เรื่องเด่น 8 สภาวะทางสมาธิ ที่ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ

ในที่สุดก็เลิกทะเลาะกัน สามัคคีหันมาลงรุมตรงโดเรม่อนนี้
..เออ ทีนี้ค่อยเปิดใจคุยกันได้ละยัง
..แค่ละอัตตาลงมากันบ้าง ก็จะรู้ถึงจุดที่มีร่วมกัน ....จะกินน้ำพริกหรือจะกินพิซซ่า ถ้าอิ่มแล้วมันก็ความรู้สึกเดียวกัน....++
..ไม่ใช่ใครไม่เหมือนกูก็ผิดไปหมด กรรมฐานมีตั้ง40กอง ได้ยังไม่ถึงครึ่งกองก็นึกว่าเป้นเทพซะแล้ว....


...เอาความอิ่มแต่ละคนมาเผยแผ่ให้มันน่าชม ดีกว่านะ ^^

 

ประสาทรึเปล่า กรรมฐาน 40 กอง มันก็แค่ อนุสติ ยังไม่ได้ห่า อะไรเลย

ที่เขาพากันพูดอยู่นี้ เพราะมันทำผิดวิธีต่างหาก

กรรมฐานกองไหน ทำแล้ว เครียด ทุกข์ ฌาน 3 บ้านไหน ทำแล้วเครียดทุกข์

ถ้าทำแล้วมันตรงทาง ที่พระพุทธเจ้าสอน กุจะมาด่ามันเรอะ อันนี้ทำผิด แล้วยังเสือกเอาอันผิดๆ มาสอนชาวบ้านเขาอีก

เอ็งลองตอบมาดิ เอาตรงๆ อย่าแถไปเรื่อย

ไม่อ่าน รึอ่านไม่รู้เรื่อง แล้วทำมาเป็น พระเอกยี่เก หา

กุว่าเป็น ตัวปัญญาอ่อนมากว่า

 

ผมไม่ได้ว่าท่านม่อนนะฮะ ที่ผมโพสรูปพระปิดตา เพื่อเสริมคำอธิบายของท่านม่อน
ที่เปรียบว่าผมเหมือนคนหูหนวกไม่ยอมฟังใคร ..ผมไม่ซีเรียสฮะ ผมอ่านเเล้วอมยิ้มในการช่างเปรียบของท่านม่อน

 

นี่ตาชัง..!!

คนอื่นเขาทอดแหได้ปลา..เองใช้เบ็ดตกปลา..
..เองก้ว่าเขาทำผิดๆเพราะไม่เหมือนเอง..
...หารู้ไม่ เขาได้ปลามากกว่าเองเยอะแยะ...
...วิธีจับปลามี 40 วิธี เองยังเรียนไม่ครบก้โวยวายซะแล้ว...

พอละเจ็บคอ..!!

 

เวลาปล่อยปลาจะปล่อยกี่วิธีก็เถอะก็ปล่อยลงน้ำเหมือนกันหมดนั้นหละ
ลักษณะอาการเดียวกันหมด ก็คือการ สละ ไม่ใช่เก็บสะสมปลาไว้กินนะ

ปลาจะมีเยอะกว่า หรือ มีน้อยกว่า ก็เหมือนกันหมดอีกนั้นหละ คือ สละ
มีน้อยหรือมีเยอะจึงไม่เป็นปัญหาอะไรๆ เพราะ สละ เหมือนๆกันหนะหละ
สละ แบบปล่อยปลาลงน้ำนะ ไม่ใช้ปล่อยไปแบบเละเทะ อยากจะปล่อยตรงไหนก็ปล่อย

ไม่รู้คอ มันไปเกี่ยวอะไรกับการพิมพ์จริงๆตอนพิมพ์ที่ใช้คางพิมพ์รึเปล่า

คำพูดที่พิมพ์ออกมานี้ดูดีนะ ฟังโดยรวมๆแล้วดูดีหมดเลย
เสียอยู่อย่างเดียวนี้หละ คือ สติไม่ค่อยจะดี

พอละเจ็บฟัน.. !!

 

นอกจากรอบแรกจะว่าเขา "หูหนวก(ทีม1) ตาบอด(ทีม 2)" ก็ยังกระแดะมาทำตัวหล่อ เวลาโดนรุมด่าเสียอีก "ผมนี่พระเอกไหมละทำให้สองทีมเลิกทะเลาะกันได้" เอ้าไอ้ห่านก็เอ็งไปว่าเขา - -

"ทำไมใช้วิถีนักการเมืองละ?"
ไอ้คนไม่รู้ก็ฉลาดเลย ถูกใจนักการเมือง วิจารณญาณล้มเหลว เหมือนมาซ่อมถนนก่อนเลือกตั้ง(แบบรอพัง) พอได้แล้วก็เงียบ

ก็บอกแล้วเขาถก กรรมฐาน กัน คนที่ไม่แสดงธรรม อะไรเลยมันก็ทำได้แค่ "แอ๊คหล่อไปวันๆไง" อย่างงั้นผมก็พูดได้นะ ท่านรังสีเอ๋ย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา บลาๆ? เนี่ย

ละยังไปบอกเขาได้ไม่ถึงครึ่งกองนึกว่าเทพซะแล้ว "งั้นกูรูที่รู้ว่าเขา ได้แค่ 0.5 กองก็แสดง ธรรมของกองอื่นๆหน่อยเพราะถึงขนาดรู้ว่าเขาทำได้แค่ไหนนาครับ"

 

+++ หึหึ... อยู่ ๆ ก็มี "ไอ้ปัญญาอ่อน ทั้งหนวกทั้งบอด เสือกเข้ามา"
+++ แมง ไม่รู้เรื่อง อ่านอะไรก็ไม่เข้าใจ เพราะแมงโง่ดักดาน
+++ เสือกจะมาทำตัวให้แมงดูเท่ ๆ ไม่มีประโยชน์ห่าอะไรเลย รกโลกไปวัน ๆ
+++ ฌาน 3 หัวกวยอะไร "ตัวแข็ง" อุตริเอาธรรมะ มาโพสท์มั่ว ๆ หวังดังยัดแมงดิ
+++ พยายามร่วมมือกัน "ทำลายศาสนาพุทธ" ไปเรื่อย ๆ ไอ้พวก ยัดแมง ระยำพวกนี้

 

อ่านไปๆมาๆ มีแต่มโน
อย่างกะคนตาบอดคลำช้างเลย
การที่ให้จิตมีฤทธิ์ได้นั่น มีวิธีแบบสายพระป่าท่านกล่าวไว้เท่านั่น คือ
ต้องเข้าฌานสาม แล้วต่อฌานสี่ พอจิตมีพลัง รวมกันเป็นสามัคคีธรรม
ก็ถอยจิตลงมาที่ฌานสาม เพื่อตรึกในเรื่องที่อยากรู้ หรืออยากจะแสดง
แล้วเข้าฌานสี่อีกครั้ง รอเวลา เรื่องนั้นก็จะรู้ได้เอง

 

+++ ไม่เกี่ยวกับ เหมือน/ไม่เหมือน แต่มันเกี่ยวกับ "การบิดเบือนศาสนา"
+++ ไอ้นี่ ไม่รู้เรื่อง ก็เสือกทะเล่อทะล่าเข้ามาพูดเรื่อยเปื่อย ไม่รู้เรื่องสักอย่าง
+++ ไม่รู้จักว่า อะไรคือความถูกต้อง มันก็เลยเละเทะไปหมด เวรกรรมจิง ๆ ว่ะ

 

กระทู้นี้ควรเป็นกระทู้แนะนำ บุคคลทั่วไปเข้ามาอ่านมาก ณ ขณะที่พิมพ์อยู่ สมาชิก 1คน บุคคลทั่วไป14 คน

 

+++ ช่างมีความ เป็น perfectionism สูงซะละเกินนะฮะท่านอาจารย์
บทความผมก็เขียนไว้ในเว็บของผม ไม่ได้เอาไปไว้ในเว็บใคร...
ใช้เงินตัวเองทำ ถ้าคิดว่ามันบิดเบือนศาสนาจะเอามาลงทำไม..
ไปๆมาๆดูท่านมีความ Toxic ในตัวด้วยนะฮะ ใครพูดต่างใครมาเเตะ
ความเชื่อเดิมตัวเอง มันก็เเสดงออกทางความคิดเห็นทันที
พูดซ้ำๆ ย้ำไปมาว่า เเกหน่ะไม่รู้ เเกหน่ะมันโง่.. เอิ่ม..อาจารย์มองคนๆหนึ่งได้เเค่นี้จริงๆหรอครับ

 

+++ ช่างเป็นคน "ปัญญาอ่อน ตัวจริง" นะเจ้านี่ เวปนี้ชื่อ "เวปพลังจิต" เป็นเวปของเอ็งหรืองัย ข้าโพสท์ใน "เวปพลังจิต ซึ่ง ไม่ใช่เวปของเอ็ง" ตอนนี้ คิดจะปล้นเวป ซะแล้วเหรอ

+++ ปัจจุบัณขณะ เอ็งอยู่ในเวปไหน ยังไม่มี "สติ" รู้ตัวอีก ไอ้คนไร้สติอย่างเอ็ง พูดอะไรก็ไร้สติทั้งนั้น

+++ ตอนนี้คง "ชัดเจน แล้วนะว่า "ถ้าไม่พิจารณาเนื้อหา ให้ถ่องแท้เสียก่อน" ผลลัพธ์ออกมา ก็จะเป็นพิษกับตัวผู้ที่เอามาเผยแพร่เอง ตอนนี้ "เห็นชัด" แล้วนะครับ

+++ เหตุผล แถ แบบข้าง ๆ คู ๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านก็รู้ "ชัดเจน" อยู่แล้ว ว่า "เอ็งเขียนไปเพื่อ ความอยากดัง" ของเอ็ง

+++ ข้อความของเอ็ง "ไม่ใช่ความเห็นต่าง" แต่มันเป็นข้อความ "บิดเบือน พระพุทธศาสนา" อย่ามา แถ ซะให้ยาก มัน จูงจมูก ใครไม่ได้หรอก

+++ ความเชื่อผิด ๆ ของเอ็งนั่นแหละ "ฌาน 3 ตัวแข็ง เกร็ง เครียด" นั่นมัน "มิจฉาสมาธิ ฝึกแล้ว "ตกนรก" แน่นอน มันเป็น "อบายภูมิ" มันเป็น "ทุกข์" ที่ชัดเจนในตัวมันเองอยู่แล้ว

+++ ฌาน 3 คือ "ความสุข" แต่เอ็ง ปลอมแปลงเอา "ทุกข์" มายัดใส่ แล้วบอกว่าเป็น ฌาน 3 ไปหาอ่านที่ไหนก็ได้ ไอ้พวกที่บอกว่า "ฌาน 3 เกร็ง เครียด แข็ง" นั้น มันไม่รู้จัก ฌาน มัน "ปลอมแปลง พระพุทธศาสนา" มาทั้งดุ้น

+++ เอ็งทำตัวให้ "ปัญญาอ่อน กว่านี้ได้อีกป่าว" ทำการโพสท์ของเอ็งให้มัน "ปัญญาอ่อน" กว่านี้อีกหน่อย ก็จะชัดเจนดีนะ

+++ อะไรไม่ว่า "เสือกโฆษณา ออกทางเฟส ซะด้วย" ช่วงวันแรก คนดูหลายพัน แต่พอตอนหลัง "ลูกค้าหนีหมด" ตอนนี้เหลือเท่าไรล่ะ

+++ เสือก "ขายของปลอม" พอคนเขาจับได้ ก็ กะล่อนตีแปลง บิดเบือนประเด็นไปเรื่อย ๆ

+++ กระทู้นี้ ควรให้ชื่อว่า "8 สภาวะของมิจฉาสมาธิ ที่ทำให้เกิดโรคจิต" เขียนโดย ปาด ปัญญาอ่อน ก็จะตรงกับเนื้อหาของกระทู้มากกว่านะ

 

+++ จริง ๆ ตอนที่ผมพิมพ์ตอบในหน้าแรก มีบุคคลเข้ามาชมมากกว่า 1 พัน น่าจะลงโฆษณาในเฟส
+++ หลังจากพิมพ์ตอบไปแล้ว สักพัก เหลือ แถว ๆ 600 จากนั้นก็ ลดลงมาเรื่อย ๆ
+++ "ลูกค้าหนีหมด" เขาจับได้ว่า "ขายของปลอม" จะบิดเบือนยังงัยก็ "ล้มละลาย" อยู่ดีนั่นเอง
+++ สินค้า ยี่ห้อ "ปาด" อะไรนั่น เจ็ง แน่นอน ดันชอบขาย สินค้าปลอม มันก็ยังงี้แหละ นะครับ

 

ที่เล่ามาทั้งหมดยังไม่เพียงพอครับ คุณ จรี ปราชญ์

๑.กำลังที่สร้างให้เกิดกับจิตยังไม่เพียงพอที่จะทำให้จิต
เกิดแบบหัวข้อกระทู้ได้
ต้องขึ้นไปอีกอย่างน้อย ๔ ขั้นครับ
ที่สำคัญต้องทิ้งข้อที่ ๘ ให้ได้ก่อนครับ
และต้องเห็นว่า ข้อที่ ๑ ถึง ๖ เป็นแค่กิริยาระหว่างทางปกติ
ไม่มีผลต่อความสามารถใดๆของจิต นอกจากจะทำให้ยึดกิริยานามธรรม
และข้อที่ ๗ เป็นแค่สภาวะที่จิตทำงานได้
จิตทำงานได้ เมื่อมีแสงนำหรือมีเส้นสายนำ
ทางวิทย์จัดอยู่ในหมวดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
มีการดึงดูด มีประจุ หรือเรียกโฟรตรอนหรือสภาวะแสงอยู่แล้ว
จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆครับเพราะ
เป็นการทำงานได้ของจิตในระดับไม่เกินปฐมฌานเท่านั้นเอง
สภาวะนี้ ถ้าไม่ทิ้ง อาจจะโดนผีหลอกในสมาธิได้
เพราะพวกเหล่านี้ ชอบปลอมเป็น
สิ่งที่เราเคารพนับถือมาหลอก
ทำให้คนหลงตัวเองว่า เก่ง ว่าบรรลุมาเยอะมากแล้วครับ
ดังนั้นข้อนี้ห้ามสนใจเลยครับ


๒.ข้อที่๘ทำให้ติดในสภาวะนามธรรม จะไปได้แต่เรื่องสัมผัสภายใน
ไม่ได้มีกำลังจิตเพียงพอ ที่จะเป็นฐานไปสู่ คำว่า มีอิทธิฤิทธิ คับ

ปล. หัวข้อ น่าจะใช้คำว่า สมาธิเบื้องต้นของผู้ที่มีสัมผัสภายใน
จะตรงกับกิริยาที่เกิดครับ

 

เริ่มต้นมาก็ยกเครดิต ให้ตัวเองเป็นผู้เขียน พอมีปัญหาก็อ้างพระ ทั้งที่ก็ยกเครดิตให้ตัวเองอยู่
หากไม่มีผู้ใดมาโต้แย้งก็คงจะลอยลำ รับหน้าความดีความชอบไปโดยปริยาย

ลักษณะนิสัยแบบนี้ มันเข้าข่ายโจรธรรม ได้เลยทีเดียว ขี้อ้าง ขี้แถ อีกต่างหาก ฮ่าๆๆๆ

 

ก็บอกว่า ผ่านมาหมดแล้ว กรรมฐาน 40 นะ ครบทุกอัน ถึงบอกว่ามันทำผิด

ไหนลองบอกมาซิ ฌาน 3 บ้านไหน มันถึงทำแล้วเครียด อธิบายมา จะได้รู้ ไม่ใช่แถไปเรื่อย ว่ามันมีหลายวิธี วิธีไหนก็ได้

ประสาท วิธี เยอะ 40 วิธี ยังเสือกทำผิด ไม่ถูกสักวิธี ที่มันพูดมา ฤษี ว่ามันทำ ฌานแบบฤษี ตายไปยังไปพอไปเป็น พรหม แต่ไอ้ห่านี้ ทำแบบนี้ ฌานเครียด บอกให้ว่า ตายปุ๊บ ล่วงปั๊บ ลงลึก ตามระดับความเครียดของมันนั้นละ เครียดเยอะๆ เข้าไป ฌาน เครียดๆ จะได้ลงลึกๆ

คนไม่เคยทำตาม คำสอนพระพุทธเจ้าได้ แม่ง.. ชอบ เอามาสอนคนอื่นผิด ลงนรกคนเดียวไม่พอ ยังจะลากคนอื่นไปด้วย ประเภทนี้ ผมก็ชอบนะ จะพาลากลงลึกๆ เลยทีเดียว

 

+++ ถูกต้อง "ตรงประเด็น" อย่างยิ่ง
+++ ในสมัยพุทธกาล บุคคลพวกนี้ย่อมถูกเรียกว่า "ภิกษุมหาโจร"
============================================
https://www.dhammahome.com/webboard/topic/12359

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕- หน้าที่ 346
ในโจร ๕ จำพวกนั้น โจรทางโลกย่อมขโมยวัตถุมีทรัพย์และธัญชาติเป็นต้น เฉพาะทางโลกเท่านั้น ในบรรดาโจรที่กล่าวแล้วในศาสนา

โจรที่ ๑ ย่อมขโมยสักว่าปัจจัยมีจีวรเป็นต้น มีรูปเห็นปานนั้นเท่านั้น

โจรที่ ๒ ย่อมขโมยประยัติธรรม
โจรที่ ๓ ย่อมขโมยพรหมจรรย์ของคนอื่น

โจรที่ ๔ ย่อมขโมยครุภัณฑ์อันเป็นของสงฆ์

โจรที่ ๕ ย่อมขโมยทั้งคุณทรัพย์ที่เป็นโลกิยะและโลกุตระ อันต่างด้วยฌาน สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล ทั้งปัจจัยมีจีวรเป็นต้น อันเป็นโลกีย์

เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก้อนข้าวของแว่นแคว้น พวกเธอบริโภคแล้ว ด้วยไถยจิต. ในโจร ๕ จำพวกนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นโจรในโลกพร้อมทั้งพรหมโลก ดังนี้ ทรงหมายถึงมหาโจรที่ ๕ นี้ เพราะมหาโจรนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นยอดมหาโจร เพราะขโมยโลกิยทรัพย์และโลกุตรทรัพย์อย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดอวดอุตริมนุสธรรมที่ตน ไม่มี ไม่เป็นจริง ภิกษุนี้เป็นยอดมหาโจรในโลกพร้อมทั้งเทวโลก . . . พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ เพราะฉะนั้น จึงทรงประกาศภิกษุนั้น แม้ในศาสนานี้ ด้วยการกำหนดอย่างสูงนี้ว่า ในโลกพร้อมทั้งพรหมโลก.
============================================
+++ โจรในข้อ 1-4 เป็นโจรใน โลก/พรหมโลก (สรุป กามาวจร/รูปาวจร)(กามาวจร พอเข้าใจได้ ส่วน รูปาวจร จะอยู่ในข้อ 2-3 ในเรื่องของ การแอบอ้าง)

+++ แต่ที่จะ "หมายเอาความ" กันจริง ๆ แล้ว กระทู้นี้ ตกอยู่ใน "โจรข้อที่ 5" เพราะเป็นการอ้าง "ด้วยฌาน สมาธิ สมาบัติ"

+++ ในข้อนี้ หากเป็นพระ ต้องถือว่าเป็น "ปาราชิก" โดยอัตโนมัติ เพียงแต่ "กรณีนี้ ไม่ไช่พระ" ดังนั้น "ไม่เกี่ยวกับ ปาราชิกทางโลก"

+++ แต่ "กฏแห่งกรรม" เป็นเรื่องของ "ปาราชิก ทางธรรม" นั้น ไม่ได้เลือกว่าเป็น "พระ/ฆราวาส" อะไร กฏแห่งกรรม คือ กฏแห่งกรรม เท่านั้น


+++ ใครที่ไป "เอออกห่อหมก เห็นดีงาม ไปกับโจร" ก็พึงควร "หาทางเอาตัวรอดจาก กฏแห่งกรรม กันเอาเองก็แล้วกัน"

+++ เวปพลังจิต เป็นเวปเพื่อ พระพุทธศาสนา ดังนั้น "ก่อนที่จะเอาอะไรมาโพสท์" ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน

+++ การที่เห็น "เฉพาะแค่เพียงว่า เป็นเรื่องที่ น่าสนใจ" เพียงแค่นั้น อาจจะพอเพียงกับพวก "เวปสำนักข่าว"

+++ แต่ "ไม่ใช่" เวปเพื่อ พระพุทธศาสนา ดังนั้น "อะไรก็ตาม ที่เป็น สิ่งลวงโลก" แล้วมีผลกระทบต่อ พระพุทธศาสนา โดยรวม

+++ ก็ควร "ร่วมมือกัน (ทางโลก)" แต่ในทางธรรมแล้ว "กฏแห่งกรรม" เท่านั้น ที่ชี้ขาด การทำงานของจิต และ ความผูกพันใน "ขันธ์ทั้ง 5"


+++ ส่วนในเรื่อง "พระธาตุ" นั้น จัดเป็น "หลักฐานยืนยัน ชนิด ปรมัตถ์" ของผู้ที่ "ปฏิบัติมาอย่างถูกต้อง" เท่านั้น จึงเป็นได้

+++ ไม่ใช่เรื่อง เผยแพร่โอ้อวด และ "ไม่ควรที่จะนำมา เป็นอุปกรณ์ ลวงโลกต่าง ๆ นา ๆ"

+++ การนำสิ่งที่ "ไม่ใช่พระธาตุ แล้วบอกว่าเป็น พระธาตุ" รวมทั้งการนำสิ่งที่ "เป็นพระธาตุ มาบอกว่า ไม่ใช่พระธาตุ" นั้น

+++ มีค่าเท่ากับ การบิดเบือน พระอรหันต์ทุกองค์ ที่มี พระพุทธเจ้าเป็นประธาน (สมมติสงฆ์ 5 รูป (สังฆทาน) ยังเทียบกับ หมู่สงฆ์ที่มีอัฏฐิเป็นพระธาตุ ไม่ได้เลย)

+++ กรรมระดับนี้ วิบากระดับนี้ จะเอามา "โพสท์เล่น ๆ ไม่ได้" และ กรรมระดับนี้ "คนธรรมดา" จะเป็น "ต้นกรรม" ก็ไม่ได้ เช่นเดียวกัน

+++ คนธรรมดา จะเป็นได้ก็แค่ในระดับ "กองเชียร์" เท่านั้น แม้วิบากจะ "ไม่ลึกล้ำ เท่าระดับ ต้นกรรม" ก็ตาม แต่ก็ยังต้อง "ไปอบาย" อยู่ดี

+++ บุคคลที่จัดอยู่ในระดับ "ต้นกรรม" ได้นั้น ต้องมี "โทษสมบัติ ที่ รู้จิตวิทยาฝูงชน รู้การโฆษณาชวนเชื่อ ต่าง ๆ รวมถึงการควบคุมฝูงชน" ด้วย

+++ จากนั้นจึง "เริ่ม กรรมแห่งการบิดเบือน" เพื่อให้เกิด ศรัทธาฝูงชน ให้หลั่งไหลเข้ามา จนถึงระดับ "คลั่งศรัทธา" จนไม่ยอมรับ ความเป็นจริงใด ๆ

+++ บุคคลที่เป็น "ต้นกรรม" เหล่านี้ เป็นพวก "สุขุม เลือดเย็น ปลุกปั่นฝูงชนให้เข้ามา เลื่อมใสศรัทธา ในสิ่งผิด" ปัจจุบันรู้จักกันในนาม "พวกปั้นพระ"

+++ ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่เสมอ กรณีหลัง ๆ จะเห็น "เนนคำ ธรรมกลาย" และอื่น ๆ แต่ที่แน่นอนที่สุด คือพวกนี้จะปลุก "ความสักสิด ริด ต่าง ๆ" มากมาย

+++ กลุ่มในพวกที่ "ร่วมศรัทธาในสิ่งผิด" กฏการทำงานทางจิต (กฏแห่งกรรม) อาจไม่รุนแรงเท่า "กลุ่มก่อตั้ง กลุ่มต้นกรรม" ซึ่ง เลือดเย็น กว่ามาก

+++ กลุ่ม เลือดเย็นนี้ ย่อมไป "นรกขุมเย็น" เป็นธรรมดาของ "สัมปะยุตตะปัจจะโย" ในเรื่อง "โลกันต์มหานรก" นี้ไปหา กูเกิ้ล กันเอาก็ได้ นะครับ

 

ยินดีรับฟังทุกการติชม ..เเหมท่านอาจารย์ก็ยังเล่นใหญ่เหมือนเดิมนะฮะ
มันเป็นปกติของพวกกระทู้ออนไลน์อยู่เเล้ว ..ที่คนดูจะค่อยๆลดลง
.
ไม่ใช่เพราะบารมีธรรมอะไรเลย มันเกี่ยวข้องกับอัลกอลึทึมเฟสบุ๊ค ที่ จขพ. เอาไปลงในเพจเขา ..อันนี้ถ้าไม่รู้จริงก็ไม่ควรพูดนะครับ มันเหมือนเอาดีเข้าตัว
...เเละก็ยังคงใช้คำหว่านล้อมได้ดีเหมือนเคย เรื่องพระธาตุคนเอามาหาประโยชน์ก็มาก
.
ผมถึงได้บอกไงว่ามันไม่ใช่สาระจริงๆ เพราะใครๆก็ยกมาอ้างได้
ผมอ่านนิยาย ที่ ท่านอาจารย์เขียนมา มันก็มโนนะครับ โดยเฉพาะเรื่องต้นกรรม
.
ฮิตเลอร์ หรือว่าพวกศาสดาศาสนาอื่น ก็จัดเป็นต้นกรรม? อจ. คงไม่รู้จักปัจจัยด้านสิ่งเเวดล้อมสินะครับ มนุษย์ปกติ บางครั้งก็ต้องตามสังคมหรือ ตามการปลุกปั่นในขณะนั้น เพราะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังคมเลยเปิดโอกาส หรือยกใครบางคนมาเป็นผู้นำ ส่วนเรื่องการ Manipulation พฤติกรรมคนอื่น ควบคุมคน
.
เเน่ใจรึว่า อจ. ไม่ได้เป็น 1 ในนั้น เพราะการอธิบายของอจ. ก็จัดอยู่ในพวก การใช้ Barnum effect ทำให้คนเชื่อ การใช้คำพูดลึกๆ ดึงดูดคน ให้เกิดการเอ๊ะใจ อย่างพวก osho ..มันไม่ได้ต่างกันเลย
สุดท้ายก็มีคนมาเป็นพรรคเป็นพวก เเละเกิดความขัดเเย้งกับกลุ่มอื่นในที่สุด
.
ความเเตกเเยกกลุ่มศาสนาเเม้เเต่ในศาสนาด้วยกันเองก็ยังคงมีเรื่อยๆ เพราะปกป้องความเชื่อ ที่จัดอยู่ในรูปเเบบ fantasy ที่นำมาใช้จริงๆไม่ได้ หรือ เอาไปใช้หลังความตาย ส่วนสาวกก็ยังคงเสพคำพูด เเล้วเพิ่มความเชื่อเดิมๆ ไม่ว่าจะสภาวะ หรือ ความเเตกต่างที่พิเศษคนทั่วไปอยู่ตลอด..
.
ถ้าคิดว่าปัจจัยที่ตนเองศึกษามาถูกทั้งหมด หรือความคิดที่วิ่งไปมาในสมองของตัวเองคือความ pure ผมว่าตลกครับ

 

ถ้ายังแปลเป็นไทยไม่ได้ก็อย่าพิมพ์ปนหรือยกมาอ้างเลยนะครับ...เดี๋ยวเอาอะไรต่ออะไรที่อ่านแล้วไม่เข้าใจมาปนกันมั่ว...

 

คิดว่าจะแล้วไปแล้วซะอีก มีหัวเอาไว้กั้นรั้วจริงๆ อิอิ