6 คำถามเกี่ยวกับ มะเร็งปากมดลูก ที่สาวไทยมักเข้าใจผิด

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย dhamaskidjai, 4 กันยายน 2010.

  1. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,726
    [​IMG]

    เดี๋ยวนี้หันไป ทางไหน จะซ้ายหรือขวา ก็จะได้ยินแต่คำว่า " มะเร็ง ปากมดลูก" แม้กระทั่งรายการผู้หญิงอันดับ 1 อย่าง รายการ "ผู้หญิงถึงผู้หญิง" จากวิกพระราม 4 ยังพูดถึงภัยเงียบที่ร้ายกาจของโรคนี้ โรค มะเร็งอันดับ 1 ของสาวไทยและตอนนี้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น จาก 7 เป็น 14 คน ต่อวันแล้ว!!!

    . . . .แต่คุณสาว ๆ ยังไม่ต้องกลัว จนต้องกรีดร้องเสียงหลงนะคะ เรามาทำความรู้จักกับเจ้า "มะเร็งปากมดลูก" พร้อมกับคำถามที่มักจะมีคนพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เกี่ยวกับโรคนี้ดีกว่า (แอบกระซิบนิดนึงค่ะว่า สามารถป้องกันได้) ถ้าพร้อมแล้วตามเจ๊มาเลยค่ะ . . . . . .

    ตรวจภาย ใน หรือ คัดกรอง (แป๊บเสมียร์) เจ็บไหมคะ? อายคุณหมอจัง ? แล้วราคาเท่าไหร่คะ

    ไม่เจ็บเลยค่ะ คุณหมอจะมีเครื่องมือที่มีขนาดเหมาะสมกับผู้หญิงแต่ละคน ถ้าไม่เคยตรวจมาก่อนก็บอกคุณหมอด้วยนะคะ คุณหมอจะได้ให้คำแนะนำเป็นพิเศษ ใช้เวลาในการตรวจแค่แป๊บเดียวก็เสร็จ ตอนตรวจครั้งแรกเจ๊ก็อายเหมือนกัน ครั้งต่อ ๆ ไปก็ชินค่ะ ถ้าอายหมอผู้ชายก็บอกที่โรงพยาบาลได้ค่ะว่า อยากตรวจกับคุณหมอผู้หญิง ถ้าไม่อยากอายก็แต่งหน้าแต่งตาน้อง "ชิมิ" มาให้เรียบร้อยหน่อยละกันนะคะ

    ราคาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลค่ะ ถ้าของรัฐบาลก็ไม่เกิน 100 บาท เอกชนทั่วไปก็ไม่น่าเกิน 400-500 บาท (โทรสอบถามก่อนดีกว่าค่ะ รับรองไม่โดนวีน!)

    วัคซีน แพงไหม ราคาเท่าไหร่ กลัวไม่คุ้มค่าค่ะ ?


    ปัจจุบันราคาวัคซีนถูกลงมามากแล้ว เจ๊เห็นราคาที่โรงพยาบาล ขายเป็นแพคเก็จ 3 เข็ม ประมาณ 6-7 พันบาทเอง เทียบกับแต่ก่อนที่ราคาตั้งเป็นหมื่น กับการที่สามารถป้องกันมะเร็งได้ ก็ถือว่าคุ้มมาก ๆ เลยนะคะ ถูกกว่า BB หรือ กระเป๋าแบรนด์นอกอีกค่ะคุณน้อง

    มะเร็ง ปากมดลูกเกิดจากเพศสัมพันธ์เหรอคะ ?

    "มะเร็งปากมดลูก" เกิดจากการติดเชื้อ "เอชพีวี" ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ (อย่าคิดว่าใช้ถุงยางแล้วจะกันได้นะคะ คิดใหม่ได้เลยค่ะ เพราะถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันเจ้าเชื้อนี้ได้ 100%) ผู้หญิงโสดก็อย่าเพิ่งวางใจนะคะ เพราะเค้าพบว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกันค่ะ โดยอาจได้รับเชื้อเอชพีวีจากทางอื่น เช่น ห้องน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ (แต่เค้าว่ามีโอกาสเกิดน้อยกว่ามาก ๆ...) ยังไงซะก็ระวังกันด้วยนะคะคุณ ๆ ขา

    ถ้า ตรวจคัดกรองแล้วจำเป็นต้องฉีดวัคซีนด้วยหรือเปล่า หรือว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้

    การป้องกันต่างกันค่ะ

    การตรวจคัดกรอง เป็น การตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูก หลังจากที่มีการติดเชื้อเอชพีวีมาแล้ว ซึ่งถ้าเจอว่าผิดปกติก็ต้องรีบรักษา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งร้ายค่ะ

    การฉีดวัคซีน เป็น การป้องกันไม่ให้เชื้อเอชพีวีสายพันธุ์หลักมาติด เป็นการป้องกันที่ต้นเหตุโดยตรง ถ้าไม่มีเชื้อมาติดก็จะไม่มีความผิดปกติของเซลล์ไงล่ะคะ

    แต่ทั้ง 2 วิธีก็ไม่มีวิธีไหนป้องกันได้ 100% นะคะ คุณหมอเลยแนะนำเราว่า ต้องทำร่วมกันทั้ง 2 วิธีค่ะ

    สาว ๆ ที่ตรวจคัดกรองเป็นประจำอยู่แล้ว เจ๊ขอชื่นชมมาก ๆ ค่ะ แต่เจ๊ก็อยากเชียร์ให้ฉีดวัคซีนด้วยนะคะ อันนี้เป็นประสบการณ์โดยตรง เพื่อนสนิทเจ๊เองล่ะค่ะ คุณเธอตรวจคัดกรองทุกปี ไม่เคยขาด แล้วยังคอยเตือนเจ๊ให้ไปตรวจอีกด้วย มาปีที่แล้วนะคะ เจ้าเพื่อนตัวดีคนนี้โทรมาระบายความเครียดให้ฟัง เพราะเพิ่งไปตรวจมา แล้วหมอบอกว่าเจอความผิดปกติ ให้รอผลละเอียดอีกครั้ง ระหว่างที่รอนี่ล่ะค่ะคุณขา คุณเธอเครียดมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าจะเป็นมะเร็ง คนรอบข้างก็ทุกข์ไปด้วย เจ๊ก็ต้องคอยปลอบใจ ให้กำลังใจตลอด โชคดีนะคะที่ผลออกมาว่า เป็นแค่ความผิดปกติขั้นต้น ก็เลยรักษาได้ทัน แต่เค้าก็ต้องไปพบหมอบ่อย ๆ เพื่อคอยติดตามอาการตลอดเลยค่ะ กลัวว่ามันจะกลับมาใหม่

    เห็นมั้ยคะ ว่าถ้าให้ดีที่สุด ก็ควรที่จะฉีดวัคซีนควบคู่กับการตรวจคัดกรองไปด้วย วัคซีนป้องกันไม่ให้เชื้อมาติดเราค่ะ ^^

    จริง หรือเปล่าคะว่า จะต้องฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมี sex แล้วถ้าคนที่เคยมี sex แล้ว จะฉีดได้มั้ย วัคซีนช่วยป้องกันได้หรือป่าวคะ ?

    ไม่จิ๊งงง ไม่จริง . . .ที่จริงคือคนที่ยังไม่เคยมี Sex จะได้ประโยชน์มากที่สุดเพราะยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อนแน่ ๆ แต่คนที่มี sex แล้ว เค้าบอกว่ามีน้อยกว่า 1% ซะอีกที่ติดเชื้อ HPV 16, 18 พร้อมกันที่ปากมดลูก (ถ้าติดก็มักติดเพียงแค่สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งเท่านั้นเองค่ะ) การฉีดวัคซีนก็เลยสามารถป้องกันสายพันธุ์อื่นที่ยังไม่เคยติดมาก่อนได้

    สรุปแล้วคือ ประมาณ 99% ของผู้หญิงที่มี sex แล้วจะได้ประโยชน์จากวัคซีนอยู่ค่ะ ^_^

    อยากฉีด วัคซีนป้องกัน "มะเร็งปากมดลูก" ค่ะ ขอทราบรายละเอียดหน่อย วัคซีนเอชพีวี… ฉีดกี่เข็ม และมีภูมิคุ้มกันนานแค่ไหน?

    วัคซีนเอชพีวีใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน จะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม โดยเข็มที่ 2 และ 3 ห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ จากการศึกษาพบว่า การฉีดวัคซีนเอชพีวี สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงมาก และมีประสิทธิภาพสูงมากถึง 100 % ในการป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุ 70% ของมะเร็งปากมดลูก

    และในบ้านเรานั้น มีอยู่ 2 ยี่ห้อ ซึ่งได้ แก่ . . .

    1. Cervarix แม้จะเรียกกันว่า วัคซีน 2 สายพันธุ์ แต่ในความเป็นจริง วัคซีนตัวนี้สามารถป้องกัน เชื้อ HPV ได้มากกว่า 2 สายพันธุ์อีกนะคะ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกอันดับที่ 1, 2, 3, 4 คือสายพันธุ์ ที่ 16 ,18 , 45 , 31 ซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ถึง 80% และยังป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดิโนได้ดีอีกด้วย Cervarix มีภูมิคุ้มกันในระดับสูงอย่างน้อย 8 ปี เชื่อว่า อาจอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องฉีดกระตุ้นซ้ำ การฉีดของ Cervarix คือฉีดที่เดือน 0, 1, 6 และช่วงอายุที่สามารถรับวัคซีนชนิดนี้ได้คือ 10 – 55 ปี ตัวนี้เน้นป้องกันมะเร็งค่ะ

    2. Gardasil เรียกกันว่า วัคซีน 4 สายพันธุ์ คือสามารถป้องกันเชื้อ HPV 16, 18, 6 และ 11ได้ โดย สายพันธุ์ 16 และ 18 ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนสายพันธุ์ 6 และ 11 ก่อให้เกิดหูดค่ะ! (หูดไม่ทำให้เป็นมะเร็งนะคะ อย่าสับสน ถ้าเป็นหูดก็รักษาได้ค่ะ) Gardasil นี้ป้องกันสายพันธุ์ 45 ไม่ได้ ภูมิคุ้มกันก็อยู่ได้แค่ 5 ปีค่ะ ในส่วนของการฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ คือฉีดที่เดือน 0, 2, 6 และช่วงอายุที่สามารถรับวัคซีนชนิดนี้ได้คือ 9 – 26 ปี วัคซีนตัวนี้มีข้อมูลการฉีดในผู้ชายค่ะ ดังนั้นคุณผู้ชายทั้งหลายถ้าอยากป้องกันเชื้อ HPV ก็ต้องเลือก Gardasil นะคะ

    จากการค้น คว้าด้วยตัวเองและถามคุณหมอที่รู้จริง คุณหมอก็บอกว่า ทั้ง 2 ตัวมีข้อดีต่างกัน และก็ถามเจ๊ว่า เจ๊อยากป้องกันอะไร ระหว่างมะเร็งปากมดลูกกับหูด? เจ๊ตอบไปทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยค่ะ ก็ต้องป้องกันมะเร็งสิคะ กลัวตายค่ะ เจ๊ขอฉีด "Cervarix" ค่ะ ก็อย่างที่บอก Cervarix กระตุ้นให้ภูมิสูงกว่า และสามารถป้องกัน HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยเฉพาะสายพันธุ์ 45 ที่ทำให้เกิด มะเร็งปากมดลูกชนิด "อะดีโน" ที่การตรวแป๊บเสมียร์ ก็ยังตรวจหาไม่ค่อยเจอ เพราะมันจะอยู่ลึกลงไปในคอมดลูก แต่การฉีดวัคซีน Cervarix สามารถช่วยป้องกันได้นะคะ

    Cervarix สามารถป้องกัน HPV สายพันธุ์เหล่านี้ได้ จึงป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนได้ (เนื่องจาก Cervarix ใช้สารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ จึงป้องกันได้มากกว่าสายพันธุ์ 16, 18 ที่มีอยู่ในวัคซีนได้ด้วยคือ 45, 31)

    เป็นไงกันบ้างคะ สำหรับข้อมูลที่หามาให้คุณผู้หญิงของเราทั้งหลาย เจ๊เชื่อค่ะว่าผู้หญิงเราทุกวันนี้ นับได้ว่ามีความเก่ง ความสามารถ ไม่แพ้คุณผู้ชายทั้งหลาย แต่อีกสึ่งนึงที่ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือเรื่องของสุขภาพ เมื่อเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมรรถภาพในการทำงานของเราก็จะมีมากขึ้น

    สำหรับเรื่อง "มะเร็งปากมดลูก" นั้นเป็นภัยใกล้ตัวที่เราไม่อาจมองข้าม หันมาทำความเข้าใจและพร้อมรับมือกับมันดีกว่าค่ะ ก่อนที่จะให้มันเข้ามาสู่ชีวิตเรา คนใกล้ตัว คนที่คุณรัก ก่อนที่จะสายเกินจะเยียวยา อย่าลืมบอกต่อเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้ นะครับ เจ๊คนนึงล่ะค่ะที่ "สัญญาว่าจะบอกต่อ"



    เครดิต ข้อมูลจาก
    6 คำถามเกี่ยวกับ มะเร็งปากมดลูก ที่สาวไทยมักเข้าใจผิด
    - รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
    - สมาคมมะเร็งนรีเวชไทย
    - โครงการ ผู้หญิงปกป้องผู้หญิง
    - Bloggang.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...