “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” ก็รับเด็กไว้
ตั้งแต่นี้ไป พระอาวุโสก็อุ้มเด็กไปบิณฑบาตตามบ้าน คนทั้งหมู่บ้านเป็นเดือดเป็นแค้น ด่าพระอวุโสรูปต่าง ๆ นา ๆ หยาบ ๆ คาย ๆ ผ่านไป 1 ปี หญิงสาวทนไม่ไหว จึงสารภาพกับพ่อแม่ว่า พ่อของเด็กเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับพระอาวุโสรูปนั้นเลย หญิงสาวและคนในครอบครัวละอายใจมาก ไปพบพระอวุโสรูป เห็นพระท่านโทรมมาก แต่เด็กกลับอ้วน ๆ ขาว ๆ เป็นที่น่ารักมาก หญิงสาวรู้สึกผิดมาก จึงขอโทษพระอาวุโสรูปนั้น
:: พระอาวุโสรูปนั้นพูดเพียงว่า “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

พระอาวุโสรูปถูกกล่าวหาจนชื่อเสียงป่นปี้ แต่ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้แก้ตัวเลย เพราะอะไร ท่านบอกว่า “บวชเป็นพระ ชื่อเสียงเงินทองต่างเป็นของนอกกาย คนเข้าใจผิด ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อาตมาช่วยหญิงสาวให้พ้นวิกฤตได้ ช่วยชีวิตของเด็กทารกได้ เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง” ตอนคนอื่นเข้าใจเราผิด เราต้องใช้เวลามากในการอธิบายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเรา แต่ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครยอมฟัง ไมมีใครเชื่อ คนเราจะเชื่อกับข้อมูลที่ได้รับมาครั้งแรก โดยไม่ค่อยพิจารณาว่า ความจริงเป็นเช่นไร ใช้หลักจากการรับรู้ของตัวเอง เข้าใจและตัดสิน คนทุกคนล้วนดื้อรั้น คนที่เขาเข้าใจคุณ ก็จะเข้าใจคุณตั้งแต่แรก จนถึงตลอดไป ไม่ใช่ฟังคุณพูดครั้งเดียวก็เข้าใจคุณ แทนที่จะพยายามด้วยความเจ็บปวดที่จะเปลี่ยนคำตัดสินใจของอื่น สู้รับแล้วให้เวลาคนอื่น ให้เวลาตัวเอง ไม่เสียเวลาในการแก้ตัวที่ไร้ประโยชน์ ไปทำอะไรที่มีประโยชน์ในระยะยาวดีกว่า ...

**********************************************************