6 เมืองโบราณ(ใต้น้ำ) ที่น่าละทึก ที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย The eyes, 2 มิถุนายน 2015.

  1. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    6 เมืองโบราณใต้น้ำสุดลึกลับ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริง!


    Manosh teamwork


    ในอดีตนั้น เมืองหลายเมืองมีความเจริญเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องจบสิ้นยุคแห่งความรุงเรืองไปเพราะว่า ภัยของธรรมชาติ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ทำให้ผืนดินหลายๆที่ เกิดการยุบตัว น้ำทะเลจึงมาแทนที่ มีผู้คนเสียชีวิตมากมาย และเป็นจุดจบอันแสนเศร้า ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง ให้นักสำรวจและผู้คนทั่วโลก ชื่นชมกัน ตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่า มีเมืองอะไรกันบ้าง

    ที่มา – catdumb 

    1. เมืองซือเฉิง หรือ เมืองสิงโต เมืองโบราณใต้น้ำ ประเทศจีน
    เมืองโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่ลึกลงไป 40 เมตรในทะเลสาบเฉียนเต่า เนื่องจากสถาปัตยกรรมอันงดงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็นเป้าหมายของนักประดาน้ำจากทั่วโลก

    ทะเลสาบเฉียนเต่าแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาอู๋ซือหรือเทือกเขาห้าสิงโต  และชื่อเมืองซือเฉิงก็ได้รับอิทธิพลมาจากที่ตั้งของมันด้วยเช่นกัน เมืองซื่อเฉิงแห่งนี้เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในยุคราชวงค์ฮั่นตะวันออก ราวๆ ค.ศ.25 ถึง 200 และเป็นศูนย์กลางของมณฑลเจ้อเจียงอีกด้วย ว่ากันว่าเมืองนี้มีขนาดประมาณ 62 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว!

    สาเหตุที่เมืองนี้จมลงใต้น้ำก็เพราะว่า ทางรัฐบาลจีนได้สร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำซินอันซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองนี้ในปี ค.ศ 1959 ทำให้เมืองนี้ค่อยๆจมลงสู่ใต้น้ำ และเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน

    2. พระราชวังคลีโอพัตรา ประเทศอียิปต์
    ประเทศอียิปต์ พระราชวังแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อน แต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ทำให้ส่วนนี้ของเมืองจมลงสู่ทะเลเมื่อ 1500 ปีก่อน ปัจจุบัน มีโบราณวัตถุกว่า 140 ชิ้นถูกกู้ขึ้นไปโดยนักโบราณคดี

    ในอนาคต ทางการของอียิปต์มีแผนจะสร้างพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำนบริเวณที่แห่งนี้ด้วย เก็บเงินรอไปชมกันได้เลย



    3. เมืองใต้น้ำ Baiae ประเทศอิตาลี
    ในอดีต เมืองแห่งนี้เคยเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าผู้มีฐานะและมีชื่อเสียง จนกระทั่งเมื่อ 1500 ปีก่อน ระดับน้ำก็ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้เมืองนี้อยู่ใต้น้ำโดยสมบูรณ์ ปัจจุบัน โบราณสถานแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักประดาน้ำ ผู้อยากเห็นซากอารยธรรมโบราณแห่งนี้

    เราจะเห็นได้ว่า มีรูปปั้นตัวละครในเทพนิยายกรีกโรมันมากมาย อย่างเช่นโอดีซีอุสเป็นต้น

    4. เมือง Port Royal ประเทศจาไมก้า
    เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองที่บาปที่สุดแห่งหนึ่งที่โลกเคยมีมา เพราะมันเคยเป็นเมืองท่าของเหล่าโจรสลัด แน่นอน มันย่อมเต็มไปด้วยอบายมุขและสิ่งผิดกฎหมายมากมาย และนอกจากความบาปแล้ว เมืองนี้ยังเคยมีอุบัติภัยทางธรรมชาติที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในโลกที่เคยเกิดขึ้นมาอีกด้วย

    ในปี 1692 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง และเกิดคลื่นยักษ์ซึนามิตามมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีกว่า 2,000 คน และส่วนหนึ่งของเมือง ก็จมลงสู่ใต้น้ำในทันที

    5. นครทวารกะ ดินแดนของพระกฤษณะ
    ถ้าใครเคยอ่านเรื่องศึกมหาภารตะ จะจำได้ว่าเมืองของพระกฤษณะซึ่งเป็นร่างอวตารร่างหนึ่งของพระนารายณ์ มีชื่อว่านครทวารกะ เมืองนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูอย่างมาก เพราะว่าถือว่าเป็นเมืองในตำนาน ที่ชาวฮินดูทุกคนควรไปสักการะ และลึกลงไปในอ่าวกว่า 40 เมตร คุณจะได้พบกับหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเมืองแห่งนี้เมื่อครั้งอดีต

    6. ปิรามิด โยนากุนิจิม่า อันแสนลึกลับ ประเทศญี่ปุ่น
    ปิรามิดแห่งนี้ดึงดูดนักประดาน้ำจำนวนมากจากทั่วโลก ให้มาสำรวจทุกๆปี และยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า ปิรามิดนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมนุษย์สร้างขึ้นมา โดยมันมีอายุถึงราว 12,000 ปี     ไม่น่าเชื่อเลย ว่าจะมีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกของเราด้วย เห็นแล้วอยากจะลองไปชมด้วยตาตัวเองจริงๆซักครั้ง
    ปล. ใครก็อปรูปได้ช่วยหน่อยค่ะ แบบว่าใช้โทรศัพท์เล่น ความสามารถน้อยอะ
     
  3. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,641
    ปริศนาเร้นลับแห่งมหานครอียิปต์

    dailynews

    ?อียิปต์? ชื่อนี้เคยมีอำนาจและวัฒนธรรมอันเกรียงไกรในอดีต มีเรื่องราวที่น่าสนใจให้คนรุ่นหลังได้ค้นหามากมาย


    ดังเช่น มหานครแห่งวิหารเฮราคลีออน (Heracleion) ที่ซ่อนตัวอยู่ก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) มานานนับพันปี ซึ่งบันทึกสมัยโบราณได้บอกเล่าถึงวิหาร อันยิ่งใหญ่และงานเทศกาลอันอลังการ ที่ดึงดูดใจผู้คนจาก อเล็กซานเดรีย ให้มาเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก ไม่เว้นแม้แต่ฟาโรห์ยังต้องเดินทางมาเพื่อประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าที่นี่

    การสาบสูญไปโดยไร้ร่องรอย ของมหานครโบราณริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทำ ให้นักโบราณคดีกลุ่มหนึ่งพยายามค้นหามันให้พบ พวกเขาใช้เวลาถึง 6 ปี ดำน้ำในบริเวณอ่าวอาบูเกียร์ ใกล้กับเมืองอเล็กซานเดรียในปัจจุบัน ด้วยความเชื่อว่าใต้ทะเลบริเวณนี้ เคยเป็นมหานครที่ผู้บุกรุกชาวกรีกเข้าครอบครองเมื่อ 2,300 ปีก่อน และเป็นจุดเริ่มที่กองทัพกรีกใช้แผ่ขยายอำนาจไปทั่วอียิปต์

    ณ สุสานใต้น้ำที่ปกคลุมพื้นที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร พวกเขาค้นพบกำแพงยาว 500 ฟุต ซึ่งหากเปรียบเทียบสัดส่วนกัน เสาของวิหารแห่งนี้ก็น่าจะสูงถึง 100 ฟุต ในบริเวณเดียวกันมีสฟิงซ์แกรนิตสีแดง 8 ตัว และสฟิงซ์แกรนิตสีดำ 2 ตัว เรียงรายไปตามทางเหมือนถนนที่มุ่งไปสู่วิหารอียิปต์ และของใช้ที่บรรดานักบวชใช้ประกอบพิธีกรรม เช่น อ่างทองเหลือง ทัพพี และถังที่ประดับประดาอย่างสวยงามสำหรับใช้บรรจุของสักการะ

    พวกเขาพบรูปปั้นขนาดยักษ์ สูง 19 ฟุต จำนวน 3 รูป ประกอบด้วยรูปปั้นราชินี รูปปั้นกษัตริย์ทัลเลอร์เมย์ บรรพบุรุษของคลีโอพัตรา และรูปปั้นเทพเจ้าฮาปี้ ตัวแทนความบริบูรณ์และความมั่งคั่ง ตั้งอยู่ด้านหน้าของวิหาร ซึ่งยืนยันว่าที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่สำคัญของผู้นำราชวงศ์ ทัลเลเมอิกแห่งอียิปต์มาก่อน

    นอกจากนี้ยังพบแท่นบูชาสูง 2 เมตร มีจารึกพระนามของเทพเจ้าอามุนแห่งเกอเร็บเอาไว้ ซึ่งแท่นบูชานี้คือบ้านของอามุน เพราะชาวอียิปต์เชื่อว่าเทพเจ้าของพวกเขามีบ้านทั้งบนโลกและบนสวรรค์ ทุกวันตอนรุ่งสางดวงจิตของอามุนจะหวนกลับมาบนโลก



    แต่สิ่งที่ทำให้ทีมนักสำรวจตื่นเต้นที่สุด ก็คือการค้นพบแผ่นหินหนัก 1 ตัน สลักเป็นภาษาฮีโรกลิฟ แนวดิ่ง 14 แถว ในสภาพสมบูรณ์ กล่าวว่านี่คือวิหารของอามุน แห่งเกอเร็บ หรือที่ชาวกรีกเรียกว่า นครแห่งเฮราคลีออน และเรื่องราวของเมืองรอบวิหาร ซึ่งบ่งชี้ว่านี่คือเฮราคลีออน เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา และลัทธิของอียิปต์ในอดีตกาล

    บนแผ่นจารึกนั้น มีจารึกอักษรซึ่งมีใจความว่า ?ประกาศภาษีต่อเรือสินค้าต่างชาติทั้งหมดที่มาที่แม่น้ำไนล์? ซึ่งคำบนแผ่นจารึกนั้น ตอกย้ำว่าเฮราคลีออนเคยเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอียิปต์ก่อนการรุกรานของกรีก โดยด้านบนของแผ่นหินมีรูปปั้นของฟาโรห์ เนคตาเนโบที่ 1 ผู้ปกครองอียิปต์ตั้งแต่ปี 362 ถึง 380 ก่อนคริสตกาล หนึ่งรุ่นก่อนอเล็กซานเดอร์เข้ายึดครองอียิปต์

    ส่วนภายในวิหาร พวกเขาพบรูปปั้นของเทพเจ้าโอไซริส ที่ชาวอียิปต์โบราณใช้แห่มาจากวิหารแห่งเฮราคลีออน ไปที่วิหารแคโนปัส ด้วยเรือท้องแบน เพื่อขอให้เทพประทานน้ำในแม่น้ำไนล์ให้เต็มเป็นประจำทุกปี อีกทั้งยังพบมัมมี่, ข้าวสาลีโอไซริส ซึ่งในจารึกบอกไว้ว่านักบวชหญิงจะผสมโคลนสูตรพิเศษของไนล์ แล้วฝังเมล็ดข้าวบาร์เลย์เข้าไป นำไปวางไว้ในอ่างศักดิ์สิทธิ์ประกอบพิธี เสกให้ธัญพืชอุดมสมบูรณ์ในช่วงเริ่มต้นของฤดูเพาะปลูก




    นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า รูปปั้นฮาปี้และรูปโอไซริสที่ปั้นจากโคลนของไนล์ แสดงให้เห็นว่าสองลัทธินี้มีความสำคัญเกือบจะเท่าเทียมกันในวัฒนธรรมของเฮราคลีออน ซึ่งราชวงศ์ทัลเลอร์เมย์ที่แม้จะเป็นชาวกรีก ได้พยายามเชื่อมตนเองเข้ากับเทพเจ้าทั้งสองของอียิปต์ โดยอาศัยนักบวชที่วิหารแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดของอียิปต์ยุคนั้น




    เมื่อครั้งที่กองทัพกรีกรุกรานอียิปต์ พวกเขาได้พบกับดินแดนแห่งวิหารอันยิ่งใหญ่ และตระหนักว่าถ้าต้องการจะควบคุมคนอียิปต์ พวกเขาจะต้องควบคุมวิหารอียิปต์ให้ได้เสียก่อน เนื่องจากอามุน มีอำนาจในการให้สิทธิการปกครองต่อกษัตริย์และฟาโรห์  ในตำนานกล่าวไว้ว่า อเล็กซานเดอร์มหาราชเป็นผู้พิชิตคนแรกที่ได้รับศักดิ์และสิทธิอันชอบธรรมในการปกครองอียิปต์  ด้วยการโน้มน้าวให้นักบวชแห่งอามุน ประกาศรับรองเขาในฐานะเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ และทำให้เขากลายเป็นฟาโรห์ที่แท้จริง


    ความสัมพันธ์ระหว่างนักบวชและผู้นำทัลเลอร์เมย์ ดำเนินต่อเนื่องจนสามารถปกครองอียิปต์ยาวนาน แต่เหตุใดมหานครแห่งวิหารเฮราคลีออนและสิ่งปลูกสร้างอันยิ่งใหญ่จึงพังทลายและจมอยู่ใต้ทะเล นี่เป็นเรื่องที่ทีมสำรวจต้องการค้นหาคำตอบ




    ลึกลงไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นักโบราณคดีใต้น้ำได้พบซากเรือโบราณนับสิบ บริเวณรอบฐานของวิหารพบกองไม้ที่จมอยู่จำนวนมาก รวมทั้งพบกระดูกคนติดอยู่ใต้ซากตึกในวิหาร ซึ่งชี้ให้เห็นถึงหายนะครั้งใหญ่ หลักฐานหลายอย่างบ่งบอกว่ามันเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ เช่น การพบทอง เครื่องประดับ เหรียญ แผ่นทอง กระจายอยู่ในบริเวณวิหาร เพราะหากไม่ใช่ภัยธรรมชาติของพวกนี้คงถูกคนเก็บไปหมด


    และนี่คือสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนว่า ครั้งหนึ่งที่นี่เป็นเคยเป็นเมืองที่ถูกลบเลือนไปจากประวัติศาสตร์อย่างกะทันหัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...