คลังเรื่องเด่น
-
ตารางเปรียบเทียบ ประเภทนรกขุมใหญ่ เรียงลำดับจากเบาไปหนัก
ตารางเปรียบเทียบ ประเภทนรกขุมใหญ่ เรียงลำดับจากเบาไปหนัก
ความหมายของ 1 ปีนรก
1 ปีมี 12 เดือน เดือนละ 30 วัน ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับปีมนุษย์
ความหมายของ 1 กัป
สมมติให้มีกล่องที่ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็มเวลาผ่านไป 100 ปี หยิบออก 1 เมล็ด จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ นับเป็น 1 กัป
นรกขุมใหญ่ ต้องโทษเพราะไม่เคารพ และผิดใน กรรมบถ 10
นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 สัญชีพนรก
ลักษณะพื้นเป็นเหล็กหนา เผาไฟจนแดงโชน ขอบด้านข้าง 4 ขอบก็เช่นกัน มองออกไปไม่แลเห็นขอบบ่อ
มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่ว่างเว้นจากไฟไม่ได้เลย
ระหว่างไฟจะมีสรรพาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ฯลฯ สารพัดจะมี ถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด
สัตว์ นรกที่อยู่ในนั้นจะวิ่งพล่าน เพราะเท้าเหยียบไฟ ร่างกายก็จะถูกเผาไฟติดไฟตลอดเวลา เวลาวิ่งไปก็จะไปกระทบกับหอก ดาบ ฆ้อน หรืออาวุธต่างๆ มาฟัน แทง สับ ร้องครวญครางดิ้นเร่าๆ แต่พอร่างกายขาดแล้ว ก็จะมาต่อติดกันใหม่โดยทันที มาทรมานต่อไป ไม่มีวันตาย
สรุปว่ามีไฟเผากายตลอดเวลา มีสรรพาวุธประหัตประหารตลอดเวลา
นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 2 กาฬปุตตะนรก
มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก... -
เน้นหนักที่การปฏิบัติ - คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
หลวงปู่ดู่ท่านให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของการปฏิบัติสมาธิภาวนา ท่านว่า "ถ้าไม่เอา (ปฏิบัติ) เป็นเถ้าเสียดีกว่า" ในสมัยก่อนเมื่อตอนที่ศาลาปฏิบัติธรรมหน้ากุฏิท่านยังสร้างไม่เสร็จนั้น ท่านก็เมตตาให้ใช้ห้องส่วนตัวที่ท่านใช้จำวัด เป็นที่รับรองสานุศิษย์ และผู้สนใจได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งนับเป็นความเมตตาอย่างสูง
สำหรับผู้ที่ไปกราบนมัสการท่านบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้ฟังท่านสนทนาธรรม ก็คงได้เห็นลีลาการสอนของท่าน ที่จะโน้มน้าวผู้ฟังให้วกเข้าสู่การปรับปรุงแก้ไขตนเอง เช่น ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์วิพากษ์วิจารณ์คนนั้นคนนี้ ให้ท่านฟังในเชิงว่ากล่าว ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาและความยุ่งยาก แทนที่ท่านจะเออออไปตาม อันจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลายออกไป ท่านกลับปรามว่า "เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก แต่แก้ที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม"
แม้ว่าหลวงปู่ดู่จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นก็คือ การปฏิบัติ ดังจะเห็นได้จากคำพูดของท่านที่ว่า "เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้"... -
เพียงวันละ 10 นาที ก็สามารถพ้นนรกเข้าถึงนิพพานได้
คนที่ปฏิบัติเพื่อพระนิพพานจะใคร่ครวญอย่างไรจึงจะง่ายและสั้นที่สุด ท่านตรัสว่า เจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้
จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนก็ไม่มี แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระคือร่างกายพังแล้ว เราจะไปพระนิพพาน
เมื่อความป่วยไข้ปรากฏจงดีใจว่า ภาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชินจะเห็น เหตุผล เมื่อจะตายอารมณ์จะสบายแล้วก็จะเข้านิพพานได้ทัน
........................................................................................................
ทีนี้คนไหนต้องการจะไปพระนิพพานก็เป็นของไม่ยาก สัมพเกษี ให้เขาคิดเห็นว่า
โลกนี้ทั้งโลก ไม่มีอะไรที่เราชอบ ไม่มีอะไรที่เรารัก เราไม่รักอะไร เราไม่ชอบอะไรในโลกนี้ แม้แต่ร่างกายของเราเองเราก็ไม่ชอบไม่รัก เพราะมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยความทรมาน แล้วให้ใคร่ครวญหาความจริงในโลก จะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม มันมีสภาพคงตัวได้ตลอดกาลหรือเปล่า ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลง... -
สร้างองค์ปฐมชีวิตนี้ไม่ตกนรกแน่นอนจริงหรือเปล่าครับ ?
ถาม : แล้วที่ผมเคยได้ยินมาครับว่า สร้างองค์ปฐมชีวิตนี้ไม่ตกนรกแน่นอนจริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรม คือกรรมหนักไม่สามารถแก้ไขได้ ๕ ประการตัวอย่างคือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต หรือยุสงฆ์ให้แตกกัน ถ้าไม่ได้ทำกรรมหนัก ๕ อย่างนี้ บุคคลที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม พระยายมท่านรับปากว่าจะพยายามประคับประคองกำลังใจให้นึกถึงด้านบุญให้ได้ คนที่ทำบุญนี้จะต้องนึกถึงด้านบุญก่อน
ถาม : นั่นน่ะซิครับ ถ้าอย่างนี้ตอนจะตายไม่คิดอะไรก็ ....?
ตอบ : ท่านจะบังคับให้คิด ถ้าไม่คิดก็ตีกบาล (หัวเราะ) ยังไงก็ต้องคิดดีให้ได้ เรื่องอำนาจของเทวดา ของพรหมเรื่องบังคับความคิดของเรานี่เป็นเรื่องที่หมูที่สุดของท่านเลย แต่เนื่องจากว่าท่านเองท่านจะไม่ยุ่งกับเราในสิ่งที่เกินกฏของกรรม เหตุที่ท่านรับปากได้เพราะว่าอานิสงส์ที่เราสร้างมันสูงมาก ในเมื่อมันสูงมากท่านก็สามารถจะช่วยได้หน่อย ยังไง ๆ ก็อย่าชั่วมากก็แล้วกัน
ถาม : การสร้างพระใหญ่นี่ระหว่างสมเด็จองค์ปฐมกับพระพุทธรูปองค์อื่นอานิสงส์จะเท่ากันหรือต่างกันครับ ?
ตอบ : มันก็จะหนักเบาไปตามบารมีของท่าน
ถาม :... -
อย่าทอดทิ้ง...พระในบ้าน ( สมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี )
มีคุณนายคนหนึ่ง…..
ใจบุญสุนทาน…ตักบาตรทุกเช้า
ตักบาตรเสร็จ.. ก็แต่งสำรับกับข้าว…อย่างบรรจงประณีต ..
เพื่อเอาไปถวาย…..ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ…ผู้เป็นเจ้าอาวาส
ด้วยความเคารพนับถือ..ในจริยวัตรของท่าน
และชอบฟังท่านคุย….เล่าเรื่องต่าง ๆ…
เรียกว่า….ตักบาตรเสร็จ…
คุณนายต้องมาวัดทุกวัน…
ถวายอาหารเสร็จ…ก็คุยกับพระสมเด็จ…
วันหนึ่ง…
หลังจากคุณนายกลับแล้ว….
พระหนุ่มรูปหนึ่ง….ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จ
เข้าไปกราบเรียนว่า…
คุณนายคนนี้…ใจบุญสุนทานจริง ๆ….
แต่เคยได้ยินว่า…เป็นคนใจแคบ…
เหลือแม่อยู่คนเดียว..
ปล่อยให้อดๆ..อยากๆ…ไม่เอาใจใส่…..
ปล่อยให้อยู่ห้องแคบ ๆ…หลังบ้าน
ส่วนตัวเองและลูก ๆ ..
อยู่ตึกใหญ่โต…สะดวกสบาย….
เวลาพูดจากับแม่…ก็ฟังไม่ได้..
หยาบคาย….ขู่ตะคอก…กระแทกกระทั้น…
ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จที่วัด…
ชนิดหน้ามือ..เป็นหลังมือ…
แม่…จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้าน..ก็ไม่ได้…
ไม่ยอมให้ออก…
มีแม่แก่…หลงๆ ลืม ๆ..สติไม่สมประกอบ..
อายเขา…
มีคนเขาเล่าให้ฟัง…หลายรายแล้ว…
เท็จจริงอย่างไร….ไม่ทราบได้…
สมเด็จ….นั่งฟังเฉย…ไม่พูดว่าอะไร
วันหนึ่งมีกิจนิมนต์…ไปทำบุญบ้าน
ขากลับ….เดินผ่านหน้าบ้านคุณนาย…... -
วิธีถอดกายทิพย์ที่คุณก็ทำได้
เกล้าฯมีประสบการณ์..การถอดกายทิพย์หลายครั้ง..แต่จะเล่าแต่พอสังเขป
กายทิพย์ออกด้วยอำนาจของสมาธิ...
ครั้งหนึ่งเกล้าฯได้ไปบวชและปฏิบัติธรรมในป่าช้า..ซึ่งเป็นวัดป่าที่คนในหมู่บ้านของเกล้าฯเล่าลือกันว่าผีดุ...และท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้บอกเล่าให้ฟังว่า...ที่วัดแห่งนี้เจ้าอาวาสองค์ก่อน..เคยเห็นหมาดำตัวใหญ่ๆ...กระโดดข้ามกำแพง..ตอนดึกสงัด....ซึ่งกำแพงที่ว่านี้สูงท่วมหัว
ด้วยกิตติศัพท์เรื่องความเฮี้ยน..ของสถานที่....หลังตะวันตกดิน...ก็จะร่วมกับเจ้าอาวาสและสามเณร..ทำวัตรเย็น..ตอนนั้นมีพระสองรูป..เณรสามรูป(สามเณรจะนอนรวมกันที่ศาลา)
ทำวัตรเสร็จ..ประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง...เกล้าฯก็จะถือไฟฉายเดินผ่านป่า...
เดินสักพักหนึ่ง...ก็จะผ่านที่เก็บผีตายโหงสองศพ..ที่โบกปูนใหม่ๆในป่าช้า...อยู่ใต้ต้นไม้...เกล้าฯเดินผ่านมาด้วยหัวใจอันระทึก....จนมาถึงกุฎีตัวเองที่ซ่อนอยู่ในป่า....
สิ่งแรกเลยที่เกล้าฯลงมือทำ...คือสวดมนต์ไหว้พระ...กางตำรามนต์พิธีออก..เปิดสวดไปเรื่อย...จนดึกและเหนื่อยอ่อนคืนนี้เป็นคืนที่สอง.....ในป่าช้าของเกล้าฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็เหนื่อยอ่อนจนกว่าจะหลับได้... -
ทำไมสตรีบางคนเกิดมาจึงมีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่
ปัญหา ทำไมสตรีบางคนเกิดมาจึงมีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ ทั้งยังยากจนและต่ำศักดิ์อีกด้วย ?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนพระนางมัลลิกา....มาตุคาม (สตรี) บางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ ถูกว่าแม้เล็กน้อยก็ขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ ไม่เป็นผู้ให้ทานคือข้าว น้ำ ยวดยาน ระเบียบ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟแก่สมณะหรือพราหมณ์ และเป็นผู้มีใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือการไหว้ การบูชาของผู้อื่น กีดกันตัดรอนผูกความริษยา ถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตตภาพนันมาสู่ความเป็นอย่างนี้ กลับมาเกิดในชาติใด ๆ ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม รูปชั่ว ไม่น่าดู ทั้งเป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์สมบัติและต่ำศักดิ์”
มหาวรรค จ. อํ. (๑๙๗)
ตบ. ๒๑ : ๒๗๖ ตท. ๒๑ : ๒๓๓
ตอ. G.S. II : ๒๑๕-๒๑๖
http://www.84000.org/true/205.html
203 ทำไมไม่สวยแต่รวยและสูงศักดิ์
ปัญหา ทำไมสตรีบางคนเกิดมาจึงมีรูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ แต่มีทรัพย์สมบัติมากและมีศักดิ์สูง ?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนพระนางมัลลิกา....มาตุคาม (สตรี) บางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักโกรธ มากไปด้วยความแค้นใจ... -
เมื่อท่านเจ้าคุณนรถอดกายทิพย์
เมื่อท่านเจ้าคุณนรฯ ถอดกายทิพย์
วันหนึ่งได้มีคุณหญิงผู้หนึ่งมาพบท่าน คุณหญิงผู้นี้เป็นนักวิปัสสนา ได้ไปนั่งวิปัสสนาอยู่ที่อยุธยา
ขณะที่นั่งวิปัสสนานี้ไม่ก้าวหน้าทางวิปัสสนา การนั่งไปติดอยู่ ซึ่งเกิดจากอะไรผมก็ไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้ศึกษามาทางด้านนี้เลย
และปรากฏว่าคืนวันหนึ่ง ขณะที่ท่านนั่งทำสมาธิได้พบท่านธมฺมวิตกฺโก(ท่านเจ้าคุณนรฯ) และท่านธมฺมวิตกฺโก ได้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องการนั่งวิปัสสนา ทำให้คุณหญิงผู้นี้นั่งวิปัสสนาก้าวหน้าต่อไปได้
จึงมาหาท่านและมาขอบคุณที่กรุณาแนะนำ เรื่องนี้ท่านธมฺมวิตกฺโกไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ได้แต่รับฟัง และบอกว่าดีแล้วที่ก้าวหน้า และ สั่งว่าไม่ต้องมาหาอีก เพราะฝึกได้ก้าวหน้าและให้พรไป
วันหนึ่งขณะที่กำลังจะลงโบสถ์ตอนเย็น ได้มีชายคนหนึ่ง เข้าไปกราบท่านธมฺมวิตกฺโก ท่านได้หยุดทักทายแล้วก็ไปลงโบสถ์
เมื่อออกจากโบสถ์แล้ว ท่านได้เล่าว่าชายคนนั้นเคยบวชที่วัดเทพศิรินทร์ และได้รู้จักกับท่าน
หลังจากลาสิกขาไปแล้ว ได้ไปกับเพื่อนนายตำรวจไปตรวจดู ตามสถานที่ต่าง ๆ ได้ถูกทำร้าย และถูกเชือดคอ ชายคนนั้นได้นึกถึงท่านธมฺมวิตกฺโก... -
พระอาจารย์เล็กสอนว่า "อย่าจำในสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเรา"
พระอาจารย์เล็ก สอนลูกศิษย์เสมอว่า
"อย่าจำในสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นทำกับเรา
แต่ถ้าใครทำดีกับเราให้จำเอาไว้ และรอเวลาทดแทน"
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๓
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกๆท่านครับ ขอเปิดบ้านใหม่แต่ยังมีเรื่องราวสาระต่างๆเหมือนอย่างที่เคยทำมาแต่เดิม ขอนำเสนอสารธรรมต่างๆของหลวงพ่อและเกี่ยวกับวัดท่าซุงเป็นหลัก
ทุกท่านสามารถเข้ามาบอกเล่าเรื่องราวดีๆของตัวเอง, ข่าวคราวต่างๆหรือประสบการณ์พระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อหรือแสดงความคิดเห็นโดยสุภาพและไม่เป็นการกระทบกระทั่งต่อผู้แสดงความคิดเห็นท่านอื่นในกระทู้
ยินดีต้อนรับทุกๆท่านและขอขอบคุณที่ได้ติดตามอ่านกันตลอดมานะครับ -
การทำให้บุญรวมตัวก่อนตาย
การทำให้บุญรวมตัวก่อนตาย
(คัดลอกจากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๘ หน้า ๖๕-๖๘ โดยพระราชพรหมยาน)
...ฉะนั้นถ้าจิตออกจากร่าง ถ้าบังเอิญไปพบอกุศลเข้าก็ไปอบายภูมิได้ ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนให้ฝึกจิตให้มีอารมณ์ทรงตัว
ถ้าเราตั้งใจนึกถึงบุญทุกวันก็นึกได้ แต่มันนึกไม่ไหวหรอก แม้แต่วัดที่ไปทำบุญก็จำไม่ได้หมดเลย ใช่ไหม พระที่รับบุญจากเรา ที่เราทำบุญด้วยเราก็จำไม่ได้หมด ก็เกาะหลักใหญ่คือพระพุทธเจ้า เริ่มเจริญสมาธิ คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติเป็นมนุษย์ ชาติต่อไปขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ไม่มีสำหรับเรา เราจะต้องเป็นนางฟ้าเป็นเทวดา หรือพรหม หรือไปนิพพาน
อันดับแรก ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึกว่า โธ
แต่ว่าคำภาวนานี่ญาติโยมพุทธบริษัท ไม่จำกัดนะ จะนึก พุทโธ ก็ได้ สัมมาอรหัง ก็ได้ อิติสุคโต ก็ได้ ยุบหนอพองหนอ ก็ได้ อะไรก็ได้ทั้งหมด แต่ก่อนที่จะภาวนานึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วภาวนาเป็นเครื่องโยงใจ ให้จิตมีงานเสีย จิตมีงานในบุญ ในบาป
ขณะใดที่จิตรู้ลมหายใจเข้าออก จิตไม่คิดถึงเรื่องอื่น เวลานั้นจิตเป็นสมาธิ จิตว่างจากกิเลส ขณะใดจิตรู้คำภาวนาอยู่... -
ยิ่งกรรมหนัก ยิ่งปล่อยสัตว์ใหญ่ ยิ่งได้เปรียบ
ถาม: อานิสงส์ของการปล่อยสัตว์ใหญ่....?
ตอบ: อันดับแรกได้ตัวเมตตาบารมี เราไปหล่อยเขาให้มีชีวิตรอดได้รับความสุขความสะดวกสบายน่ะ ต่อไปเราทำอะไรก็จะสะดวกสบายไปหมด แล้วเสร็จแล้ว มีอานิสงส์พิเศษ อีก เรื่องของการปล่อยชีวิตสัตว์ถ้าหากว่าเป็นสัตว์ที่เขาขายเพื่อให้ไว้ฆ่าเป็นอาหารน่ะ
ถ้าช่วงนั้นเรามีอุปฆาตกรรมเข้ามามันจะเป็นกุศลต่อชีวิตให้เราด้วย ตัวหนึ่งเท่ากับปีหนึ่ง สมมติว่าคุณปล่อยปลา ๑๐ ตัว นี่อายุยืนต่อไป ๑๐ ปีแน่ ๆ แต่ถ้าหากว่าไม่มีอุปฆาตกรรมเข้ามารบกวน อานิสงส์ตัวนี้ก็จะทำให้เรามีความสุขสะดวกสบาย
เรื่องเคราะห์กรรมใหญ่ ๆ อย่างเช่นว่าหนักอยู่สักหน่อย ถ้าหากว่าปล่อยพวกไก่พวกเป็ดที่เขาจะฆ่าเคราะห์กรรมอันนั้นก็จะเบาไป ถ้ามันจะถึงแก่ชีวิตเลย ปล่อยสัตว์อย่างพวกแพะ แกะ วัว ควาย ก็จะเป็นการต่อชีวิตของเราได้เลย ประเภทที่เรียกว่า ยิ่งกรรมหนักก็ยิ่งปล่อยสัตว์ใหญ่ยิ่งได้เปรียบ
แล้วมันมีอานิสงส์แปลก ๆ อยู่อย่าง
คือหลวงพ่อท่านเคยซื้อปูทะเลไปปล่อย เห็นมันโดนมัดอยู่เป็นเข่ง ๆ ก็สงสาร ซื้อแล้วก็เอาไปปล่อยตัดเชือกปล่อยมันลงทะเลยไป ปรากฏว่าท่านบอกว่า ปกติแล้วท่านจะปวดหลังเมื่อยตัวเป็นประจำ... -
เสียงธรรม ตามรอยธรรม“ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ “( MP3 )
ตามรอยธรรม“ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ “
ให้เสียงโดย พ.ท.ธนกร เฟื่องฟุ้ง
up ใหม่ 3ไฟล์นะคะเนื่องจากไฟล์โหลดไม่สมบูรณ์ ขอโทษมากๆเลย ลืมดู รีบด้วยอ่ะตอนนั้น
mp3_095_1.mp3 ~>ประวัติหลวงปู่ดู่
mp3_095_2.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๑
mp3_095_3.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๒ (upให้ใหม่แล้ว)
mp3_095_4.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๓
mp3_095_5.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๔ (upให้ใหม่แล้ว)
mp3_095_6.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๕ (upให้ใหม่แล้ว)
mp3_095_7.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๖
mp3_095_8.mp3 ~>ตามรอยธรรมหลวงปู่ดู่ ๗
............. -
โลกียอภิญญา....การฝึกกสิณและอานุภาพของกสิณ
วันนี้ก็มาว่าเรื่องของการฝึกเกี่ยวกับ กสิณทั้ง ๑๐ ของเราต่อไป เมื่อวานได้กล่าวไปแล้วถึง วรรณกสิณทั้งสี่ สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีขาว
เรื่องของกสิณนั้น แม้ว่าจะเป็นกรรมฐานที่หยาบ มีนิมิต มีสัมผัสได้ จับได้ ต้องได้ แต่ว่ามันลำบากด้วย
*การหานิมิตกสิณ* เพื่อที่จะใช้ในการเพ่งและพิจารณา
สำหรับวันนี้ก็จะกล่าวถึง ธาตุกสิณทั้งสี่ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ กสิณทั้งสี่กองนี้เริ่มจาก
ปฐวีกสิณ เราก็ต้องหานิมิตกสิณก่อน สมัยโบราณท่านบอกว่าให้ใช้ดินสีอรุณ คือสีเหลืองอมแดง เพื่อนำมาทำเป็นนิมิตกสิณ ต้องเอาดินมาละเลงบนผ้าสดึง แต่ว่าสมัยนี้ของเราถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ดีแต่เนื่องจากว่าสมัยนี้บางทีการหา วัสดุมาทำมันยากอยู่สักนิดหนึ่ง เด็กรุ่นหลังๆ กระทั่งดินสีอรุณหรือดินขุยปูในลักษณะนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรยังไม่รู้จักเลย เราก็ใช้ดินทั่วๆไป อาจจะเอามานวดมาปั้นก็ได้ ปั้นให้เป็นรูปกลมๆ ขนาดที่เราชอบใจก็ได้ หรือว่าจะปั้นให้เป็นสี่เหลี่ยมก็ได้ หรือว่าจะทำเป็นนิมิตกสิณอย่างของคนโบราณคือละเลงลงบนผ้าที่กว้างเมตรสองคืบสี่นิ้วก็ได้หรือว่าจะปัดกวาดสถานที่ใดที่หนึ่งให้สะอาด... -
บันทึก 7 วันสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพของคุณนกเอี้ยง
บันทึก 7 วันสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพ
ส่วนใหญ่ที่เคยอ่านมามักจะลงเรื่อง "เดือนสุดท้าย" ของหลวงพ่อ บันทึีกโดยหลวงพี่วิรัช แต่บันทึกของคุณนภดล นาควิเชตร์ (คุณนกเอี้ยง)ยังไม่เคยเห็นมีการนำมาลงเอาไว้
ตามที่ทราบมาในหนังสือประวัติหลวงพ่อฉบับที่จะพิมพ์ใหม่จะไม่มีส่วนเดือนสุดท้ายและส่วนผลงานการก่อสร้างวัด จะมีแต่ส่วนประวัติของหลวงพ่อเพียงอย่างเดียว เพราะเหตุนี้บันทึก 7 วันสุดท้ายของคุณนกเอี้ยงคงมีโอกาศน้อยที่จะถูกนำกลับมาพิมพ์ให้อ่านกันอีกครั้งนึง
ลองอ่านกันดูครับ ผมกลับมาอ่านครั้งไหน น้ำตารื้นขึ้นมาได้ทุกครั้งไปครับ
https://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/page-574 -
แชร์เล่าเรื่องหลวงปู่มีชัย กามฉินโธประสบการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ครับ
ท่านใดที่รู้จักและมีประสบการณ์ของหลวงปู่มีชัยผู้ศักดิ์สิทธิ์เชิญท่านมาแชร์ประสบการณ์กันนะครับส่วนของผมโดยย่อนะครับ
1ท่านอธิฐานจิตไม่นอนเลยเป็นเวลา10ๆปี
2ท่านเดินเท้าไม่ติดพื้น(เหาะ)
3ดับไฟป่าด้วยน้ำแก้วเดียว
4ปลุกต้นทุเรียนที่ตายไปแล้วเป็นสิบไร่ให้งอกมาใหม่
5พระประทานที่ท่านสร้างไม่ไหลไปกับสึนามินอกนั้นเรียบเป็นหน้ากลอง
6ท่านคุยกับงูและมีพญางูมานอนเฝ้าท่าน
7ท่านเป็นเจ้าแห่งความร่ำรวยอันนี้จริงๆ
8ท่านคุยกับเทวดาได้และมักทำอะไรแล้วเทวดามาอนุโมธนา
9มีเมตตาสูงสุด
แจ้งท่านผู้อ่านทราบว่าห้ามนำข้อความหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประสบการณ์ของผมไปโดยมิได้
รับอนุญาตจากผมก่อนนะครับ ขอบคุณทุกท่านครับ
และสามารถติดต่อผมได้ที่เบอร์0897999351 ครับ -
อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ภาพงานอุปสมบทหมู่ ๑๐๘ รูป ฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
อานิสงส์การบวชในพุทธศาสนา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
อานิสงส์การบวช ต่อแต่นี้ไป จะนำเอาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธ เจ้า ว่าด้วยเรื่อง อานิสงส์การบรรพชา มาคุยกับบรรดาท่านพุทธบริษัท ความมีว่า
องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ อานิสงส์ อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้ แต่ว่าการอุปสมบมบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า... -
การปรามาสพระที่เกิดจากกิเลสมาร จะแก้ไขอย่างไร? โดย หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
"กราบเรียนหลวงพ่อที่เคารพ ในระยะนี้ไม่ทราบว่า
เป็นเพราะเหตุใด ลูกมีอารมรณ์อยากจะด่าพระบ้าง
ด่าหลวงพ่อบ้าง ปรามาสพระพุทธเจ้าบ้าง ไม่ทราบ
ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหายครับ...?"
เหตุที่จะเกิดได้เพราะการเจริญกรรมฐาน ถ้าการเจริญ
กรรมฐานทำดีขึ้นมาจะข้ามขั้นพอที่มารจะดึงไม่อยู่
อารมณ์นี้จะเกิด เป็นเรื่องของพระยามาราธิราช
เขาเรียก กิเลสมาร น่ะ มันเกิดเข้ามาคร่อมใจห้ามได้ดี
ถ้าดีกว่านี้จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของเขา เรียกว่าจะไม่
ลงนรก คิดจะทำจิตใจให้ฟั่นเฝือไปโกรธนั่น โกรธนี่
เว้นนั่นเว้นนี่เสีย
แต่ว่ามันจะเป็นชั่วคราว บางทีก็สัก 4-5 เดือน และต่อไป
ก็หาย ถ้าอารมณ์ดีขึ้นมาก็ขอขมาโทษพระรัตนตรัย
ขอขมาโทษพระพุทธเจ้า ถ้ามันฟุ้งก็ฟุ้งไป ถ้าเลิกฟุ้ง
รู้สึก ตัวขึ้นมาได้ก็ขอขมาโทษใหม่ อย่างนี้ไม่ช้าก็หายนะ
ไม่เป็นไร
แม้แต่ฉันในช่วงเจริญฌานโลกีย์ มันก็มีเหมือนกันก่อน
จะขึ้นอันดับสูงนะ นี่มันก็มีอาการอย่างนี้เป็นธรรมดา
ที่ท่านบอกว่ากิเลสมารเข้าครอบงำจิต เรายอมแพ้มัน
เราก็ตกต่ำแน่นอน มันอาจจะเผลอ ขอขมาแล้วเผลอ
ก็ว่ากันไป มีสติใหม่ ก็ตั้งใจขอขมาใหม่ ไม่ช้ามันก็เลิก
อย่าง อาจารย์ฉัตร... -
เสียงธรรม วีดิโอประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
เดือนกรกฏาคม ตรงกับวันเกิดและวันมรณะภาพของหลวงพ่อปาน
จึงขอนำประวัติของท่านมานำเสนอ เพื่อน้อมระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่
ที่มีต่อพระพุทธศาสนา, ศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป
ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค บูรพาจารย์หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง - PaLungJit.com -
หลวงพ่อคูณ...เผชิญเหล่าวิญญาณห่วงสมบัติที่ภูควาย
หลวงพ่อคูณ...เผชิญเหล่าวิญญาณห่วงสมบัติที่ภูควาย
ชอบอ่านเรื่องราวเวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านออกธุดงค์ แล้วมีประสบการณ์ที่ลี้ลับมหัศจรรย์ เมื่อท่านเผชิญวิญญาณเร่ร่อน สัมภเวสี และบรรดาโอปปาติกะ ทั้งหลาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ ถ้าพวกที่เป็นสัมมาทิฐิ ก็จะพากันมาฟังเสียงสวดมนต์ มาฟังเทศน์ ฟังธรรม มาคอยใส่บาตร ฯลฯ เพื่อสะสมบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป
ส่วนพวกที่เป็นมิจฉาทิฐิก็จะมาคอยหลอกหลอนหรือทำร้ายพระสงฆ์องค์เจ้า โดยไม่ได้เกรงกลัวบาปกรรม ว่าจะส่งผลตามมาอย่างไร ดังเช่น ที่ครูบาอาจารย์หลายองค์ท่านประสบพบเจออยู่บ่อยๆ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ ท่านก็มีประสบการณ์เมื่อครั้งออกธุดงค์แล้วนำประสบการณ์ที่ได้พบได้เจอ มาเล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังเช่นกัน
ประสบการณ์อันมหัศจรรย์ และลี้ลับ เมื่อครั้งสมัยที่หลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ได้เดินธุดงค์รอนแรมตามลำพังไปตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๒ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ท่านได้สร้างบารมี ด้วยการไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคอีสาน... -
เสียงธรรม “คำอธิบายวิถีกรรมในเชิงวิทยาศาสตร์”
“คำอธิบายวิถีกรรมในเชิงวิทยาศาสตร์”
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา -
เวลาของโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ
พวก เราทุกคนเคยได้รู้มาได้ฟังมาว่า เวลาของสวรรค์ นรก หรือ เวลาของผู้ที่ตายไปนั้นช้ากว่าเวลาของโลกเรามากๆเช่น 1000ปีบนโลกมนุษย์อาจเท่ากับ1วันบนสวรรค์ เป็นต้น
หรือการที่มีคน บอกว่าคนตายกว่าจะรู้ตัวเองว่าตายไปนั้นก็ตั้ง3วัน 7วัน มีบ้างบางคนที่ฟื้นขึ้นมาเขาบอกว่าเวลาที่เขานอนหลับไป7วันนั้นน่ะ เขายังไม่ได้ไปไหนเลยเพียงแค่เห็นหมู่คนมากมายคุยกันยังไม่กี่คำก็ฟึ้นขึ้น มา
และจริงๆแล้วเรื่องเวลาที่แตกต่างกันนี้พระพุทธองค์ก็ได้พูดถึงมากว่า2500 ปีแล้วดังที่เราจะเห็นได้ในพระไตรปิฎก
จริงๆแล้วก็มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่ยอมรับกันในปจุบันที่ไอสไตน์ได้อธิบายไว้
แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจดังนี้ก่อนนะครับว่า
นักวิทยาศาสตร์อาจทำใจยอมรับวิญญาณได้ หากมองว่าวิญญาณเป็น พลังงานอย่างหนึ่ง
และหากเรามองเหมือนนักวิทยาศาตร์ว่าวิญญาณคือ พลังงานอย่างหนึ่ง
ผมจะอธิบายด้วยตัวอย่างง่ายๆนะครับ ซึ่งอัลเบิร์ต ไอสไตน์ พูดถึงเรื่องพลังงานดังนี้ครับ
1.วัตถุ ใดมีขนาดเล็กมากไปถึงขนาดของอะตอม เรียกวัตถุนั้นว่า พลังงาน เช่นถ้าเราสามารถย่อตัวเราให้เล็กลงไปถึงขนาดอะตอม ตัวเราก็จะถูกเป็นพลังงานเช่นกันครับ... -
" หลักในการอธิษฐาน " : หลวงปู่ทวด
หลวงปู่ทวดสอนว่าให้กล่าวคำอุทิศอย่างเจาะจงลงไปเท่าที่เราจะนึกได้ จะเป็นสรรพสัตว์ทั้งหลาย หรือเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ
สุดท้ายให้กล่าวคำอธิษฐานบารมีว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ และขอบารมีแห่งพระคุณรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ และเทพพรหมทุกพระองค์ ได้โปรดปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าสมปรารถนา โดยสะดวกราบรื่น รวดเร็ว ฉับพลันทันที จงทุกประการเทอญ"
นี้เป็นหลักในการอธิษฐานโดยทั่วไป ถ้าจะปรารถนาไปเกิดในยุคพระศรีอารย์ก็สามารถปรารถนาได้ และขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้ฟังธรรมจากท่านด้วย อย่างนี้รับรองว่าเกิดทันแน่ และเกิดในที่ดี ๆ ด้วย อย่างน้อยก้เกิดเป็นมนุษย์ในยุคของท่าน อย่างดีก็เกิดเป็นเทวดาหรือพรหมไปเลย สบายกว่ามนุษย์เยอะ ส่วนการขอบารมีจากองค์หลวงปู่ทวด หรือครูบาอาจารย์เทพพรหมท่านอื่น ๆ ก็แค่สวดมนต์ระลึกถึงท่านท่านก็รับรู้แล้ว เพราะเบื้องบนท่านมี "ทิพยญาณ" ทุกพระองค์ชัดเจนยิ่งกว่าดาวเทียมซะอีก แต่ขอให้ระลึกถึงท่านด้วยความเลื่อมใสอย่างจริงใจ ไม่ใช่เดือดร้อนทีก็นึกถึงที อย่างนี้ไม่ได้เรื่องหรอก... -
‘อภัยภูเบศร’ แนะวิธีใช้ ‘ฟ้าทะลายโจร’ สู้โควิด19 วอนอย่ากักตุน
“อภัยภูเบศร” แนะวิธีใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ต่อสู้โควิด-19 อย่างปลอดภัย หลังความต้องการพุ่ง คนสับสนวิธีใช้ ขอความร่วมมืออย่ากักตุน
26 เมษายน 2564 จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสาม สายพันธุ์อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นจนน่ากังวลว่าจำนวนโรงพยาบาลและเตียง ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ อาจไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วย หลายคนจึงหันมาสนใจเรื่องการดูแลรักษาตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการใช้สมุนไพรพื้นบ้าน “ฟ้าทะลายโจร” ที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถรับประทานเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันสู้โควิดอย่างได้ผล
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งเป็นหน่วยบริการเจ้าแรกที่ออกมาให้ความรู้ประชาชนเรื่อง “ฟ้าทะลายโจร” ได้ให้ความรู้ผ่านทางเพจโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่การแพร่ระบาดในระลอกแรก ขณะเดียวกันยังมีความสับสนเรื่องขนาดการใช้ ข้อจำกัดในการใช้ และข้อควรระวัง ซึ่งทางเพจโรงพยาบาลได้ทำแนวทางการใช้ฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 อย่างไรให้ปลอดภัย
ทางโรงพยาบาลชี้แจงทำความเข้าใจว่า “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัยสูง หากใช้อย่างปลอดภัย... -
ฝึกมโนยิทธิครั้งที่ 3 ไปฝึกที่วัดท่าซุง ที่วิหาร 100 เมตร
ฝึกมโนยิทธิครั้งที่ 3 ฝึกที่วัดท่าซุงในวิการ 100 เมตร
<O</O
การเดินทางที่มีอุปสรรคแต่ไม่ย้อท้อเพราะกำลังศรัทธา<O</O
ออกเดินทางวันเสาร์ตอนตี 3<O</O
การฝึกมโนยิทธิแบบครึ่งกำลังครั้งนี้เป็นการฝึกครั้งที่ 3 สองครั้งแรกไปฝึกที่บ้านสายลม ครั้งที่ 3 เป็นการฝึกที่วัดท่าซุงเลย ตอนที่ผมยกพานครูผมได้อธิฐานต่อหน้าพระพุทธชินราชในวิหาร 100 เมตรว่าถ้าลูกฝึกมโนยิทธินี้ได้สำเร็จลูกจะมาเผยแพร่ความรู้ที่ได้ฝึกมาบอกเล่าเป็นธรรมทานให้ผู้คนทั้งหลายได้อ่านและศึกษากัน การเดินทางของผมในครั้งนี้ผมเช่ารถตู้ไป วัดหลวงพ่อจรัญก่อนที่สิงห์บุรี การไปคราวนี้ผมไปทั้งครอบครัวเลย เช่ารถตู้ไป 2
ที่คือไปวัดอัมพวันก่อน แล้วต่อด้วยวัดท่าซุง ซึ่งตาของผมเป็นเจ้าภาพจัดไปไป 2 คันรถซึ่งเป็นคนในครอบครัวของผมทั้งหมด ซึ่งเสียค่ารถตู้ 5000 บาท วิ่งจากราชบุรีคือบ้านของผม ไปถึงสิงห์บุรีก่อนคือผมตั้งใจจะไปวัดท่าซุงแต่ตาของผมศรัทธาในตัวหลวงพ่อจรัญมากผมก็ศรัทธาเหมือนกัน แต่ผมตอนนั้นอยากไปวัดท่าซุงเป็นที่สุด ไปถึงวัดหลวงพ่อจรัญตอน 8 โมงเช้าพอดี คณะผมมีทั้งหมด 14 คน
ขึ้นไปถวายอาหารพระฉันในตอนเช้า... -
ยามขัดข้อง พระโพธิสัตว์ท่านนึกถึงอะไร ( เทศนาโดยหลวงปู่เหรียญ วัดอรัญบรรพต )
"ยามขัดข้องพระโพธิสัตว์ท่านนึกถึงบุญบารมี"
พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายตามตำราท่านแสดงไว้เวลาท่านไปเกิดอุปสรรคความขัดข้องขึ้นในชีวิตอย่างใดอย่างหนึ่ง ครั้งใดครั้งหนึ่งอย่างนี้ ท่านจะอธิษฐานใจถึงบุญญาบารมีที่ท่านได้สร้างสมอบรมมาเลย ท่านไม่ได้อธิษฐานนึกถึงพระอินทร์ พระพรหม พระยมบาล อะไรต่ออะไรให้มาช่วยเหลือตนน่ะท่านไม่ได้นึกหรอก ท่านนึกถึง “บุญบารมี” นู่น
แล้วบุญบารมีนั้นหากไปเตือนใจพระอินทร์พระพรหมให้มองด้วยทิพยเนตรลงมาเห็นพระองค์ท่านกำลังได้ประสบอุปสรรคความขัดข้องอย่างนั้นๆ นั่นแหละพญาอินทร์ถึงจะลงมาช่วย ให้เข้าใจอย่างนั้น
คนส่วนมากมันไม่เข้าใจอย่างว่านี่นะ พอตนได้ประสบความอุปสรรคขัดข้องภัยพิบัติอะไรมาแล้วไปนึกถึงอินทร์ถึงพรหมนู่นทันทีเลย นึกถึงเทวดา อินทร์ พรหมนู่น นั่นแหละแทนที่จะมานึกถึงบุญกุศลความดีที่ตนได้กระทำมา หรือว่านึกถึงคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ที่ตนได้นับถือเลื่อมใสเคารพกราบไหว้บูชาอยู่เรื่อยมาอย่างนี้....ไม่ ไม่นึกแล้ว
อันนี้ให้พึงพากันรู้ไว้ นึกอย่างนั้นไม่ถูกทางหรอก พญาอินทร์ก็ไม่รู้นะ พญาอินทร์ไม่รู้หรอกนึกเพียงแค่นั้นน่ะ... -
เสียงธรรม “อานุภาพพลังจิต ”
“อานุภาพพลังจิต ”
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา -
ฝึกตัดร่างกายไว้ ตายเมื่อไรไปพระนิพพาน โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ฝึกตัดร่างกายไว้ตายเมื่อไรไปพระนิพพาน
ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ในเมื่อนึกถึงความตายได้ นึกถึงพระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์ได้ ทรงศิลได้ ก็ตั้งอารมณ์
ไว้โดยเฉพาะพระนิพพาน ให้มีความเข้าใจตาม
ความเป็นจริงว่าร่างกายของเรามีสภาพไม่เที่ยง
มันเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สลายตัวไปในที่สุด
ให้ถือว่าร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกาย
เป็นเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว ไม่ช้ามันก็ตาย
ถ้ามันตายเมื่อไร ขึ้นชื่อว่าร่างกายเลวๆ อย่างนี้
เราไม่ต้องการมันอีก เราต้องการนิพพานจุดเดียว
ถ้าคิดอย่างนี้ทุกวันนะ เวลาที่ป่วยหนักใกล้จะตาย
อารมณ์ทั้งหมดที่คิดวันละเล็กวันละน้อย มันจะ
รวมตัวเพื่อนิพพานโดยตรง จะวางเฉยทั้งหมด
การที่จะไปนิพพานได้จริงๆ อารมณ์จิตมันจะ
วางเฉยในทรัพย์สินต่างๆ ทั้งหมด ขณะที่เราป่วย
ไร่นาสาโทบ้านช่องทรัพย์สินต่างๆ มันก็เฉยเมย
ก็ไม่สนใจ จิตมันเฉยมีอารมณ์ทรงเกาะเฉพาะ
พระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ หรือพระธรรม พระสงฆ์
ด้วยก็ได้ตามใจชอบ แต่มันจะไม่สนใจใน
ทรัพย์สิน ไม่สนใจกับร่างกาย ถือว่าร่างกายมัน
จะตายก็เชิญตาย เราจะไปนิพพาน... -
วัดผลการปฏิบัติด้วยสิ่งใด ? หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
.
มีผู้ปฏิบัติหลายคน ปฏิบัติไปนานเข้าชักเขว ไม่ชัดเจน
ว่าตนปฏิบัติไปทำไม หรือปฏิบัติไปเพื่ออะไร
ดังครั้งหนึ่ง เคยมี ลูกศิษย์กราบเรียน ถามหลวงพ่อท่านว่า
" ภาวนามาก็นานพอสมควรแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ได้รู้ได้เห็นสิ่งต่างๆ
มีนิมิตรภายนอก แสงสีต่างๆ เป็นต้น ดังที่ผู้อื่นเขารู้เห็นทางปฏิบัติกันเลย ''
หลวงพ่อท่านย้อนถาม สั้นๆ ว่า
'' ปฏิบัติแล้ว โกรธ โลภ หลง แกลดน้อยลงหรือเปล่าล่ะ
ถ้าลดลง ข้าว่าแกใช้ได้ ''
ที่มา : พิมพ์จากหนังสือพรหมปัญโญอนุสรณ์
หน้า 2 ของ 395