เรื่องเด่น 13 วัดสวยในอีสาน งานนี้ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งบุญเลยทีเดียว ไม่ไปไม่ได้แล้ว !!

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 10 มีนาคม 2018.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    13 วัดสวยในอีสาน งานนี้ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งบุญเลยทีเดียว ไม่ไปไม่ได้แล้ว !!


    1.วัดเนรมิตรวิปัสสนา

    ตั้งอยู่สูงเด่นอยู่บนเนินเขา ห่างจากพระธาตุศรีสองรักเพียงเล็กน้อย พระอุโบสถและเจดีย์ภายในวัดก่อสร้างด้วยศิลาแลงทั้งหลัง และมีพระอุโบสถขนาดใหญ่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตามศิลปะภาคกลาง มีภาพจิตรกรรมที่สวยงามประดับอยู่โดยรอบ มีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน และมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อพระมหาพันธ์ สีลวิสุทโธ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดและได้มรณภาพแล้ว บริเวณพื้นที่โดยรอบมีการจัดแต่งสวนและต้นไม้ร่มรื่นสวยงาม

    img_4197.jpg

    วัดเนรมิตรวิปัสสนาอยู่ห่างจากพระธาตุศรีสองรักไม่มาก อยู่บนเนินเขา ความสวยงามของการสร้างโบสถ์ด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่เป็นวัดที่สะดุดตา จึงทำให้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่คนมาเที่ยวด่านซ้ายจะต้องแวะเวียนเข้ามาไหว้พระทำบุญ และถ่ายรูป แต่ละวันโดยเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานประเพณีบุญหลวงผีตาโขน ก็จะมีคนเข้ามาตลอดทั้งวันแบบไม่ขาดสาย

    ติดต่อสอบถาม : โทร. 042-891226

    2.พระมหาเจดีย์ชัยมงคล

    ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทางจากตัวเมืองร้อยเอ็ดประมาณ 80 ก.ม มีลักษณะเป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    img_4198.jpg

    พระมหาเจดีย์ชัยมงคลออกแบบโดยกรมศิลปากร เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศสร้าง ในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109 เมตร ใช้ทอง คำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือน อยู่บนวิมานแดนสวรรค์

    img_4199.jpg

    ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ

    ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลายไทยวิจิตรพิสดาร

    ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์

    img_4200.jpg

    ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสม ถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรีเคยบำเพ็ญธรรมมา

    ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ผู้ริเริ่มดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคล คือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร แห่งวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระบุพพาจารย์ใหญ่ ด้านวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงรวบรวมเรื่องราวของครูบาอาจารย์ด้านวิปัสสนากรรมฐาน เป็นศูนย์กลางสำหรับไว้ให้พุทธศาสนิกชนเข้ามาศึกษาหาความรู้ ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและสักการะบูชาสืบไป พระมหาเจดีย์ชัยมงคล จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจและพลังศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา และต่อหลวงปู่ศรีของชาวร้อยเอ็ด ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ซึ่งร่วมใจบริจาคทรัพย์ตามกำลังจนเกิดเป็นพระมหาเจดีย์ยิ่งใหญ่ดังที่เห็น

    3.วัดประชาคมวนาราม

    หรือวัดป่ากุง ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดนี้มีชื่อทางการว่า วัดประชาคมวนาราม สร้างโดยหลวงปู่ศรี มหาวีโรมีเจดีย์ขนาดใหญ่ทำจากหินทรายธรรมชาติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 90 ปี พรรษา 60 พระเทพวิสุทธิมงคล “หลวงปู่ศรี มหาวีโร” พระเกจิอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐาน ชื่อดังแห่งภาคอีสาน เลียนแบบเจดีย์โบโรบูโด(บรมพุทโธ) ที่เกาะชวา อินโดนีเซีย

    img_4201.jpg

    เนื่องจากเมื่อพ.ศ. 2531 หลวงปู่ได้ไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ มหาเจดีย์บุโรพุทโธ หรือ โบโรบูโดร์ และได้ประทับใจในความยิ่งใหญ่อลังการของมหาเจดีย์แห่งนี้ จึงได้เล่าให้คณะศิษย์ฟัง ต่อมาใน ปี พ.ศ 2535 การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้น จนกระทั่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2547 มีพิธียกยอดเจดีย์ทองคำแท้หนัก 101 ขึ้นประดิษฐาน ด้วยแรงศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เสียสละกำลังกายกำลังทรัพย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความสมัครสมานสามัคคี เทิดทูนความดีที่หลวงปู่ศรีได้ประพฤติปฏิบัติ ซึ่งจัดพิธีสมโภชไปแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ด้วยงบประมาณ 40 ล้านบาท

    img_4202.jpg

    ภายในพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่จุดศูนย์กลางของเจดีย์ ผนังแกะสลักเรื่องราวพระพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก รวมทั้งประวัติของหลวงปู่ศรีและรูปบูรพาจารย์ เนื่องจากวัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุงเป็นสถานที่จำพรรษาของพระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) ซึ่งในทุกๆปีวัดป่ากุงจะได้จัดพิธีระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ศรีในวันคล้ายวันเกิด มีกิจกรรมการสวดมนต์ จัดตั้งโรงทาน ตักบาตร ในระว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว จะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานในแต่ละปีเป็นจำนวนมากนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเยือน สามารถเข้าเยี่ยมชมสักการะได้ ทุกวันรวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมแต่อย่างใด

    4.วัดพระธาตุหนองแวง

    ตั้งอยู่ที่ถนนกลางเมือง ริมบึงแก่นนคร อำเภอเมือง ภายในวัดหนองแวงเมืองเก่าซึ่งเป็นพระอารามหลวง มีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้นฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 50 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น จัดสร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็นลักษณะแบบชาวอีสานตากแห วัดพระธาตุหนองแวง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น

    img_4203.jpg

    ภายในองค์พระธาตุแต่ละชั้น

    – ชั้นที่ 1 เป็นหอประชุมมีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ 100 องค์ ประดิษฐานอยู่ บานประตู หน้าต่าง แกะสลักภาพนิทานเรื่องจำปาสี่ต้น แบบ 3 มิติ และมีจิตรกรรมฝาผนัง ประวัติศาสตร์เมือง ขอนแก่น

    – ชั้นที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ของชาวอีสานโดยเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในอดีต ที่ค่อนข้างหาดูได้ยากในปัจจุบัน พร้อมทั้งที การวาดลวดลายบนผนังที่เกี่ยวกับข้อห้ามของคนอีสาน ที่เรียกว่า “คะลำ” ซึ่งเป็นแนวประพฤติตนในการอยู่ร่วมกันของชาวอีสาน โดยแต่ละภาพก็หมายถึงข้อห้ามแต่ละข้อ ซึ่งมีทั้งหมด 35 ข้อ บานประตู หน้าต่าง เขียนลวดลายเบญจรงค์ และภาพแกะสลัก นิทานเรื่องสังศิลป์ชัย

    – ชั้นที่ 3 เป็นหอปริยัติบานประตู หน้าต่าง เขียนลวดลายเบญจรงค์และภาพแกะสลักนิทานเรื่องนางผมหอม เป็นนิทานที่ได้เล่าสืบ ต่อกันมาแต่โบราณของชาวอีสาน และในชั้นที่สามนี้ได้รวบรวมตาลปัตร พัดยศ และเครื่องอัฐบริขาร ของพระภิกษุสงฆ์ที่มี ชื่อเสียงในจังหวัดขอนแก่น

    img_4204.jpg

    – ชั้นที่ 4 เป็นหอปริยัติธรรม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ของเก่า ภาพวาดที่บานประตู หน้าต่าง เป็นภาพพระประจำวันเกิด เทพประจำทิศ และตัวพึ่ง-ตัวเสวย

    – ชั้นที่ 5 เป็นหอพิพิธภัณฑ์มีบริขารของหลวงปู่พระครูปลัดบุษบา สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดรูปที่ 6 บานประตูหน้าต่างแกะสลักภาพ พุทธชาดก

    – ชั้นที่ 6 เป็นหอพระอุปัชฌายาจารย์บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานชาดกเรื่องเวสสันดร

    – ชั้นที่ 7 เป็นหอพระอรหันต์สาวกบานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานเรื่องพระเตย์มีใบ้

    – ชั้นที่ 8 เป็นหอพระธรรมเป็นที่รวบรวมพระธรรม คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา พระไตรปิฏก ฯลฯ บานประตูแกะสลักรูปพรหม 16 ชั้น

    – ชั้นที่ 9 เป็นหอพระพุทธตรงกลางมีบุษบก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น

    5.วัดป่าภูก้อน

    ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง และป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง เป็น รอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย

    img_4205.jpg

    วัดป่าภูก้อน ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง และป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง เป็น รอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย

    img_4209.jpg

    img_4208.jpg

    img_4207.jpg

    img_4206.jpg

    ภายในวัดมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุ ในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา ซึ่งเป็นประธานประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ มีพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ความยาว 20 เมตร มี ลักษณะอ่อนช้อยงดงาม

    6. วัดหนองตะเคียน

    ตั้งอยุ่ที่ บ้านหนองตะเคียน หมู่ 9 ตำบลจาน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากตัวจังหวัดศรีสะเกษประมาณ 17 กิโลเมตร ตามเส้นทาง ศรีสะเกษ-กันทรลักษ์ เลี้ยวซ้ายตรงบริเวณบ้านหนองคูน้อย

    img_4210.jpg

    เป็นวัดที่สร้างด้วยศิลปะแบบผสมผสาน ขอม-ล้านนา ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระศรีอริยเมตตรัย ด้านข้างพระอุโบสถมีลานพระพุทธรูปปางสมาธิ จำนวน 28 องค์ จัดเรียงเป็นแนวสี่เหลี่ยม

    img_4213.jpg

    เนื่องจากบริเวณนี้เคยเป็นที่ประทับแรมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในขณะออกศึก จึงมีการจัดสร้าง อนุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ เฉลิมพระบรมราชกฤดาภินิหาร แห่ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ผู้ทรงเป็นมหาวีรบุรุษของชาติไทย น้อมถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในวาระครบรอบ 80 พรรษา เพื่อเป็นเกียรติภูมิแห่งราชจักรีวงศ์และปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

    7.วัดผาตากเสื้อ

    ที่ตั้งอยู่บนเขาในเขตอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เดิมชื่อวัดถ้ำพระ หลวงปู่เพชร ปะทีโป ท่านได้เดินทางมาปฏิบัติธรรม บริเวณถ้ำพระและได้ก่อตั้งวัดผาตากเสื้อขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2477 มีเนื้อที่ 29 ไร่ 2 งาน 78 ตารางวา วัดผาตากเสื้อเป็นวัดปฏิบัติธรรม ต่อมาได้อัญเชิญพระสารีริกธาตุมาประดิษฐานเมื่อ 2 เมษายน 2550 เป็นที่สักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป เป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงาม มาก สูงจากระดับน้ำทะเล 550 เมตร ภายในวัดมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง

    img_4214.jpg

    ในช่วงที่น้ำลดหากไปยืน อยู่บนวัดผาตากเสื้อแล้วมองลงมายังแม่น้ำโขง จะเห็นสันทรายเป็นริ้วคล้ายเกล็ดพญานาคอย่างชัดเจน โดยได้รับการตั้งให้เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวเส้นทางในฝัน Dream Destination 2 จาก ท ท ท นั่นก็คือ “เกล็ดพญานาคริมโขง” ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ได้อย่างน่าพิศวง จากจุดชมวิววัดผาตากเสื้อหากมองไปทางซ้ายมือจะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงวาดยาวโค้งเป็นคุ้งน้ำ กลางแม่น้ำมีเกาะ ขนาดใหญ่ ทำให้แม่น้ำโขงช่วงนี้มีลักษณะคล้ายแยกเป็นรูป Y ที่มองเห็นประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างชัดเจน นอกจากจุดชมวิวตรงวัดแล้ว ปัจจุบันก่อนถึงวัดผาตากเสื้อได้มีการทำจุดชมวิวซึ่งทำให้มองเห็นริ้วรายเกล็ดพญานาคได้ชัดเจนแบบไม่มีอะไรมาบังตา

    img_4215.jpg

    ปัจจุบันมีการสร้างสกายวอล์กกระจกใสแห่งแรกของเมืองไทย เป็นจุดชมวิวใหม่ของอีสาน มีลักษณะเป็นทางเดินกระจกใสที่ยื่นออกไปจากหน้าผาบริเวณวัดผาตากเสื้อ มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้า เป็นทางเดินกระจกใสยื่นจากหน้าผาออกไป 6 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักได้ประมาณ 20 คน เพราะใช้วัสดุอย่างดีในการก่อสร้าง และสร้างราวกั้นตลอดแนวสองด้าน อีกทั้งยังปรับปรุงภูมิทัศน์รอบด้านให้สวยงาม เพื่อให้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงสุดอันซีนแห่งใหม่ของจังหวัดหนองคายและประเทศไทย

    img_4216.jpg img_4217.jpg

    img_4218.jpg

    img_4219.jpg

    และในช่วงหน้าหนาวนี้ บริเวณสกายวอล์ก วัดผาตากเสื้อ ก็ยังปรากฏทะเลหมอกสุดอลังการ ที่ลอยคลอเคลียเหนือแม่น้ำโขง เมืองสังคม และแนวเทือกเขาของเมืองลาวอย่างงดงาม ยามเช้าจะมีแสงพระอาทิตย์สีทองสาดส่องลงสู่ทะเลหมอกสีขาวจนกลายเป็นสีทองระเรื่อ ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังยืนอยู่บนทะเลหมอกนุ่ม ๆ คล้ายกับดินแดนสวรรค์เลยทีเดียว

    8. วัดโพธิ์ชัย

    วัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญแห่งจังหวัดหนองคาย เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใสอันศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่มีตำนานผูกพันกับทั้งชาวไทย และชาวลาวในประวัติศาสตร์ เป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดของชาวหนองคาย และผู้คนลุ่มน้ำโขง

    img_4221.jpg

    img_4220.jpg

    “วัดโพธิ์ชัย” (พระอารามหลวง) เดิมชื่อ “วัดผีผิว” เนื่องจากวัดนี้เคยใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ และว่ากันว่ามีผีดุ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโพธิ์ชัยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แล้วยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พุทธศักราช 2524 ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสุกอันเป็นเนื้อทองคำ 92 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะอันงดงาม มีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาถึงประวัติของหลวงพ่อพระใสว่าสร้างขึ้นโดยพระ ธิดา 3 องค์ ของพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้างซึ่งได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า “พระสุก” ประจำพระธิดาคนโต “พระเสริม” ประจำพระธิดาคนกลาง และ “พระใส” ประจำพระธิดาคนสุดท้อง ซึ่งมีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ

    9. วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร

    เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ปัจจุบันมี พระเทพวรมุนี เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2549-ปัจจุบัน ประดิษฐาน ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้า (เนินดินสูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร) ภายในบริเวณมีบึงขนาดใหญ่เรียกว่าบึงธาตุพนม

    img_4223.jpg

    img_4222.jpg

    10. วัดโนนกุ่ม

    จ.นครราชสีมาหรือวัดหลวงพ่อโต ห่างจากตัวเมืองนครราชสีมาประมาณ 42 กิโลเมตร ชมความสวยงามวิจิตรของสถาปัตยกรรมพระอุโบสถ ที่ทประดิษฐานสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี หรือหลวงพ่อโต ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยผู้ที่ก่อสร้างคือ คุณสรพงษ์ ชาตรี ดาราชื่อดังในประเทศไทย ภายในวัดยังมีสวนหย่อมตกแต่งอย่างสวยงามให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ

    img_4226.jpg

    img_4225.jpg

    img_4224.jpg

    11. วัดมณีจันทร์

    จ.บุรีรัมย์ชมศิลปะการตัดกระจกบนฝาผนังทั้ง 4 ด้านของอุโบสถที่มีความสวยงามแต่ละด้านสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของคนอีสาน ใช้เวลาสร้างกว่า 5 ปีจึงเสร็จ วัดโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของโบสถ์ทางภาคอีสาน เรียกว่า โบสถ์มหาอุตม์ ที่มีประตูทางเข้าเพียงด้านหน้าด้านเดียว ตามความเชื่อโบราณ หากปลุกเสกวัตถุมงคลในโบสถ์นี้ จะทำให้วัตถุมงคลมีความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้นการเดินทาง ด้วยรถยนต์วัดอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 70 กิโลเมตร จากตลาดพุทไธสง ไปทางด้านทิศตะวันออก ถึงสี่แยกไฟแดง ตรงไปประมาณ 1 กิโลเมตร

    img_4228.jpg img_4227.jpg

    12. วัดพุทธนิมิต

    อยู่บนยอดเขาภูค่าว บริเวณยอดเขาด้านทิศตะวันตกมีพระนอนแกะสลักบนแผ่นผาผายุนับพันปี เป็นที่เคารพสักการะของชาวกาฬสินธุ์ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีโบสถ์ที่ประดับตกแต่งสวยงามและวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระเครื่องจำนวนมาก มีงานเฉลิมฉลองพระพุทธไสยาสน์ในวันสงกรานต์

    img_4229.jpg

    ตั้งอยู่บ้านนาสีนวล ตำบล สหัสขันธ์ ห่างจากตัวอำเภอ สหัสขันธ์ประมาณ 7 กิโลเมตร ห่างจากภูสิงห์ประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ตะแคงซ้าย ไม่มีเกตุมาลา ความยาวประมาณ 2 เมตร กว้าง 25 ซม. เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป ตามประวัติกล่าวว่าพระโมคัลลานะ พระสาวกของพระพุทธเจ้าสร้างขึ้นเมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว และทางวัดจะจัดให้มีงานสรงน้ำพระพุทธรูปไสยาสน์ในวันที่ 19 เมษายน ของทุกปี นอกจากนี้ภายในวัดยังมีอุโบสถไม้แบบเปิด แกะสลักลวดลายงดงามเป็นภาพสามมิติ ตามประตู หน้าต่าง เพดาน ภาพพุทธประวัติ ทศชาติชาดก และยังมีวิหารสังฆนิมิต ซึ่งเป็นที่เก็บพระพุทธรูป และพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ ที่หายากเปิดให้เข้าชมทุกวันประวัติ ตำนานท้องถิ่นเล่าว่า

    img_4230.jpg

    พระนอนที่สลักบนแผ่นผานี้สร้างขึ้นหลังการสมโภชองค์พระธาตุพนมเล็กน้อย ประมาณปี พ.ศ.8 โดยกลุ่มคนที่จะเดินทางไปร่วมสร้างพระธาตุพนมแต่ไปไม่ทันองค์พระธาตุสร้างเสร็จก่อน จึงร่วมกันสร้างพระนอนองค์นี้ ปี พ.ศ.2484 พระคุณเจ้าสมเด็จพระมหาวีระวงศ์ได้ขึ้นไปตรวจสังฆมณฑลภาคอีสาน และแวะจำวัดกลางมาลัยในเมืองสหัสขันธ์ซึ่งอยู่ห่างจากภูค่าวไปทางตะวันตกราว 8 กม. ในครั้งนั้นท่านได้ไปนมัสการพระนอนที่เพิงผานี้ด้วย เมื่อเสร็จสังฆกิจเสด็จกลับกรุงเทพฯ จึงบัญชาให้อธิบดีกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นปูชนียวัตถุโบราณแห่งแรกใน จ.กาฬสินธุ์

    img_4231.jpg

    สิ่งน่าสนใจพระนอนสลักบนแผ่นผา หรือพระพุทธไสยาสน์ภูค่าวมีพุทธลักษณะเป็นพระนอนปางไสยาสน์ คือ พระเศียรหนุนทับต้นแขน โดยท่อนแขนที่หนุนพระเศียรไม่ได้ตั้งขึ้นและพระหัตถ์ไม่ได้รองรับพระเศียร องค์พระมีลักษณะพิเศษคือ นอนตะแคงซ้ายไม่มีเกตุมาลา ตำนานว่าเป็นลักษณะของพระโมคคัลลานะ พระสาวกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า ความยาวตลอดองค์ 2 ม. สูง 0.5 ม. มีทองคำเปลวปิดอยู่ทั่วองค์ วิหารสังฆนิมิต อยู่บนยอดเขาใกล้ทางไปชมพระนอนภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็กจำนวนมาก

    img_4232.jpg

    และบริเวณผนังเรื่อยขึ้นไปถึงเพดานมีพระเครื่องต่าง ๆ นับพันองค์ติดประดับอยู่ดูสวยงามตื่นตา นอกจากนี้บริเวณลานโล่งนอกตัววิหารยังมีหอพระธาตุซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ทางวัดได้มาจากที่ต่างๆ ในภาชนะแก้วใส และรอยพระพุทธบาทจำลองเก่าแก่สลักบนหินก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน โบสถ์ไม้ อยู่บนเนินเขาด้านซ้ายของ

    img_4234.jpg

    ถนนก่อนถึงบริเวณวัด เป็นอาคารไม้ทรงไทยตั้งบนฐานลวดบัวปูนปั้น หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีกนกทั้งสี่ด้าน หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้าประทับในป่าทึบแวดล้อมด้วยสิงสาราสัตว์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักเรื่องพุทธชาดก และมีการประดับไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาทั่วโบสถ์ ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร เป็นพระประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิสีทองสุกอร่าม บริเวณโดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ทาสีทอง

    13. วัดบูรพาราม

    จ.อุบลราชธานีวัดโบราณอายุกว่า 200 ปี เป็นวัดชื่อดังของจังหวัด เพราะในอดีตหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยมาปฏิบัติธรรมจนถือเกิดวิปัสสนากรรมฐาน ภายในวัดนี้ มีพระอุโบสถ หรือสิมอีสานสวยงามสร้างด้วยดินเหนียว ปัจจุบันกรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว ชมหอไตรบกคู่ เรือนไม้เก่าแก่ มีลวดลายสลักที่สวยงาม

    img_4237.jpg

    img_4236.jpg

    img_4235.jpg

    ถนนก่อนถึงบริเวณวัด เป็นอาคารไม้ทรงไทยตั้งบนฐานลวดบัวปูนปั้น หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีกนกทั้งสี่ด้าน หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้าประทับในป่าทึบแวดล้อมด้วยสิงสาราสัตว์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักเรื่องพุทธชาดก และมีการประดับไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาทั่วโบสถ์ ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร เป็นพระประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิสีทองสุกอร่าม บริเวณโดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ทาสีทอง

    ขอบคุณภาพและข้อมูล : krooesan.com และ : TrendyNews2017


    ขอบคุณที่มา
    http://updatetoday.in.th/13-วัดสวยในอีสาน/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มีนาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...