◎:ปีใหม่..ธรรมเนียมไทย..นับถอยหลังปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่:◎

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย คือ~ว่างเปล่า!, 28 ธันวาคม 2008.

  1. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    ปีใหม่-การอวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมไทย-ให้ของขวัญ

    คอลัมน์ รายงานพิเศษ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ตามจารีตประเพณีแต่ดั้งเดิมของไทยถือเอาวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ เป็นการสอดคล้องกับคติแห่งพุทธศาสนาซึ่งถือเอาฤดูหนาวเป็นการเริ่มต้นปี

    ต่อมา ได้ถือว่าวันขึ้น 1 ค่ำ เดือนห้าเป็นวันขึ้นปีใหม่ (ตรุษไทย) ซึ่งถือตามปฏิทินทางจันทรคติและยึดถือมา

    จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าไทยได้ติดต่อกับประเทศต่างๆ มากขึ้น การใช้ปฏิทินทางจันทรคติไม่เหมาะสม และไม่สะดวกเพราะไม่ลงรอยกับปฏิทินสากล จึงประกาศให้ใช้วันทางสุริยคติตามแบบสากลแทน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2432 เป็นต้นมา และถือเอาวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ด้วย

    เมื่อถึงสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เห็นว่าไม่เหมาะสมเพราะประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่ต่างก็ถือเอาวันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เมื่อไทยยอมรับปฏิทินสุริยคติตามแบบสากลแล้วก็ควรจะใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นปี เพื่อความสะดวกในการติดต่อกับประเทศต่างๆ

    จึงกำหนดให้ถือเอาวันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็นต้นมา เป็นผลให้ปี พ.ศ.2483 ขาดไป 3 เดือน และให้ถือเป็นจารีตประเพณีของชาติ ให้ทางราชการ บริษัท ห้างร้านทั่วไป หยุดงานที่เคยทำประจำ 2 วัน คือ วันที่ 31 ธันวาคม วันสิ้นปีเก่า และ วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่

    ธรรมเนียมไทยแต่เดิมมา ก่อนวันขึ้นปีใหม่ ชาวบ้านจะปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาดทั่วบริเวณ และตกแต่งบ้านเรือนให้สวยงามตามกำลังความสามารถ ในวันขึ้นปีใหม่ นอกจากทำบุญตักบาตรหรือทำกุศลอื่นๆ ตามอัธยาศัยแล้ว ผู้น้อยนิยมไปรดน้ำผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือ เพื่อขอศีลขอพรท่านให้เกิดความเป็นสวัสดิมงคลแก่ตนเองสืบไป <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ประเพณีใหม่ที่เข้ามาสู่คนไทยในโอกาสนี้คือ การส่งบัตรอวยพรระหว่างเพื่อนฝูง ญาติมิตรที่สนิทสนมกัน เป็นการแสดงออกแห่งไมตรีจิตระหว่างกัน นับเป็นการประยุกต์นำวัฒนธรรมอื่นที่เหมาะสมมาใช้ในสังคมไทย ถือเป็นความเจริญทางวัฒนธรรมได้ประการหนึ่ง

    การอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ นิยมปฏิบัติกันแพร่หลาย ด้วยการใช้บัตรอวยพร หรือ นิยมใช้สิ่งของ นำไปมอบให้ผู้ที่เคารพนับถือ ตลอดจนญาติสนิทมิตรสหายรวมทั้งผู้บังคับบัญชาในที่ทำงานเป็นเครื่องแสดงถึงการระลึกถึงคุณความดีและไมตรีจิตมิตรภาพ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

    การอวยพรผู้ใหญ่ เรานิยมอวยพรกันในวันที่ 1 มกราคม ถ้าเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักมาก เช่น บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่รวมทั้งผู้บังคับบัญชาระดับสูง นิยมไปอวยพรในตอนเช้า

    การมอบของขวัญแบบไทยซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าจะส่งเสริม คือ

    1.กระเช้าดอกไม้หรือแจกันดอกไม้สดที่สามารถปลูกได้ในเมืองไทยหรืออาจเป็นดอกไม้ประดิษฐ์จากกลุ่มแม่บ้านต่างๆ

    2.กระเช้าเครื่องกระป๋องซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากโครงการในพระราชดำริ หรือผลิตภัณฑ์ในโครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล

    3.กระเช้าหรือถาดหรือตะกร้าผลไม้สดซึ่งเป็นผลไม้ไทย

    4.กล่องหรือภาชนะหรือตะกร้าจักสานบรรจุผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้หรือขนมแห้ง ผลไม้กวนหรือขนมหวานแบบไทย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    5.ประเภทเครื่องแต่งกาย อาจเป็นผ้าชิ้น โดยเฉพาะผ้าทอมือกำลังเป็นที่นิยม หรือเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ตัดเย็บจากผ้าทอมือของไทยแล้วแต่กรณี

    ของขวัญต่างๆ ควรจัดให้สวยงาม ด้วยการผูกโบว์สีสวยงามให้น่าดู ถ้าเป็นสิ่งของที่ต้องใส่กล่องควรหากระดาษห่อที่มีลวดลายสุภาพไม่ฉูดฉาดบาดตา และห่อด้วยความประณีต ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์หัตถกรรมประเภทกระดาษสา กระดาษจากใยต้นกล้วย และกล่องที่ทำจากกระดาษดังกล่าวแล้วของไทยได้รับการพัฒนาคุณภาพและความสวยงามประกอบกับราคาไม่แพง จึงน่าจะสนับสนุนนำมาใช้ในวาระปีใหม่

    สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องแสดงถึงรสนิยมของผู้ให้ รวมทั้งแสดงถึงการคารวะที่ผู้ให้มีต่อผู้รับและยังจะสร้างความประทับใจในการมีส่วนร่วมกันสนับสนุนสินค้าไทย

    การเลือกของขวัญ และบัตรอวยพร หรือบัตรส่งความสุข ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับผู้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ใหญ่ที่มีอาวุโส ควรเลือกด้วยความพิถีพิถัน บัตรอวยพรหรือบัตรส่งความสุขควรเลือกที่เป็นภาพสวยงามแบบเรียบสีสุภาพ และเพื่อร่วมสนับสนุนกองทุนศิลปินแห่งชาติ ประชาชนสามารถซื้อบัตรอวยพร และผลิตภัณฑ์สินค้าที่ระลึกผลงานศิลปินแห่งชาติในรูปแบบต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความสวยงามและคุณค่าของความเป็นไทย เพื่อใช้เป็นของขวัญอวยพรวันปีใหม่แบบต่างๆ ณ ที่ทำการสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ในวันและเวลาราชการ



    สำหรับการเลือกคำอวยพร ก็ควรใช้ถ้อยคำที่เหมาะสม เช่น

    เนื่องในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย

    และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก

    จงบันดาลให้ท่านและครอบครัว (หรือตำแหน่ง)

    ประสบด้วยจตุรพิธพรชัยตลอดไป

    กราบอวยพรด้วยความเคารพ (อย่างสูง)

    ลงชื่อ....................



    การมอบของขวัญควรทำด้วยความเคารพนอบน้อมพร้อมทั้งกล่าวอวยพรดังข้อความข้างต้น ตามธรรมดาญาติผู้ใหญ่เป็นผู้ให้พรแก่ลูกหลานหรือผู้อาวุโสน้อยกว่า เมื่อลูกหลานจะอวยพรญาติผู้ใหญ่ที่เคารพจำเป็นต้องขออนุญาตคุณพระศรีรัตนตรัยดังกล่าวข้างต้นมาอวยพรแทน

    ซึ่งเป็นประเพณีของคนไทยมาแต่โบราณ เมื่อลูกหลาน หรือผู้อ่อนอาวุโสกล่าวคำอวยพรและมอบของขวัญแล้ว ผู้ใหญ่จะให้พรตอบ และมอบของขวัญที่เตรียมไว้เพื่อเป็นการตอบแทนที่เขาเหล่านั้นได้สละเวลามีค่ามาอวยพร เมื่อการอวยพรดำเนินไปเรียบร้อยแล้ว อาจใช้เวลาสำหรับพูดคุยกันตามความสนิทสนมคุ้นเคย

    ในกรณีที่มีผู้ไปอวยพรกันอย่างคับคั่ง ผู้ไปร่วมอวยพรมิควรใช้เวลาพูดคุยนานเกินไป ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้าน หรือผู้อวยพรต่อไปใช้เวลาตามสมควร

    นอกจากการมอบของขวัญแล้ว ในวันขึ้นปีใหม่ เราสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ อาทิ ทำบุญตักบาตร ทำความสะอาดอาคารสถานที่ โรงเรียน วัด สถานที่ทำงาน เครื่องนุ่งห่ม เพื่อต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ ทำบุญทำทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา เป็นต้น

    เพื่อเริ่มต้นสิ่งดีๆ ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

    -----------
    [​IMG]
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB5T0E9PQ==
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    ✿:นับถอยหลังปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่:

    คอลัมน์ รายงานพิเศษ

    พระมหาสมัย จินตโฆสโก เลขานุการมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ กทม.



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>บัดนี้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็มาถึงแล้ว จึงเป็นช่วงที่ผู้คนต่างออกมาเฉลิมฉลองกัน บางท่านออกไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บางท่านอยู่ในครอบครัวอย่างสงบ บางท่านเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ บางท่านหันหน้าเข้าหาความสงบของชีวิตด้วยการเข้าวัดถือศีลปฏิบัติธรรม บางท่านไม่อยากทำอะไรเลยเพราะเคยได้รับผลกระทบจากปัญหาพิษเศรษฐกิจ

    การเมืองและสังคมที่ผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ จึงมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวัง หมดกำลังใจ จึงอยากให้ปีเก่าที่กำลังจะผ่านไปนี้ได้ผ่านไปโดยเร็ว ให้ความโชคร้ายได้ผ่านไปเสียทีจะได้เริ่มต้นชีวิตและอนาคตใหม่ เริ่มต้นสิ่งที่ดีและใหม่ในปีใหม่เป็นต้นไป

    ปีเก่าที่กำลังจะจากไปนี้เป็นปีที่มีทั้งความสุขและความทุกข์ที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน บางคนประสบเคราะห์กรรมที่ลำบากแสนสาหัส ได้เกิดความล้มเหลวในชีวิตของครอบครัว ในหน้าที่การงาน ในการดำรงชีวิตจนแทบจะเอาตัวไม่รอด สมาชิกในครอบครัวได้สูญเสียชีวิตหรือพิการด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ครอบครัวแตกแยก สมาชิกในครอบครัวไปก่อปัญหาให้กับสังคม สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงศ์ตระกูล มีคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นว่าเล่นจนไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่การงาน

    ส่วนงานที่ทำอยู่ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย กิจการไปไม่รอด ขาดสภาพคล่องในธุรกิจ กลายเป็นคนตกงาน ไร้อาชีพ ไร้อนาคต เป็นปีที่สุขภาพจิตสุขภาพกายย่ำแย่จริงๆ จึงอยากให้ปีเก่าที่กำลังจะผ่านไปนี้ได้ผ่านไปเสียที จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่และความหวังใหม่ให้กับชีวิตเสียบ้าง แต่บางคนกลับมีความสุขกับปีเก่าที่กำลังจะผ่านไป เป็นปีที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ในหน้าที่การงาน ในครอบครัว ในสุขภาพอนามัย อาชีพที่ทำอยู่มีความเจริญก้าวหน้า ครอบครัวที่อยู่ในขณะนี้ก็มีความสุข มีความรักความอบอุ่นในครอบครัว สมาชิกในครอบครัวก็มีการศึกษา เป็นคนดี ไม่เกิดปัญหาขึ้นมาในครอบครัว ทุกคนมีความสุข จึงอยากจะให้ปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้จงเป็นปีแห่งความสุขและความสมหวังดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

    ทุกข์กับสุขเป็นของคู่กัน คนเราเกิดขึ้นมาแล้วย่อมประสบทั้งสิ่งที่พึงปรารถนาและไม่พึงปรารถนาด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่พึ่งปรารถนานับตั้งแต่ลาภ ได้ยศ ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ได้รับความสุข ทางธรรมะเรียกว่า "อิฎฐารมณ์" คืออารมณ์ที่พึงปรารถนา ส่วนสิ่งที่ไม่พึงปรารถนานับตั้งแต่เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกติฉินนินทาถูกใส่ร้าย มีทุกข์ เหล่านี้ทางธรรมะจึงเรียกว่า "อนิฎฐารมณ์" คืออารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา ทั้งแปดประการนี้ย่อมเกิดขึ้นกับทุกคน แต่จะมีเพียงว่าใครได้ประสบมากน้อยแตกต่างกันเท่านั้น คนที่เข้าใจและมีธรรมะฉุดรั้งไว้ก็จะทุกข์น้อย คนที่ไม่เข้าใจและไม่มีธรรมะฉุดรั้งไว้เลยก็จะทุกข์มาก ถ้าเรารู้และเข้าใจโดยมีธรรมะอีกข้อหนึ่งคือ "อุเบกขา" แปลว่าความวางเฉย เข้ามาครองใจไว้แล้วก็จะสามารถลดทุกข์ได้อย่างมาก แต่ถ้าใครก็ตามไม่รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อได้รับสิ่งที่พึงพอใจก็กลายเป็นคนมีความสุขชนิดแสดงออกเต็มที่ โดยมิได้คำนึงถึงวันที่จะมีทุกข์บ้างแล้ว เมื่อประสบเคราะห์กรรมขึ้นมาก็เกิดท้อแท้ต่อสิ่งที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับชีวิตจนบางรายต้องแพ้สลายไปกับเหตุการณ์ร้ายๆ นั้นไปก็มี

    ดังนั้นการเข้าใจในธรรมชาติของความเป็นจริงของมนุษย์แล้วมีธรรมะครองใจไว้บ้าง มีความสุขก็จะเป็นสุขที่พอดีพองาม มีความทุกข์ก็จะพอบรรเทามิให้ตกต่ำไปกับเหตุการณ์นั้นๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งปวงในชีวิตไม่ว่าได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้รับการสรรเสริญ ถูกติฉินนินทา มีความสุข ได้รับความทุกข์ เหล่านี้เป็น "โลกธรรมแปดประการ" คือธรรมะที่เกิดขึ้นมาอยู่กับโลก เราจะไม่ตกไปตามกระแสของเหตุการณ์นั้นได้โดยจะต้องมีธรรมะคือ "อุเบกขา" คือความวางเฉยมาเป็นอาภรณ์ประดับใจ แล้วชีวิตของเราจะเป็นสุข มีทุกข์น้อย

    คนเราเกิดขึ้นมาทุกคนต้องการความสุข เกลียดความทุกข์ คนที่ได้รับความสุขหรือความทุกข์ล้วนเกิดขึ้นที่ใจทั้งนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุมีปัจจัย คนที่มีกิเลสคือสิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองนับตั้งแต่มีโลภ มีโกรธ มีหลงมากก็ย่อมกระทำกรรมที่ชั่วมากขึ้น ผลที่ได้รับคือทุกข์มาก แต่คนที่มีกิเลสน้อย ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงแล้ว โอกาสที่จะกระทำกรรมชั่วก็มีน้อย โอกาสที่จะกระทำกรรมดีก็มีมาก เมื่อได้ทำความดีมาก คุณงามความดีก็เกิดขึ้นแก่ตน บุญกุศลก็พอกพูนมากขึ้น ผลก็ย่อมก่อให้เกิดความสุขในชีวิต ดังนั้นมนุษย์เราจะเป็นเช่นใดก็อยู่ที่ "กรรม คือ การกระทำ" ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ไม่มีใครสามารถพลิกดีให้เป็นชั่วได้และไม่มีใครสามารถพลิกชั่วให้เป็นดีได้เช่นเดียวกัน

    การดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราต่างล้วนพึ่งพาอาศัยกัน ทุกคนต้องทำหน้าที่เพราะหน้าที่ของแต่ละคนย่อมมีผลดีต่อกันกลายเป็นลูกโซ่ ทุกหน้าที่ ทุกอาชีพล้วนมีความสำคัญถึงแม้ว่าบางอาชีพจะไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรีหรือที่เรียกว่าต่ำต้อย ก็ตาม หน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวก็คือขยันทำมาหาเลี้ยงครอบครัว ดูแลรับผิดชอบให้ครอบครัวมีความสุข ให้สมาชิกในครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขและมีอนาคต หัวหน้างานก็มีหน้าที่ดูแลลูกน้องผู้ร่วมงาน บริหารจัดการให้เป็นไปด้วยดี มีความเป็นผู้ปกครองที่ดี ไม่หน้างอ ไม่รอนาน ไม่งานมาก ไม่ปากเสีย ไม่เมียคุม ไม่กลุ้มหนี้ ไม่ขี้ยา ไม่อารมณ์ร้อน จงเป็นหัวหน้าที่มีความซื่อสัตย์และเที่ยงตรงเป็นที่ตั้ง รักและเอาใจใส่กับผู้ร่วมงานทุกคน เมื่อคนร่วมงานบกพร่องก็ขอให้ชี้แนะด้วยความจริงใจ ให้กำลังใจ ให้เอาทั้งพระเดชและพระคุณเข้ามาใช้ อย่าเอาแต่พระเดชเพียงอย่างเดียว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บางครั้งพระเดชก็ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ไม่ถูกกับกาลเวลาและบุคคล คนทำได้ดีขอให้ยกย่องชมเชยให้กำลังใจหรือจะมีของขวัญมอบให้ในโอกาสขึ้นปีใหม่ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ดี ส่วนคนที่ทำยังไม่ได้คุณภาพก็ขอให้เปิดโอกาสแก่เขา วันข้างหน้าอาจจะดีกว่าวันนี้ถ้าเรายังให้โอกาสที่ดีแก่เขา แต่อย่าไปทับถมหรือใส่ร้าย เพราะไม่มีลูกน้องหรือคนร่วมงานคนใดที่ต้องการให้ หัวหน้าหรือเจ้านาย "ใส่ร้าย" เมื่อเขาทำไม่ได้ดีเต็มที่ ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า "คนเรามีความสามารถไม่เท่ากัน"

    สังคมเราในขณะนี้ต้องการ "ตัวอย่างที่ดี" อย่างมาก สังคมเราเคยมีตัวอย่างที่ดีแต่ไม่ดีจริงๆ กาลเวลาช่วงหนึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นคนดีมีศีลธรรม มีความรู้ความสามารถ สมควรเอาเป็นตัวอย่างได้ แต่ผ่านไปไม่นานพฤติกรรมที่เราเคยเชื่อว่าดีกลับกลายเปลี่ยนไป คิดก็ไม่ดี พูดก็ไม่ดี ทำก็ไม่ดี มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ต่อต้านสังคมสร้างความเสียหายให้กับสังคมและชาติบ้านเมือง ผู้คนที่อยู่ใกล้และอยู่รอบข้างต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า จากสัญลักษณ์ของความเป็นคนดีกลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็น "คนเลว" ไปเสีย นี่เรียกว่าไม่ดีจริง ไม่ดีอย่างอมตะ กลายเป็นคนชนิดปอกลอก คนเช่นนี้สังคมไทยไม่ควรยึดเอาเป็นตัวอย่าง เพราะมีแต่จะพาให้เราเดือดร้อนเสื่อมเสียและหายนะในวันข้างหน้า

    ตัวอย่างที่ดีย่อมเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ปัจจุบันก็ยังรักษาความดีที่ตนเองมีอยู่เสมอต้นเสมอปลายประดุจเกลือรักษาความเค็ม วันข้างหน้าก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อไป คนเช่นนี้สมควรที่อนุชนรุ่นหลังควรยึดเอาเป็นแบบอย่างที่ดี เพราะบุคคลเช่นนั้นกลายเป็น "คนดีโดยสายเลือด" จึงขอวิงวอนให้ผู้ใหญ่ในสังคมและชาติบ้านเมืองรวมถึงผู้บริหาร ผู้ปกครอง ผู้นำในสังคม ผู้นำในที่ทำงาน ผู้นำในครอบครัว ผู้นำในสถานศึกษา ผู้นำในองค์กรจงประพฤติตนให้เป็น "ตัวอย่างที่ดี" เสียตั้งแต่วันนี้เถิด จงเป็นคนดีและตัวอย่างที่ดีเสมอต้นเสมอปลายเหมือนกับเกลือที่มีความเค็มในตัวตลอดไป ปีใหม่สิ่งที่ดีและใหม่ก็จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยเรา คนไทยเรา ครอบครัวไทยเราและองค์กรของเรา

    ส่งท้ายปีเก่าของจงมีสติและใช้ปัญญาอยู่เสมอ อย่าฉลองปีใหม่ด้วยความประมาท มีความสุขวันนี้ก็ให้คิดเหลือไว้สำหรับวันพรุ่งนี้บ้าง มีความสุขก็ขอให้พอประมาณอย่าให้เกินความเหมาะสม เพราะอาจจะกลายเป็นทุกข์ไปเสีย มีโอกาสขอให้แบ่งปันหรือคิดถึงคนที่อยู่ข้างเคียงบ้าง ไม่ว่าเพื่อนบ้าน คนในหมู่บ้าน ในชุมชน ในท้องถิ่น ขอให้แบ่งความสุขให้กับพวกเขาบ้าง ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่าทุกคนล้วนต้องการความสุข

    เมื่อเรามีความสุขก็ให้แบ่งปันความสุขนี้เพื่อเขาบ้าง อย่าได้มองข้ามว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือแม้แต่เด็ก คนชรา คนพิการ ผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ตามสถานสงเคราะห์ต่างๆ ก็ยังการความสุข ต้องการความรักความอบอุ่นและการเหลียวแลจากผู้คนในสังคม ปีใหม่ก็ขอให้นำสิ่งที่ดีและใหม่ๆ ให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมบ้าง แบ่งความสุขให้กับผู้คนในสังคมให้ทั่วถึง ปีเก่าที่กำลังจะผ่านไปและปีใหม่ที่กำลังจะย่างเข้ามาก็จะมีความหมายและมีคุณค่าต่อมวลมนุษย์ในโลกนี้

    ปีเก่าขอจงเป็นปีที่สลัดไปเสีย ซึ่งความโชคร้ายของทุกคน ปีใหม่ขอจงเป็นปีใหม่แห่งความสุข ความสดใส ความสดชื่นของทุกคน ขอให้เราระลึกอยู่เสมอว่าในชีวิตนี้มีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ก็ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ขอให้ตั้งใจทำแต่กรรมดี ขอให้คิดดี พูดดี ทำดีให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สมาชิกในครอบครัว แก่ชุมชน แก่หมู่บ้าน แก่ท้องถิ่น แก่ที่ทำงาน แก่องค์กร แก่สังคม

    ขณะนี้สังคมเรายังต้องการ "ตัวอย่างที่ดี" อยู่อีกมาก คนที่ทำกรรมดีก็ย่อมได้รับผลดี คนที่ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับผลชั่ว หรือได้รับความเดือดร้อน การสะสมความดีขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำวันละเล็กวันละน้อยก็จะกลายเป็นพฤติกรรมที่ดี ในที่สุดก็จะกลายเป็น "สันดานที่ดี" คนที่เคยเป็นคนดีก็ขอให้ดีเสมอไปเปรียบเสมือน "เกลือรักษาความเค็ม"

    ปีเก่าขอให้ความคิดที่ไม่ดีเก่าๆ การพูดที่ไม่ดีเก่าๆ การกระทำที่ไม่ดีเก่าๆ จงทิ้งไว้กับปีเก่า ปีใหม่ขอให้ความคิดที่ดีใหม่ๆ การพูดที่ดีใหม่ๆ การกระทำที่ดีใหม่ๆ จงเกิดขึ้นกับทุกคนทุกท่านด้วยกันทุกคนเถิด

    แล้วความสุข ความสดชื่น ความสมหวังใหม่ๆ จะเกิดขึ้นกับตัวเรา

    ตั้งแต่ปีใหม่นี้เป็นต้นไป


    -----------
    [​IMG]
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB5T0E9PQ==
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2008
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047

แชร์หน้านี้

Loading...