★ ปี พ.ศ.2700 จะมีพระเจ้าธรรมิกราช พร้อมด้วยพระอรหันต์มาบูรณะวัดนี้(วัดจันทาราม(ท่าซุง))

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย plaspirit, 13 กันยายน 2016.

  1. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    [​IMG]

    หลวงพ่อไปช่วย ๕ ทหารเสือ สมัยสงครามโลกที่๒
    (๑. ฮิตเลอร์ ๒. มุสโสลินี ๓. เกอร์ริ่ง ๔. เปแตงค์ ๕.เชอร์ชิล)


    (จากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม๔)
    ตาม ที่ลงบันทึกการเดินทางของท่านแล้วจะเห็นว่าหลวงพ่อต้องฝืนทนสังขารไปโปรดลูก หลานถึงเมืองนอกเพราะเวลาก็ต่างกัน จึงทำให้ท่านต้องป่วยหนักทุกครั้งหลังจากที่ท่านกลับมาจากอเมริกาแล้ว ในปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๑๑พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ได้เดินทางไปยุโรปอีกเพราะมีภารกิจที่สำคัญ ณ ประเทศเยอรมัน

    ท่านกลับมาแล้วจึงได้ เล่าเรื่องที่ไปช่วย ๕ทหารเสือให้พ้นจากขุมนรก โดยการสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก ๑ องค์ แล้วก็หน้าตัก๒๐ นิ้วอีก ๓ องค์ บวชเณร ๑ องค์ บวชพระ ๑ องค์ สังฆทาน ๑ ชุด เจริญกรรมฐาน ๗ วันหลวงพ่อได้เล่ากล่าวต่อไปอีกว่า......

    "ทำ บุญให้เค้าน่ะคือว่ารับมาจะทำบุญให้ คือว่ามันเป็นวันพ้นพอดี ไม่ใช่ว่าว่าใครจะไปช่วยกันให้ขึ้นมาจากขุมนรกน่ะ มันช่วยไม่ได้ ใช่ไหม? ก็นรกที่เขาลงมันก็ไม่ลึกแค่อเวจี เท่านั้น ไม่ลึกกว่านั้นอีกน่ะ ถ้าลึกจริงๆเราก็มองไม่เห็น นี่มันไม่ลึกมากก็มองเห็น

    แต่ ไม่ใช่ฉันนะก่อนจะไปต่างประเทศความนี้มันมีเหตุมีเรื่องแปลกนี่ฉันก็จะไปไม่ ไหวแล้วแต่พระท่านให้ไปและท่านก็ไม่บอกเหตุ ไม่บอกผลนี่เราเจริญกรรมฐานฉันพูดได้ ถามท่านว่า ถ้าไปร่างกายไม่ดีแล้วจะเป็นยังไงท่านบอกว่าไม่เป็นไร จะเป็นทางท้องนิดหน่อยไม่มากนัก จะมีการล้างท้องสักครั้งหนึ่งให้นำเกลือสักครั้งหนึ่งก็หมดกัน เท่านั้นระหว่างเดินทางฉันก็เลยลอง....!

    แล้ว ไปคราวนี้มันเครียดต้องทรมานกายเหนื่อยทุกวันคิดว่ามันจะทนไหวไหม คือจะไปลองทนตามที่พระท่านพูด มันก็ไหวก็ตรงตามท่านว่า พอไปถึงอิตาลี ไม่เห็นใครเลย เห็นก็แต่ผีอื่น ผีที่เราต้องการไม่เห็น อยากจะรู้ มุสโสลินีอยู่ไหน...ไม่เห็น พอเข้าเขตสวิตเซอร์แลนด์จึงรู้ที่มาของคน ๒ -๓ คน

    ๑. ฮิตเลอร์ ๒. มุสโสลินี ๓. เกอร์ริ่งนาย เกอร์ริ่งน่ะคู่หูเขา แต่ฉันไม่ดูเอง เวลานอนฉันก็ไปหาพระตามปกติฉันเป็นอย่างนั้นนะ หัวถึงหมอนปั๊บก็ถึงพระแล้ว เพราะอยู่กับพระ...เราคุยสนุก คุยสบายใจกว่า แล้วก่อนจะไปท่านก็บอกว่า ถ้าต้องการรู้อะไรให้ถามได้ท่านสองคนคือพระอินทร์ กับ ท่านสหัมบดีพรหม

    [​IMG]

    ฉัน ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลยถ้าถามสององค์ ถามองค์หนึ่งก็เป็นหัวหน้าเทวดาทั้งหมดเป็นเทวราชาอีกองค์หนึ่งก็เป็นหัว หน้าพรหม...ใหญ่ที่สุด พอไปถึงสวิตเซอร์แลนด์ก็ไปนอนๆพอจิตสบายน่ะ... ไม่ได้ดูอะไรนะ ไอ้เรื่องดูนี่ขี้เกียจดูจิตมันเต็มกำลังมันก็หลุดพั๊วะ... ไปโน่น... ไปหาพระ... ไปเอง... ไม่ต้องสั่ง...พอไปถึงท่าน

    ท่าน ก็เลยถามว่าต้องการรู้ที่อยู่ของคนสองคนใช่ไหม ก็บอกว่าใช่ท่านบอกว่า... ถามโยมสิ โยมแกทั้งสองโยมน่ะ... เขารู้ พอดีโยมท่านก็ไปถึงพอดีแล้วถามท่าน ท่านก็บอกสองคนเวลานี้ลงอเวจีทั้งคู่เราก็สบายใจเพราะคนที่อยู่อเวจีได้ต้อง ใหญ่จริงๆ ไม่ใหญ่มันอยู่ไม่ได้.. ใช่ไหมคุณบาปไม่ใหญ่มันลงไม่ได้นะ

    พอท่านบอก ๒ คนอยู่อเวจีก็หมดทางที่พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ถามสองคนนี้เป็นความจริง อำนาจของเราหมดเราสามารถจะช่วยได้ แต่ช่วยได้ยาก แค่ปรทัตตูปชีวีเปรตเปรตอีก ๑๒จำพวกเราก็ช่วยไม่ได้ อสุรกายเราก็ช่วยไม่ได้สัตว์นรก ๘ขุมช่วยไม่ได้เลย

    ที นี้อยู่ขุม ๘ ก็หมดทาง... ใช่ไหม ถามบอกหมดทางท่านถามอยากจะช่วยไหม บอกไอ้อยากช่วยน่ะ อยากช่วยมานานไม่ว่าใคร หมดน่ะแต่ว่าในเมื่ออยู่ในขุมนี้ก็หมดทาง ท่านบอกไม่เป็นไร ท่านถามถึงความรู้สึกบอกผมมีอุเบกขา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนมีกรรมคือมีอกุศลกรรมหนักต้องลงนรกเป็นเรื่อง ธรรมดาเราก็ไม่หนักใจ

    ท่านบอกว่าช่วยได้ แต่ไม่ใช่คุณ ต้องสององค์นี้จึงช่วยได้พระอินทร์ กับพระสหัมบดีพรหมก็ เลยเริ่มทัวร์ทัวร์อันดับสองใช่ไหม ทัวร์จากนิพพานลงวไปอเวจี... ไปด้วยกันไหม... (หัวเราะ)เห็นหน้าอยู่คนพอไปได้ คนนี้ก็ไปได้นะ แต่ห้ามอยู่นะ(หัวเราะ) ไม่มีสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์..ก็ไปได้น่ะ

    ถึงเวลาพอดี
    ทีนี้ก็เลยทัวร์ซ้อนทัวร์จากนิพพานไปอเวจี พอถึงอเวจีก็มีเจ้าของถิ่น ๒ ท่าน คือพระยายม กับนายบัญชีใหญ่ไปถึง ท่ากน็ถึงทันทีเหมือนกัน พอหันมา "นายบัญชีใหญ่"เปิด บัญชีและบัญชีท่านไม่พลิกอย่างเราเล่มหนาขนาดนั้นเนี้ย เปิดปั๊บถึงพอดี แกล้งเปิดหรือไงไม่รู้ พอเปิดปั๊บ...หมดสิ้นวัน... วันนี้ครับ เขาหมดเขต แน่ะ...เป็นวันพอดีมิน่า...พระถึงได้เข็น...!

    ฉัน ปฏิเสธหลายครั้ง การไปยุโรปนี่ฉันบอกมันไปไม่ไหวนะ ขอท่าน...บอกขอไม่ไป ท่านไม่ตกลง...บอกต้องไป พอเปิดบัญชีมาบอกหมดวันนี้ครับ...มีสิทธิ์ สององค์ท่านก็เรียกเอาขึ้นมา... ไม่ใช่ฉันนะเราน่ะหมดสิทธิ์แล้ว พระนะหมดแหงแก๋แล้ว...ยิ้มแหยแล้ว

    ท่าน ก็บอกนายนิริยบาล บอกเอาคนนี้ขึ้นมา เขาหมดเวลาแล้วก็เลยถามท่านว่า อเวจีนี้มันมีอายุ ๑ กัป แล้วพวกนี้ที่ลงไปยังไม่ถึง ๑วันนรกเลยแล้วขึ้นมาได้ยังไง ท่านบอกว่านรกมันมีอายุ ๑ กัปจริงแต่คนที่ตกลงมาในเขตนี้มีบุญถึงขั้นนี้ แต่ไม่เต็มกัปมันมีอยู่ ตัวอย่างพระนางมัลลิกาลงสัญชีพนรกแค่ ๗วันมนุษย์ใช่ไหม?

    โทษ เขาหนักถึงขั้นนั้นจริง แต่ว่าอายุเขาไม่ต้องอยู่นานเป็นอย่างนั้นต่างหากล่ะ... ใช่ไหม สารวัตรมีไหม? เรือนจำน่ะคนที่เขาเข้าเรือนจำไม่ต้องจำอยู่ตลอดชีวิตใช่ไหม... ไม่จำเป็น โทษน้อยมี โทษมากมีไม่ใช่กำลังฉันนะ อย่าลืม... ของ ๒ องค์ และเป็นวันที่หมดเกณฑ์ของเขาพอดีไม่ใช่ว่าไปดึงเขามาจากขุมนรก

    แต่ ว่าการหมดเกณฑ์ที่ขุมนั้นต้องลงนรกบริวารและก็เศษยังผ่าน ยมโลกียนรก อีกต่างหาก อันนี้ถือว่าขุมใหญ่มีความจำเป็นก็ลงแล้วก็ไปตัดจากปากขุมพอดี ถ้าไม่ตัดต้องล้อมไปแต่ว่าเขาบอกว่ามีสิทธิ์อีก ๒๐๐ปี ถึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้บางทีถ้าลงบริวารก็ลงแค่นิดเดียว

    ก็ เลยถามว่าต้องการอะไรบ้างตอนนั้นเขาขึ้นมาแล้ว... โปร่งแล้วนี่ ต้องการสังฆทานครับ บอก อือ ไม่เป็นไร..อะไรอีก? พระหน้าตัก ๒๐ นิ้ว ๓ องค์ นี่ไม่ได้ใบ้หวยนะ... อย่าเล่นนะมันกินหมด(หัวเราะ) บวชเณร ๑ องค์


    บอก เออ... แล้วก็ผลที่เธอได้...จะเป็นยังไง ผมก็เป็นเทวดาชั้น จาตุมหาราช ถามว่านักรบเป็นเทวดาได้ยังไงมันมีแต่รบอย่างเดียว เขาบอกว่า.. ผมไม่ได้มีแต่รบอย่างเดียวครับ บุญผมทำ เมตตาผมมีเอ้อ... เราก็เถียงไม่ได้เว้ย เลยถามว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกันแกไปเกิดประเทศไทยดีไหม แกบอก... แหลกเลยครับ...ผมฆ่าแหลกเลย...!!!

    ถ้า รูปนี้ก็ไม่เหลือ(หัวเราะ) ฮิตเลอร์เก่งจริงๆ ถามทำไมละ ขโมยขโจรไอ้พวกนี้... ผมฆ่าแหลกเลยนะก็เลยบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน งั้นแกไปเกิดประเทศไทยถ้าต้องการไปเกิดประเทศไทยมันจะต้องทำยังไงบ้าง ก็ต้องสร้างพระหน้าตัก ๔ ศอกและก็บวชพระให้ ๑ องค์ผมไปเกิดประเทศไทยได้ครับ

    ถามว่าแกไปเกิดแล้วแกจะช่วยวัดฉันได้ไหมบอกช่วยได้แน่นอนครับ ในแผ่นทองคำ ๒๐๐ ปีนั้น คือผมนะครับโอ้...มัน รู้เลย มันรู้ด้วย ถามแกว่าอ่านยังไงวะ บอกผมอยู่ในนรกผมอ่านออก แหม...ไอ้ตานรกมันอ่านยาว เพราะเหลือ ๒๐๐ ปีพอดีไง ๒๐๐ ปีมนุษย์

    เอ้อ...มหัศจรรย์... ถามแกเป็นอะไร... บอกผมเป็นตามตำแหน่งนั้นแหละ มุสโสลินี เป็นอำมาตย์พอเราตกลงช่วย อย่างนี้มันไม่ยาก ยังไม่ได้สั่งช่างทำนี่ ถาม มุสโสลินีบอกผมขอเท่ากันครับ ถามแกเป็นอะไร...? บอกผมก็เป็นอำมาตย์ ต่อมาผมก็บวชอยู่วัดนั้นถามแก "จบ" ไหม..? บอก "จบ" ครับ...!!!

    แน่ะ... อย่าทำเป็นเล่นไปนะสัตว์นรกนี่ มันต่ำสุดก็สูงสุดได้เหมือนกัน... ใช่ไหมคุณ... ทำเป็นเล่นไปนะลองๆก็ได้นะ

    [​IMG]

    ****"แผ่นทอง"หมายถึงคำพยากรณ์ที่หลวงพ่อบรรจุไว้ในหลุมพระอุโบสถ เมื่อวันตัดลูกนิมิต๒๔ เมษายน ๒๕๒๐บอกว่าอีก ๑๘๐ ปี จะมีพระเจ้าธรรมิกราช(คือท่าน ฮิตเลอร์)พร้อมด้วยพระอรหันต์(ท่านมุสโสลินี)มาบูรณะวัดนี้(วัดจันทาราม(ท่าซุง))

    แล้วก็ต่อมาอีกวันหนึ่งนึกถึงเกอร์ริ่งมันคู่กับมุสโสลินีคน นี้อยู่ที่ไหน ท่าน ๒องค์บอกอยู่นั่นไง... กระดูกแดงฉานน่ะ ไฟแดงเผาโชนหมดวันเหมือนกันก็ขนขึ้นมาอีกทำบุญเท่ากัน และต่อมาก็ถึงฮอลันดา กำลังออกจากฮอลันดาสิฮิตเลอร์บอกนึกถึงเปแตงค์อาจจะเป็นศัตรูก็ได้ไม่เป็นในตอนนั้นนะ... เพราะยอมแพ้นี่ บอกให้ช่วยเปแตงค์ด้วยครับถามเปแตงค์อยู่ที่ไหน บอกที่เดียวกันครับ บอกเออ...ฉันไม่มีสิทธิ์หรอก

    เลย บอกเอ็งไปบอกพ่อ ๒ องค์สิ ฉันไม่มีสิทธิ์ฉันรับทราบได้ แต่... ไม่มีสิทธิ์ในการช่วย เขาก็ไปบอก ๒ ท่าน ไปบอก นายบัญชีโผล่มาอีกเหมือนกันกับพระยายม หมดวัน... รู้สึกวันพอดี แต่ว่านายนี่พอขึ้นมาแล้วถามต้องการอะไรบ้าง?

    บอก ต้องการสังฆทานอย่างเดียวครับบอกแกเอาเท่าเขาแล้ววะ... ไม่อย่างนั้นใช้ยาก(หัวเราะ) หนอยแน่ มันเล่นขี้เกียจน่ะเลยเหมาเสร็จให้เท่ากัน แล้วก็ต่อมาพอข้ามมาถึงอังกฤษ นายเปแตงค์ก็เป็นห่วงเชอร์ชิลไอ้เจ้านี่... รู้สึกลำบากนิดหนึ่งทั้งสองท่านมา... บอกฉันจะลองดู กระดูกแดงเหมือนกันที่เดียวกันแหละ...คนนี้มีบุญ...!

    แหม... ไม่มีสนิมเลยคุณ เผาแดงช๊าดเลย สนิมเกาะไม่ได้ทั้งสองท่านไป... ไปขออนุญาตนายบัญชี มาถึงเปิดบัญชีปั๊บ... ขาด ๓ วันครับ ต้องอีก๓ วัน วันที่ ๓๐ - ๓๑ - ๓๒ เปล่า ๓๐ ขึ้น ๑ - ๒ ต้องวันที่ ๒ถึงรับโมทนาได้

    พอ ขาด ๓ วันทั้งสองท่านบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกันฉันให้เป็นสัมภเวสี ๓ วัน อ้อ... เค้าเรียกมีทางแก้...! ถ้าอย่างเราแหงแก๋...ดูเฉยๆ แล้วหมดสิทธิ์ ใช่ไหม เขาก็เลยให้ ให้เป็นสัมภเวสี ๓ วัน แล้วต่อนั้นมาก็เลยถามพระท่านว่า การมานี่มีกิจเท่านี้หรือครับ ท่านบอกใช่

    ก็ บอกว่าถ้าบอกผมสักหน่อยเดียว ผมไม่มาหรอก(หัวเราะ) ท่านไม่บอกเลยนะ บอกแต่ให้ไปๆฉันยืนยันว่าไปได้ ไม่เป็นไรๆ เป็นบ้าง... เป็นทางท้องนิดหน่อยต้องล้างท้องหนึ่งครั้ง ให้น้ำเกลือหนึ่งครั้ง ก็ตรงตามนั้นหมด บอก...ถ้ารู้อย่างนี้ผมก็ไม่ต้องไป...นอนวัดก็ช่วยได้

    ท่านบอก มันก็ไม่ได้เหมือนกันนะ คงจะมีอะไรสักอย่างถ้านอนวัดเราก็ห่วงงานมากกว่า ใช่ ... ห่วงงานของเรา เราก็เลยไม่ห่วงพวกนี้เวลานั้นนั่งรถไป เราก็รำคาญการนั่งรถ... ใช่ไหม เราก็ใช้กำลังใจรถจะถึงไหนก็ช่างหัวมัน เราธุระของเราไปเรื่อยเฉื่อย อย่างไปถึง เยอรมันนี่เราก็ดูซ่อนอะไรที่ไหนมั่งหว่า... (หัวเราะ)

    ดู ของที่ซ่อน โอ้...บานเจ้าเลย ความโง่ของฉัน เมื่อสมัยหลังสงครามครั้งที่ ๒ นี่จะโกหกให้ฟังนะใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจ บอกแล้วว่าโกหก เพราะไม่ได้ไปเห็นจริงนะ...แค่รู้ เพราะเค้าบอกว่าเยอรมันสร้างอาวุธ แล้วเก็บในเขา ฉันก็คิดว่าเก็บในถ้ำมันไม่ใช่อย่างนั้น เค้าสร้างถ้ำในเขา

    เพราะ ว่าออกจาก อิตาลี แต่ก่อนจะถึงสวิตเซอร์แลนด์ เรารู้สึกมันผ่านถ้ำไม่รู้เท่าไหรเลยใช่ไหม ภูเขา...ถนนเค้าไม่อ้อมเขา เขาทะลุถ้ำไปเลย... ยาวเหยียดๆ ขนาดตอนนั้น เขายังขนาดนี้ตอนก่อนเขาก็ทำใต้เขาให้เป็นถ้ำ ตามความหมายประสงค์ของเขา... แค่นี้เองนี่รวมความว่าฉันโง่แน่ ฉันไปนี่... ฉันฉลาดขึ้นมาหน่อย... หน่อยเดียวนะรู้ว่าเขาเจาะเขาได้สะดวกด้วย... ใช่ไหม ทีนี้มันก็มีปัญหาว่า ตามถนนรถยนต์ต่างๆน่ะมันมีอะไรอยู่ใต้ถนนบ้างหรือเปล่า นั่งไป เอ... นี่มันมีถนนสองชั้นเลยนี่หว่าจิ้งจกทัก(หัวเราะ) ห้ามพูดอันตราย ท่านบอก อันตราย... ไม่เป็นเรื่อง..." (จบบันทึกเพียงเท่านี้)


    ที่มา: http://palungjit.org/threads/อนาคตฮิตเลอร์กับประเทศไทย.347612/

    หาอ่านได้ในหนังสือครบรอบร้อยปีหลวงพ่อเล่มทอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2016
  2. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    ★ ฮิตเลอร์ ในมุมที่คุณไม่เคยรู้

    [​IMG]

    ฮิตเลอร์ ในมุมที่คุณไม่เคยรู้

    มีหนังหลายเรื่อง สารคดีนับไม่ถ้วน หนังสืออัตชีวประวัติ พูดถึงสิ่งต่างๆที่ชายผู้นี้กระทำเอาไว้ในแง่มุมของสงคราม ความโหดเหี้ยมที่ปฏิบัติต่อชาวยิวนับล้านคน ล้วนแล้วแต่ในแง่ลบ และทุกครั้งที่ผู้คนได้ยินชื่อนี้ก็อดที่จะสะดุ้งผวาไม่ได้ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม

    แต่สำหรับฉัน กลับมองทะลุลงไปในแววตากร้าวแกร่งสีสนิมเหล็กคู่นั้นแล้วเห็นไปถึงหัวใจ

    ต่อไปนี้คือเรื่องเล่าโกหก ฟังกันสนุกๆอย่าได้คิดมากเอาจริงเอาจริงอะไรกับผู้เขียน

    ฉันเกิดใน พ.ศ.2521 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงสามสิบกว่าปี นับถือพุทธศาสนา ชอบอ่านพุทธประวัติและศึกษาเรื่องราวต่างๆในพระไตรปิฎก หลังจากเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ในชีวิตของฉันจำได้ว่า ได้ฝันถึงเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งนั้น ฉันจำบรรยากาศในความฝันได้เป็นอย่างดี ในฝันภาวะตึงเครียดอบอวลไปทั่วทุกหัวระแหง ฉันมองเห็นทหารฝรั่งมากมายอยู่รอบๆ บางครั้งเป็นอาคาร บางครั้งก็เป็นค่าย แต่ทุกครั้งที่มีในฝันเหมือนๆกันก็คือ ผู้คนหดหู่เศร้าสร้อยและหวาดผวา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าเมื่อไร แต่ตัวฉันกลับสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย

    และทุกครั้งในฝัน ฉันจะพบกับฮิตเลอร์ ท่านผู้นำจอมเผด็จการที่ทุกคนหวาดกลัว แต่ในฝันนั้นฉันกลับไม่มีความหวาดกลัวเขาแม้แต่น้อย กลับยินดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ และรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักเป็นที่โปรดปรานของท่านผู้นำเผด็จการคนนี้เป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า ทหารทุกคนต้องเกรงใจฉัน

    ฉันฝันคล้ายๆกันนี้หลายครั้ง เว้นระยะห่างกันไป แต่ก็ไม่เคยได้เอะใจอะไรจนกระทั่ง ในงานทำบุญออกพรรษาที่วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ในปี 2549 ฉันได้พบปะพูดคุยกับพี่ๆที่ปรารถนาพุทธภูมิหลายท่าน ได้แลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ๆ และได้อธิษฐานก่อนทำบุญ ซึ่งในคำอธิษฐานนั้นมีตอนที่กล่าวว่า

    “ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดมาเป็นผู้มีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ” ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องอธิษฐานแบบนี้ จึงถามพี่ที่นั่งอยู่ด้วยกัน ท่านจึงกรุณาให้ความรู้ ที่ฉันฟังแล้วแทบหงายหลังตกเก้าอี้

    “ถ้าเราไม่อธิษฐานแบบนี้ เราก็อาจพลาดได้เหมือนกับพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีท่านช่วยขึ้นมาจากนรกน่ะ ชื่ออะไรนะ” พี่คนนั้นทำท่านึกอยู่ก็โพล่งออกมาว่า

    “ อ้อ ฮิตเลอร์ไง”

    “หา ฮิตเลอร์นี่นะ พระโพธิสัตว์” ฉันทวนคำแบบไม่เชื่อหูตัวเองสักเท่าใดนัก เป็นไปได้หรือ จอมเผด็จการที่เป็นผู้ร้ายในสายตาชาวโลก ฆ่าคนตายได้เป็นล้านๆ จะเป็นพระโพธิสัตว์ ให้ตายเถอะ! นี่ฉันก็ปรารถนาพระโพธิญาณ หมายจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเหมือนกัน แม้แต่มดก็ยังไม่อยากฆ่า นี่เป็นไปได้หรือคนที่ปรารถนาพระโพธิญาณ จะฆ่าคนได้มากมายขนาดนั้น

    “ท่านพลาดไปเกิดนอกศาสนาพุทธ เวลาทำบารมีก็ยิ่งใหญ่มาก เวลาพลาดก็พลาดมาก”

    นั่นเป็นคำอธิบายสั้นๆที่ทำให้ฉันต้องมาค้นหาคำตอบเอาเองในภายหลัง ว่าเหตุผลที่ผลักดันให้ท่านทำเช่นนั้น มีมากกว่าที่ทุกคนคิดและเข้าใจกันมากมายนัก


    ที่มา: บทความจาก Internet
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2016
  3. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    ฮิตเลอร์โดยหลวงพี่เล็ก

    [​IMG]

    ถาม : พุทธภูมิที่เข้าเขตปรมัตถ์ การเกิดเป็นหญิงจะมีหรือไม่ครับ

    ตอบ : ตั้งแต่อุปบารมีขั้นปลายส่วนมากจะเกิดเป็นผู้ชายตลอด แต่ถ้าเจ้าชู้มากก็เกิดเป็นผู้หญิงสักชาติสองชาติ เอาให้เข็ด จะได้รู้บ้างว่าเวลาเขาอกหักช้ำใจนั้นเป็นอย่างไร

    ถาม : พุทธภูมิเวลาลงนรกหรืออเวจี จะมีใครเหลียวแลไหมครับ ?
    ตอบ : มี..นายนิรยบาลจะคอยดูแลให้..!

    ถาม : ไม่มีใครคิดช่วยเหมือนฮิตเลอร์บ้างเลยหรือ ?
    ตอบ : จะไปช่วยอย่างไรเล่า ? หลวงพ่อไปช่วยท่านฮิตเลอร์ เพราะท่านหลุดจากอเวจีแล้ว ท่านออกจากอเวจีมาจะลงอุสสทนรก ช่วงระหว่างกลางนิดเดียวเท่านั้น ถ้าคนไม่รู้จังหวะก็ช่วยไม่ทัน แต่หลวงพ่อท่านลงไปดักตรงนั้น บอกว่าจะบวชพระ ให้โมทนาด้วย ท่านฮิตเลอร์ก็กลายเป็นเทวดา พ้นนรกไปเลย ช่วงนิดเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้รู้ระดับหลวงพ่อก็ดักไม่ทันหรอก

    แต่ที่หลวงพ่อท่านไปช่วยเพราะว่าถ้าท่านฮิตเลอร์ไม่หลุดขึ้นมา ก็ไม่ทันระยะเวลาที่จะต้องเกิด จึงจำเป็นที่จะต้องไปช่วยขึ้นมา ส่วนคนที่เหลือก็ต้องปล่อยวาง ตัวใครตัวมันต่อไป ดูอยู่ห่าง ๆ เอาใจช่วยอย่างห่วง ๆ ไม่รู้จะลงไปให้โดนเผาด้วยทำไม ?

    ที่มา: http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3589&page=5
     
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970
    [​IMG]






    บารมีหลวงปู่ดู่และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากคำบอกเล่าของหลวงปู่เดินหน อิเกสาโร

    เรื่องราวที่นำมาบอกเล่านี้ขอให้เข้าใจก่อนว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นราว ๓๐ – ๔๐ ปีก่อน สมัยนั้นท่านฤาษีลิงดำยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่เคารพดังเช่นทุกวันนี้ กลับกันท่านออกมาเทศเรื่องสมาธิในแนวติดฤทธิ์ คือ พูดเรื่องอภินิหารประหนึ่งเป็นของง่าย นิพพานใครก็ไปได้ง่ายจนน่าแปลกใจ ผู้คนในสมัยนั้นส่วนหนึ่งยังตำหนิคำสอนของท่านอยู่ไม่น้อยเลย สมัยนั้นครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานหลายรูปยังนึกติ หรือคิดอยากพบหลวงพ่อฤาษีเพื่อทดสอบภูมิธรรมของท่านก็ยังมี รวมถึงศิษย์หรือผู้เคารพพระป่าหลายท่านยังนึกติ เรียกว่ารู้สึกไม่เคารพหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า **ท่านอวดฤทธิ์** พาลคิดติท่านถึงขั้นว่าเกินเลยรุนแรงทีเดียว กล่าวกันจริง ๆ เวลานั้นผู้คนที่เชื่อท่านก็มีมาก แต่ผู้ที่ไม่เชื่อก็มีมากเช่นกัน เรื่องที่เล่านี้เป็นเรื่องเก่าขอให้เข้าใจก่อนดังนี้

    เมื่อราวสามสิบกว่าปีก่อนศิษย์หลวงปู่เดินหนกลุ่มหนึ่ง ศิษย์กลุ่มนี้ก่อนมาพบหลวงปู่เดินหน เคยเป็นศิษย์พระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น เป็นศิษย์พระอาจารย์ฝั้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ เคยเดินทางไปกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายนี้หลายรูปมี หลวงปู่ขาว, พระอาจารย์จวน, หลวงปู่ชอบ, หลวงปู่ดูลย์, หลวงปู่ชอบ ฯลฯ ท่านที่เป็นต้นเรื่องนี้ชื่อ คุณชลัย เรืองวิเศษ เป็นผู้คุ้นเคยกับพระป่าสายกรรมฐาน ครูบาอาจารย์ในสายนี้โดยมากเรียบร้อยการเทศน์ไม่โลดโผน ต่อเมื่อมาได้ยิงเรื่องราวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านจึงไม่เลื่อมใสหรือให้ความสนใจด้วยไม่ถูกจริต แต่เพื่อนฝูงในที่ทำงานที่เดียวกันกับคุณชลัยเขานับถือ มักเล่าเรื่องของหลวงพ่อฤาษีลิงดำให้ฟังต่าง ๆ ชมว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้

    โดยเล่าว่าเมื่อสตรีมีครรภ์เข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วหากลูกในท้องเป็นชาย ยันต์นี้จะติดกะโหลกศีรษะเด็กนั้นออกจากท้องแม่มาเห็นชัดเจน เล่าอภินิหารมากมายทั้งยังนำเทปบันทึกเสียงเทศน์ และหนังสือของหลวงพ่อฤาษีมาฝากให้ศึกษา แต่คุณชลัยไม่ได้สนใจเชื่อถือแต่อย่างใด เพราะยิ่งฟังเรื่องที่ท่านเทศน์ยิ่งไม่อยากสนใจ เพราะท่านเทศน์แต่เรื่องเห็นเทพเทวดา คุยกับเทวดา เห็นพระพุทธเจ้า ไปแดนนิพพาน ไปแดนสวรรค์ ดูเกินจริงไม่นับถือเลย เพื่อนผู้นี้ยังนำพระเครื่องของหลวงพ่อฤาษีมามอบให้หลายองค์ รวมถึงพระบูชาของหลวงพ่อปานแบบพระแก้วใส ซึ่งปลุกเสกโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ คุณชลัยเมื่อได้รับพระมาก็นำไปวางไว้ที่ภายในห้องทำงาน ไม่สนใจนำกลับบ้านไปบูชาแต่อย่างใด

    เรื่องราวขอท่านฤาษีลิงดำผ่านไปนานนับสิบปี คุณชลัยก็ไม่ได้สนใจลืมเลือนไปและไม่เคยสนใจไปกราบท่าน หรือสอบถามครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพถึงหลวงพ่อฤาษี เพราะความที่มีอคติในใจเลยไม่สนใจ จวบจนวันที่คุณชลัยเกษียณ อายุงาน ต้องย้ายของออกจากห้องทำงาน จึงได้ขนเอาพระที่อยู่ในที่ทำงานมาฝากไว้ที่อาศรมหลวงปู่เดินหน ถนนประชาชื่น ด้วยความที่ห้องพระที่บ้านพักของตนไม่มีที่วาง ต่อมาเมื่อหลวงปู่เดินหนท่านมาประทับทรงในวันหนึ่ง คุณชลัยจึงกราบเรียนขออนุญาตว่า ตนขอนำพระบูชามาฝากไว้ที่อาศรมของหลวงปู่ก่อนระยะหนึ่ง หลวงปู่ท่านนิ่งอยู่ครู่หนึ่งท่านหันมากล่าวกับคุณชลัยว่า

    หลวงปู่ : **พระที่นำเอามานั้นมีหลายองค์นี่ แต่มีพระแก้วซึ่งเป็นรูปพระสงฆ์ กับพระพุทธรูปสีแก้วใสอีกองค์ ทั้งยังมีพระปูนซีขาวปิดทองเป็นพระสงฆ์องค์ไม่ใหญ่นัก พระทั้ง ๓ องค์นี้เป็นพระดีมาก มีกระแสรุนแรงสว่างไสวเจิดจ้าดีมาก เอ็งขึ้นไปหยิบลงมาหน่อยซิเอาลงมา พระสามองค์นี้ไปไว้แอบ ๆ ข้างบนไม่ได้ ให้เอามาไว้ข้างล่างนี่ (หลวงปู่ท่านชี้มือไปที่ห้องพระบนศาลาเรือนไทข้างห้องทรง ห้องพระนี้เป็นห้องพระด้านล่างสำหรับศิษย์มากราบไหว้รูปหล่อหลวงปู่ ส่วนห้องพระด้านบนตึกเป็นห้องพระใหญ่ที่เก็บพระบูชาต่าง ๆ ทั่วไป)

    คุณชลัยได้ฟังคำสั่งก็รีบขึ้นไปห้องพระชั้นบน เพื่อหยิบพระบูชาลักษณะตามที่หลวงปู่สั่ง ได้พระมาแล้วก็นำมาให้หลวงปู่ท่านดูว่าใช่ที่ท่านกล่าวถึงหรือไม่ หลวงปู่ท่านชี้นิ้วให้หยิบพระส่งมาให้ท่านว่าเป็นองค์ใดบ้าง เมื่อได้พระทั้งสามองค์มาครบแล้วท่านนำพระทั้ง ๓ องค์มาวางตรงหน้าท่าน แล้วหลวงปู่ท่านกล่าวว่า

    หลวงปู่ : **พระทั้งสามองค์นี้ปลุกเสกโดยพระสงฆ์ ๒ รูปต่างสำนักกัน ซึ่งพระทั้งสองรูปนี้เป็นพระสงฆ์ที่มีบารมีสูงทั้งคู่ พระรูปหนึ่งเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณบารมีสูงมาก บำเพ็ญเพียรสั่งสมบารมีมาตั้งแต่ครั้งพระพุทธกาลนานนับพันปีผ่านมาหลายชาติภพ ส่วนพระสงฆ์อีกรูปเป็นพระโพธิสัตว์บารมีสูงมากเช่นกัน พระทั้งสองนี้เป็นพระรุ่นหลังท่านมากก็จริง แต่เป็นพระดีมากทั้งนอกและใน

    อันความดีนอกนั้นหมายถึง **เขามีวิชาดี มีความรู้ทำได้จริงทุกทาง**

    อันความดีในนั้นหมายถึง **พระสงฆ์ทั้งสองนี้ต่างบรรลุธรรมขั้นสูงทั้งคู่**

    พระสงฆ์ทั้งสองรูปนี้เป็นพระแท้บริสุทธิ์ทั้งนอกใน แต่กระนั้นพวกเจ้าอาจยังมีความสงสัยว่า ที่หลวงปู่ให้อัญเชิญพระทั้งสามองค์นี้มาทำไม ? ในเมื่อพระที่มีอยู่ในห้องพระก็มากมายเป็นร้อยองค์ แต่ที่ให้อัญเชิญท่านลงมาเพราะว่าผู้เสกเขาเสกเป็น ด้วยเขาอัญเชิญบารมีพระพุทธเจ้ามาทุกพระองค์ และพระพุทธเจ้าท่านเสด็จมารับรู้ด้วยพระองค์เอง ทั้งยังแผ่บารมีประสิทธิ์ลงให้ด้วย และยังมีพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่านก็เสด็จมาหมด พระอรหันต์มาครบทุกองค์ แม้นพระอริยะที่รอการสำเร็จอรหันต์นิพพาน ซึ่งอยู่ในโลกวิญญาณพรหมต่าง ๆ ท่านก็มากันครบเต็มพรึบหมด !! ที่ท่านมาก็เพื่อมาเสกพระดังกล่าวเรียกว่ามาประสิทธิ์ให้จนครบทุกทาง พระบูชาทั้งสามองค์นี้จึงเป็นพระสำคัญมาก เป็นของวิเศษในไตรภพเป็นที่เคารพบูชาทั้งมนุษย์, พรหม, เทพเทวดา, ภูติ, และวิญญาณทั้งหลาย

    พระทั้งสามองค์นี้หากตั้งบูชาในสถานที่แห่งใดก็ตาม หากมีเทพผ่านมาต้องแวะลงกราบ เทพที่อยู่ในสถานที่นั้นก็ต้องมากราบพระทั้งสามองค์นี้ไม่มีขาด พวกกายทิพย์ต่าง ๆ ไม่ว่าภูติ หรือนาค และวิญญาณทั้งหลายก้ต้องมากราบบูชาพระ ๓ องค์นี้อยู่เนืองนิตย์ ด้วยในโลกวิญญาณเขาเห็นปรุโปร่ง เขารู้ว่าการได้กราบไหว้บูชาสิ่งมงคลเช่นนี้ถือว่าเป็นบุญเป็นสิ่งดี พระทั้งสามนี้หากตั้งบูชาในบ้านบารมีของท่านจะแผ่ทั่วบริเวณ ภูตผีปีศาจอสุรกาย เขาเข้ามาในอาณาเขตไม่ได้ แต่เขาจะเห็นลำแสงที่พุ่งจากองค์พระ เขาเห็นแค่นั้นก็จะไหว้สาธุในบารมีของพระพุทธองค์ก็นับว่าได้บุญสมควรแก่เขา เพราะวิญญาณประเภทนี้สร้างกุศลยาก ต้องอาศัยอนุโมทนาบุญหรือเขาอุทิศเรียกมารับ จัดว่าน่าสงสารมากวิญญาณเหล่านี้ เขาจึงทำได้เพียงไหว้ลำแสงที่พุ่งออกจากพระพุทธรูปทำได้เท่านี้

    หลวงปู่จึงให้อัญเชิญพระทั้งสามองค์นี้เอามาได้ที่ห้องบูชาด้านล่าง เพื่อให้ศิษย์ที่มากราบหลวงปู่ได้กราบพระทั้งสามองค์นี้จะเกิดมงคลยิ่ง ๆ ขึ้นไป แม้นพระทั้งสามองค์ดูว่าเล็ก แต่ความศักดิ์สิทธิ์นั้นยิ่งใหญ่มากประมาณ จะหาคำเปรียบเทียบไม่ได้เลยในความสูงส่งวิเศษนั้น ของที่ว่าสมเด็จพระสมณะโคดมพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันประสิทธิ์ว่าสูงในสามโลก แต่พระนี้พระพุทธเจ้าทุกกัปเสด็จมาประสิทธิ์ครบหมด สิ่งวิเศษสูงเยี่ยงนี้สมควรแก่การบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ได้กราบไหว้เป็นมงคลนัก พระนี้แม้นเทพเทวดาผ่านมายังต้องแวะเวียนมากราบ จะผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้ต้องไหว้นะพระที่สูงขนาดนี้ เอามาไว้ห้องพระข้างล่างนี้ให้ทุกฅนเขาได้กราบด้วยดีมาก

    นี้คือคำที่หลวงปู่เดินหนเคยกล่าวถึงพระบูชาทั้งสามองค์ พระแก้วใสสององค์แรกเป็นพระพุทธรูปบูชาของวัดท่าซุง มีเขียนอยู่ที่ฐานพระว่าศิษย์หลวงพ่อปาน อีกองค์เป็นพระแก้วใสรูปหลวงพ่อปาน อีกองค์เป็นพระพุทธรูปของวัดท่าซุงเสกโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ส่วนพระปู่ขาวปิดทององค์ที่สามทราบว่าปลุกเสกโดย หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ซึ่งคุณชลัยเมื่อได้มาก็ไม่เคยได้สนใจ ด้วยเป็นพระใหม่เขาให้มาก็เก็บ ๆ ไว้ไม่สนใจ เพราะไม่ได้นับถือหรือสนใจทั้งหลวงพ่อฤาษีและหลวงปู่ดู่
    ในช่วงท้ายคุณชลัยถามหลวงปู่ว่า **ท่านฤาษีลิงดำนี้เป็นพระดีหรือเจ้าค่ะหลวงปู่ เพราะเห็นท่านเทศน์ว่าไปสวรรค์ ไปนิพพาน ท่านคุณกับเทวดาได้จริงหรือเจ้าค่ะหลวงปู่**

    หลวงปู่ตอบว่า **เขาไม่ได้อวด แต่ที่เขาพูดดูง่ายเพราะเขาทำได้ และทำได้เป็นปกติ จึงพูดไปดูเป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่ผิดวินัย เขาทำได้จริงนี่ ให้ว่าจะอวดคุณไม่มีในตนอย่างไร ? ในเมื่อเขาทรงอารมณ์อยู่ในสภาวะธรรมและทำได้จริง พระรูปนี้เก่งมากนะ ไปกราบขอขมาโทษจากท่านซะ เพราะเป็นกรรมนะ ที่ผ่านมาพวกเธอไม่ได้มาถามหลวงปู่ จึงไม่ได้ตอบชี้แจงให้รู้ว่าท่านเป็นอย่างไร แต่วันนี้มาถามเลยบอกให้รู้ และควรรีบไปขอขมาซะโดยเร็ว นรกทั้งนั้น คิดติเตียนพระอริยะเจ้าแค่นี้ก็บาป มันเป็นมโนกรรมรุงแรงนะพระอริยะ ไปกราบขอขมาซะ หรือตั้งจิตขอขมาท่านที่หน้ารูปท่านก็ได้**

    เรื่องที่หลวงปู่เดินหนพูดตอบนี้ คุณชลัยตกใจมาก เพราะตนเองลืมเลือนเรื่องราวนี้ไปแล้ว เพราะเวลาผ่านมานานนับหลายปี ว่าตนเคยติเตียนหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก่อน เมื่อหลวงปู่ทักเรื่องนี้จึงรับปากว่าจะรีบขอขมาท่าน ภายหลังศิษย์ของหลวงปู่เดินหนทุกฅน ทั้งตัวข้าพเจ้าเองที่ต่างได้ฟังเรื่องราวในวันนั้น จึงได้ทราบว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำกับหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ทั้งสองท่านเป็นพระดีบารมีสูงส่งมาก เพราะหลวงปู่เดินหนบอกว่า **ท่านเป็นพระดี**


    จึงนำเรื่องราวในอดีตที่เคยรับรู้ผ่านมา นำมาเล่าสู่กันฟังพอให้ทราบกันดังนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 พฤศจิกายน 2016
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,080
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,970

แชร์หน้านี้

Loading...